ดีจ้า วันนี้ “ ม ะ ห มี ” จะมาพาเพื่อนๆไปเที่ยวอยุธยา แบบสบายกระเป๋า กัลลลลแหละ คร้าบบบบ รับรอง ...ว่า

อิ่ ม บุ ญ
อิ่ ม ใ จ
ไ ด้ ข อ ง ฝ า ก


และ ประหยัด ... ด้วยงบ 400 บาท แบบเหลือๆ



การเดินทาง . . .


เป็นที่รู้กันดีว่า อยุธยา นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง มรดกโลก ด้วย และที่สำคัญใกล้ กรุงเทพฯ มากกกก จะขับรถไปเอง ก็ทำได้ไม่ลำบาก ... แต่กระนั้นเอง โจทย์เราครั้งนี้ มีอยู่ว่า ถ้ามีตัง 300 บาท จะเที่ยวอยุธยา ได้สนุกไหม ? ทีนี้เรามาดูข้อมูลการเดินทางแบบประหยัดๆ บ้างกันเถอะ




ถ้าพูดถึงการเดินทางอย่างประหยัดแล้ว เราก็ต้องนึกถึง ! รถไฟ และตารางรถไฟที่ เหมาะกับการไปเที่ยวอยุธยา ที่สุด ผมก็เลือกมาให้ดูกัน ...


เที่ยวไป (ดอนเมือง – อยุธยา)

ขบวน 111 รถเร็ว ออก 7:49 ถึง 8:37 ค่าโดยสาร 31 บาท
ขบวน 201 รถธรรมดา ออก 10:30 ถึง 11:27 ค่าโดยสาร ฟรี


เที่ยวกลับ (อยุธยา - ดอนเมือง)

ขบวน 210 รถธรรมดา ออก 18:48 ถึง 19:48 ค่าโดยสาร ฟรี
ขบวน 146 รถเร็ว ออก 19:25 ถึง 20:16 ค่าโดยสาร 31 บาท


ครั้งนี้เพื่อให้เราเที่ยวได้จุใจสุดๆ ก็ต้องเลือกขาไปขบวน 111 และกลับขบวน 146 ค่าโดยสารรวมก็ 62 บาท หล่ะนะ


เมื่อเรามาถึง สถานีรถไฟแล้ว เดินออกมาหน่อยก็จะมีร้าน Nongnine Bike ที่คอยให้เช่าจักรยานอยู่ สนนราคา จักรยานแม่บ้านก็ 60 บาท เสือภูเขาก็ 100 บาท ... เพื่อความประหยัดก็ต้อง จักรยานแม่บ้านซิคร้าบบบบ


มาถึงตรงนี้ เรียกได้ว่าเตรียมพร้อมลุย! อยุธยากันแบบยาวๆๆ ได้แล้วหล่ะครับ ... คำเตือน ! เส้นทางสายนี้มีไว้ให้คนถึกเท่านั้น! เพราะสิ่งที่จะต้องเจาต่อไปนี้ก็คือ .... การปั่นจักรยานกันน่องโป่งเลยแหละครับ เพราะเราต้องปั่นกันทั้งวันร่วม 40 กิโลเมตร เห็นจะได้ ! และมีโอกาสสูงมากที่จะเจอสภาพอากาศที่ร้อนนนนน ระอุ อีก เตรียมครีมกันแดดดีๆ มากันด้วยน้า เดี๋ยวจะดำ แถมสุขภาพผิวจะเสียเอานะคร้าบ ด้วยรักและห่วงใยมากมายยยย




ปะ ออกเดินทางกันเลย !



วัดใหญ่ชัยมงคล

เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ภายในได้มีการค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544



วัดพนัญเชิงวรวิหาร

เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง[ต้องการอ้างอิง] และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี



วัดมหาธาตุ

วัดมหาธาตุเป็นวัดที่เก่าแก่และมีประวัติที่ไม่แน่ชัด บางบอกปี พ.ศ. 1917 บางบอกปี พ.ศ. 1927 อย่างไรก็ตาม ได้ใช้เวลาก่อสร้างไปเป็นจำนวนมาก

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์เคยพังลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ปรางค์ของวัดเดิมสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดังเดิมในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา แต่ก็ได้พังทลายลงมาอีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำกำลังทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ด้วยไม้สักและได้สถาปนาให้เป็นพระปรางค์ประจำชาติ และพระปรางค์วัดมหาธาตุก็ยังคงอยู่ที่นั้นตลอด



วังช้างอยุธยา

ที่นี่มีการแสดงโชว์ให้ชมฟรีด้วยครับ โดยรอบแรกจะเริ่มประมาณ 10:30 และรอบสุดท้ายประมาณ 14:30 ของทุกวัน ถ้าคนเยอะมากๆ รอบก็จะมีให้ชมถี่ขึ้น ด้วย

ส่วนการนั่งช้างนั้น จะมีสองแบบคือ
1 รอบสั้น 10 นาที คนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท และเด็ก 50 บาท
2 รอบยาว 20 นาที คนไทย 200 บาท ชาวต่างชาติ 400 บาท และเด็ก 100 บาท


มีบริการถ่ายรูปคู่กับช้างด้วย 40 บาท



วัดพระศรีสรรเพชญ์


เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงสร้างพระราชมณเฑียรขึ้นใหม่ทางตอนเหนือ แล้วจึงโปรดฯให้ยกเป็นเขตพุทธาวาส เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงเป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างกับวัดมหาธาตุสุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ สุโขทัย,วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างวัดเดียวกันนั่นคือ "สร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง"



และที่สำคัญ ใกล้ๆนั้นเอง ยังมี วิหารพระมงคลบพิตร ที่กำลังบูรณะ อยู่ด้วย ซึ่งถ้าแล้วเสร็จ ที่นี่ จะเป็นอีกจุดหมายนึงที่น่าสนใจมากๆ




วัดแม่นางปลื้ม

ตำนานการสร้างวัดมีหลายความเชื่อ บ้างก็ว่าวัดนี้มีมาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา บ้างก็ว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีตำนานเล่าว่า ที่ดินตรงนี้เคยเป็นเรือนของแม่ปลื้ม แม่ปลื้มอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีลูกหลาน วันหนึ่งพระนเรศวรพายเรือมาแต่พระองค์เดียวแล้วเจอพายุฝนซัดกระหน่ำ เมื่อทอดพระเนตรเห็นเรือนหลังนี้ยังสว่างด้วยแสงไฟตะเกียงจึงเสด็จขึ้นท่า ขอเสวยน้ำจันทน์และพักค้างแรม แม้แม่ปลื้มจะไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของชายผู้นี้ ก็ยังต้อนรับขับสู้อย่างดี อีกทั้งยังกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี พระนเรศวรทรงพอพระทัยมาก พอรุ่งสางก็เสด็จกลับพระราชวังหลวง จากนั้นไม่นานก็จัดขบวนมารับแม่นางปลื้มไปเลี้ยงอาหารในวัง เพื่อตอบแทนความเมตตาและหัวใจอันภักดี เมื่อแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด็จพระนเรศวรก็จัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ พร้อมสร้างวัดพระราชทาน ชื่อว่า วัดแม่นางปลื้ม



วัดหน้าพระเมรุ

มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในสมัยใด พิจารณาได้ว่า น่าจะเป็นวัดสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง ในต้นสมัยอยุธยา เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก เพราะพม่าได้ไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่วัดนี้ พระอุโบสถเป็นแบบอยุธยาซึ่งมีเสาอยู่ภายใน แต่น่าจะมาเพิ่มเสารับชายคาที่หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ที่สุดที่ปรากฏและมีความงดงามมาก ด้านหลังพระอุโบสถยังมีอีกองค์หนึ่งแต่เล็กกว่า คือ พระศรีอริยเมตไตรย์


สุดยอด พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1500 ปี


วัดเชิงท่า

หรือ วัดตีนท่า หรือ วัดติณ หรือ วัดคลัง หรือ วัดโกษาวาสน์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือ พระเจ้าอู่ทอง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง วัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของ แม่น้ำลพบุรี ใกล้กับ คูไม้ร้อง ซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ในสมัย กรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัด คือ ป้อมท้ายสนม และ ปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมือง มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำหน้า วัดเชิงท่า


เป็นวัดที่มีภาพจิตกรรมฝาผนั้งที่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ด้วย




วัดพระงาม (ประตูกาลเวลา)

"ประตูแห่งกาลเวลา" วัดพระงาม จ.พระนครศรีอยุธยา โบราณสถานเก่าแก่ ที่ วัดพระงาม ซุ้มประตูด้านหน้า มีรากไม้ปกคลุมดูขลึมขลัง เหมือนได้ย้อนเวลาไปสู่อดีตกาล นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน เป็นวัดร้างที่ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ด้านทิศเหนือบริเวณทุ่งขวัญ



วัดไชยวัฒนาราม

วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173 โดยเดิมบริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระราชมารดาที่ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เมื่อพระองค์ได้เสวยราชสมบัติ พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์ และอีกประการหนึ่งวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด



" A y u t t h a y a E x p e r i e n c e "
วั น เ ดี ย ว เ ที่ ย ว 9 วั ด
วั ง ช้ า ง อ ยุ ธ ย า
ตบท้ายด้วย " ถ น น ค น เ ดิ น "
ไปด้วยกันทั้งหมดนี้ ... ใน
5 น า ที 44 วิ น า ที . . .



สรุปค่าใช้จ่าย
เดินทาง ไป – กลับ โดยรถไฟ 62 บาท

จักรยาน 40 บาท

ดอกไม้ ธูป เที่ยน 5 วัด 100 บาท

ค่าธรรมเนียมเข้าโบราณสถาน 30 บาท

อาหารกลางวัน + น้ำดื่ม 62 บาท

น้ำอัดลมให้ชีวิตสดชื่น 15 บาท

ของฝาก โรตีสายไหม 35 บาท

รวม 368 บาท



*ข้อมูลต่างๆ ของวัด นำมาจาก วิกิพีเดีย






เพื่อนๆ สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ ...
Page ลุยเดี่ยวเที่ยวไทย https://www.facebook.com/MheePaTheiyw

FB https://www.facebook.com/ThanaphongA



ความคิดเห็น