3 วัน 2 คืน เขาค้อ-ภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า

วันนี้เรามีเรื่องการเดินทาง3 วัน 2 คืนที่เขาค้อ-ภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้ามาเล่าให้ฟังครับ

***คำเตือน ไปเที่ยว"ภูทับเบิก"หน้าฝน ทะเลหมอกมันก็จะอลัง!!!!!อลัง หน่อย

โปรดระวังอาจจะสูดหมอกจนปอดสดชื่นได้ ***

วันที่ 2 ที่ภูทับเบิก


วันที่ 3 ที่ภูทับเบิก ทะเลหมอกมาทักทายแบบเต็มพื้นที่ครับ


เรา2คนมีเพจเล็กๆสำหรับบันทึกการเดินทางยังไงก็ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เราด้วยเด้อ

เที่ยวตามประสามนุษย์เงินเดือน

เขาค้อ ภูทับเบิกยังคงเป็นสถานที่ยอดฮิตไม่เคยเปลี่ยน เพราะที่นี่อากาศดี๊ดี๊แถมเย็นสบาย และยิ่งในหน้าฝนยังมีโอกาสเจอทะเลหมอกสวยสวย และความกรีนกรีนของภูเขา ดอกหญ้าและป่าไม้

ถ้าพูดถึงรีวิวภูทับเบิกคงมีเป็นพัน สำหรับทริปเราขอเรียกมันว่า "บันทึกการเดินทางที่ภูทับเบิก"แล้วกัน 555555 เราได้บรรยายการเดินทาง,ผ่านมุมองของภาพถ่ายในโทนที่มันจะออกฟิล์ม ...หน่อยหน่อยพร้อมคำบรรยายแบบละเอียด พร้อมแล้วเดินทางไปพร้อมกับเราเลย

05.09 น. เราสองคนขับรถออกจากอโยธยาศรีรามเทพนครมุ่งหน้าสู่เมืองเพชรบูรณ์ เราใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงเขาค้อ

DAY 1

จุดเช็คอินที่ 1:น้ำตกศรีดิษฐ์


น้ำตกศรีดิษฐ์ เนื่องจากวันที่เราไปเป็นช่วงหน้าฝนน้ำเยอะสีเป็่นชาเย็นเลย มีป้ายห้ามเข้าไปใกล้บริเวณน้ำตกเพราะอันตรายมาก สามารถถ่ายได้แค่จากด้านบนครับ ค่าเข้าชมน้ำตกคนละ 20 บาทครับ

จุดเช็คอินที่ 2: ทุ่งกังหันลม(ยักษ์) เขาค้อ



ทุ่งกังหันลม" (ยักษ์)อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ของเขาค้อที่ไม่ควรพลาดไปเช็คอิน เก็บภาพชิคชิคคลูคลู(ไปดูภาพอัลบั้มเต็มเต็มได้ที่เพจนะ)

หลังจากเก็บภาพชิคชิคคลูคลูของทุ่งกังหันลมอัฟลง social network เรียบร้อย

เราก็มุ่งหน้าสู่ "ภูทับเบิก" พระเอกของทริปนี้



ความสวยงามระหว่างการเดินทาง.....ถนนเส้นทางเขาค้อ-ภูทับเบิก วิวระหว่างสองข้างทางสวยมาก



ระหว่างทางขึ้นภูทับเบิกมีจุดชมวิวหลายจุดในแวะเก็บภาพสวยสวยเพียบ

ภาพไร่สตอร์เบอรี่ต้นเล็กเล็กกำลังเติบโตเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนในช่วงฤดูหนาว


ถนนลอยฟ้าภูทับเบิก

ทางขึ้นภูทับเบิกเป็นถนนทางโค้งมากมายหลายศอกต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง แนะนำควรเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง โดยเฉพาะระบบเบรค

จุดเช็คอินที่ 3: ริมผารีสอร์ท ภูทับเบิก


ประมาณ 15.00 น.เราถึงที่พักของเราคืนนี้ "ริมผารีสอร์ท" เราได้ห้องริมหน้าผาเลย บอกเลยวิวหลักล้าน โดยเราโทรจองล่วงหน้าเป็นเดือนเลย ราคาห้อง 1,500 บาทสามารถพักได้ 2 คนครับ

ริมผารีสอร์ท โทร:098-417423 7 สำหรับที่นี่มีจุดกางเต็นท์ด้วยครับ สำหรับใครที่ชอบกางเต็นท์ผมแนะนำเต็นท์ควรจะกันน้ำกันลมได้นะครับเพราะเที่ยวในช่วงหน้าฝนมีโอกาสเจอลมเจอฝน (วันที่ผมไปประมาณตีสามฝนมาแถมลมแรงมาก พี่พี่ที่นอนเต็นท์ส่งเสียงสนุกสนานเลย!!!



วันแรกที่ภูทับเบิกเราเจอทั้งลม ทั้งฝน แถมหมอกขาวขาว มาทักทาย ที่สำคัญบรรยากาศดีมาก อากาศเย็นสบาย (อากาศประมาณ 21 องศา อ้างอิงจากหอวัดอุณหภูมิจุดสูงสุดของภูทับเบิก)


ตกเย็นอาหารเลิศรสที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนภูทับเบิกจะอะไรละถ้าไม่ใช่" หมูกระทะ " (ร้านหมูกระทะจะเยอะไปไหน) กินหมูกระทะร้อนร้อนกับบรรยากาศเย็นเย็น โครตจะฟิน อากาศตอนกลางคืนประมาณ 15 องศาเลยครับ หลังจากอิ่ม......ถึงเวลาพักผ่อนรอลุ้นทะเลหมอกตอนเช้า

DAY 2



ตื่นเช้ามากับบรรยากาศของทะเลหมอกทีมาทักทายอาจจะไม่มาก เพราะว่าลมแรงมาก แต่ก็ฟินเวอร์!!! ภาพนี้ถ่ายจากระเบียงที่พักนะครับ

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยถึงเวลาไปเก็บภาพที่ไร่ริมผาและจุดชมวิวสูงสุดแล้ว (ปล.ริมผารีสอร์ทอยุ่ใกล้จุดสุงสุดและไร่ริมผา)


จุดเช็คอินที่ 4: ไร่ริมผา ภูทับเบิก


วิวจากไร่ริมผา


วิวจากไร่ริมผาและห้อง A1 ในตำนาน (จองยากมาก)


ที่เห็นไกลไกลนั่นวัดป่าภูทับเบิกครับ


ไปช่วงนี้ที่ไร่ริมผาจะมีดอกไม้สีชมพู ชมพู (ผมไม่รู้ดอกอะไร) ตัดกับทะเลหมอกขาวขาวพร้อมภูเขาเขียวเขียว มันทำให้ภาพดูมีสีสันขึ้นมา


ร้านค้าของชาวม้งบนภูทับเบิก

จุดเช็คอินที่ 5: โอ่งแดงในตำนาน ภูทับเบิก



ใครมาภูทับเบิกห้ามพลาดไปเก็บภาพคูลคูลที่จุดนี้เลยครับ โอ่งแดงในตำนาน




จุดเช็คอินที่ 5: จุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิก

หลังจากเก็บภาพที่ไร่ริมผาเรียบร้อยเราเดินกลับไปเก็บภาพทะเลหมอกที่"จุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิก" กันหน่อย


ภาพจากจุดชมวิว


อันนี้ก็ต้นไม้ในตำนาน


หลังจากเก็บทะเลหมอกเสร็จท้องก็เริ่มร้อง หิวหิว เราสองคนแวะซื้อม่าม่าหมูสับและเครื่องดื่มขนม นม เนยจากร้านสะดวกซื้อชื่อดังเพราะสามารถลดค่าจ่ายใช้ได้ อิอิ

หลังจากอิ่มท้อง อาบน้ำ และทะเลหมอกเปลี่ยนเป็นหมอกฟุ้งฟุ้ง ถึงเวลาเก็บของเช็ิคเอาท์แล้วไปสถานนีต่อไป (ที่ริมผารีสอร์ทสามารถเช็คได้ประมาณบ่ายโมงและเช็คเอาท์ก่อนเที่ยงครับ)

สถานนีต่อไป"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า"

สำหรับค่าเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าคนละ 40 บาทและค่ารถยนต์ 4 ล้อคันละ 30 บาทสำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถไปภูหินร่องกล้าได้นะครับ เพราะมีรถรับจ้างไว้บริการครับ

จุดเช็คอินที่ 5: น้ำตกกังหันน้ำ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า


น้ำตกกังหันน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนการเมืองการทหารเดินเข้าไปประมาณ 60 เมตรก็ถึงตัวน้ำตก น้ำตกเงียบมแต่ก็บรรยากาศดีมาก (ไม่แนะนำให้เดินเข้ามาคนเดียวนะครับ)

จุดเช็คอินที่ 6: โรงเรียนการเมืองการทหาร อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า




โรงเรียนการเมืองการทหาร ใครมาภูหินร่องกล้าแล้วพลาดไม่ได้เลยที่จะต้องเข้าไปเก็บภาพคู่กับบ้านหลังเล็กเล็ก ซึ่งใครอยากจะเจอใบเมเปิ้ลสีแดงแดงที่เห็นในโพสการ์ดหรือภาพในหลายหลายเพจจะต้องมาในช่วงฤดูหนาวนะครับ

จุดเช็คอินที่ 6 : โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า


โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า เป็นที่ที่เราเจอป้ายทางเข้าโดยบังเอิญซึ่งเข้าไปที่นี่แล้วเราชอบที่นี่มาก โดยที่นี่เป็นโครงการของในรัชกาลที่ 9 ใครมาอย่าพลาดนะครับ

บรรยากาศภายในโครงงานเงียบสงบ บรรยากาศดีมากและมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ ที่มีทิ่วสนสวยสวย ผาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผาคู่รัก ผารักยืนยง ผาบอกรัก ผาพบรัก........ทุ่งดอกกระดาษไว้เก็บภาพสวยสวยกัน ไปเถอะไม่ควรพลาดจริงจริง


เก็บภาพกับผาหน่อย


กาแฟของพ่อ

เรา 2 คนอยู่ที่นี่นานพอสมควรโดยส่วนตัวผมชอบที่นี่มาก เงียบสงบ และได้เห็นโครงการหลายๆโครงการที่พ่อได้สร้างไว้ให้ลูกลูกของพระองค์

ถึงเวลากลับภูทับเบิกแล้ว เด๋วจะมืดเอา

ก่อนถึงภูทับเบิกประมาณ 500 เมตรจะมีจุดชมวิวสวยสวยอยู่ "ภูแผงม้า"

จุดเช็คอินที่ 7 : ภูแผงม้า อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า


เนื่องจากจะเย็นแล้วบรรยากาศทางเดินขึ้นภุแผงม้ามันก็จะวังเวง วังเวงหน่อย ดีนะมีอีกกลุ่มเดินมาพร้อมกัน (ไม่แนะนำให้มาคนเดียวเลยครับ เพราะบรรยากาศ 2 ข้างทางที่เดินขึ้นมา 700 เมตรนี่ มันวังเวงเกิน)


บรรยากาศสองข้างทาง


คือพอถึงเท่านั้นคือวิวมันสวยมาก แวะเถอะ "ภูแผงม้า"


เก็บภาพซะหน่อย

ไปเช็คอินที่พักกันกัน เย็นแล้ว


จุดเช็คอินที่ 7 : วิมานหมอก ภูทับเบิก

เช็คอินเอาที่พักแล้วคืนนี้เรานอนกันที่"วิมานหมอก" ภูทับเบิก

รีสอร์ทเล็กเล็กบนภูทับเบิก
ที่สามารถมองวิวสวยสวยจากกระจกบานใหญ่จากห้องนอนได้เลย
ที่พิเศษไปกว่านั้นคือมีดาดฟ้าสำหรับชมวิว กินหมูกระทะ หรือจะไปกางเต็นท์นอนดูดาวกะดี ตื่นเช้ามาก็ชมทะเลหมอกแบบ 360 องศา พร้อมกับฉิบกาแฟร้อนร้อนสักแก้ว โครตฟินอะไรเบอร์นี้

สำหรับห้องเป็นห้องพัดลม ตกแต่งเรียบง่ายตามสไตล์ชาวบ้านแต่พิเศษไปกว่านั้นเราสามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกจากภายในห้องได้เลย
สำหรับใครที่ชอบที่พักเงียบเงียบห่างไกลจากผู้คน และวิวหลักล้านแบบนี้แนะนำเลย

ราคาที่พักช่วงHigh season 1,500 บาทหรือโทรสอบถามสอบราคาได้นะครับ
พี่เจ้าของน่ารักมาก
โทร:090-385-6794
095-634-1512
ไปภูทับเบิกครั้งหน้าพักที่นี่อีกแน่นอน

หลังจากเช็คอินหาข้าวเย็นกิน แล้วไปนั่งจิบเบียร์เย็นเย็นบนดาดฟ้าที่พักมันช่างฟินเหลือเกิน !!!

ตัดไป 4 ทุ่ม ได้เวลาพักผ่อนแล้วรอลุ้นทะเลหมอกกัน

DAY 3

ประมาณ 6 โมงเช้า และแล้ว!!!! พี่ทะเลหมอกก็มาทักทาย กูโครตะจะตื่นเต้นเลย

คือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นทะเลหมอกอลัง อลังแบบนี้ ( มึงเวอร์ไปไหม)

ภาพจากดาดฟ้าวิมานหมอก............. วิหมานหมอกสมกับชื่อจริงจริง

ถ่ายจากดาดฟ้าวิหมานหมอก

ถ่ายจากดาดฟ้าวิหมานหมอก นั่นไง..................วัดป่าภูทับเเบิก

ถ่ายจากดาดฟ้าวิหมานหมอก

ถ่ายจากดาดฟ้าวิหมานหมอก


ถ่ายจากดาดฟ้าวิหมานหมอก


กระท่อมร้างกลางวิมานหมอก

ถ่ายจากไร่กระหล่ำปลีข้างข้างวิมานหมอก ช่วงนี้กระหล่ำปลีพึ่งปลูกอยู่เลย

สำหรับใครที่ไม่ชอบตื่นเช้าเช้าไปปะทะอากาศหนาวหนาวอยากแฟนผม

ไม่ต้องกังวัล เพราะว่าที่นี้เราสามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกผ่านกระจกบานใหญ่ของที่พักได้เลย เล๊ยยยย

เก็บภาพคู่หน่อย

หลังจากเก็บภาพสวยสวยที่วิมานหมอกได้แบบหน่ำใจ

เราสองคนไม่พลาดที่จะไปเก็บที่จุดชมวิวสูงสุดและไร่ริมผาแน่นอน

พร้อมแล้วขับรถไปกันเลย...................................

ทะเลหมอกจากจุดชมวิวสูงสุด (วันนี้เป็นวันธรรมดาคือคนน้อยมาก เที่ยววันธรรมดามันก็จะฟินฟินหน่อย)

สวยมาก มาก เก็บกลับไปแค่ความทรงจำและภาพถ่าย และก็อย่าทิ้งอะไรไว้

จุดกางเต็นท์จากจุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิก

ต้นไม้ในตำนานและทะเลหมอกขาวขาว

วาปไปที่ไร่ริมผาอีกครั้ง

คือมันสวยมาก

วิวทะเลหมอกสวยสวย (ถ่ายจากไร่ริมผา)

โอ่งแดงในตำนาน + ไร่กระหล่ำปลี(ต้นจิ๋ว)+ ทะเลหมอก + วัดป่าภูทับเบิก

มันช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเหลือเกิน

โดยส่วนตัวผมชอบ 3 ภาพนี้มากพ่อแม่ลูกกำลังช่วยกันปลูกกระหล่ำต้นจิ๋ว ตัวเล็กสนุกสนานกับการช่วยพ่อแม่ปลูกกระหล่ำ มันคือภาพที่มีชีวิต มีรายอะเอียด ที่สำคัญมันมีความรัก ความอบอุ่น


ไม่พลาดที่จะเก็บภาพคู่

หลังจากกลับจากเก็บภาพที่ไร่ริมผา เราสองคนกลับมาเก็บของเช็คเอาท์ที่วิมานหมอก เพื่อเดินกลับอโยธยาศรีลางเทพนคร เราเช็คเอาท์ประมาณ 11 .00 น.

วิวแปลงกระหล่ำจากฝั่งภูหินร่องกล้า

จุดเช็คอินที่ 8 : จุดเช็คอินสุดท้าย ท้ายสุด ตลาดชาวม้ง

สำหรับใครที่จะซื้อของฝากแวะเลยครับตลาดม้ง โดยจะมีชาวม้งเอาผลไม้ ผัก กระปล่ำปลี (ช่วงนี้ไม่ค่อยมี) มันเกาหลี มันไทย มันญี่ปุ่น และอีกเยอะแยะมากมายเลยมากตั้งขาย เราสามารถเลือกสรรค์ได้ตามใจชอบเลยจร้าา

จบทริป 3 วัน 2 คืน ภูทับเบิกมากี่ครั้งก็ยงัหลงรักที่นี่ และยังคงเป็นที่ ที่เราสองคนประทับใจและคิดว่าจะมาทุกปี โดยส่วนตัวแลัวเราหลงรักภูทับเบิกหน้าฝนซะแล้ว

บ๊าย บ๊าย ภูทับเบิก แล้วเจอกันอีกแน่นอน

เจอกันทริปหน้าครับ

เที่ยวตามประสามนุษย์เงินเดือน

 วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

ความคิดเห็น