สวัสดีครับ วันนี้พาไปเที่ยวไหนไม่ใกล้ไม่ไกลไปแถวๆ เออีซีดีกว่ากับเมืองที่ว่าเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่เหยียบเข้าโซนประเทศพัฒนาแล้ว แต่ไม่ยอมไปเสียที นั้นก็คือ Singapore ก็เลยถือโอกาสพาไปเที่ยวกันดีกว่าว่าสิงคโปร์มีอะไรหรือไม่มีอะไรอย่างที่ใครๆ เข้าหลงไหลและมองข้ามกันไปหรือเปล่าครับ

แต่ก่อนจะพาไปเที่ยวในสิงคโปร์กัน วันนี้มาเริ่มต้นกันพาไปชมโรงแรมสองแห่งสองสไตล์สองราคากันดีกว่าครับ เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับใครอยากไปเดินเล่นชิลๆ ในสิงคโปร์จะได้ไม่ลำบากหาที่พัก จริงๆ ที่พักในสิงคโปร์มีเยอะมากและมีตั้งแต่พันกว่าบาทไปจนถึงแสนเหมือนบ้านเราล่ะครับ อาจจะแอบแพงกว่านิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วเรตโรงแรมก็พอๆ กับบ้านเราล่ะครับ

โรงแรมครับ The Ritz-Carlton Millenia

The Ritz-Carlton ก็สมกับโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว แต่ราคาต่อคืนไม่ถึงหมื่นบาท ผมพักห้องที่เรียกว่าถูกที่สุดแล้วเพราะเป็น garden view แต่ห้องก็ใหญ่โต เผลอๆ ใหญ่กว่าคอนโดผมอีก ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นสปอนเซอร์ให้ไปพัก เนื่องจากต้องไปสัมมนาครับ นั่นคือสาเหตุที่สองที่ต้องย้ายไป Dorsett อันเป็นโรงแรมที่สองที่จะนำมารีวิวด้วยครับ

ริตซ์คาร์ลตัน อยู่ริมอ่าวมารีน่า (Marina Bay) ย่านที่เรียกว่าแพงที่สุดของสิงคโปร์และอาจเผลอๆ จะแพงที่สุดในเอเชียด้วยซ้ำ เพราะเป็นเหมือนศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของโลก ย่านนี้ไม่เพียงแต่ทันสมัย แต่ยังจำลองบรรยากาศคล้ายๆ the Fifth Ave ของนิวยอร์ก แต่ก็ไม่เหมือนขนาด มันเหมือนสาทรมากกว่า เพราะถ้าจะไปแหล่งช๊อปปิ้งต้องไปแถวถนนออร์ชาร์ดแทน แต่ก็มีห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดอยู่ใต้โรงแรมมารีน่าเบย์แซนด์ โรงแรมรูปเรือที่มีสระว่ายน้ำอยู่บนดาดฟ้า และมีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดด้วยนั้นแหล่ะครับ อันนั้นแพงซู๊ด the Ritz-Carlton ก็ราคาย่อมลงมากว่าที่ Marina Bay Sand ในราคาที่ผมว่ารับได้ (แต่จ่ายไม่ไหว ฮ่า ฮ่า) จุดเด่นคือสถานที่ที่สามารถเทควิวอ่าวมารีน่าได้แบบพาโนราม่า ถ้าจองแบบ bay view ครับ และสามารถเดินไปโรงแรมมารีน่าเบย์ หรือเดินเล่นชิลๆ รอบอ่าวมารีน่าในเวลาไม่กี่นาที จะเข้าเมืองก็ง่าย (เอ่อ มันก็เมืองทั้งเมืองนี่เนอะ) เพราะมีรถไฟใต้ดินอยู่ติดด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นหาดขนาดใหญ่เลยครับ

ในส่วนห้องพักก็มาตรฐานหรูครับ มี Butler ให้บริการเหมือนโรงแรมหรูทั่วไป ของใช้ทุกอย่างก็หรูอยู่แล้วไม่ผิดหวัง ที่สุดๆ ก็คือห้องน้ำขนาดใหญ่ที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง มีเรนชาวเวอร์ที่น้ำแรงเว่อยังกะน้ำตก และอ่างน้ำที่ให้แช่ตัวชมวิวไปด้วย โดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเห็น เสียอย่างเดียวที่ไม่มีทีวีเล็กๆ ในห้องน้ำ ส่วนไวไฟนั้นแรงมากๆ สมกับเป็นประเทศไฮเทคอันดับต้นๆ ของโลกครับ และโดยรอบก็มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่รายล้อม ทั้งห้างมารีน่าเบย์ ห้างมารีน่าสแควร์ ห้างมิลเลเนียวอล์ค เดินออกมาด้านหลังโรงแรมก็มีเซเว่นให้ฝากท้องได้สบายๆ ครับ โดยรวมเรียกว่าไม่มีที่ติเลยโรงแรมนี้ครับ

ไปชมอีกโรงแรมหนึ่งครับ Dorsett Singapore พักสายตาด้วย Light and Sound ที่จัดให้มีทุกเย็นครับ จริงๆ ผมไปมาปีที่แล้ว ถ้าไปปีนึ้อันเป็นปีที่สิงคโปร์ครบรอบ 50 ปีที่ได้เอกราชจากอังกฤษดัวยยิ่งน่าจะยิ่งใหญ่กว่านี้ครับ




ครับจากโรงแรมสุดหรูหลักหมื่น พอหมดวันสัมมนาแล้วอยากเที่ยวต่อจ่ายเองคงไม่ไหว เพราะคราวนี้ไปคนเดียวด้วย อยู่ต่ออีกสองวัน เพราะสัมมนาเลิกดึกทุกวันไม่ได้ท่องเมืองสิงคโปร์กันเลย ก็ต้องหาโรงแรมในระดับที่ถูกกว่าลงมาครับ แล้วก็ไปเจอ Dorsett ในราคาที่สามพันกว่าบาท รับไหวๆ และนั้นแหล่ะเอาไปเปรียบเทียบกับ the Ritz คงไม่ได้ครับ แล้วตัวโรงแรมเองก็ไม่ได้วางเป้าหมายลูกค้าไว้แบบนั้นด้วย Dorsett เป็นโรงแรมเชนอินเตอร์ในเอเชียเหมือนกัน ผมเคยไปพักที่ฮ่องกง และรู้สึกเหมือนว่าจะมีเชนที่มาเก๊า กวางเจา และเซิ่นเจิ้นด้วย สำหรับตัว Dorsett นั้นเขาวางตัวเองไว้เป็นแบบ Boutique Hotel ครับ ซึ่งข้อดีคือที่นี่้เราจะเจอวัยรุ่นแต่งตัวน่ารักๆ เยอะๆ หน่อย เหมือนเทียบกับที่แต่งตัวแบบเซเลบที่ Ritz Carlton และที่นี่นักท่องเที่ยวสาวๆ เกาหลี หน้าตาน่ารักเพียบเลยครับ

ในแง่บริการเทียบไม่ได้ครับ เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยว พนักงานก็ให้บริการเราในระดับหนึ่ง อาจจะเป็นมาตรฐานของดอร์เซทด้วยซ้ำ คะแนนการให้บริการกลางๆ ครับ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก แต่เช็คอินเร็วใช้ได้ก็โอเค ห้องพักเล็กแต่ก็ไม่อึดอีดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ ยังไหว เพราะมีตู้ให้ใส่ใหญ่อยู่ เอาน่า อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าที่ญี่ปุ่นเยอะในราคาเดียวกัน สไตล์การตกแต่งแบบบูติคโฮเต็ลครับ ดูเก๋ไก๋ดี ห้องน้ำเป็นแบบ accessible bathroom คือติดกับห้องนอนเลยแบบคอนโดสไตล์สตูดิโอนั้นล่ะครับ ไม่มีอ่างอาบน้ำแต่มีเรนชาวเวอร์ให้ ซึ่งใครชอบอาบน้ำ โดยเฉพาะที่สิงคโปร์ร้อนมาก (ใครว่าเมืองไทยร้อนกว่าฟระ) น้ำไม่ค่อยแรงเท่าไรครับ ต้องเปลี่ยนมาเป็น hand shower ถึงจะพออาบได้สดชื่นหน่อย ไวไฟแรงดีมาตรฐานครับ และจุดเด่นของโรงแรมในเครือ Dorsett คือให้ handy phone ฟรีสำหรับใช้โทรและท่องเน็ตในสิงคโปร์ครับ ซึ่งตัว handy phone กลายเป็น pocket wifi อย่างดีไม่ต้องเสียค่าต่อเน็ต โรมมิ่ง หรือไปซื้อซิมเพิ่มเลยครับ ดังนั้นใครไปเที่ยวสิงคโปร์ลองเช็คกับโรงแรมดูก่อนนะครับ หลายโรงแรมในสิงคโปร์มีบริการนี้เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเสียตังค์เช่า pocket wifi ไป

และจุดเด่นที่สุดของ Dorsett คือทำเลครับ แม้ไม่อยูในย่านธุรกิจแต่ก็อยู่ในย่านท่องเที่ยว โดยเฉพาะมีเมโทรอยู่ใต้โรงแรมเลยล่ะครับ ออกจากเมโทรมาเลี้ยวซ้ายมือก็ถึงโรงแรมแล้ว (เลี้ยวขวาจะเป็นส่วนของคอนโดอย่าเข้าผิดเชียว) หรือไม่ก็ขึ้นลิฟท์ของเมโทรก็ได้กดชั้นที่เขียนไว้เลยว่า Dorsett จะมาโผล่ตรงหน้าโรงแรมเลยไม่มีหลง นอกจากนี้ตัวโรงแรมอยู่ติดกับ China Town ที่แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของสิงคโปร์ก็อยู่แถบนี้หมด สามารถนั่งเมโทรไปไม่กี่สถานี หรือถ้าขยันเดินๆ หน่อย ไม่ถึงครึ่งชม. ก็ไปได้ถึง Little India เลยครับ โดยเฉพาะใครอยากไปนมัสการวัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple นี้เดินไปจากโรงแรม 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ และตอนเช้าๆ ออกจากโรงแรมเดินไปตรง China Town มีทั้งร้านบั๊กกุเต๋ ร้านสังขยา เรียงรายเพียบ หรือตอนกลางคืนก็มีของกินเพียบเหมือนกันครับ แต่ถ้าอยากจะไปช๊อปปิ้งแถวออร์ชาร์ดผมว่านั้งเมโทรไปดีกว่า หรือถ้าอยากไปเที่ยวเกาะเซนโตซ่าและสวนสนุกยูนิเวอร์ซัล ก็นั่งเมโทรไปแค่สถานีเดียวเองครับ สะดวกมากครับ

และเช่นเคยขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวนะครับ คราวหน้าจะพาไปเดินเล่นในสิงคโปร์กันครับ

www.facebook.com/theTravelBagStory

TravelTherapy

 วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.21 น.

ความคิดเห็น