Fanpage : อ้วนเป็นหมี

Fanpage : ไปชิล ไปชิม

ทริปนี้เราเดินทางไปในเดือน ตุลาคม เป็นหน้าฝนที่กรุงเทพฯฝนตกมากจนน้ำท่วมในหลายๆพื้นที่ แต่ที่อุบลฯฝนไม่ตกเลย และแดดยังแรงมากด้วย

เช้าวันเสาร์05.00น.ออกเดินทางจากบางนานั่งแท็กซี่ไปดอนเมือง ลงทางด่วนดินแดง น้ำท่วมหนักมากถึงขนาดที่รถยนต์ขนาดเล็กผ่านไม่ได้ แท็กซี่ต้องวนกลับขึ้นทางด่วนอีกครั้งอ้อมไปลงแถวๆศูนย์ราชการ ปากเกร็ด กว่าจะถึงดอนเมืองได้ ก็โดนค่าแท็กซี่ไป ห้าร้อยกว่าบาท และค่าทางด่วนอีก 110 บาท ระหว่างเดินทาง เข้าเช็คอินในแอพฯก่อน ไปถึงดอนเมืองหกโมงกว่า รีบไปปริ้นส์ Boarding pass แล้วเข้า Gate ทันที เวลา Boarding Time คือ 07.05น. เป็นอะไรที่เหนื่อยมากลุ้นทุกนาทีตั้งแต่อยู่บนแท็กซี่ กลัวไปไม่ทัน

การเดินทางในทริปนี้ได้จองตั๋วไป-กลับของ AirAsia ไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม จองไว้ล่วงหน้านานมากจนเกือบลืมไปแล้ว..

08.45น. ถึงท่าอากาศยานอุบลราชธานี เดินออกมาด้านหน้าอาคารเลี้ยวซ้าย จะเห็นโต๊ะร้านเช่ารถหลายๆเจ้า ตรงนี้ก็เลือกกันได้ตามสะดวก และบริษัทเช่ารถเจ้ายอดนิยมอย่าง Avis ก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน (ถ้าจองรถของ Avis แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านทางเวปไซต์ จะได้ราคาถูกกว่า)

แต่เราได้หาข้อมูลการเช่ารถมาล่วงหน้า จึงเลือกไปเช่ารถที่ จเจ รถเช่า อุบลราชธานี เจ้าของชื่อพี่จุ๋ม ค่อนข้างใจดี มีหน้าร้านอยู่ตรงสี่แยกวัดแจ้ง จากสนามบินนั่งแท็กซี่ไปประมาณ 45บาท การเช่ารถต้องมีค่ามัดจำด้วย ส่วนนี้ต้องเตรียมเงินไปเผื่อ

ที่อุบลฯ มีแท็กซี่มิเตอร์ กดมิเตอร์สตาร์ทที่ 40บาท ถ้าหากไม่เช่ารถขับ สามารถเดินทางได้ด้วยแท็กซี่มิเตอร์ซึ่งไม่มีโกงราคาแน่นอน

หลังจากเช่ารถแล้ว เราไปทานมื้อเช้า(ที่ค่อนข้างสาย)ที่ร้าน ปากหม้อเจ๊หุ่นยนต์ [ร้านเด็ดขึ้นชื่อ]


ร้านปากหม้อเจ๊หุ่นยนต์ ตั้งอยู่บน ถนน เบ็ญจะมะ เป็นร้านยอดนิยมของคนในพื้นที่ ไปจนถึงนักท่องเที่ยวที่ถ้ามาเที่ยวที่นี่ ก็ต้องแวะมาลิ้มลอง เมนูของที่ร้าน มีแค่ 4 อย่าง ปากหม้อนิ่ม, ปากหม้อกรอบ, ปากหม้อนิ่มใส่ไข่ และปากหม้อกรอบใส่ไข่

ปากหม้อร้านนี้ ทีเด็ดอยู่ที่ไส้ที่มีส่วนผสมหลัก คือหมูบด หมูยอพริกไทยดำ และต้นหอม ที่ปรุงรสด้วยสูตรของทางร้าน แป้งเหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำจิ้มหวาน ให้รสชาติอร่อยลงตัว ถ้าเป็นปากหม้อแบบกรอบ ก็อร่อยไปอีกแบบ เพราะจะได้กลิ่นหอมงาคั่วที่ผสมอยู่ในแป้งกรอบด้วย

ออกจากร้านปากหม้อเจ๊หุ่นยนต์ ยังไม่อิ่ม.. ไปต่อกันที่ร้าน ก๋วยจั๊บ เจ๊เนือง [ร้านเด็ดขึ้นชื่อ]



เป็นร้านขึ้นชื่ออีกร้าน ซึ่งถ้าไม่ได้มาชิมถือว่าพลาดอย่างแรง เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อม กระดูกหมูที่เลือกใช้อย่างดีเนื้อเยอะ และหมูยอพริกไทยดำ ชามใหญ่จุใจ ในราคา 40บาทเท่านั้น



ทานก๋วยจั๊บเสร็จเกือบๆเที่ยง หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน และแดดก็ร้อนมากจึงตัดสินใจเข้าที่พัก

เราพักที่ โรงแรมระพีพรรณ ซึ่งจองล่วงหน้าไว้ผ่าน agoda ราคา 1,552บาท / 2คืน พร้อมอาหารเช้า

สิ่งอำนวยความสะดวก : เครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม ไวไฟ




หลังจากเข้าที่พักแล้ว ช่วงบ่ายออกไปเที่ยว วัดพระธาตุหนองบัว อยู่ห่างจากที่พัก 2.2กม. มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่จำลองมาจาก เจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเมื่อเข้าไปด้านใน เงยหน้าขึ้นมองไปด้านบนจะมีความงดงามมาก





ออกจากวัดพระธาตุหนองบัว เดินทางต่อไปที่ วัดบ้านนาเมือง อยู่ห่างจากตัวเมือง 5 กม. มีพระอุโบสถที่เป็นเรือสุพรรณหงส์ที่ตกแต่งด้วยเซรามิค ภายในประดิษฐานพระประธานปางสมาธิเป็นที่นับถือของคนที่นี่



หลังจากไหว้พระเสร็จช่วง 5 โมงเย็น อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว เรากลับไปยังที่พักอาบน้ำ และออกไปทานมื้อเย็นที่ ตลาดโต้รุ่งทุ่งศรีเมือง ที่นี่เป็นแหล่งรวมของอาหารหลากหลายที่รสชาติเยี่ยม เป็นที่นิยมของคนในพื้นที่เอง และนักท่องเที่ยว จากที่ได้ชิมหลายๆร้านแล้วค่อนข้างติดใจจนอยากจะยกกลับไปไว้ที่กรุงเทพฯ 555

มาเริ่มกันที่ร้านแรก หมูสะเต๊ะ คุณดาว ตอนแรกก็แค่เดินผ่าน เห็นคนพื้นที่เขามุงซื้อกันก็เลยลองบ้าง ราคาก็มีชุดละ 40, 60 และ 100 บาท สั่งชุดละ 60 มาลองชิม ได้หมูทั้งหมด 12 ไม้ หมูนุ่มที่หมักเครื่องปรุงเข้าเนื้อ ย่างแบบไม่แห้งจนเกินไป จิ้มกับน้ำจิ้มถั่ว ทานคู่กับอาจาดแตงกวา เพิ่มความเผ็ดด้วยพริกจินดาซอย มันกลมกล่อม..

ลองสังเกตุหมูหมักที่รอย่างอยู่ในถาด วันๆนึงย่างขายกันเป็นพันๆไม้เลยทีเดียว





มาต่อที่ร้าน ปากหม้อ ป้าน้อย สำหรับร้านนี้ที่ลองเพราะเห็นคนพื้นที่มาสั่งใส่กล่องกลับบ้านกันมากมาย สั่งแล้วก็ต้องนั่งรอคิวเกือบๆชั่วโมง จุดเด่นของปากหม้อป้าน้อยคือ แป้ง ที่มีความเหนียวนุ่ม เหนียวนุ่มขนาดที่ยืดได้!! แต่ตัวไส้จะต่างจากของร้านเจ๊หุ่นยนต์ตรงที่ ของร้านป้าน้อยจะไม่ใส่หมูยอ จะมีเพียงหมูบด ที่ผัดกับเครื่องปรุงรสและใส่ต้นหอมเท่านั้น ราคาขายก็ตัวละ 10 บาท น้ำจิ้มรสหวานมีกลิ่นหอมมะนาวนิดๆ เป็นร้านเด็ดอีกร้านที่ควรมาลอง




มาที่ของหวานกันบ้าง ร้าน แหม่ม เต้าหู้ จากรูปที่เห็นคนยืนรอเยอะขนาดนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายมากมายอะไร ที่ขึ้นชื่อเลยก็ต้องเป็นน้ำเต้าหู้อยู่แล้ว น้ำเต้าหู้ร้อน ทานคู่กับปาท่องโก๋กรอบ(ลืมถ่ายรูปมา) น้ำเต้าหู้ร้อนๆที่ทำมาแบบเข้มข้นรสชาติหวานน้อย กับปาท่องโก๋กรอบตัวเล็กๆ เข้ากันได้ดี ส่วนอีกสองเมนูที่ขายดีไม่แพ้กันคือ เต้าทึงเย็น ทีเด็ดอยู่ที่เม็ดสาคู ที่เหนียวนุ่ม แปะก๊วย พุทราเชื่อม และน้ำเชื่อมหอมหวาน เมนูสุดท้ายคือ รังนกแปะก๊วย(ร้อน) ถ้ามาที่นี่ก็เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาด





เช้าวันถัดมากับอาหารเช้าของที่พัก ก็เป็นอาหารพื้นๆทั่วไปซึ่งรวมอยู่ในราคาที่พักแล้ว รองท้องแก้หิวก่อนออกไปข้างนอก




เที่ยงของวันที่ 2 ออกเดินทางไป ช่องเม็ก เพื่อข้ามไปเที่ยวตลาดฝั่งลาว ก่อนถึงช่องเม็กจะมีที่ทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวอยู่ทางซ้ายมือ เอกสารที่ต้องใช้คือ บัตรประชาชน ค่าดำเนินการ 30 บาท ค่าถ่ายเอกสาร 4 บาท แล้วถือเอกสารเดินตรงไปที่สำนักงานได้เลย ทางเดินข้ามฝั่งเราต้องเดินลอดผ่านไปทางใต้ดิน

ทางลงอุโมงค์จะมีป้ายบอกไว้ชัดเจนว่ามีของอะไรบ้างที่ห้ามนำเข้ามาที่ฝั่งไทย ที่สำคัญมากคือ บุหรี่ ถ้าซื้อกลับมาจะเสียค่าปรับถึงซองละ 717 บาทเลยทีเดียว



ขึ้นมาจากอุโมงค์ เดินมาอีกนิดจะเจอตลาดชาวบ้านที่นำของพื้นเมืองมาวางขายกันอย่างง่ายๆ มีทั้งหน่อไม้ที่ปอกกันสดๆ เห็ด พืชผัก ผลไม้ หนังควาย และปู




เดินเที่ยวอยู่ฝั่งลาวแค่ไม่นานเพราะอากาศร้อนมาก ก่อนกลับแวะเข้า Duty free มีสินค้าพวกแอลกอฮอล์ น้ำหอม บุหรี่ และขนมขาย แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา

ข้ามกลับมาฝั่งไทย เดินทางต่อไปที่ วัดสิรินธรภูพร้าว หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ระยะทางห่างจากตัวเมืองราวๆ 96 กม. ใช้เวลาประมาณ 01.30 ชม.

พระอุโบสถของที่นี่จะเป็นสีทอง ในเวลากลางคืนจะเรืองแสงสีเขียวสวยงามมาก(ดูรูปมาจากในเน็ต) หากอยากเห็นเรืองแสงควรมาในเวลาเย็น แต่ด้วยเส้นทางที่ดูแล้วไม่ค่อยปลอดภัย ไม่มีไฟถนน และพื้นผิวถนนเป็นหลุมเป็นบ่อในบางช่วง เราเลยรีบกลับก่อนมืด จึงไม่ได้อยู่รอจนได้เห็นเรืองแสง เสียดายมากๆ







สำหรับอาหารการกินในคืนสุดท้ายยังคงกลับมาที่ตลาดโต้รุ่งอย่างเคย เพราะติดใจในรสชาติ วันนี้ไปทานส้มตำร้านด้านในสุด แต่ด้วยความหิวโหยหลังจากเดินทางไกลนั้น.. ทำให้ลืมถ่ายรูป 555 ฟาดเรียบแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้

ถ้ามาที่อุบลฯจะเห็นร้านลูกชิ้นทอดอยู่ในทุกซอกซอย ที่จะมีหม้อน้ำจิ้ม กับผักสดไว้ให้บริการตัวเองอยู่หน้าร้านเป็นซิกเนเจอร์ และร้านที่ไม่ควรพลาดก็คือร้าน ลูกชิ้น มิตรสัมพันธ์ ซึ่งเขาการันตีว่าลูกชิ้นนั้นทำเอง สด ใหม่ ทุกวัน และราคาก็ไม่แพง ราคาเริ่มต้นแค่ไม้ละ 3 บาทเท่านั้น


ของหวานในวันนี้คือ ไอศครีมกะทิสด ร้าน ไอศครีม วัลย์ สั่งแบบใส่ขนมปัง ใส่เครื่อง(ลูกชิด, ข้าวเหนียวมูน) โรยด้วยถั่วลิสงคั่ว กับถั่วซีกนึ่ง ราดด้วยนมข้นจืด เนื้อไอศครีมเนียนนุ่ม หอมมันด้วยกะทิสด ราคาก็แค่กล่องละ 30 บาท เครื่องเยอะมาก เต็มกล่องแทบทานไม่หมด



ปิดท้ายกันด้วยปิ้งย่างหม่าล่า ที่บังเอิญกลับรถแล้วหันไปเห็นคนมุงกันอยู่พอดี ร้าน แสบไส้ ปิ้งย่างหม่าล่า อยู่ซอยฝั่งตรงข้ามตลาดโต้รุ่งฯ มีหลากหลายอย่างให้เลือก ทั้งเนื้อสัตว์ และผัก ราคาก็ไม่แพง เริ่มต้นไม้ละ 5 บาท เพิ่งเคยลองครั้งแรก พริกหม่าล่าที่ให้ความเผ็ด ชา ถ้าคนทานเผ็ดน่าจะชอบ







วันที่ 3 ช่วงสาย Check out ออกจากที่พัก นำรถไปคืน ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องกลับตอน 1 ทุ่ม ซึ่งไม่รู้จะไปไหนดีก็ไปนั่งแกร่วอยู่ที่เซ็นทรัลฯอุบล ครึ่งวัน!!! เพื่อรอเวลากลับบ้าน (T_T)

6โมงกว่าเข้าไปนั่งรออยู่ใน Gate ฝนตกหนักมาก(มา3วันก็เพิ่งจะตกนี่แหล่ะ) ทำให้ไฟดับอยู่เกือบๆชั่วโมง และในที่สุดเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ไฟฟ้าก็มาพอดี ในที่สุดก็ได้กลับบ้าน หลังจากนั่งรอเวลานี้มาครึ่งวันเต็มๆ น้ำตาจะไหล..

ทริปนี้ความรู้สึกคือยังไม่สุด อยากเห็นวัดเรืองแสงตอนกลางคืน ยังติดใจอาหารอร่อยที่ตลาดโต้รุ่งฯ กลับมาก็เลยวางแพลนว่าในเดือนเมษายนปีหน้า จะกลับไปซ่อมอีกครั้ง เพื่อไปเที่ยวสามพันโบก ผาแต้ม ไปดูวัดเรืองแสงตอนกลางคืน และไปทานของอร่อยที่ตลาดโต้รุ่ง(ชอบมาก) แล้วเราจะกลับไปอีก เจอกันหน้าร้อนปีหน้า อุบลฯ เมืองที่มีแต่ของอร่อย <3

OPW's Story

 วันพฤหัสที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.35 น.

ความคิดเห็น