‘ปีนัง’ มาเลเซีย แม้ว่าจะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่ที่นี่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายและถือเป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูปมากๆเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีมุมสวยๆให้เราแวะเก็บภาพได้ตลอด เสน่ห์ของปีนังนอกจากจะเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวมเอาหลากหลายวัฒนธรรมไว้ในเมืองเดียวกันแล้ว การตามหา Street Art ที่เมืองปีนังนี่แหละ ที่ทำให้การมาเที่ยวปีนังครั้งนี้สนุกขึ้นมาเลย ทริปนี้เราไปกัน 4 วัน 3 คืน จะสนุกแค่ไหนไปดูกันน..

"ติดตามภาพถ่ายอื่นๆได้ที่^^

เพจ>> https://www.facebook.com/keepinaphotograph

Instagram>> https://www.instagram.com/au.keepinaphotograph

::Day1::

เราขึ้นเครื่องเวลา 6.45 น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 8.45น. เดินตรงไปประตูทางออกและเลี้ยวขวาผ่านลานจอดรถไป จะเจอศาลารับ-ส่งผู้โดยสาร สามารถรอรถเพื่อไปตลาดกิมหยง ค่าโดยสาร 40 บาทค่ะ ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีก็ถึงตลาด จากนั้นเดินไปขึ้นรถตู้ของบริษัท KST Travel บริษัทจะอยู่ตรงข้ามโรงแรม Aloha ขาไปรถตู้ออกจากหาดใหญ่ไปปีนัง จะมีรอบ 9.30/12.30/15.30 ค่าโดยสาร เที่ยวเดียว 400฿ ถ้าไป-กลับจะราคา 750฿ รถจะไปส่งที่หน้าโรงแรมเลยและข้อดีของการซื้อตั๋วไปกลับนอกจากราคาจะถูกลงแล้ว เรายังสามารถให้รถตู้ไปรับเราถึงโรงแรมได้ด้วยค่ะ สะดวกมากๆเราโทรจองตั๋วไว้ก่อนเดินทาง 1 วัน เบอร์โทร 081-6907253 สรุปเราได้ไปรอบ 12.30 ทำให้ช่วงเช้าเราเหลือเวลาเดินเล่นในตัวเมืองหาดใหญ่นิดหน่อย

เราเลยเดินหาร้านรับแลกเงินจนไปเจอร้าน ‘นำชัย’ พี่ที่รับแลกเงินอัธยาศัยดีมากเลยค่ะ แนะนำวิธีการใช้เงินริงกิตให้เราด้วย เบ็ดเสร็จแล้วเราแลกมาประมาณคนละ 2500 บาท

ยังพอมีเวลาเหลือเราแวะเดินเล่นในตลาดกิมหยงเพื่อซื้อของไปกินบนรถกัน ถึงเวลา12.30 ก็ขึ้นรถตู้เตรียมตัวออกเดินทาง

ประมาณบ่ายสองก็ถึงตม.มาเลเซีย ตรวจเอกสารเรียบร้อยก็เดินทางต่อ

ถึงปีนังประมา6โมงเย็น เราพักกันที่ ‘Red inn heritage guesthouse’ คืนละ 457 บาท เป็นห้องน้ำรวม จองผ่านแอพ Agoda การพักโฮสเทลก็ดีในแง่ที่ราคาถูก ได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ เกสเฮ้าท์นี้ตั้งอยู่ที่ถนน ‘Love Lane’ สามารถเดินไปตึก Komtar ได้, ใกล้ร้านอาหารและ 7 Eleven

เนื่องจากวันนี้มาถึงที่นี่ก็เย็นแล้ว ที่แรกที่ไปก็เลยเป็น ตลาดโต้รุ่งที่ Gurney Drive เราเดินจากที่พักไปขึ้นรถที่ตึก Komtar ท่ารถจะอยู่ใต้ตึก นั่งรถสาย 101 ค่ารถคนละ 1.4 RM

เวลาขึ้นรถเมล์ที่นี่ จะต้องขึ้นที่ประตูหน้าแล้วต้องบอกกับคนขับว่าจะไปที่ไหนเค้าก็จะบอกราคาเราและต้องเตรียมเงินให้พอดีด้วยเพราะรถเมล์ไม่มีทอนนะ^^

นั่งรถไปลงที่ Gurney Plaza เดินทะลุด้านหลังห้างออกไปจะเป็นถนนเลียบหาดก็จะเจอกับตลาด

ตลาดโต้รุ่ง ‘Gurney Drive’ เป็นตลาดโต้รุ่งที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีร้านค้าเยอะพอสมควร

ตลาดวันนี้คนน้อยอาจเป็นเพราะฝนเพิ่งหยุด มื้อเย็นของเราวันนี้คือนี่เลย ‘chakuaytaew’ คล้ายๆกับผัดไทยบ้านเรา

แล้วต่อด้วยขนมหวานที่ชื่อว่า 'Cendol' อร่อยมากต้องลอง

กินเสร็จเดินกลับมานั่งรถเมล์ที่จุดเดิมที่ลงรถ ขึ้นสาย 103 ค่ารถ 1.4 Rm ลงรถที่Komtarแล้ว เดินกลับที่พัก ผ่านถนน Lebuh China วันนี้เค้ามีงานเหมือนไหว้เจ้าพอดี มีการแสดงงิ้ว และนำรูปปั้นเทพเจ้าของจีนมาจัดไว้ให้คนเข้าไปขอพร

นานๆทีได้ดูงิ้วก็รู้สึกเพลินดี ไม่นานชาวบ้านแถวนั้นก็ทะยอยเอาเก้าอี้มานั่งดูกันเรื่อยๆได้บรรยากาศไปอีกแบบ นั่งดูสักพักก็เดินกลับห้อง วันนี้ต้องรีบกลับไปนอนเพราะจะออมแรงไว้ไปตะลุยเดินจอร์ททาวน์พรุ่งนี้ค่ะ^^

::Day2::

วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าออกมาหาอะไรกิน จะมีร้านอาหารเหมือนข้าวราดแกงบ้านเรา อยู่ใกล้ที่พัก

กินเสร็จก็เดินไปขึ้นรถเมล์ที่ตึก Komtar เหมือนเดิม สาย 101 ไป หาด ‘Batu Feringhi’ใช้เวลาเดินทางจากจอร์ททาวน์ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถ 2.7 RM ถึงแล้วคนขับจะตะโกนบอก

‘Batu Feringhi’ เป็นเมืองติดทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะปีนัง และก็มีกิจกรรมหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวได้เล่นไม่ว่าจะเป็น เจ็ทสกี บานาน่าโบท กระโดดร่มพาราเซล


เราเดินเล่นชายหาดสักพัก ก็มากินข้าวกันที่ร้าน ‘Tan sam guan seafood’ เห็นนักท่องเที่ยวนั่งทานกันอยู่ ดูน่าอร่อยดี^^

ประมาณเที่ยงเราก็นั่งรถกลับมาที่ George Town


เราเริ่มตะลุย George Town กันที่ซอย 'Lebuh keng kwee' ซอยนี้คนคึกคักเพราะมีร้านขายของกินอร่อยๆหลายอย่าง

เดินเข้าไปเห็นร้านนี้คนเยอะมาก ชื่อร้าน ‘Penang road famous teochew chendul ice kacang’

เราแวะกิน ‘Cendol’ กันคนละถ้วย แล้วออกเดินกันต่อไปที่ ‘Camera Museum’ ที่นี่จะรวบรวมกล้องถ่ายรูปโบราณไว้มากมาย ประวัติการถ่ายภาพ วิวัฒนาการต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้มาสัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ ในอดีต

และยังมีกล้องของเล่น กล้องกระดาษ ตั้งอยู่ในตู้โชว์ และวางด้านนอก เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจมากค่ะ

ที่นี่เปิดทำการเวลา 10.00 am - 6.00 pm ค่าเข้าชมคนละ 20 RM หรือถ้าใครไม่อยากเสียค่าเข้าชมชั้นบน ก็สามารถชมแค่ชั้นล่างได้ มีมุมน่ารักๆมีขายของที่ระลึกและร้านกาแฟ หลังจากนั้นเราก็เดินถ่ายภาพ Street art กันไปเรื่อยๆสิ่งสำคัญที่เราควรพกติดตัวไปด้วยคือแผนที่ค่ะเพราะจะทำให้เราเดินหาได้ง่ายขึ้น

ชื่อภาพ 'Budget Hotels'

ชื่อภาพ 'Cheating husband'

ชื่อภาพ 'Ah Quee'

ชื่อภาพ 'Old Motorcycle'

ชื่อภาพ 'Bruce Lee'

เราเดินกันจนไปถึงChew Jetty’ เป็นหมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมทะเล มีทั้งเกสเฮ้าส์ มีร้านขายของที่ระลึกและขายขนมขายอาหารอยู่ตลอดทางเลยค่ะ

ออกจากหมู่บ้านชาวประมงก็เดินเข้าตรงมาที่ถนน Armenian street วันนี้มีถนนคนเดินด้วยค่ะ

แถวนี้มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆเยอะเลย


และยังคงมี Street Art ให้เราถ่ายรูปสวยๆอยู่เรื่อยๆ

ตอนเย็นเราแวะหาข้าวกินกันที่ Little India ย่านนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมอินเดีย

ร้านที่เรามากินข้าวคือร้าน ’Sri Subham Restuarants’ เราขอให้เค้าแนะนำอาหารให้หน่อยขอแบบไม่เผ็ด ก็ได้เมนูนี้มาคือ ‘Chicken Biryani’

พนักงานทุกคนใจดียิ้มให้ตลอด พอเรายกกล้องถ่ายรูปทุกคนจะเก็กท่าให้ บอกให้ถ่ายอีกๆ เป็นอะไรที่ประทับใจดีค่ะ

ใกล้ๆกับ little India จะเป็นย่าน China Town แต่ตอนที่เราไปถึงก็ค่ำแล้ว ก็เลยไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ หลังจากเราเดินเล่นแถว China Town แล้ว ก็กลับมาแถวถนน Lebuh chulia ที่นี่ตอนกลางคืนมีอาหารท้องถิ่นขายเยอะมาก

::Day3::

เช้านี้เรามีแพลนจะไป ‘Penang hill’ ระหว่างทางถนน ‘Lebuh Kimberley’ เราแวะมากิน ‘Wan Tan Mee’ ที่ร้าน ‘Kedai Kopi Seng Thor Coffee Shop’ ร้านนี้คนเยอะมากและอร่อยสุดๆ

คุณลุงที่ทำพูดไทยได้ด้วยค่ะ ทักเราว่าคนไทยใช่ไม๊ ลุงบอกว่า wan tan mee คือบะหมี่เกี๊ยวบ้านเรา

เสร็จแล้วเราเดินไปขึ้นรถเมล์สาย 204 ใน Komtar ไป ‘penang hill’ รถจะจอดสุดสายเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่ารถ 2 RM

การจะขึ้น Penang hill จะต้องขึ้นไปโดยรถรางไฟฟ้า หรือ เคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เท่านั้นค่ะ

ราคารถรางไป-กลับจะอยู่ที่ 30 RM(300บาท)

’Penang hill’เป็นจุดชมวิวเมืองปีนังที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองรวมไปถึงเกาะปีนังแบบแบบกว้างไกลสุดสายตา

ข้างบนนี้มีร้านกาแฟ ร้านอาหารด้วยนะและยังมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นวาดรูปเหมือน ส่องกล้องชมวิวเมืองปีนัง และถ่ายรูปเก๋ๆคู่กับกุญแจรูปหัวใจ

เดินเล่นสักพักก็มากินข้าวกันที่ food court มีอาหารท้องถิ่นให้เลือกกินหลากหลาย เดินขึ้นไปอีกหน่อยจะมีวัดแขกสวยๆ ให้เราชม แต่วันนี้เค้ากำลังซ่อมแซมอยู่ค่ะ

และก็จะมีมัสยิดอยู่ใกล้ๆกัน

อากาศวันนี้ไม่ร้อนมากเย็นสบาย เดินเที่ยวกันจนทั่วแล้วก็กลับลงมาจาก pinang hill ด้านล่างจะมีรถเมล์สาย 204 จอดอยู่ นั่งไปลงวัด Kek Lok Si ใช้เวลาประมาณ5นาทีก็ถึงตลาด

หลังจากนั้นเดินไปตามป้ายบอกทางจนถึงทางเข้าวัดจะเป็นสะพานเล็กๆมีของขายสองข้างทาง พอถึงข้างบนวิวสวยมากเลยค่ะ

วัด kek Lok Si ว่ากันว่าเป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งที่โดดเด่นของวัด แห่งนี้คือเจดีย์สมเด็จพระรามหกที่ตกแต่งด้วยพระพุทธรูปสำริดและพระพุทธรูปศิลาขาวทั้งหมด 10000 องค์ลักษณะของเจดีย์ผสมผสานฐานเจดีย์แบบจีนแบบไทย และยอดเจดีย์พม่าเข้าด้วยกันสวยงามมาก

หลังจากไหว้พระถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว เรากลับมาที่ George Town แล้ว แวะไปนั่งกิน smoothies กันที่ร้าน ‘Mugshot’ แถวๆถนน Chulia ร้านนี้เป็นร้านกาแฟขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มากนัก แต่เป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว ตัวอาคารเป็นตึกเก่า ภายในร้านกาแฟถูกตกแต่งในสไตล์แบบเรียบง่าย


::Day4::

เช้านี้เรานัดกับพี่รถตู้ประมาณ 8.30 ให้มารับที่หน้าที่พัก เรายังพอมีเวลาเหลือเลยไปหาอะไรกินสักหน่อย แต่มันเช้ามากร้านอาหารยังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ เราเดินไปสักพักก็เจอร้านตามสั่งสไตล์มาเลย์ เราสั่งข้าวผัดกุ้งหมูแดงมาทานกันค่ะรสชาติก็อร่อยดี

กินเสร็จก็ถึงเวลาขึ้นรถตู้ พอเข้าหาดใหญ่เราก็ขอให้พี่คนขับไปส่งเราที่สนามบินจ่ายเพิ่มอีก100บาทแต่ก็โอเคค่ะสะดวกดี

::::ขอบคุณทุกคนที่ติดตามการเดินทางและภาพถ่ายของเรานะคะ◡̈แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ:::

we journey

 วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 08.43 น.

ความคิดเห็น