Cuisine de Garden BKK เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส สาขาที่ 2 ของ

" เชฟแนน ลีลาวัฒน์ มั่นคงติพันธ์ "

ซึ่งสาขาแรกอยู่ที่เชียงใหม่ ส่วน สาขากรุงเทพ ตั้งอยู่ที่ เอกมัย ซอย 2

เข้าซอยมา ร้านจะอยู่ทางขวามือ จอดรถได้ที่โรงแรม sommerset เลยร้านไปนิดนึงค่ะ

ร้านเพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือน กค. ที่ผ่านมา ครั้งนี้เราได้รับเชิญจากเวปอาหารเวปหนึ่งให้มาลองเทสติ้ง

เชฟแนนยังเป็นเชฟอาหารโมเลกุลด้วยค่ะ ซึ่งวันนี้เค้าบอกว่าอาหารเค้าจะใส่ความเป็น Molecular เล็กๆ ลงไปด้วย เริ่มตื่นเต้นซะแล้ว จะเป็นยังไงมาติดตามกันเลยค่ะ

สำหรับการตกแต่งร้าน จะเป็นแนว เรียบหรูด้วยสีดำจากเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะ เก้าอี้ และสีเทาจากปูนเปลือย แต่ดูอบอุ่น ด้วยการเลือกโทนสีน้ำตาลจากไม้มาผสมผสาน ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มากจึงมีการใช้กระจกมาตกแต่งทำให้ร้านดูกว้างขึ้น เน้นความเป็นธรรมชาติ จากวัสดุที่เลือกใช้เป็นพื้นไม้ และ “ ต้นไม้ ” (มาทั้งต้น) ประดับอยู่ในร้านเลยค่ะ เก๋ไก๋แต่มีความเป็นธรรมชาติสมคอนเซปร้านจริงๆ


ถึงแม้ร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ออกแบบจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว มีทั้งโซนดินเนอร์และโซนบาร์ด้วย ซึ่งโซนบาร์ตรงพื้นจะโรยก้อนหินไว้โดยรอบ ต่างจากโซนดินเนอร์ที่เป็นพื้นไม้เรียบหรู จึงให้ความรู้สึกที่เข้าถึงธรรมชาติยิ่งขึ้น โซนนี้ก็มีต้นไม้ประดับกับไฟหิ่งห้อย ซึ่งตอนกลางคืนจะดูสวยและโรแมนติคไปด้วยไฟดวงเล็กๆระยิบระยับ น่านั่งมากๆค่ะ





Cuisine de Garden เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส ในเรื่องของอาหาร เมนูจะมีให้เลือกไม่มากนัก เพราะเชฟจะใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และเน้นไปที่ความสดใหม่เท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารฝรั่งเศส เชฟแนนยังใช้ พืชผัก สมุนไพร ไทยๆ มาผสมผสานกันอย่างลงตัวด้วย (คือชอบอ่า) และแต่ละจานที่รังสรรค์ออกมายังได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของธรรมชาติด้วยนะ ส่วนเมนูอาหาร เชฟแนนบอกว่าจะเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน


พูดถึงราคา จะค่อนข้างสูง ต่อ Course อยู่ที่ 1590++ แต่วัตถุดิบดี ประกอบกับ Concept และเทคนิคการทำอาหารของเชฟ ในแต่ละเมนู สร้างสรรค์และตื่นตาตื่นใจจริงๆค่ะ ถือว่าคุ้มมาก ยิ่งถ้าเป็นโอกาสพิเศษกับคนพิเศษยิ่งคุ้มสุดๆค่ะ

การสั่งอาหาร ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารเป็น Course หรือจะเลือกสั่งเป็น A la carte ก็ได้ (แต่แนะนำว่าสั่งเป็น Full course ดีกว่า ถูกกว่าและได้ฟิลกว่าด้วย) ซึ่ง Full course dinner ของเค้ามีถึง 4 Chapter ด้วยกัน ก่อนเริ่ม course นั้น จะเสิร์ฟอาหารว่างขนาดพอดีคำ มาแบบจุใจถึง 4 คำ ค่ะ แถมยังอร่อยมากๆ

เริ่มต้นเลย ทางร้านจะมี Brioche อบร้อนๆ มาเสิร์ฟให้คนละ 1 ชิ้น Brioche ที่นี่ทำเป็นรูปใบไม้ค่ะ ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นไม้หลังบ้านของเชฟแนน เสิร์ฟมาบนใบไม้ใบใหญ่ (สงสัยเด็ดมาจากหลังบ้านจริงๆ) ขนมปังบิออกมาเป็นชิ้นๆตามรอยบากได้สะดวกกับการดิปซาวครีมเนื้อเนียน เปรี้ยวๆมันๆ ส่วนขนมปัง แนะนำให้รีบทานตอนร้อนๆ เพราะกรอบนอกนุ่มในและหอม ไม่จิ้มครีมก็อร่อยไปอีกแบบ

ก่อนเข้า Chapter 1 อย่างที่กล่าวไปข้างต้น จะมีอาหารว่างขนาดพอดีคำ มาเสิร์ฟประเดิมก่อน นั่นคือ

Coast to Coast ( 190++ )

เป็นอาหารทะเล 4 คำ เสิร์ฟในถาดไม้ที่รองด้วยก้อนหิน แต่ละคำตกแต่งมาแบบธีมทะเล ครบทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ทางร้านแนะนำให้ทานตั้งแต่คำที่มีรสชาติอ่อนไล่ลำดับไปจนถึงคำที่มีรสชาติเข้มสุด

เริ่มต้นจากคำแรก คือ กุ้งในเปลือกหอย ด้านในจะมีครีมมะกรูด ซึ่งครีมนี้เข้ากับกุ้งมากๆ หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ ต่อมาเป็น

หอยแมลงภู่โฟมมะกรูดในเปลือกหอยชาโคล ทานได้ทั้งคำ โฟมมะกรูดมาแบบรสบางเบามีกลิ่นอโรม่านิดๆ ไม่ทำลายรสชาติหอยเลย แถมยังมีแป้งชาโคลกรอบๆทำให้มีหลายtextureในคำเดียว คำนี้สนุกปากดี

คำที่ 3 แซลม่อนบนใบมะกรูดทอด ท๊อปด้านบนด้วยไข่แซลม่อนเวลาทานก็จะมีรสสัมผัสของมะกรูดด้วยบวกกับความหวานมันของแซลม่อน

คำสุดท้าย เชฟตั้งใจใช้มะกรูดแทนช้อน เนื้อปูท๊อปด้วยคาร์เวียร์ บนผลมะกรูด ที่ฝานวางปูแทนช้อน ก่อนทานบีบๆน้ำมะกรูดให้ออกมาก่อน คำนี้หวานหอมเปรี้ยว เนื้อปูนุ่มดีครีมมี่นิดๆ

***จานนี้โดยรวมชอบมากค่ะ อาหารทะเลสดใหม่และใช้มะกรูดไทยมาพรีเซนต์ได้หลากหลายดี


ครั้งนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของเราที่ทางร้านจัดมาให้ชิมทุกเมนูแชร์กับนักชิมทานอื่น ทำให้ได้ลองทุกจาน และสามารถแชร์ประสบการณ์ให้ทุกท่านที่สนใจได้ทราบเป็นข้อมูลไม่มากก็น้อยค่ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง


3 จานนี้ อยู่ใน Chapter 1 (เลือกได้ 1เมนู )

จานบน คือ Seacret จานซ้าย Rain Forest จานขวา Terrarium

Seacret ( 320++) หอยเชลล์ฮอกไกโด โฟมมะนาว ราดด้วยน้ำซุปพอนซึที่มีส่วนผสมของสาหร่าย ตอนพนักงานมาเสิร์ฟอลังการมาก ใส่น้ำซุปมาในเปลือกหอยขนาดใหญ่ รินลงจาน ตัวหอยเนื้อสดเด้งตักพร้อมโฟมมะนาวและน้ำซุปรสบางเบาหอมสาหร่ายนิดๆจานนี้มีกลิ่นอายเหมือนแหวกว่ายอยู่ในทะเลเลยยยย

Rain Forest ( 320++) จานนี้เป็นเนื้อ ซึ่งเราไม่ทานเนื้อนะคะ เป็น Beef Tartare หน้าตาดีมากค่ะ ตอนแรกนึกว่าเค้าเอาของหวานมาเสิร์ฟ มีเนื้อแผ่นม้วนกรอบ โรยด้วยผงพาสลีย์ เหมือนขอนไม้ในป่าที่มีหญ้ามอสปกคลุม ทานคู่กับซอสไข่แดงมิโสะ เมนูนี้เห็นท่านที่ทานเนื้อบอกอร่อยนะคะ


Terrarium ( 320++) สวนขวดในแบบของเชฟแนน เป็นเนื้อเป็ดฉีกประกบด้วยแป้งพัฟลอนกรอบ ประดับด้วยดอกไม้ด้านบนสวยงาม มาพร้อมกับผักสลัดหลากสีที่ใส่ในขวด รมควันด้วยไม้แอปเปิ้ล และน้ำสลัดที่สกัดจากน้ำมันของสละและเนื้อสละ ตอนเสิร์ฟพนักงานจะเปิดฝาขวดทำให้มีควันลอยออกมาเป็นเมนูที่ตื่นตาตื่นใจ ส่วนรสชาติเป็ดแผ่วเบาไปยังไม่ค่อยโดน มีความหวานไปในการปรุง ต้องทานคู่กับผักสลัดที่เคล้ากับน้ำสลัดสละรสเปรี้ยวก็ดีขึ้นหน่อย

จบแล้วสำหรับ Chapter 1 ต่อกันเลยกับ Chapter 2 จ้า


Chapter 2 ( เลือกได้ 1 เมนู ใน 3 เมนู ต่อไปนี้ Nest / Eclipse / Harvest )

Nest (350++) Signature Menu ไข่ออแกนิคออนเซนซูวี มาทั้งฟองบนรังนกเส้นหมี่กรอบ ใต้รังซ่อนความอร่อยอีกชั้นด้วยไก่ฉีกคลุกซอสไก่ เห็ด 3 อย่าง และน้ำมันทรัฟเฟิล ข้างๆ ที่เห็นเป็นเส้นๆ คือ รากโกโบทอด

ตอกไข่ไก่บนรังนกและตักทานทุกเลเยอร์พร้อมกันรสกลมกล่อมดี แต่ไม่ได้กลิ่นทรัฟเฟิลซักเท่าไหร่

Eclipse (350++) ข้าวบาร์เลย์รีซอตโต้ กับดรายแอนโชวี่ ใส่สมุนไพรไทยอย่าง แก่นตะวัน ลงในจาน โอ้ววว มันลงตัว อย่างไม่น่าเชื่อ เชฟได้นำแก่นตะวันฝานเป็นแผ่นบางๆไปทอดกรอบ โรยบนรีซอสโต้ และยังนำแก่นตะวันไปทำเป็นครีมข้นเนื้อเนียน ให้ราดลงในจานด้วย

ส่วนตัวชอบนะคะ ไม่แฉะหรือเละเกินเหมือนรีซอสโต้ทั่วไป แต่มีความครีมมี่มันๆหอมๆจากทั้งตัวแก่นตะวันทอดและซอส มีความเค็มนิดๆจากแอนโชวี่ ข้าวบาร์เล่ย์หนึบนิดๆ คือดีงาม


Harvest ( +300 for course ) / ( 750++ A la Carte ) จานนี้เพิ่มเงินจาก course 300 บาท นะคะ

Canadian lobster ชิ้นอวบ อบมาอย่างดีในฟาง หอมมั่กๆ เนื้อเด้ง หวาน วางด้านบนด้วยแผ่นข้าวเกรียบทำมาจากกุ้งรีดเป็นแผ่นบางกรอบ เป็นเทคนิคเฉพาะทำให้รูปทรงเหมือนเปลือกข้าวโพด มี smoked corn purée ตกแต่งมาเป็นจุดๆ เพิ่มมิติและรสชาติ จานนี้เทคนิคกรรมวิธีเยอะ ทั้งสวย ทั้งอร่อย ชอบค่ะ

Chapter 3 เลือกได้ 1 เมนู ใน 3 เมนู จะมี Water Lilies / Vermillion / Swamp (+300 บาท )


Water Lilies (580++) คอนเซปเป็นสระบัว วัตถุดิบในจานนี้จึงใช้หลายส่วนของบัวเป็นองค์ประกอบ ทั้ง เม็ดบัว กลีบดอกบัว ไหลบัวดอง และ purée ใบบัวบกสีเขียวสวยเหมือนใบบอน ราดลงบนจาน พระเอกเป็น ปลาฮาลิบัทย่าง ที่โรยเกล็ด brioche อบกรอบนิดๆ ไว้บนชิ้นปลา โดยรวมจานนี้รสอ่อนไปหน่อย ประกอบกับส่วนตัวไม่ชอบใบบัวบกเพราะกลิ่นที่เหม็นเขียว ชอบไหลบัวดองอร่อยมากกรอบนิดๆเปรี้ยวแต่กลมกล่อม


Vermillion (580++) จานนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันสดใสของบีทรูท สไลด์เป็นแผ่นบางทอดกรอบ เนื้อบีทรูทก้อนกลม และซอสบีทรูท ทั้งหมดถูกประดับลงใน Duck confit ปกติเฉยๆกับบีทรูท แต่มันเข้าคู่กันใช้ได้อยู่ Duck confit เนื้อในชุ่มฉ่ำไม่แห้ง นุ่มมาก หนังกรอบนิดๆ ไม่ได้กรอบเว่อร์ โอเคอยู่

Swamp ( +300 for course) / ( 880++ A la Carte ) จานนี้บวกเพิ่มจาก course อีก 300++ ค่ะ

เป็นจานเนื้อที่คนทานเนื้อบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย เนื่องจากเป็น Dry aged local Beef tenderloin จานนี้เราไม่ได้ลองนะคะ ไม่ทานเนื้อวัว


Chapter 4 ( เลือกได้ 1 เมนู ใน 3 เมนู ต่อไปนี้ Bloom / Coral / Farm )

Bloom ( 250++) มาถึงคิวของหวานกันบ้าง Sorbet ฝรั่งดอง อมเปรี้ยวอมหวาน หอมๆ กับ Brioche อบกรอบ ในจานมีทั้งเนื้อฝรั่งและเม็ดสาคูสีขาว Top ด้วย Herb อบแห้งหลายชนิด ทั้งใบฝรั่ง ใบมินต์ กลิ่นหอมเย็น สดชื่น ดูเพื่อสุขภาพดี สำหรับขนมจานนี้ก็ปลื้มเช่นกัน


Coral ( 250++) สปันจ์เค้กงาดำ และแป้งกรอบแผ่นบาง รูปร่างแบบปะการัง มีมูสชาเขียวและเนื้อส้มสดด้านล่าง ส่วนด้านข้างที่หน้าตาเหมือนไข่แดง คือสเฟียร์ส้มยูซุ รสเปรี้ยวนำหวานนิดหน่อย จานนี้การตกแต่งสวยงามมีเทคนิค Molecular เล็กๆ แต่ในเรื่องของรสชาติยังไม่ค่อยลงตัว ไปคนละทิศละทางเลย สปันจ์เค้ก จืด มูสชาเขียว มีความขมเป็นรสเดียว ยิ่งทานทุกอย่างรวมกันกับส้มที่รสเปรี้ยวนำ คือ บอกรสชาติไม่ถูกจริงๆค่ะ



Farm (250++) Signature dessert เมนูนี้เลิฟสุดๆ มี นมแพะ เป็นตัวชูโรง นมแพะที่นี่อร่อยมาก ไม่มีกลิ่นฉุน เชฟพรีเซนต์นมแพะออกมาใน Texture ที่แตกต่างกันในจานเดียว มีทั้งพานาคอตต้า ฟองนมกรอบ มิลค์สโนว์ ราดด้วย น้ำผึ้ง รังผึ้ง และถั่วแมคคาดาเมีย จานนี้ทุกอย่างลงตัวจริงๆทั้งไอเดียเทคนิคและรสชาติ สมกับเป็น signature dessert


Stone (100++ / 2 pcs.) จบมื้อด้วยการกิน ก้อนหิน !!!! แอร๊ยยยย.....คือ มันเหมือนมั่กๆ

กลมกลืนกันจนแยกไม่ออก แต่สนุกดีนะคะ กับการหาว่าก้อนหินก้อนไหนน้าที่กินได้ ก้อนหินนี้คืออะไร ??? >>>>>> ม่ายยยย...บอกกกก.....ต้องลองเองค่า

โดยรวมประทับใจค่ะ ทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคการทำอาหารของเชฟ สวยงามและตื่นตาตื่นใจดี รวมถึงการบริการของพนักงานทุกท่าน ดีเยี่ยมจริงๆ ทั้งการบริการ และการแนะนำอาหาร ขอบคุณที่ติดตามนะคะ สวัสดีค่ะ

ที่อยู่ของร้าน 12/6 เอกมัย ซอย 2

TEL. 02-053-3059 , 061-626-2816

www.cuisinedegarden.com

ขาตะเกียบ

 วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.56 น.

ความคิดเห็น