จะเป็นอย่างไร ?? เมื่อประสาทสัมผัสการมองเห็นของคุณ ถูกปิดกั้นด้วยความ " มืดสนิท " บนโต๊ะอาหาร


ขาตะเกียบ ขออาสาพาทุกท่าน " ฝ่าความมืด " ไปดินเนอร์ 4 course โดยมี " ผู้พิการทางสายตา " คอยดูแลตลอดมื้ออาหาร ซึ่งประสบการณ์ในครั้งนี้ ทำให้เราเข้าถึงจิตใจของพวกเค้าที่อยู่ท่ามกลางความมืดดำตลอดเวลาอย่างลึกซึ้งจริงๆ


การรับประทานอาหารในห้องที่มืดสนิทแบบนี้ เกิดขึ้นที่เมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ โดยผู้พิการทางสายตา ได้เชิญเพื่อนของเขาที่มีสายตาปกติมาดินเนอร์ด้วยกันค่ะ ในมื้อนั้นจึงเกิดประสบการณ์การรับรู้ที่หลากหลายท่ามกลางความมืดนั่นเอง

Dine in the Dark : ชั้น G Sheraton Grande Sukhumvit Hotel

การเดินทาง : เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าค่ะBTS อโศก , MRT สุขุมวิท

เวลาเปิดให้บริการ : วันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:30 (รอบสุดท้าย 21:30 น.)

สอบถามเพิ่มเติม โทร : 026498358

ท่านที่สนใจเข้าไปสำรองที่นั่งตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ 

https://www.dineinthedarkbangkok.com/

http://www.sheratongrandesukhumvit.com/en/forms/rs...

สำหรับความรู้สึกในค่ำคืนนี้ เป็นประสบการณ์การกินที่แปลกแหวกแนว ตื่นเต้น และสนุกมากๆเลยค่ะ

"เอ่ยปากเลยว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาลองจ้า"

รวมถึงความประทับใจ จากไกด์ผู้พิการทางสายตา ที่คอยช่วยเหลือ ดูแลเราตลอดระยะเวลาการทานอาหารในห้องมืดสนิท ทุกท่านที่มาดินเนอร์ก็มีส่วนร่วมในการทำบุญด้วยน้า เพราะทางร้านจะนำรายได้ส่วนนึงบริจาคให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยอีกด้วย

ตั้งต้นกันที่ Barsu ก่อนเข้าไปใน Dine in the Dark

ราคา : 1,450 บาท++ ต่อท่าน (เฉพาะอาหารเท่านั้น)

หรือจะเลือกแบบทานคู่ไปกับการดื่มไวน์ (Wine Pairings Menu) ราคา : 2,600 บาท++

ห้องอาหาร DID (Dine In the Dark)

ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit

ซึ่งจะอยู่พื้นที่เดียวกับ บาร์ของโรมแรม " Barsu " แต่เป็นพื้นที่ด้านในถัดจากบาร์เข้าไป

เหมือนเป็นห้องแห่งความลับประมาณนั้น และพนักงานบริการในห้องมืดนั้น

เป็นผู้พิการทางสายตาทั้งหมดค่ะ ชอบตรงนี้ เป็นการสร้างอาชีพให้กับพวกเค้าด้วย ( ปรบมือรัวๆๆๆๆๆ )

บรรยากาศก่อนเข้าห้องอาหาร ที่ " Barsu "

ก่อนเข้าไปดินเนอร์ในความมืดมิด เค้าจะให้เราเก็บทุกอย่างที่สามารถส่องสว่างได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ กล้อง ไฟฉาย หรือนาฬิกา เก็บไว้ในกล่องที่ร้านเตรียมไว้ให้ ล๊อคกุญแจไว้ ทั้งนี้เพื่อให้เราได้สัมผัสกับความมืดอย่างแท้จริง

หน้าตาอาหาร หรือเมนูแต่ละจาน คอนเฟริ์ม ว่าไม่มีทางได้เห็นก่อนแน่นอน จะมีเพียงคอร์สเมนูให้เราเลือกเท่านั้นค่ะ อยากทานแบบไหน เลือกได้จาก 1 ใน 4 คือ Asian , western , vegetarian , surprise

ซึ่งเราเลือก " surprise " ค่ะ เพื่อความตื่นเต้น แต่ทางร้านก็ยังใส่ใจรายละเอียดของลูกค้าค่ะ เค้าจะถามก่อนว่า เราแพ้อะไรไหม ไม่ทานอะไรบ้าง บอกได้ค่ะ เค้าจะจดไว้ ซึ่งเราไม่ทานเนื้อวัว กับอะไรที่เผ็ดมากๆ

อีกอย่างที่เค้าแนะนำคือ ล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าไปค่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอ ??........ เดี๋ยวรู้กันค่า

" Barsu "

ถึงเวลาเข้าห้องอาหารกันแล้ว ก่อนเข้าไปทางร้านจะมีผ้ากันเปื้อนให้เราสวมใส่ และมีไกด์นำทางเราเข้าไปสู่ความมืดมิด ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาค่ะ ทางร้านจะเรียกชื่อแต่ละคนมาต่อแถวกัน โดยที่แต่ละคนจะต้องเอามือจับไหล่คนข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป (มันมืดจริงๆนะเกาะกันให้ดีค่ะ)

ตอนต่อแถวเดินเข้าสู่ความมืด สารภาพเลยว่า ระทึกใจจริงๆ

เพราะสิ่งที่เรามองเห็นมีแต่ " สีดำ ".................." คือดำปิ๊ดปี๋ !!!!! "


นี่คือภาพที่เห็นตอนอยู่ในห้องอาหารค่ะ ดำสนิทแบบนี้เลย แม้กระทั่งเอามือมาวางติดตา ก็ไม่เห็นอยู่ดี

คุณจะไม่รู้เลยว่า เค้าจะพาเราไปไหน ตรงหน้าคุณมีอะไรอยู่บ้าง หรือแม้แต่เมนูที่เค้าเอามาเสริฟ คืออะไร ? หน้าตาเป็นไง ?? เรายังแอบคิด มันจะมีอะไรดิ้นๆ หรือเมนูพิสดารแปลกๆที่ไม่เคยกิน มาเสริฟหรือเปล่า

โอ้ยยยย...... แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วววว......!!!!!!!

นั่งที่โต๊ะได้พักใหญ่นึกว่าตาคงปรับสภาพในความมืดอาจพอมองอะไรเห็นบ้าง คิดผิดถนัด ยังเห็นแต่สีดำ


ระหว่างการเดินไปที่โต๊ะ เสียงเพื่อนๆก็ดังระงมไปทั่ว พากันลุ้นสุดๆ ว่าจะเดินสะดุดหรือหกล้มกันไหม พี่ไกด์ทำหน้าที่ดีมากค่ะ พาเรามาถึงโต๊ะอาหารโดยปลอดภัย พี่เค้าพามานั่งถึงเก้าอี้ คอยบอกถึงสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะอาหารว่ามีอะไรอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง ถึงเวลานี้ ทำให้เราเข้าใจจิตใจคุณไกด์ได้ลึกซึ้งขึ้นทันทีค่ะ

T^T

มาดูอาหารการกินกันดีกว่าเนอะ เดี๋ยวจะดราม่าเกินไป

เครื่องดื่ม จะมี น้ำเปล่า ซอฟดริ้ง ไวน์ อยากดื่มอะไรก็บอกไกด์ได้เลยค่า เค้าเติมให้ตลอด

อาหาร 4 course มี Appetizer , Soup , Main , Dessert


เมื่อตามองไม่เห็น ประสาทสัมผัสอย่างอื่นของเราก็ทำหน้าที่ดีขึ้นทันทีค่ะ

โดยเฉพาะ " จมูก " 5555 พออาหารมาเสริฟ เราจะได้กลิ่นหอมของอาหารมาก่อนเลยและจะพยายามดมว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้างในจานนั้นๆ ตามมาคือ " หู " จะได้ยินเสียงเพื่อนๆ จนจำได้ว่าเป็นเสียงใครนั่งอยู่ตรงไหน รวมถึง " ปาก " จะตั้งใจสัมผัสรสชาติของอาหารได้ดีขึ้นจริงๆ


จานแรกวางลงปุ๊บ ลองคลำรูปทรงของจานก่อนค่ะ รวมถึงสัมผัสที่ก้นจานก่อนว่าร้อนหรือเปล่า

จากนั้นควานหามีดกับส้อมมาจัดการทันที

" แต่...วืดดด ค่ะ " จิ้มไปเจอความว่างเปล่า

พยายามจิ้มจนเจออาหารในจานจะตักเข้าปากก็.....เลยขึ้นไปโดนจมูกแทนซะงั้นนนนน


โอ้ยยย !!!! วืดดดดดดด !!!! มันกะไม่ถูกอะ สุดท้ายยยย ทิ้งมีดกับส้อม เอามือหยิบเลยจ้า

(เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าทำไมต้องล้างมือให้สะอาด) ใช้มือได้ใจกว่าเยอะค่ะ มันเกิดความสนุกมากกว่าที่ได้สัมผัสโดยตรง เราจึงพอจะเดารูปร่างของวัตถุดิบนั้นๆได้บ้าง จากนั้นส่งเข้าปาก แล้วก็เดาว่าเราหม่ำอะไรเข้าไป

รวมถึงได้แชร์กับเพื่อนๆว่า ได้ทานอะไร เหมือนกันบ้างไหม ถ้าไม่เหมือนกัน จะมีความสามารถอีกอย่างเพิ่มขึ้นค่ะ นั่นคือ " แลกกันชิมในความมืด " (ความมืดไม่เป็นอุปสรรคในการกิน จีจีนะ 555)


ภาพประกอบจินตนาการของขาตะเกียบ ที่ทั้งดม ทั้งคลำ ทั้งชิม เครื่องหมายคำถามมาเต็ม เดาไปเรื่อย

จานแรก (Appetizer) เป็นของทะเลค่ะ ปรุงกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน มีความเผ็ดนิดๆ กลางจานมีอะไรกลมๆแบนๆกรอบๆอยู่ตรงกลาง เป็นจานที่ทานแล้วสดชื่น และเรียกน้ำย่อยได้อย่างดีเลยค่ะ (หิวเลย แล้วก็อยากหม่ำต่อทันที) เดาถูกด้วยว่าคืออะไร เพราะเค้าจะมาเฉลยรูปภาพให้ดูข้างนอกตอนทานเสร็จ ขอบอกว่าคุณภาพของวัตถุดิบดีมาก ตัวโต สดเด้ง

ภาพประกอบจินตนาการของขาตะเกียบในความมืด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม 555

จานที่สอง ( Soup ) เสริฟมาในถ้วยมีหูพร้อมจานรอง ด้านในถ้วยมีขวดเล็กๆ มีน้ำอุ่นๆ บรรจุอยู่

บนจานรองมีกลิ่นหอมของเนย กระเทียม คลำๆดมๆน่าจะเป็นขนมปังกรอบปรุงรสอ่อนๆ

ต่อมาเราเทน้ำจากขวดลงใส่ถ้วย ได้กลิ่นและรสของครีม ทรัฟเฟิล แผ่นแป้ง อร่อยมากค่ะ

ภาพประกอบจินตนาการของขาตะเกียบในความมืด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

จานหลัก (Main) มาเป็นจานสี่เหลี่ยมซึ่งใหญ่มากกกก คลำๆไป มีหลุมสี่เหลี่ยมเล็กๆ แบ่งเป็นช่องๆ แต่ละช่องใส่อาหารที่แตกต่างกันบ้าง ซ้ำกันบ้าง ตรงกลางจานมีเนื้อสัตว์ด้วย จิ้มๆไปเจอน้ำ ชิมดูแล้วเป็นแกงกะทิไทยๆ ชนิดหนึ่ง เข้มข้น เผ็ด แต่อร่อย จิ้มกับก้อนกลมๆกรอบๆปรุงรสแล้วทอด เข้ากันมาก

ภาพประกอบจินตนาการของขาตะเกียบในความมืด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

Dessert ขอบอกว่าชอบจานนี้ฝุดๆ มีส่วนประกอบของชอคโกแลตเข้มข้นละลายในปาก และความเปรี้ยวอมหวานหน่อยๆของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ใส่เข้ามา รวมถึงรสชาติไอศครีมที่ทำจากผลไม้แท้ที่ถูกหุ้มด้วยชอคโกแลต กินรวมกันแล้วฟินมว๊ากกกก ถึงขนาดแอบดูดนิ้วเยยย หุหุ ไม่อาย เพราะมืด

ทานเสร็จแล้วก็ออกมาในส่วนของ Barsu ถึงเวลาที่ทีมงานมาเฉลยรูปภาพให้ดู เฮอาสนุกสนานมากๆค่ะ เดาถูกบ้าง ใกล้เคียงบ้าง ผิดบ้าง ส่วนเมนูเค้าจะสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ (เพราะถ้าซ้ำซากก็เดาถูกกันหมดสิ) ปกติแล้วถ้าเพิ่งไปทานมาเค้าจะขอให้ไม่บอกว่าที่ทานไปคืออะไรเป็นเมนูอะไรบ้าง แต่เราไปทานมานานแล้วค่ะ

ได้ของที่ระลึก เป็นผ้าปิดตา

ขอชมตรงแนวความคิดของทางร้าน ดินเนอร์ในความมืดสุดตื่นเต้น แปลกแหวกแนว ลืมทุกการทานอาหารที่ผ่านมาไปโดยสิ้นเชิงจริงๆๆๆ และถูกใจที่สร้างอาชีพให้กับผู้พิการทางสายตา

วัตถุดิบและรสชาติของอาหารคือดีมาก การบริการก็ดีเลิศ

ถ้ามีโอกาสเพื่อนๆลองไปทานกันดูนะคะ เพราะประสบการณ์ตรงที่เพื่อนๆได้สัมผัสเอง

บอกเลยว่า สนุก ตื่นเต้นกว่าเราเล่าเยอะเลยค่า

ขาตะเกียบ

 วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.09 น.

ความคิดเห็น