ใกล้ถึงฤดูกาลของการเปิดภูกระดึงแล้วไปพิชิตภูกระดึงกัน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี


เรา2คนมีเพจเล็กๆสำหรับบันทึกการเดินทางยังไงก็ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เราด้วยเด้อ

เที่ยวตามประสามนุษย์เงินเดือน << กดติดตามเราด้วยน่ะ


ครั้งที่เป็นครั้งที่ 2 ของการมาภูกระดึงของผม ส่วนแฟนผมเป็นครั้งแรกแรงบันดาลที่มาภูกระดึงเกิดจาก.... ลมพัดติ้ง ติ้ง ติ้ง ก้ำภูกระดึงเขตเมืองเลย จุดเริ่มต้นของทริปมิตรภาพทริปนี้เกิดขึ้นจากการเปิดเห็นภาพสวยสวยของภูกระดึงของน้องคนหนึ่งในเฟส หลังจากนั้นผมก็แชร์ลงเฟส แล้วหลังจากนั้น

อุ๋ย(แฟนผม):พี่โต้งอยากไปภูกระดึง?

โต้ง(ผมเอง):ป่าวครับภาพน้องเขาสวยดี

อุ๋ย(แฟนผม):งั้นไปกันหนูอยากไป

โต้ง(ผมเอง):งั้นจ้องตั๋วเลยน่ะ แล้วการเดินทางของทริปนี้มันก็เริ่มต้นขึ้น

อ่านบันทึกการเดินทางและรายละเอียดใต้ภาพได้เลยนาจา มีสรุปแบบละเอียดมากท้ายรีวิวจ้า ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ (รวมค่าเดินทาง) ตกประมาณคนละ 4,000 บาท ปล.มีสรุปแบบละเอียดๆท้ายรีวิวจ้า

ข้อมูลโทรศัพท์ : 042-810833 จองบ้านพัก : 042-810834

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

คำแนะนำ ควรจะเตรียมยานวด ยาทา ยากิน (ยาคลายกล้ามเนื้อ) ยาฉีด ติดตัวไปนาจาเพราะอาจจะปวดเมื่อยมากอย่างเรา 2 คน กะเป็นได้ อีกอย่างที่สำคัญคือไฟฉายจ้า


การเดินทางทริปนี้ตรงกับวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราสองคนเลยจ้า เราออกเดินทางจากอยุธยาไปภูกระดึงเขตเมืองเลยในคืนของวันปีใหม่ บ่ายสี่โมงของวันปีใหม่เราสองคนเดินทางจากอยุธาศรีลางเทพนครสู่กรุงเทพ เราสองคนขึ้นรถท่าอากาศยานนานานชาติหมอชิต 2 เที่ยวเวลา 4 ทุ่ม มึงมาถึงท่าอาศยาน 6 โมงเย็นนี่น่ะ นั่งรอวนไป

เราสองคนเดินทางโดยรถทัวร์ของบริษัทซันบัส ราคาตั๋ว 582 บาท เราจ้องไป-กลับเลย


สำหรับเราว่าโอเคครั้งแรกกับซันบัส ตรูหลับตลอดทางเลย
เราถึงผานกเค้า(ร้านเจ๊กิม) ตีสี่ แต่ในตั๋วแมร่งบอกถึงตีห้า เร็วกว่ากำหนด 1 ชั่วโมง ทันทีที่ก้าวข้าลงจากรถแมร่งต้องรีบหยิบเสื้อกันหนาวเลยจ้า อากาศเย็นสบายเหมือนบ้านเกิดที่ญี่ปุ่นเลยจ้า (ถุย ได้ยินมามึงคน บุรีรัมย์นี่) อีกอย่างคือคนยุหน้าร้านเจ๊แกเพียบเลยจ้ามาถึงกี่โมงกันนี้ เห็นคนเยอะเราเลยเดินไปถามพี่สองแถวแดงว่ารถออกกี่โมง พี่แกบอกเหมา 300 ออกเลย ผมที่รีบตะโกนถามเลย คนตามมาเพียบจ้า


Day1 : นั่งรถประมาณ 20 นาที เราก็ถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจ้า เรามากัน 10 คนค่ารถตกคนล่ะ 30 บาท จ้า ขณะเวลา4:30โดยประมาณ ทางอุทยานเปิดให้ซื้อตั๋วสำหรับเดินทางขึ้น
7.00 น.จ้า เมื่อเวลาเหลือเพียบเราก็ไปล้างหน้าแปรงวัน แต่ไม่อาบน้ำนาจา เด๋วไข่แข็ง 555
วาปไปที่ร้านข้าวกองทัพคนอ้วนต้องเดินด้วยท้อง หาไรเติมพลังหน่อยก่อนขึ้นภูหน่อยดีกว่า
หลังจากทานข้าวเสร็จต้องไตบด้วยกาแฟสักแก้วล่ะกัน เฮ้ยน้องอุ้ย! กาแฟบ้าแกหร่อยน่ะนี่ก่อนขึ้นภูไปอุดหนุนป้าแกได้นะ ป้าแกน่ารักมาก บอกเลย (ในภาพคือร้านป้าแก)


Day1 : 7:00 .น เปิดให้ซื้อบัตรขึ้นภูและจองเต็นท์ (สำหรับใครไม่ได้เอาเต็นท์มา จะต้องจองเต็นท์ที่นี่ แล้วเอาใบเสร็จไปรับของที่บนภูจ้า) ค่าเต็นท์อุทยาน 225 บาทต่อคืน
ลังจากได้ตั๋วและจ้องเต็นท์เสร็จเรียบร้อยเราก็ไปจ้างลูกหาบสิครับ ถ้าให้ตรูแบกขึ้นเอ็งเหมือนตอนวุ่นรุ่นคงไม่ไหว ลูกหาบเขาคิดค่าบริการกิโลกรัมล่ะ 30 บาทนาจา ไปจ่ายตังค์ข้างบนตอนรับกระเป๋า



Day1 :ลุยลุย!!!
ก่อนเดินขึ้นขอเก็บภาพเป็นที่ระทึก เฮ้ย ไม่ใช่ ระมุก เฮ้ยไม่ใช่ระลึก มุก5 บาท 10 บาทตรูกะเล่น
เราขอแนะนำเพื่อนใหม่ของเราสองคนหน่อยน่ะนาจา น้องอีฟ มาจากนราธิวาส(มาไกลมาก) มีเสน่ห์จริมจริมน่ะพี่ภูกระดึง น้องมาคนเดียวด้วย เจอกันตั้งแต่หมอชิตตล่ะ

ปล.แล้วน้องก็เป็นเพื่อนร่วมทริปของเราสองคนจนจบทริปเลยจ่า น้องนิสัยน่ารักมาก

Day1 :เส้นทางขึ้นเขาและระดับความชัน


Day1 :ระยะทางที่เราจะต้องเดินทั้งหมด 5.5 กิโลเมตรจ้า (เบาเบาจ้า)
เราขึ้นภูเวลา : 07.22 น. ว่าดูกันสิจะใช้เวลากี่ชั่วโมง ลืมบอกเลยเราเคยมาภูกระดึงแล้วเมื่อสมัยวัยรุ่น ส่วนน้องอุ๋ยมาครั้งแรกครับ


Day1 :วาปไปซำแฮง นี้ซำแรกเองน่ะแกรคือเริ่มเมื่อยล่ะ (ออกสำเนียงอีสาน)


Day1 :พี่ลูกหาบเราจะเห็นตลอดเส้นทางมีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น รุ่นลุง รุ่นป้าผมเลย พวกพี่พี่เขาแบกทุกย่างจริมจริม น้ำปลายันทั้งแก็ส สำหรับใครที่บอกว่ากับข้าวบนภูแพง ลองคิดใหม่ครับ กว่าพวกพี่พี่เขาจะแบกของไปถึง (แค่ตรูพาตัวตรูเดินขึ้นยังเหนื่อยจนอยากร้องขอชีวิต)


Day1 :ผู้ร่วมเดินทาง "น้องอีฟ"


Day1: ตลอดเส้นทางขึ้นภูจะมีของกินขายตลอดเส้นทาง เราสองคนนี่นี้หมดไปกับเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน แต่บอกเลยไข่ทรงเครื่องที่อร่อยเวอร์วังมาก คือดีต่อใจอ่ะแกร


Day1:ถึงละหลังแป เมื่อยแฮง
สำหรับคำยอดฮิตตอนเดินขึ้นภูกว่าเพลงพี่ตูน ก็คำว่า"อีกนิดเดียว สู้สู้" จะถึงแล้ว 555 ดีน่ะกูเคยมา
ปล.ซำสุดท้ายก่อนหลังแปชันมาก บอกเลย
แต่เสน่ห์ของการเดินขึ้นภูกระดึงคือ การที่เราได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย ทักทายกัน ยิ้มให้กัน ช่วยเหลือกัน ทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน คือเห็นแล้วมันดีต่อใจมากมา

พอถึงหลังแป ยังยังไม่ถึงจุดกางเต็นท์นาจา เราต้องเดินทางราบอีก 3. 5 กิโลเมตรครับผม

Day1:โอ้ย โอ้ย ถึงแล้วโว้ย

Day1:ถึงแล้วอย่างแรกที่เราต้องทำคือเลือกเต็นท์มาถึงก่อนมีสิทธิ์เลือกพื้นที่ก่อนครับก่อนนาจา และก้อเช่าถุงนอน และผ้าห่ม เพราะกลางคืนที่นี้ค่อนข้างหนาวครับ ถ้าเต็นท์อุทยานเต็มจะมีเต็นท์ของชาวบ้านให้เช่ายุครับ



Day1:ปล.ขอบคุณเพื่อนร่วมทางน้องอีฟที่เดินมาถึงก่อน ที่อุตสาห์จ้องเต็นท์ให้เราสองคนด้วย สรุปเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (แวะแดรกตลอดทางจ้า)



Day1:เมื่อได้เต้นท์แล้ว หาข้าวเที่ยงกินสิจ้ารอไร คือหิวแฮง เฮ้ยแกรร้านอาหารที่ภูกระดึงแมร่งกับข้าวอร่อยทุกร้านเลยที่กินมา เขามีโรงเรียนสอนทำอาหารป่าวว่ะ คนที่มาขายต้องมีใบประกาศรับรองความอร่อยแน่เลย คืออร่อยทุกอย่าง ที่สำคํญอย่าลืมกินไข่กระทะน่ะอร่อยวัวหายควายตายเลยอ่ะแกร อย่าหาว่าเราโม้น่ะ ต้องไปลองกันสักครั้ง


Day1:หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ขอนอนพักเอาแรงหน่อยล่ะกันครับ 4 โมงเย็นมีนัดไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกกัน
ปล.กระเป๋าจะมาถึงช้ากว่าที่เรามาถึงประมาณสัก 2-3 ชั่วโมงได้


Day1:16:00 เราสามคนมุ่งหน้าสู่ผาหมากดูกเพื่อดูพระอาทิตย์ตกระยะทางจากจุดกางเต็ท์ 2 กิโลเมตรเบาเบา ระหว่างทางเดินไปผาหมากดูกเราเจอพี่คนหนึ่งซึ่งเคยคุยกันตอนอยู่ที่จุดกางเต็นท์แล้ว พี่แกกำลังเดินกลับ (พี่แกมาคนเดียว)
อุ๋ย:พี่ค่ะเดินไปด้วยกันอีกรอบไหมค่ะ
พี่:ได้ครับผม
แล้วเราก็เป็นเพื่อนร่วมทางกันจุดจบทริป


Day1:นี่ไงพี่ที่เราบอก พี่แกชื่อต้นครับ พี่แกน่ารักมาก นิสัยดีด้วยเป็นไกด์และดูแลพวกเราอย่างดีตลอดจนจบทริปเลย ภาพนี้แอบถ่ายพี่แก อนุญาติน่ะครับพี่ต้น


Day1:ผาหมากดูก


Day1:ผาหมากดูก ที่จุดกางเต็นท์มีจักรยานให้เช่าด้วยนาจา สำหรับบุคคลที่รักการปั่นและไม่นิยมชมชอบการเดิน


Day1:ผาหมากดูก ฉันมารอพี่ตั่งแต่ 4โมงเย็นพี่ก็ยังไม่ออกมาจนฟ้าค่อยค่อยเปลียนสีจนค่ำ สรุปวันนี้ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตก แต่บรรยากาศเย็นสบายมาก ชิวมาก


Day1:ผาหมากดูก ฟ้าเริ่มมืดแล้วเราก็ต้องเดินกลับที่พัก เราสองคนลืมเอาไฟฉายมา ดีน่ะอีฟกับพี่ต้นมี สิ่งที่ไม่ควรจะลืมเลย

อาหารเย็นมื้อนี้ของเราหมูกระทะภูกระดึง อร่อยอีกล่ะ หมูกระทะชุดละ 500 บาท มีข้าวผัดไข่จานใหญ่แถมอีกอ่ะแกร คือดี กินอิ่มก็นอนหลับล่ะจ้า ปล.อาบน้ำตอนสองทุ่ม น้ำเย็นมาก

วาปมาตอนเช้า มื้อคืนหนาวมาก



Day2:ผานกแอ่น เวลาตีห้าเรามีนัดกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อไปดูพระอาทิตยขึ้น์ มาตรงเวลาด้วยนาจา ตีห้าปั๊บพี่เจ้าหน้าที่ออกเดินทางเลยจ้า เราจะต้องเดินไประยะ 1.6 กิโลเมตรจ้า




Day2:ผานกแอ่น


Day2:ผานกแอ่น ถ่ายภาพถ่ายภาพมาฝนรินซะงั้น หมอย เฮ้ย! หมอกขาวขาวมาเลยจ้า


Day2:ขากลับเราเลือกเส้นทางกลับคนละทางกับเส้นขามา เพราะเราจะแวะลานพระแก้ว ปีใหม่ไหว้พระขอพรหน่อยครับ โดยเส้นทางที่ระยะทาง 2.1 กิโลเมตรจ้า


Day2:มิตรภาพของการเดินทาง


Day2:หลังจากกลับจากผานกแอ่นสิ่งแรกที่เราทำคือหาของกินจ้า หลังกินข้าวแนะนำควรสั่งอาหารไว้ครับเพราะวันนี้เราจะต้องเดินไปผาหล่มสักซึ่งระหว่างทางไม่มีอาหารขายครับ วันนี้ต้องเดินอีกไกล555 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง


Day2:คอกาแฟไม่ควรพลาดร้านนี้ พี่แกใจดี
(ที่ภูกระดึงนี้แม่ค้าอารมณ์แถมใจดีทุกร้านเลย การันตี)






Day2:เมเปิลแดงหน้าหนาวที่ภูกระดึง


Day2:ลูกสน


Day2:เพื่อนร่วมเดินทาง


Day2:ระหว่างทาง


Day2:น้ำตกเพ็ญพบใหม่เดินมา 1500 เมตรจ้าตอนเราไปไม่มีน้ำละครับ ใบเมเปิลจุดนี้ก็ร่วงหมดแล้วครับ ขนาดไม่มีน้ำยังสวยเลยอ่ะแกร ถ้ามีน้ำจะสวยแค่ไหน (มึงเวอร์ไปป่าว ป่าวป่าวตรูไม่เวอร์ ไม่เชื่อลองไปดู)


Day2:น้ำตกโผนพบ ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบใหม่ประมาณ 500 เมตร


Day2:น้ำตกโผนพบ แอบถ่ายพี่ต้นทริปนี้พี่ต้นดูแลดีมากครับผม


Day2:เมเปิลกลางป่าใหญ่


Day2:เริ่มร่วงโรยตามกาลเวล



Day2:ยังคงมีใบเมเปิลให้เห็น


Day2:น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำมีเหมือนไม่มี 555 ไว้รอบหน้าจะมาหน้าฝนนาจา


Day2:ระหว่างทางเดินไปผาหล่มสัก (เส้นทางน้ำตก)





Day2:วิวต้นสนระหว่างทางเดินไปผาหล่มสัก (เส้นทางน้ำตก)


Day2:ระหว่างทางก็ยังแดรกไม่เลิก นางเริ่มหิว


Day2:ข้าวจี่ไข่ อร่อยอย่าบอกใครเลยจ้า


Day2:ทุ่งหญ้าสะวันนา


Day2:ระหว่างทาง


Day2:ถึงซะทีจุดพักกินข้าว สระอโนดาด นางกินรียุไส ถุ้ย! :ซำนี้กะเอาวหิว เมื่อยกะเมื่อย ปวดฝ่าเท้าไปหมดเลย กินข้าว หนวดยา แล้วเอาเท้าไปแช่น้ำเย็นเย็นที่สระ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ อากาศเย็นสบายดีจัง


Day2:ระหว่างทาง


Day2:อีก 5 กิโล ผาหล่มสัก


Day2:จากสระอโนดาด เป้าหมายต่อไป น้ำตกสอเหนือ


Day2:น้ำตกสอเหนือ หน้าฝนคงสวยมากแน่เลย



Day2:โอ้ย โอ๊ย ถึงซะโว้ยจุดกางเต็นท์- ผาหล่มสักทั้งหมด 13 กิโลเมตร ปวดไปหมดเลย ขาแข็งเลย
มาผาหล่มสักอย่าพลาดเลยงั้นคุณจะมาไม่ถึงผาหล่มสักนาจา ร้านกาแฟชมพู่มะเหมี่ยว แวะชิมกาแฟและบราว์นี่แสนอร่อยของร้าน พี่เจ้าของอารมณ์ดีมากและพี่แกเป็นแอดมินกลุ่มรักภูกระดึงด้วยจ้า


Day2:มิตรภาพ มีภาพครบ 4คนล่ะ
นับจากซ้ายมือ พี่ต้น น้องอีฟ หมูอุ๋ย ต.โต้ง


Day2:ร้านกาแฟชมพู่มะเหมี่ยว ผาหล่มสัก


Day2:ร้านกาแฟชมพู่มะเหมี่ยว ผาหล่มสัก บราว์นี่อร่อยมาก สำหรับคนที่อยากกินบราว์นี่ของร้านจะมาซื้อที่ร้านเลยไม่ได้นาจา จะต้องจองก่อน 1วันที่จะมากิน โดยสามารถจองผ่านเพจของร้านครับผม พี่แกจะทำตามออร์เดอร์ครับ เราจะไม่ได้จองจะเราได้กินต้องขอบคุณพี่ต้นมากมากครับ ที่ให้บราว์นี่ชิ้นนี้พวกเร
อร่อยมาก มาผาหล่มสักอย่าลืมแวะชิมนาจา ชิ้นละ 30 บาท จ้า บราว์นี่ลาวา


Day2:กว่าจะถึง อากาศดี๊ดี๊


Day2:ผาหล่มสัก อีกอุทยานที่เราไปด้วยกัน


Day2:ผาหล่มสัก อนุญาติน้องในภาพน่ะครับ น้องแก็งค์นี้น่ารักมาก มาจากธรรมศาสตร์เจอกันตั้งแต่ขึ้นภูแถมเป็นรุ่นน้องพี่ต้นด้วยจ้า แล้วกะเจอกันตลอดทาง แล้วก้อกลับพร้อมกัน น้องดูแลกันดีมาก ขอเล่าหน่อยล่ะกันครับ น้องในกลุ่มนี้ข้อเท้าแพลง แต่น้องไม่ทิ้งกัน ดูแลกันตลอด น่ารักมาก ที่ล่ะเพื่อนแท้


Day2:สร้างแลนด์มาค



Day2:ผาหล่มสัก


Day2:ผาหล่มสัก แสงสุดท้ายที่ผาหล่มสัก
ฟ้ามืดแล้วคิดถึงตอนเดินกลับ 10 กิโลเมตรคือตอนนี้ตรูขาร้าวไปหมดล่ะ คือขากลับเราต้องเดินเรียบหน้าผากลับจุดกางเต็นท์จ้า วันนี้ฟ้าปิดอีกแล้วทางกลับมืดมาก ไม่เห็นช้างเผือกเลย คือเสียดายมากมานอน2 คืน ช้างกุยุไส ไว้มาซ่อมใหม่ล่ะกัน กว่าจะเดินถึงจุดกางเต็นท์ขาแทบพัง ปวดระบมไปหมด แนะนำเลยครับ คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังอย่างเรา 2คน ควรพกยาไปด้วย พกไปให้หมด ยาทา ยานวด ยากิน คืนนี้เรา 2 คนทั้งทา ทั้งกินเลยจ้า ไม่ไหวจริงจริง ปวดมาก


Day3:วาปมาตอนเช้าคือขาตึงไปหมดเลย จะเดินลงไหวป่าวว่ะ ก่อนกลับเราต้องมาจ้องลูกหาบแต่เช้าหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ตั้งแต่มื้อวานครับ เพราะว่าเด๋วไม่มีลุกหาบ (ให้ตรูแบกลงเอ็งตอนนี้คงมิไหว)
หลังจากจัดแจงเรื่องกระเป๋าเสร็จ หาไรรองท้องก่อนกลับหน่อยล่ะกัน กินไข่กระทะภูกระดึงอร่อยมาก ตรูว่าที่นี่มีโรงเรียนสอนทำอาหารแน่นอนเลย สรุปกินมาอร่อยทุกร้าน


Day3:หลังจากกินข้าวแล้ว ต้องตามด้วยกาแฟ


Day3:หลังจากกินข้าวเสร็จเราตั้งใจจะลงภู 11.00 น.เวลาเหลือเพียบไปเก็บภาพกันดีกว่า
พรีเวดดดิ้งหน่อย ยังยัง รูปคู่หน่อย


Day3: อยู่ต่อเลยได้ไหม


Day3:ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง


Day3:ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง ขอบคุณมิตรภาพดีดี ความทรงจำดีดีที่เกิดขึ้นบนนี้


Day3:ก่อนกลับ
พี่ต้น:เดินไปเล่นอ่างเก็บน้ำกันไหมครับ
หมูอุ๋ย:เดินไกลไหมค่ะ
พี่ต้น:ไม่ค่ะ 500 เมตร
หมูอุ๋ย:หนูไม่ไปได้ไหวค่ะ รอที่นี่ได้ไหม

เกือบไม่มาล่ะ คือสวยมากอย่างกับภาพวาด อ่างเก็บน้ำภุกระดึง

Day3:อ่างเก็บน้ำภูกระดึง

Day3:มีโอกาสคงได้ร่วมทริปกันอีกน่ะครับ น้องอีฟ พี่ต้น




Day3:เมเปิลแดงหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็มีน่ะแกร



Day3:กลับล่ะนะภูกระดึง ไว้มีโอกาสเราจะมาใหม่ เราสองคนลงจากภูประมาณ 11.30 น.


Day3:น่ารัก อนุญาติน้องในภาพน่ะครับ

Day3:ระหว่างทางขากลับไม่ลืมจะเก็บภาพตลอดทางเลยล่ะแกร


Day3:แวะหลังแปนานมาก555



Day3:เมเปิลที่หลังแป เซลฟี่หน่อยจ้า




Day3:เมเปิลที่หลังแป


Day3:ขออนุญาติครับคุณป้า สู้ๆๆครับ ป้ากำลังเดินขึ้นป้าน่ารักมากครับ โพสให้ผมถ่ายภาพด้วยครับ


Day3: เราลงจากภู 11.30 ถึงตีนภูประมาณ 17.00 น. แล้วรอรับกระเป๋าแล้วอาบน้ำที่อุทยานก่อนขึ้นรถสองแถวแดงไปรอรถกลับที่หน้าร้านเจ็กิม

สรุปค่าใช้จ่าย 3 วัน 2คืนที่ภูกระดึง
ค่ายาซื้อไปจากอยุธยาเลยโดยมีเภสัชกรแนะนำเลยนาจาเท่ากับ 580 บาท (มีทุกยา ยานวด ยาทา ยากิน สเปร์ คือตรูพร้อมมาก แนะนำน่ะครับสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างเราสองคนหรือเดินเขาควรมีติดตัวไปนาจา)
ค่ารถจากอยุธยา-หมอชิต 200 บาท หารสองเท่ากับ 100 บาท
ค่ารถทัวร์ซัสบัสกรุงเทพ- ผานกเค้า (ถ้าไปภูกระดึงต้องลงที่นี้) ไป-กลับ 2,328 บาท หารสองเท่ากับ 1,164 บาท เที่ยวล่ะ 528 บาท
ค่ารถสองแถวแดง 60 บาท หารสองเท่ากับ 30 บาท เราไปเต็มคัน 10 คนพอดี (เหมาะเที่ยวล่ะ 300 บาท คนเดียวก็ออกเลยนาจา ถ้าจ่าย 300 บาท แต่เราว่ารอดีกว่า 555)
ค่าเข้าอุทยาน 80 บาท หารสองเท่ากับ 40 บาท ค่าเช่าเต็นท์คืนละ 225 บาท เราสองคนนอน 2 คืนเท่ากับ 450 บาท

ค่าลูกหาบ แล้วแต่น้ำหนักกระเป๋าของแต่ละบุคคลจ้า กิโลกรับละ 30 บาท

กระเป๋าเรา 2 คนหนักรวมกัน 13 กิโล เท่ากับ 390 บาท ทั้งค่าขึ้นค่าลงเท่ากับ 780 บาท

อันนี้เช่าบนภูครับ
ค่าเช่าแผ่นรองนอน คืนละ 20 บาท เราเช่า 2 แผ่น แล้วเราสองคนนอน 2 คืนเท่ากับ 80 บาท
ค่าเช่าผ้าห่มใหญ่ คืนละ 50 บาท เราเช่า 2 ผืน แล้วเราสองคนนอน 2 คืนเท่ากับ 200 บาท
ค่าเช่าผ้าห่มใหญ่ คืนละ 30 บาท แล้วเราสองคนนอน 2 คืนเท่ากับ 60 บาท

ค่ารถสองแถวแดงขากลับ 80 บาท หารสองเท่ากับ 40 บาท

ค่าเหมาแท็กซี่จากรังสิตกลับอยุธยา 450 บาท
รวมค่าใช้จ่ายยังไม่รวมค่ากินของเรา 2 คนเท่ากับ 5,348 บาท ตกคนล่ะ 2,674 บาท

ทริปนี้เราหมดปึม7,900 บาท ดังนั้นค่ากินของเรา 2 คน เท่ากับ 2,552 บาท (ขนาดแดรกตลอดทาง)
ข้าวบนภูอยู่ที่จานประมาณ 60 บาท-70 บาท

สรุประยะทางที่เราต้องเดินทั้งหมดตลอดทริป
Day1
-ระยะทางจากตีนภูจนถึงหลังแป 5.5 กิโลเมตร (ทั้งชันทั้งเสียว)
- ระยะทางหลังแปถึงจุดกางเต็นท์ 3.5 กิโลเมตร (ทางราบ ถ้าได้น้ำตกข้าวร้อนรอนคงดี ถุ้ย!!!!คนล่ะราบ ไปเล่นตรงโน้นไป)
-ระยะทางจากจุดกางเต็นท์ไปผาหมากดูกไปดูพระอาทิตย์ตก 2 กิโลเมตร ไป-กลับ 4 กิโลเมตร (ทางราบ)
วันแรกเราเดินไปทั้งหมด 13กิโลเมตร


Day2
-ระยะทางจากจุดกางเต็นท์ไปผานกแอ่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าขาไป 1.6 กิโลเมตร ขากลับ 2.1 กิโลเมตร (ทางราบ)
-ระยะทางจากจุดกางเต็นท์ไปผาหล่มสักไปดูพระอาทิตย์ตกเส้นทางน้ำตก 13 กิโลเมตร (ทางราบสลับกับขึ้นเขาเล็กน้อย)
เมื่อยมาก บอกเลย
ระยะทางจากผาหล่มสักกลับสักจุดกางเต็นท์ 10 กิโลเมตร ขาเดินกลับจะป็นทางราบชิดหน้าผาและมืดควรมีอุปกรร์ส่องสว่าง และเดินด้วยความระมัดระวัง)
วันที่ 2เราเดินไปทั้งหมด 26.7 กิโลเมตร


Day3
-ระยะทางจากจุดกางเต็นท์ไปอ่างเก็บน้ำ 500 เมตร ไป-กลับ 4 กิโลเมตร (ทางราบ)
- ระยะทางจุดกางเต็นท์ถึงหลังแป 3.5 กิโลเมตร (ทางราบ)
-ระยะทางจากหลังแปถึงตีนภู 5.5 กิโลเมตร (ทั้งชันทั้งเสียว) ขาลงปวดขามาก
วัน3เราเดินไปทั้งหมด 10กิโลเมตร


สรุปทริปนี้ระยะที่เราเดินไปทั้งหมด 49.7 กิโลเมตร
ปล.จริงน่าจะมากกว่านั้นเพราะเราแวะโน้นแวะนี้ตลอดทางเลย


ไปทำอะไรที่ภูกระดึง ดึ๋ง ดึ๋ง....
1.ไปทั้งห่วม ทั้งแฮก กว่าจะถึงหลังแป
2.ไปพูดคุยกับผู้คนมากมายระหว่างเดินขึ้นเดินลงภู (กตรูรู้ทริปนี้ละว่าตรูเป็นคนคุยเก่งมาก แมร่งคุยตลอดทาง) ระยะทางเราจะคำพูดนี้ตลอด อีกหน่อยเดียว สู้สู้
3.ไปนอนกางเต็นท์ที่วังกวาง
4.ไปเดินแล้วกะเดินแล้วกะเดิน
5. ไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
6.ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น
7.ไปเดินเส้นทางน้ำตก ล่าเมเปิลสีแดงกัน
8.ไปนั่งเล่นรับลมเย็นเย็นที่สระอโนดาด
9.ไปดูพระอาทิตย์ที่แลนมาร์คของภูกระดึง " ผาหล่มสัก"
10.ไปกินบราว์นี่และกาแฟอร่อยอร่อยที่ร้านชมพู่มะเหมี่ยวที่ผาหล่มสัก
11.ไปถ่ายรูปกับป้ายครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง
12.ไปกินหมูกระทะ แล้วอย่าลืมไข่กระทะ อร่อยมาก ปล.อาการที่ภูกระดึงอร่อยอ่ะแกร

ขอบคุณภูกระดึงที่ทำให้เจอมิตรภาพดีดี ไว้เราจะไปเยือนใหม่

เรา2คนมีเพจเล็กๆสำหรับบันทึกการเดินทางยังไงก็ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เราด้วยเด้อ

เที่ยวตามประสามนุษย์เงินเดือน << กดติดตามเราด้วยน่ะ

เที่ยวตามประสามนุษย์เงินเดือน

 วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 14.07 น.

ความคิดเห็น