สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองอิวากิ (Iwaki) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ประเทศญี่ปุ่นกัน โดยเมืองอิวากินั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ เป็นเมืองที่มีสภาพอากาศปานกลางและมีพื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับตลาดค้าปลาและอาหารทะเลสดๆ และนอกจากนี้ในช่วงปี ค.ศ.1870-1960 เมืองอิวากิแห่งนี้ยังเป็นเมืองสำคัญในการทำเหมืองแร่ถ่านหินของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย และก็เลยทำให้เมืองแห่งนี้มีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายที่ หลายรูปแบบเลยครับ

สำหรับการเดินทางจากโตเกียวมายังเมืองอิวากินั้นหากเราเดินทางด้วยรถไฟแบบ Limited Express จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ซึ่งการเดินทางด้วยวิธีนี้ถือเป็นวิธีการเดินทางที่เร็วที่สุดแล้วครับ ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอิวากิตามความคิดของผมนั้น ผมคิดว่า 3 สถานที่นี้ดูน่าสนใจและเหมาะกับนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปที่สุดแล้วครับ

  1. Aquamarine Fukushima พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่สวย ดี และใหญ่มากๆ
  2. ตลาดปลา Lalamew แหล่งขายอาหารสดๆ จากทะเล รวมทั้งมีร้านอาหารๆ ที่น่าทานอยู่มากมายนับสิบร้าน
  3. Spa Resort Hawaiians สวนน้ำในร่มขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องเล่นและสไลเดอร์สนุกๆ ให้เราเล่นกันเพลินเพลินตลอดทั้งวัน แถมยังมีโรงแรมไว้คอยบริการสำหรับแขกที่ไม่อยากเดินทางไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยครับ

สำหรับโปรแกรมการเที่ยวทั้ง 3 ที่นี้ ผมคิดว่าเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือประมาณ 1 วันครึ่งครับ หรือถ้าใครจะเบียดๆ ให้ลงใน 1 วันก็พอไหว แต่ถ้าใครไม่อยากจะเบียดเวลาแต่ละที่และมีเวลาเที่ยวเพียงแค่วันเดียวจริงๆ ผมแนะนำให้ตัดตลาดปลา Lalamew ออกครับ เพราะที่ญี่ปุ่นยังมีตลาดปลาที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง แต่ว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquamarine Fukushima กับ Spa Resort Hawaiians นั้นไม่ควรตัดออก เพราะถือว่าเป็นอะไรที่ไฮไลท์และพิเศษจริงๆ


และเพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป ในบทความนี้ผมเลยจะขอเล่าแค่ Aquamarine Fukushima และตลาดปลา Lalamew ก่อนนะครับ เพราะ 2 สถานที่นี้อยู่ใกล้ๆ กัน สามารถเดินไปถึงกันได้ภายในระยะเวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

ในเรื่องของการเดินทางไปยัง Aquamarine Fukushima และตลาดปลา Lalamew นั้น จะเหมือนกันเลยก็คือเราต้องนั่งรถบัสไปลงป้ายที่ชื่อว่า Shisho Iriguchi โดยหากเรานั่งรถบัสไปจากสถานีอิวากิจะราคา 650 เยน/คน แต่ถ้าหากเรานั่งรถบัสจากสถานีอิซูมิ ไปจะราคา 330 เยน/คน ซึ่งใครที่มีบัตร JR Pass ที่สามารถนั่งรถไฟได้แบบ unlimited อยู่แล้ว ผมแนะนำให้ไปนั่งรถบัสที่สถานีอิซูมิจะดีกว่าครับ เพราะจะสามารถประหยัดเงินไปได้ 320 เยน/คน เลย โดยรอบของรถบัสในแต่ละวันก็ตามนี้เลยครับ

หมายเหตุ : สามารถเช็คเวลารถบัสแบบ update ได้ที่เวบนี้ครับ http://www.lalamew.jp/en/about/access/

สำหรับวิธีการขึ้นรถบัสของเมืองนี้ก็ง่ายๆ ครับ เราก็แค่ขึ้นรถตรงประตูกลาง รับ ticket ที่ตู้เล็กๆ ด้านขวามือที่อยู่บริเวณบันได จากนั้นก็นั่งไปเรื่อยๆ จนถึงป้ายที่เราต้องการจะลง กดกริ่ง และนำ ticket พร้อมเงินไปหย่อนที่ตู้รับเงินข้างๆ คนขับแล้วก็เดินลงรถที่ประตูหน้าครับ

เมื่อเราลงจากรถก็ให้เราเปิด Google map แล้วก็เดินต่อไปตามทางที่มันบอกเลยครับ ใครจะไป Aquamarine Fukushima ก่อนหรือจะไปตลาดปลา Lalamew ก่อนก็เลือกเอาตามใจชอบเลย ส่วนผมนั้นเลือกไปที่ Aquamarine Fukushima ก่อนครับ

พอเราเดินมาถึงหน้าทางเข้าของ Aquamarine Fukushima ก็ให้เราตรงดิ่งเข้าไปในอาคารเพื่อซื้อตั๋วได้เลย โดยราคาตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะอยู่ที่ 1,800 เยน/คน ส่วนเวลาเปิดปิดก็คือ 9.00 -17.30 น. โดยเค้าจะหยุดการขายตั๋วก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมงนะครับ

อ้อ ตอนที่ผมไปนั้น บังเอิญมีมาสคอตของที่นี่ออกมาเดินต้อนรับแขกอยู่พอดี พวกผมก็เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักหน่อย ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็อยากบอกเค้าเหลือเกินว่ามาสคอตเค้าเนี่ยเป็นมาสคอตที่แปลกและแอบน่ากลัวสำหรับเด็กไปหน่อยนะครับ เด็กๆ หลายๆ คนไม่กล้าเข้าใกล้และถึงขั้นเห็นแล้วร้องไห้เลยก็มี ><


ส่วนนี่เป็นตารางโชว์การให้อาหารสัตว์ของวันที่ผมไปนะครับ ใครสนใจอยากจะดูอะไรก็จำเวลาไว้ดีๆ นะครับ

เอาล่ะ ทีนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าภายใน Aquamarine Fukushima นั้นจะมีอะไรบ้าง โดยผมจะแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ ตามนี้แล้วกันนะครับ

  1. ส่วนจัดแสดงปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กๆ
  2. ส่วนจัดแสดงสัตว์ประเภทอื่นๆ เช่น สิงโตทะเล, นาก, Fennec Fox และนกพัฟฟิน
  3. สถานที่จัดกิจกรรม Workshop และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆ
  4. Outdoor Activities Place สำหรับการเล่นน้ำทะเล, ทราย และตกปลา
  5. จุดชมวิว
  6. ร้านขายของที่ระลึก
  7. บริเวณรับประทานอาหาร

โดยการแบ่งแบบนี้จะเป็นการแบ่งของผมเองนะครับ เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนเห็นภาพเข้าใจง่ายๆ ว่าภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลยครับ

เริ่มจากส่วนแรกกันเลยนั่นก็คือ ส่วนจัดแสดงปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กๆ ส่วนนี้จะมีการจัดกระจายอยู่หลายจุดมากๆ ทั้งแบบ indoor และก็ outdoor มีปลาและสัตว์น้ำ สวยๆ แปลกๆ มากมาย บางอย่างก็เป็นตัวจริง บางอย่างที่แปลกมากๆ หรือสูญพันธุ์ไปแล้วก็จะเป็นการสต๊าฟนะครับ

สำหรับสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในส่วนนี้ก็คือส่วนจัดแสดงปลาซาร์ดีนครับ โดยเค้าจะทำเป็นแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่จำลองลักษณะของกระแสน้ำในท้องทะเล และมีฝูงปลาซาร์ดีนนับล้านตัวแหวกว่ายรวมกันเป็นฝูง มันเป็นภาพที่สวยงามและน่าทึ่งมากๆ เลย

สำหรับส่วนที่ 2 ก็คือส่วนจัดแสดงสัตว์ประเภทอื่นๆ โดยสัตว์ที่ผมเห็นและจัดให้อยู่ในส่วนนี้ก็ได้แก่ สิงโตทะเล, นาก, Fennec Fox และนกพัฟฟิน ซึ่งวันที่ผมไปนั้นผมโชคดีมากที่ไปทันรอบการให้อาหารของสิงโตทะเลและนากพอดี ส่วน Fennec Fox นั้นผมไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ แต่ถ้าใครอยากจะดูเค้าจะอยู่บริเวณใกล้ๆ กับประตูทางออกเลย เป็นอาคารหลังเล็กๆ แยกออกมาต่างหากครับ

อ้อ สำหรับอาคารจัดแสดงนากนั้นก็จะเป็นอาคารเล็กๆ ที่แยกออกมาต่างหากเหมือนกันนะครับ โดยอาคารแห่งนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าเลย เรียกว่าพอเราเดินผ่านที่เก็บตั๋วมาไม่นานก็จะมองเห็นเลยครับ

ต่อกันที่ส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรม Workshop และแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆ กันดีกว่า โดยส่วนนี้จะอยู่บริเวณกลางๆ ของอาคารหลักเลย เรียกว่าถ้ามาถึงตรงนี้เราก็มาได้ประมาณครึ่งทางแล้ว โดยจากที่ผมสังเกตดูก็จะเห็นว่ามีผู้ปกครองพาเด็กๆ มาร่วมกิจกรรมมากมายเลยครับ

ส่วนที่ 4 จะเป็น Outdoor Activities Place ครับ ส่วนนี้จะเป็นบริเวณที่ทาง Aquamarine Fukushima จัดทำขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายๆ กับทะเลและหาดทรายขนาดเล็ก เพื่อให้เด็กๆ และครอบครัวได้มาเล่นน้ำทะเล เล่นทราย และตกปลากัน โดยบริเวณใกล้ๆ นั้นจะมีห้องให้เปลี่ยนชุดอยู่ สำหรับการเล่นน้ำทะเลและทรายนั้นเราสามารถเล่นได้ฟรีเลย แต่ถ้าหากต้องการจะตกปลาก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ

ต่อกันที่ส่วนที่ 5 จุดชมวิว ซึ่งจริงๆ แล้วภายใน Aquamarine Fukushima นั้น มีจุดที่สามารถชมวิวสวยๆ ได้หลายจุดเลย แต่จุดที่ดีที่สุดนั่นก็คือชั้นบนสุดของอาคารสูงๆ ในรูปข้างล่างนี้ครับ

และถ้าดูภาพเสร็จแล้วอย่าพึ่งตกใจนะครับว่าเราต้องเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนหรือเปล่า เพราะผมจะบอกว่าเค้ามีลิฟท์บริการอยู่ ขึ้นแป๊บเดียวก็ถึง สะดวกสบายสุดๆ แต่ส่วนที่ผมว่าต้องกังวลมากกว่าก็คือเรื่องของความร้อน T_T เพราะลักษณะอาคารนั้นเป็นกระจกใสแถมยังอยู่สูงโดดเด่นกว่าเพื่อนแบบนี้ บอกเลยว่าแอร์กี่ตัวก็ไม่พอ ใครที่สามารถอยู่ได้เกิน 30 นาทีนี่ผมว่าเก่งมากๆ เลยครับ

การดูวิว ณ จุดนี้เราสามารถดูได้กว้างเกือบจะครบ 360 องศาเลย และสามารถดูได้ทั้งตาเปล่าหรือจะเสียเงินเพื่อดูผ่านกล้องส่องทางไกลก็ได้ครับ โดยผมได้ลองถ่ายภาพมาให้ดูหลายๆ มุม อย่างภาพที่เห็นชายหาดและสระน้ำเล็กๆ นั่นก็คือพื้นที่ Outdoor Activities ที่ผมพึ่งพาไปดูมาในส่วนที่ผ่านมานั่นเอง


และทีนี้เราก็มาถึง 2 ส่วนสุดท้ายของ Aquamarine Fukushima กันแล้วนั่นก็คือร้านขายของที่ระลึกกับบริเวณรับประทานอาหาร โดยร้านขายของที่ระลึกนั้นก็ไม่มีอะไรมากครับเพราะมีแค่จุดเดียวเลย แต่บริเวณรับประทานอาหารนั้นจะมีอยู่ 2-3 จุดด้วยกัน และลักษณะอาหารก็แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนๆ กันก็คือภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ครับ แต่บางที่ก็ดีหน่อยที่มีรูปภาพด้วย ส่วนที่ไหนไม่มีเราก็ต้องใช้ Google translate ช่วยเอาล่ะครับ

เอาล่ะ ตอนนี้เราก็เที่ยวชม Aquamarine Fukushima กันไปจบเรียบร้อยแล้ว โดยเวลาที่ผมคิดว่าเหมาะสมสำหรับการมาเที่ยวที่นี่แบบไม่เร่งรีบมากนักก็คือประมาณ 3 ชั่วโมงครับ แต่ถ้าใครที่ชื่นชอบพิพิธภัณฑ์แนวนี้มากๆ ก็คงต้องเผื่อเวลาไว้มากกว่านี้อีกหน่อย โดยข้อดีของที่นี่ก็คือเราสามารถที่จะออกไปทำธุระข้างนอกแล้วกลับมาอีกครั้งภายในวันนั้นได้ โดยเค้าจะมีวิธีเขียนบอกไว้ที่ประตูทางออกครับ เช่น เกิดเราเดินเล่นแล้วหิวๆ ก็สามารถออกไปหาอะไรกินที่ตลาดปลา Lalamew แล้วเดินกลับมาเข้าใหม่อีกรอบแบบนี้ก็ได้

และก่อนที่เราจะออกเดินไปที่ตลาดปลา Lalamew กัน ผมขอทิ้งท้ายภาพบางส่วนของ Aquamarine Fukushima ให้ดูอีกหน่อยนะครับ จะได้เห็นภาพต่างๆ ครบทุกมุมกัน

เก็บภาพบรรยากาศภายใน Aquamarine Fukushima กันเสร็จแล้ว ทีนี้เราก็ไปตลาดปลา Lalamew กันดีกว่า โดยวิธีการเดินทางนั้นก็ง่ายๆ ครับ นั่นก็คือการเดิน โดยจะใช้เวลาในการเดินประมาณ 10 นาที สำหรับใครที่ไม่ชัวร์เรื่องเส้นทางก็เปิด Google Map ดูก็ได้ แต่รับรองว่าเดินไม่ยาก เพราะว่ามันสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเลยครับ

สำหรับตลาดปลา Lalamew นั้นจะมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ชั้น 1 จะประกอบไปด้วยตลาดที่ขายอาหารทะเลสดๆ, Supermarket ที่ขายขนมและของกินทั่วๆ ไป, ร้านอาหาร, Information Center แล้วก็จุดขึ้นเรือ sightseeing โดยส่วนที่เป็นตลาดที่ขายอาหารทะเลนั้นผมว่าความใหญ่อยู่ในระดับกลางๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อของไปทำกับข้าวก็น่าจะใช้เวลาเดินสำรวจซัก 15 นาทีก็ครบครับ

ในส่วนของ Information Center นั้นหน้าตาจะเป็นแบบนี้นะครับ เข้าไปในอาคารแล้วจะเห็นชัดเจนเลย โดยเราสามารถเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องจุดขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปยังสถานีอิวากิและสถานีอิซุมิ รวมถึงเวลาที่รถบัสจะผ่านได้เลยครับ

หมายเหตุ : จุดขึ้นรถบัสนั้นจะต้องเดินจากตลาดปลา Lalamew ไปประมาณ 10 นาทีนะครับ โดยสามารถดูเส้นทางได้จากแผนที่เลย ส่วนตารางเวลารถบัสนั้น ตารางฝั่งซ้ายมือจะเป็นเวลารถบัสสำหรับกลับสถานีอิซุมิ (Izumi) ส่วนตารางฝั่งขวามือจะเป็นเวลารถบัสสำหรับกลับสถานีอิวากิ (Iwaki) โดยฝั่งซ้ายของตารางของแต่ละสถานีจะเป็นเวลารถบัสในวันธรรมดา ส่วนฝั่งขวาของตารางจะเป็นเวลาสำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดครับ โดยตัวเลขไหนที่มีเครื่องหมาย 土 อยู่ข้างหน้า แสดงว่าเวลานั้นจะมีรถบัสวิ่งเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น

ส่วนนี่จะเป็นจุดขึ้นเรือ day cruise sightseeing เพื่อชมทะเลอิวากิ ใครที่สนใจก็ลองแวะเข้าไปดูนะครับ เวลาที่เค้าเปิดบริการก็คือ 10.00 น. – 15.00 น. โดยเรือจะออกทุกๆ ชั่วโมงครับ

และ ณ จุดใกล้ๆ กับที่ขึ้นเรือ sightseeing นี้ เราจะสามารถมองเห็น Aquamarine Fukushima ได้ด้วยนะครับ

ส่วนนี่เป็นบริเวณ Game Center ที่อยู่ชั้น 2 ของตลาดปลา Lalamew ใครที่ชอบแนวนี้ก็ลองแวะมาเล่นดูกันได้ หลายๆ อันดูแล้วก็น่าสนุกเหมือนกัน

เอาล่ะ ทีนี้เราไปดูเรื่องร้านอาหารกันดีกว่า ภายในตลาดปลา Lalamew นั้นจะมีร้านอาหารอยู่เยอะมาก ซึ่งแต่ละร้านก็ดูน่ากินมากๆ เลย ที่สำคัญเมนูเด่นของแต่ละร้านก็จะเป็นอาหารทะเลสดๆ นี่แหละครับ และด้วยความน่ากินไปหมดก็เลยทำให้ผมกับต๋งต้องเดินวนไปมากว่า 20 นาที เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกเข้าร้านไหนดี @_@

หลังจากที่เราวนไปวนมาและเลือกกันอยู่นาน ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเข้าร้านที่ชื่อว่า Fukusume ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 1 ใกล้ๆ กับ Information Center เพราะร้านนี้มีขนาดใหญ่ แถมมีรูปอาหารให้ดูด้วย น่าจะเป็นอะไรที่เราสามารถสั่งได้ง่ายๆ และไม่ผิดรายการ

สำหรับเมนูที่เราทั้งคู่สั่งมาลองก็คือข้าวหน้าปลาแซลมอนราคา 1,800 เยน แล้วก็ชุดซูชิ ราคา 2,200 เยน โดยทั้งคู่มาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงและซุปขาปู หน้าตาดูอร่อยน่าทานมากๆ ครับ

มาว่ากันในเรื่องรสชาติกันดีกว่า ต้องบอกว่าคุณภาพความสดของทั้ง 2 รายการนั้นอยู่ในขั้นที่ดีมากเลย โดยเฉพาะไข่หอยเม่นเป็นอะไรที่อร่อยมาก อร่อยกว่าที่ไทยหลายเท่า รวมไปถึงเมนูอย่างกุ้งหวาน และไข่ปลาแซลมอนก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน ส่วนเมนูอย่างแซลมอน, กุ้ง, ไข่หวานนั้น ผมว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ไม่ได้ว้าวมากมายนัก ร้านดังๆ ในไทยหรือร้านอื่นๆ ในญี่ปุ่นก็สามารถสู้ไหว แต่เอาเป็นว่าถ้าเราได้มีโอกาสมาที่ตลาดปลา Lalamew แห่งนี้ก็ควรจะเข้าไปทดลองชิมอาหารซักร้านครับ อาจจะไม่ต้องเป็นร้านที่ผมเลือกก็ได้เพราะดูๆ แล้วแต่ละร้านก็น่ากินไม่แพ้กันครับ


และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว หากใครยังรู้สึกไม่อิ่มหรืออยากหาของหวานๆ รับประทานก็ลองเดินเข้าไปดูใน Supermarket ได้นะครับ ผมกับต๋งเองก็ได้น้ำพีช 2 แบบ 2 สไตล์มาลอง รสชาติดีแถมราคาไม่แพงด้วย

หมายเหตุ : สำหรับเวลาเปิดปิดของตลาดปลา Lalamew คือ 9.00 น. – 18.00 น. โดยเราสามารถเข้าไปดูข้อมูลเวลาเปิดปิดแบบอัพเดทได้ที่ http://www.lalamew.jp/en/about/access/

เอาล่ะครับ ตอนนี้ผมก็พาทุกคนเที่ยว Aquamarine Fukushima และก็ตลาดปลา Lalamew จนครบทะลุปรุโปร่งแล้ว เดี๋ยวคราวหน้าผมจะพาทุกคนไปเที่ยว Resort Spa Hawaiians กันต่อ แต่ในระหว่างที่รอบทความใหม่นี้ก็ลองไปดูภาพบรรยากาศการเที่ยวเมืองอิวากิของผมในคลิปนี้กันก่อนนะครับ บอกเลยว่าสนุกสนานและอยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสแบบผมมากๆ ครับ


ภรรยาหา สามีใช้

 วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.46 น.

ความคิดเห็น