วันนี้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.สงขลา กับ เอะอะเที่ยวยังคง concept เดิม นั่นคือ

เรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน

จุดหมายปลายทางของเราครั้งนี้ คือ เกาะยอ


เราใช้การเดินทางโดยสายการบินที่แสนจะสะดวกสบายกับราคาที่ส่งโปรโมชั่นมาแข็งขันกันหลายๆ สายการบิน ครั้งนี้เราเลือกไปกับน้องสิงโต ก่อนเครื่องจะ Landing ที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่เราจะมองเห็นเกาะยอมุมสู๊งสูงงงงง (อย่างเผลอหลับนะครับ มุมนี้)


เครื่องลงปุ๊บ วิ่งไปหยิบกระเป๋าที่สายพาน เดินออกมาหาไรกินรองท้องแบบฟรีๆ!!!

หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเข้าแอฟ TRUEYOU กดง่ายๆ แลกของฟรีไปกินกันเลย



การเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่สู่เกาะยอ เลือกใช้บริการรถเช่าของ SIXT เราว่ามันถูกดีเลยแนะนำ แต่ราคานี้สำหรับจองผ่านหน้าเว็บเท่านั้น http://www.sixtthailand.com/th/ ป้ะไปกันได้และ!!!





DAY 1

สถาบันทักษินคดีศึกษา

มุ่งหน้าสู่เกาะยอซึ่งห่างจากตัวเมืองสงขลาประมาณ 20 กม. สามารถเดินทางไปได้ตามเส้นทาง หลวงหมายเลข 407 และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 4083 ทางที่มุ่งหน้าตรงไปยังอำเภอสิงหนคร ก่อนจะข้ามสะพานติณสูลานนท์ สู่ตัวเกาะยอ เราแวะจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเกาะยอ ชมมุมสูงสะพานติณสูลานนท์บนสถาบันทักษินคดีศึกษา ซึ่งมุมนี้ที่ใครผ่านมาต้องไม่พลาดที่จะแซ๊ะรูปแล้วเช็กอิน






เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ 60 บาทเด็ก 30 บาท


แวะชิม ซาลาเปา เกาะยอ ของดีเมืองสงขลา ที่ตั้งอยู่ริมทางอย่างเห็นได้ชัด

ซาลาเปาเกาะยอ สูตรไข่ครอบ เมนูอร่อยของเมืองสงขลา ซึ่งโดดเด่นด้วยการนำเอา "ไข่ครอบ" มาผสมทำเป็นไส้ซาลาเปาได้รสชาติที่แปลกใหม่แตกต่างจากที่อื่น ตรงที่ใช้ไข่ครอบที่มีเฉพาะ จังหวัดสงขลาที่เดียว




แวะสักการะ “องค์พระนอน” วัดแหลมพ้อ

ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พระบาทมีลวดลายภาพศิลปะ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2537 ประดิษฐานบนฐานที่ไม่สูงนัก วัดอยู่ใกล้ถนนเชิงสะพานติณสูลานนท์ฝั่งเกาะยอ จึงทำให้เป็นสิ่งที่สะดุดตาของผู้ที่ขับรถผ่านไปมา


ร้านนั่งเล่นหน้าเล Bistro Cafe @ เกาะยอ สงขลา

แวะพักทานอาหารกลางวันที่ ร้านแนววินเทจ นำบ้านเก่าร้อยปีมาปรับเป็น คาเฟ่ โดยบริเวณลานหน้าบ้านติดทะเลสาบสงขลา หลังบ้านติดภูเขาชึ่งตั้งอยู่บนทำเลทองของเกาะยอเหมาะสำหรับนั่งจิบลมชมเล หรือจะเลือกมุมสบายๆ ด้านในตกแต่งเก๋ๆ มีของเก่าให้ชม ด้านนอกใต้ต้นไม้นั่งรับลมเย็นๆ ทางร้านพร้อมบริการทั้งเครื่องดื่ม ขนมเค้กอร่อยๆ อาหารจานเดียว กับข้าว และของทานเล่นอีกมากมาย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการผักผ่อนแบบธรรมชาติในวันสบายๆ



ด้านในร้านตกแต่งเก๋ๆ มีของเก่าให้ชม


ด้านนอกใต้ต้นไม้นั่งรับลมเย็นๆ จิบกาแฟ

ทางร้านพร้อมบริการทั้งเครื่องดื่ม ขนมเค้กอร่อยๆ อาหารจานเดียว กับข้าว และของทานเล่นอีกมากมาย

บรรยากาศมองออกมาทางหน้าร้านเป็นทะเลสาบสงขลา ชมวิถีประมงพื้นบ้าน

เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 10.00 - 20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 084 193 9343 หรือร่วมกดไลค์ติดตามรายละเอียดได้ทาง www.facebook.com/nunglennalebistrocafe


หลังจากเติมพลังกันอิ่มแล้วก็มีเรี่ยวแรงที่จะเที่ยวกันต่อบนเกาะยอแห่งนี้

Go!

Go!

Go!

ผ้าทอ ราชวัตร

ผ้าทอเกาะยอ เป็นภูมิปัญญาทางศิลปหัตถกรรมที่ชาวเกาะยอสืบนานมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่คงความวิจิตรบรรจงและคงรูปแบบกรรมวิธีการทอดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งแต่ละลายผ้ามีความงดงามประณีตบวกกับคุณภาพของผ้าและสีสันที่หลากหลาย ทำให้ผ้าทอเกาะยอได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะลายราชวัตร เป็นลายโบราณดั่งเดิม ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อให้

กลุ่มราชวัตร

พี่วิชัย พาชมวิธีการทอผ้าและให้ข้อมูลเกี่ยวกับผ้าทอเกาะยอ หรือ ใครสนใจจะช่วยอุดหนุนผ้าทอสวยๆ ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านก็ได้นะครับ

ผ้าทอลายราชวัตร เป็นลายโบราณดั่งเดิม


แวะชมแวะชิมละมุด สวนลุงวิสุทธิ์ สวัสดิ์มุณี

การันตีรางวัล Best of Songkhla ประจำปี 2560

เกาะยอมีสวนผลไม้หลากหลาย แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือจำปาดะขนุน ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศไทย และละมุด ซึ่งชาวบ้านปลูกกันมานับร้อยๆ ปี ซึ่งละมุดสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพราะละมุดเกาะยอมีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อสีแดงละเอียด ไม่เหมือนกับละมุดในพื้นที่อื่นๆโดยชาวบ้านจะปลูกเอาไว้รอบบ้านและตามเนินเขา


หลังจากแวะชิม แวะเที่ยวมาทั้งวันบนเกาะยอแห่งนี้ ก็ได้เวลาเข้าที่พักกัน

ระหว่างเข้าที่พักทางเข้ามี ศาลเจ้าไท้ก๋ง อยู่ตรงข้าม เกาะยอโฮมสเตย์ แวะสักการะกันสักหน่อย

ศาสนสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งขณะนั้นชาวจีนได้เข้ามาค้าขายกะไทยจำนวนมาก ส่วนนึงได้ตั้งรกรากสืบเขื้อสายที่เกาะยอ และได้สร้างศาลเจ้าไท้ก๋งขึ้นเพื่อสักการะบูชา



เกาะยอโฮมสเตย์



หากเป็นคนที่ชื่นชอบการพักผ่อนแบบเรียนรู้วิถีของชุมชน ขอเชิญที่เกาะยอโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นโฮมสเตย์แห่งแรกของเกาะยอ และจะพบเจ้าของโฮมสเตย์ ผู้ใจดีนามว่า โดยลุงเดชา หรือ ลุงโช จุดเด่นของโฮมสเตย์ที่นี่คืออยู่ริมทะเลสาบสงขลา เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงอย่างชัดเจน หากใครที่สนใจที่อยากจะเห็นวิถีชีวิตของชาวเกาะยอ ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตชาวประมง การยกไซดักกุ้ง ที่หาดูได้ยากมาก ลุงโช จะมีบริการพาผู้เข้าพักล่องเรือไปชมวิถีชีวิตเหล่านี้ตั้งแต่เช้า สัมผัสการยกไซอย่างใกล้ชิดโดยลุงโชจะเป็นคนยกไซดักกุ้งให้ดูเอง กุ้งที่ได้มาก็นำมาทำอาหารเช้าให้ผู้เข้าพักรับประทาน สิ่งสำคัญ บริเวณโฮมสเตย์ของลุงโช จะมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากคุณลุงเป็นนักอนุรักษ์ และมักจะปลูกป่าชายเลนในพื้นที่โฮมสเตย์อย่างต่อเนื่อง



ในส่วนของที่พักนั้นเป็นบ้านหลังใหญ่ สะอาด ที่นอน หมอน ผ้าห่มพร้อม เหมาะกับผู้เข้าพักที่มาเป็นหมู่คณะหรือมาเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ครัวบริการหากต้องการที่จะทำอาหารด้วยตัวเอง ส่วนใครที่ประสงค์อยากจะทานอาหารพื้นบ้าน ก็สามารถสั่งได้ จะมีเมนูเด็กจากคนในชุมชนมาบริการ เสมือนเราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวเกาะยออย่างแท้จริง ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ หลังละ 2,000 บาท เข้าพักได้ 10 คน หากพักเพิ่ม คิดเพียงเพิ่ม คนละ 200 บาทเท่านั้น


DAY 2


วัดท้ายยอ

สักการะศาสนสถานคู่เกาะยอ

" กุฏิแบบเรือนไทยปั้นหยา " อายุกว่า ๒๐๐ ปี หลังคา ใช้กระเบื้องดินเผาเกาะยอและกระเบื้องลอนแบบเก่า มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ คือ เสาเรือนกุฏิจะไม่ฝังลงในดินแต่จะตั้งอยู่บนตีนเสา ซึ่งเป็นที่รองรับเสาอันเป็นลักษณะเฉพาะของบ้านชาวไทยในภาคใต้เท่านั้น

นอกจากนั้นวัดท้ายยอ ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุควรค่าแก่การศึกษาและเรียนรู้ อาทิ บ่อน้ำโบราณ สระน้ำโบราณ โรงเรือพระ สถูป หอระฆังที่สวยงาม และมีร่องรอยของท่าเรือโบราณ ซึ่งเคยเป็น ศูนย์กลางการคมนาคม ของชาวเกาะยอ ด้านหลังของวัดท้ายยอเป็นที่ตั้งของ เขาเพหารหรือเขาวิหาร ซึ่งประดิษฐานเจดีย์ทรงลังกาที่งดงาม ควรค่า แก่การช่วยกันอนุรักษ์ไว้

ด้านข้างวัดติดกับทะเลสาบสงขลา มีศาลายื่นออกมาให้เราได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะ


Cafe'in เกาะยอ

เดินลัดเลาะเลยวัดท้ายยอมากอีกหน่อย จะเจอคาเฟ่เล็กๆ หน้าร้านอยู่ติดถนน แต่เดินเข้าไปในร้านจะมีส่วนนั่งชิวๆอยู่ริมทะเลสาบสงขลา เน้นสไตล์สนามหญ้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ค่อนข้างร่มรื่นเลยทีเดียว มีส่วนที่เป็นชานนั่งกะพื้นติดจอใกล้ทะเลเลย กับส่วนที่เป็นโต๊ะนั่งกระจายตามมุมต่างๆของสนาม บรรยากาศดีมาก วิวสวย น้ำทะเลสีฟ้าคราม ท้องฟ้าแจ่มใส อาหารเครื่องดื่ม กับ ราคาจัดว่าน่าคบหาเลยทีเดียวไม่แพง

นังพักฟังเพลงเพราะๆ ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบรรยากาศ สูดอากาศดีๆ ให้เต็มปอด ได้ที่ Cafe'in เกาะยอ

ขับรถรอบเกาะชื้อสินค้าชมชุนที่ชาวบ้านทำเอง เช่น กุ้งแห้ง กะปิ ปลาตากแห้ง สตอ ที่ชาวบ้านรับรองความอร่อยและปลอดภัย อีกทั้งราคาก็แสนจะถูก

แวะชมและถ่ายรูปบ้านเก่าที่เกาะยอซึ่งแต่ละหลังมีอายุยาวนานกว่าร้อยปี


14 cafe

ร้านสีเหลืองอ๋อยยยย!!! สะดุดตา พร้อมโต๊ะนั่งบนสนามหญ้าด้านนอก มีโซนห้องแอร์ ด้านบนเป็นดาดฟ้า สามารถนั่งได้ ของตกแต่งร้าน สิ่งของเครื่องใช้ ดูเอาใจใส่ให้ออกแนวน่ารักๆ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบถ่ายภาพ มีหลากหลายมุมให้เลือกแช๊ะภาพไปลง Facebook ส่วนเจ้าร้านของคือแบบเป็นคนตลก คุยดี เอาใจใส่ ลูกค้า เมนูเครื่องดื่ม เค้ก มีหลากหลายเมนูให้ได้ลองชิมกัน เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านบนเกาะยอ





ยำสาหร่ายทะเล

วันนี้ได้ไปเรียยรู้การทำอาหารพื้นเมืองชาวเกาะยอ ที่นำสาหร่ายผมนางหรือชาวบ้านเรียกว่า “สาย” ไปตากให้แห้ง เมนูนี้หากินได้เฉพาะพื้นที่เกาะยอเท่านั้น!!!

ยำสาหร่ายทะเลเกาะยอครูกัลยา ที่เหลือเพียงไม่กี่เจ้าที่ยำสาหร่ายขายบนเกาะแห่งนี้ โดยเครื่องปรุงจะทำเองทั้งหมด สำหรับขั้นตอนการทำจะใช้วิธีแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา เริ่มจากนำสาหร่ายผมนางชนิดแห้งที่ มาล้างน้ำเปล่า และนำไปตากแดด 3 - 4 รอบ ซึ่งจะทำให้เส้นของสาหร่ายเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวนุ่ม เส้นมีความกรอบ

หลังจากนั้นจึงนำคลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุง ซึ่งประกอบด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บผสมกะปิ มะพร้าวคั่ว ถั่วคั่ว กุ้งแห้ง เกลือ และโรยหน้าซ้ำอีกครั้งด้วยพริกสด กุ้งแห้ง และมะพร้าวคั่วให้สวยงามน่ารับประทานและนำใบชะพลูอ่อนมาเป็นเครื่องเคียงสำหรับกินกับยำสาหร่ายทะเล ซึ่งรสชาติของยำสาหร่ายทะเลเกาะยอจะออกเปรี้ยวอมหวาน และกรุบกรอบเหมาะสำหรับกินเล่น


กินกับใบชะพลู รสชาติคล้ายๆเมี่ยงคำ หอมกลิ่นถั่วคั่ว บวกกับควมกรุบกรอบของสาหร่าย อร่อยนะแกร!!!


เรียนรู้การทำยำสาหร่ายกับครูกัลยา



ออกมาเที่ยวแบบไทยๆ สัมผัสสถานที่และวิถีชีวิตแบบเก๋ๆ ทั้งชิม ชม ช๊อป ได้ทั้งบุญและความรู้กันเต็ม ๆ

2 วัน 1 คืน บนเกาะยอแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ มาเกาะยอ เกาะเดียว เที่ยวคุ้ม


ทิ้งท้ายทริปนี้ก่อนกลับ

มานั่งชมพระอาทิตย์ตก สูดอากาศให้เต็มปอด


สวัสดีครับ


ฝากกดไลค์กดติดตามเพจ เอะอะเที่ยว ด้วยนะครับ https://www.facebook.com/AEARETIEW

แนะนำติชม https://www.facebook.com/sirichet.pro



เอะอะเที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.59 น.

ความคิดเห็น