สวัสดีครับ เพื่อนๆ รีวิวนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวในโปรแกรมวันที่ 2 โดยทางคณะผู้จัดบอกว่า ถ้าทำบุญมาเยอะจะได้เห็น Pai in the mist ตามโปรแกรมแบบเต็มอิ่ม ไปลุ้นพร้อมๆกันเลยครับ ว่า หมอยา พาเที่ยว และเพื่อนๆจะได้เจอหมอก ที่ปายไหม



ใครพลาด อ่านตอนที่ 1 กดเข้าไปอ่าน ได้จากรีวิวนี้เลยครับ

http://pantip.com/topic/34176974/comment5



อุปกรณ์ถ่ายภาพ ตลอดทริป คือ

Sony A7Rii

Vario-Tessar T* FE 16-35mm F4 ZA OSS

Vario-Tessar T* FE 24-70mm F4 ZA OSS



ก่อนจะไปดู รายละเอียด เพื่อนๆสามารถดู โปรแกรมเที่ยวครั้งนี้ได้ตรงนี้เลยครับ

วันที่ 2

จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ตำแหน่ง GPS N19°22.15116, E098°23.71566

Thom's Pai Elephant Camp ตำแหน่ง GPS N19°18.64014, E098°27.78234

River side Terrace ปายฮอทสปริง รีสอร์ท ตำแหน่ง GPS N19°18.48294, E098°27.65046

วัดศรีดอนชัยตำแหน่ง GPS N19°22.7688, E098°26.83908

โรแมนซ์ฟาร์ม ตำแหน่ง GPS N19°22.9263, E098°26.84412

พระองค์ใหญ่สีขาว วัดพระธาตุแม่เย็น ตำแหน่ง GPS N19°21.00366 E098°27.31362

ถนนคนเดินปาย ตำแหน่ง GPS N19°21.60132, E098°26.49324

ร้านขนาด ปายริเวอร์คอนเนอร์ ตำแหน่ง GPS N19°21.54924, E098°26.7279



ขอขอบคุณ สำหรับ คำเชิญจากทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปาย และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ให้หมอยา พาเที่ยว ไปพิสูจน์ความงามของปายหน้าฝน ครั้งนี้ด้วยครับ



เพื่อนๆ สามารถ รับชมภาพสวยๆ ก่อนใครได้จากแฟนเพจ หมอยา พาเที่ยว โดยกดตรงนี้เลยครับ https://www.facebook.com/pharmatraveller



เช้ามืดวันที่ 2 ผมตื่นก่อนไก่จะโห่ซะอีก ตื่นมานั่งหาว ตั้งสติซักพัก ก็ขว้างกระเป๋ากล้องออกนอกห้อง น้ำไม่อาบ กระโดดขึ้นรถตู้ทั้งชุดนอน แล้วรีบหลับต่อบนรถตู้ทันที



วันนี้ชาวคณะปาย มีนัดไป ล่าทะเลหมอกกับแสงเช้า ที่จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล เป็นสถานที่ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น สวยที่สุดในปาย ใครมาปายแล้วยังไม่ได้มา อย่าไปพูดว่ามาเที่ยวปายนะ คนปายถือว่า มาไม่ถึงปาย



พอไปถึงจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล มีคนไปถึงก่อน พวกผมซะอีก แต่ไม่ได้เยอะถึงขนาดต้องแย่งกัน จับจองพื้นที่ เหมือนกับช่วงหน้าหนาว เป็นของข้อดีของการมาเที่ยว ปาย ช่วงหน้าฝนจริงๆ



ระหว่างนั่งลุ้นหมอก แสงรอบตัวก็ค่อยๆ สว่างขึ้น มองไปที่ทิวเขา พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นพ้นขอบฟ้าซักที



รอ ร้อ รอ......สุดท้าย น้องหมอก ออกมานิดเดียว น่าเสียดายยยยย.......ถ้าเมื่อคืน ฝนตกซักนิด หมอกคงจะขึ้นสวยแน่ๆ



ถึงจะไม่เจอหมอก แต่วิวบนนี้ ก็สวยนะครับ มองเห็นปายทั้งเมือง

ไม่อยากจะคิดว่า ถ้าหมอกขึ้นมาเยอะๆ จะฟินขนาดไหน เลยถ่ายภาพ วิวเมืองปาย มาฝากแทนแล้วกัน



อ่อ เกือบลืมบอก ค่าเข้าจุดชมวิว 20 บาทนะครับ จะมีชาจีนร้อนๆ ให้จิบ สู้ อากาศหนาวๆข้างบน



กลับที่พัก ไปรับประทานอาหารเช้าของโรงแรม นั่งหาว....เอ๊ย นั่งพัก รอเวลาจะไปทำกิจกรรม ต่อไปของวันนี้ คือการขี่ช้างที่ Thom's Pai Elephant Camp ครับพอรถตู้รับชาวคณะครบทุกคน ก็ไปที่ Thom's Pai Elephant Camp ทันที พอถึงที่แคมป์ มีช้างให้ขี่ได้ 2 เชือก จึงต้องตัดสินกันว่าใครจะได้ขึ้นไปขี่บ้าง



ระหว่างรอ เป่ายิ้งฉุบ ว่าใครจะเป็นคนขี่ช้างบ้าง แอบสอบถาม ค่าบริการจากควาญช้าง



“นั่งช้างจะอยู่ 400 บาทต่อคนครับ ใช้เวลาเดินเที่ยวประมาณ 1 ชม. แล้วแต่เลือกว่า เดินเที่ยวผจญภัยมาก หรือ ผจญภัยน้อย ก็ได้"



“หือออ !!?! อะไร มีให้เลือกด้วย แล้วต่างกันยังไง ผจญภัยมากกับน้อยเนี้ย"



“ก็ถ้าต้องการมาก จะพาลงไป ลุยน้ำเปียกทั้งตัว แต่ถ้าน้อยจะพาไปเดินเล่นบนเขา"



“อ่อ........"



ในที่สุด คณะปายก็ได้ผู้ขี่ช้าง เป็นหญิง 4 คน กับ ผู้ชาย 1 คน ที่ได้ผู้หญิงเยอะไม่ต้องแปลกใจครับ ไม่ได้เกิดจาก เป่ายิ้งฉุบชนะ แต่เกิดจาก ผู้ชายลงมติเป็นเสียงส่วนใหญ่ว่า ให้ Lady First ขึ้นก่อนเลย.....ค้าบบบบ (ความจริงคือ พวกผู้ชายเห็นแล้วว่า หวาดเสียว เลยลงมติ ผลักไสให้ผู้หญิงไป ขี่ช้างแทน ส่วนตัวเองอยู่ถ่ายภาพข้างล่างดีกว่า)



แต่ก็มี น้องบางคน อาสา ยอมตกเป็นเครื่องมือ.....อ่ะ ยอมขึ้นขี่ช้างแต่โดยดี นั้นก็ คืออออ.....น้องพัช จาก http://tinypach.com นั้นเองงงง



สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดว่า ไม่มีความสามารถพอที่จะที่ปีนขึ้นช้างแน่ๆ ที่แคมป์ มีจุดขึ้นช้างนะครับ....



หลังจากขึ้นปีนขี่ช้างกันครบทุกคน ทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะเลือกเส้นทาง เดินแบบผจญภัยน้อยที่สุดกัน เพราะไม่อยากตัวเปียก



ผมก็ไม่ได้ เป็นคนขึ้นขี่ช้างเอง เลยบรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่เห็นตอนช้างเริ่มเดินขึ้นภูเขา 3 สาวที่อยู่บนช้าง ร้อง กรี๊ดกร๊าด ด้วยความ สนุ.......



“อะไรนะ น้องพัช ไม่ได้สนุกหรือ อ้าว...เห็นร้อง กรี๊ดกร๊าด ซะเสียงดังเลย"

“อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยิน.....อ๋อ กรี๊ด เพราะกลัวจะตก ไม่ใช่กำลังสนุก"



เอาจริงๆ ผมมองว่ายังไง ก็คงสนุกนั่นล่ะครับ แต่มันมีบางจุด ที่ช้างต้องเดินขึ้นเนิน สาวๆคงจะกลัวตกมากกว่า เลยร้องซะเสียงดังเลย ซึ่งจริงๆ มันปลอดภัยนะ



ถ้าเพื่อนๆ อยากให้ปลอดภัยกว่านี้ อาจจะขอที่แคมป์ เพิ่มเก้าอี้แบบนั่ง ก็ได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นิดหน่อยครับ



เดินอยู่เกือบ 1 ชม.แล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี



ข้าวเที่ยงของวันนี้ ไปกินที่ปาย ฮอทสปริง สปา รีสอร์ท ชื่อคุ้นๆไหม ใช่แล้วครับ เป็นรีสอร์ท ที่ผมพักในคืนแรก



อาหารของรีสอร์ท จะเป็นรสชาติไม่ได้จัดจ้าน แต่กลมกล่อม กำลังดี อร่อยครับ และที่สำคัญ อาหารต่อจานเยอะมาก....ขนาดหิวมาก เพราะเดินกับช้าง มา 1 ชม. พวกผมยังกินกันเหลือ ผมว่า อาหาร 1 จาน ผู้ใหญ่กินกัน 3 คน อิ่มสบายๆ คิดแล้วเสียดาย ที่จะกินกันไม่หมด



อิ่มแล้ว เข้าสู่โปรแกรมภาคบ่าย ของทริป ความน่าสนใจของการท่องเที่ยวปายรอบนี้ อยู่ตรงภาคบ่ายของวันที่ 2 นี้แหละครับ ที่เราจะได้ สัมผัสความเป็นปายอย่างแท้จริงวัดศรีดอนชัย วัดแรกของปาย วัดที่รวมประวัติ เรื่องราวการกำเนิดปาย เอาไว้ โดยผ่านภาพเขียนฝาผนัง ภายในวัด



ผมโชคดีที่กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวปาย ได้ติดต่อ พ่อหนานจันทร์ นักปราชญ์ท้องถิ่น ให้มาเล่าเรื่องปายทั้งหมด ให้พวกเราฟัง ถ้าเพื่อนๆไปไม่เจอ พ่อหนามจันทร์ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ในวัดก็บอกเล่าเรื่องราวได้สนุกไม่แพ้กัน ผมขอเล่าย่อๆ ในฉบับความเข้าใจบ้านๆ ของผมเองแล้วกันนะครับ



สมัยก่อน อาณาจักรลานนา จะเรียกปาย ว่า “บ้านดอน" ผู้คนส่วนใหญ่ใน บ้านดอน จะเป็น ชาวพม่า ที่มาตั้งทัพสร้างเมืองกัน ในอดีต ก่อนจะมีการสร้างเมือง ชาวพม่าจะสร้างวัดขึ้นมา ในปัจจุบัน วัดนี้ คือ วัดศรีดอนชัย โดยชื่อ ถูกตั้งจาก ชื่อของเจ้าศรีไจย์ที่ยกทัพมาสู้กับพม่าจนชนะ รวมกับ บ้านดอน เป็น วัดศรีดอนชัย นั้นล่ะครับ



บ้านดอน ถือว่าเป็นจุดยุทศาสตร์ในการรบที่ดี ชาวพม่าตอนนั้นนึกคึก อะไรไม่ทราบมีการท้าทายไปยังเมือง ลานนา ให้ยกทัพมารบกันที่ บ้านดอน ในที่สุด เรื่องท้าทายแบบนี้ ไปไวเหมือนไฟลามทุ่ง ก็ไปเข้าหูของเจ้าลานนาเข้า จึงจัดชุดแฮปปี้มีล อร่อยสุดคุ้ม อ่ะ…..จัดทัพ มาตีบ้านดอนจนแตก กลายเป็น โกโก้ครั้นช์….ไม่ใช่…เกิดเป็นเมืองปายจนถึงในปัจจุบัน



“พี่ๆ อย่าเขียนผิดบ่อยสิครับ เดียวคนอ่านงง นึกว่าขายของ"



“คนกำลังหิวพอดี ขอโทษครับ ต่อเลยนะ"



ระหว่างรบ ต่อสู้กันอย่างชุลมุน ทัพของเจ้าศรีไจย์ ได้ทำช้างพลาย (ช้างเผือก) ที่พามาทำศึกจาก เมืองลานนา หายไปสองเชือก พอชนะสงคราม จึงมีรับสั่ง ให้ทหารไปจับตัวกลับมา



ระหว่ากำลังสะกดรอย ช้างพลาย จนมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ตอนนั้นไม่มีชื่อเรียก ได้พบเห็น ช้างพลายทั้งสองเชือก กำลังเล่นน้ำอยู่พอดี ทหารจึงล้อมจับ แล้วรีบนำกลับมา กราบทูลแก่เจ้าศรีไจย์ ในระหว่างกราบทูล ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่คล้องช้างกลับมา พระองค์ทรงปรารภว่า “แม่นํ้านื้ควรจะมีนะ ให้ชื่อว่า แม่น้ำปาย"

ซึ่งเป็นภาษาถิ่นเมืองเหนือ ใช้เรียก ช่างพลายว่า จายปาย และก็เลยตั้ง ชื่อเมืองว่า เมืองปาย ในที่สุด



หลังฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ ก็ลาพ่อหนามจันทร์ มุ่งหน้าสู่ร้านสุดฮิป ไม่ไกลจาก วัดศรีดอนชัย นั้นก็คือ โรแมนซ์ฟาร์ม แค่ 5 นาที ก็ถึงแล้วครับ



พอลงจากรถตู้ ผมก็รีบเดินไปที่ โรแมนซ์คอฟฟี่ช็อป อาคารหลังเล็กๆ ทันทีที่หน้าฟาร์ม



ตัวอาคารทำจากสังกะสี ภายในร้านตกแต่งสไตล์ วินเทจ ดูน่ารัก หวานๆ ข้างนอกมี ฟาร์มแกะด้วยนะครับ ถ้าอยากให้อาหารแกะ ให้ติดต่อคอฟฟี่ช็อปก่อน จะมีค่าเข้าชมฟาร์ม 50 บาท



ส่วนผมขอนั่งพักชิลล์ ชิลล์ กินนมสดอร่อยๆ ของที่นี่ ก่อนจะเคลื่อนย้ายไป จุดชมวิวอีก 1 จุดของเมืองปาย ก็คือ พระธาตุแม่เย็น



ถึงแล้ว พระธาตุแม่เย็น ตอนนี้มีการสร้างพระสีขาว ขนาดใหญ่ มีชื่อว่า "พระพุทธโลกุตระทหามุนี" ถ้าอยู่ในเมืองปาย ก็สามารถมองเห็น องค์พระได้ไม่ยากครับ ตัวองค์พระใกล้เสร็จ แต่ทางขึ้นอาจจะยังไม่เรียบร้อยดี เดินขึ้นไป เล่นเอาหอบเหมือนกัน



เดินขึ้นมาถึงด้านบน จะเห็นวิว เมืองปาย จุดชมวิวพระธาตุแม่เย็น จะอยู่ตรงข้ามกับ จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล เมื่อตอนเช้า แต่พวกผมไม่ได้อยู่จนพระอาทิตย์ตกนะครับ พอดีมีนัดกัน จะไปเดินถนนคนเดินต่อ เลยอยู่ได้แป๊ปเดียว ก็ต้องลงแล้ว เสียดาย พลาด อดดูพระอาทิตย์ตกเลย



ลงจาก พระธาตุแม่เย็น ก็มุ่งน่าสู่ ถนนคนเดินปายตอนผมไปถึง ตอนคนเดิน พ่อค้า แม่ค้า เพิ่งจะเริ่มตั้งร้านขายของกันเอง กว่าจะร้านจะเปิดกันครบทุกร้านก็คงประมาณ 1 ทุ่ม ระหว่างรอร้านเปิดขายของกัน ผมก็เดินเล่นถนนคนเดินไปจนสุดทาง เจอกับร้านอาหาร ชื่อ ขนาด บรรยากาศภายในร้านดีมาก เรียกได้ว่าสัมผัสถึงบรรยากาศปายเลยครับ ร้านอยู่ติดริมน้ำปาย มีคนมานั่งตกปลา เด็กกระโดดลงเล่นน้ำจากฝั่งตรงข้าม ถ้านั่งกินข้าวร้านนี้ ได้มองวิถีชีวิตคนเมืองปาย ไปได้ในเวลาเดียวกัน คงจะชิลล์มาก



พอเดินออกจากร้าน กลับไปหาเพื่อนๆ ที่กระจัดกระจายกัน ผมเพิ่งรู้ว่า อาหารที่จะทานเย็นนี้ ตกลงเป็นร้าน ขนาด นี้แหละ เดินตามหาเพื่อนๆ คนขาลากเลยผม รู้แบบนี้....รอที่ร้านอาหารเลยดีกว่า



ทานข้าวเย็น อยู่ติดริมน้ำเลยยยย.....ได้บรรยากาศ ปายมากๆ



กินข้าวอยู่พักนึง มองไปเห็นโต๊ะข้างๆ เป็นโต๊ะชาวจีน นั่งพื้นเลย.....อื่อ...เจ๋ง....อยากไปนั่งด้วยยยย ภายในร้านก็มี ดนตรีบรรเลงเบาๆ สไตล์บอสซ่า เข้ากับรรยายกาศ ในเมืองปายมากจริงๆ



หลังจากกินจนพุงกาง พร้อมกับดื่มด่ำ บรรยายกาศเสร็จแล้ว ก็ลุกไปยืดพุงกับ ถนนคนเดินปายได้ซักที



ถนนคนเดิน ในวันธรรมดาแบบนี้ ผมเดินตัวปลิวเลยครับ ไม่ต้องเบียดหรือรอคิวแย่งซื้ออาหารกับใคร เดินดูร้าน สองข้างทาง ได้เต็มที่เลยครับ



เดินเหนื่อยๆ แวะซื้อน้ำ จากร้านน้ำกระบอกเมืองปายซักหน่อย คงไม่ต้องบอกร้านอยู่แถวไหน เพราะร้านพี่เค้าเด่นมาก ถ้าแกมาตั้งร้านขายยังไงต้องเห็นร้านแกแน่ๆ ครับ



เดินเก็บภาพ บรรยาย ถนนคนเดินและซื้อของฝาก เรียบร้อย ก็เตรียมตัวแยกย้าย กับเพื่อนๆ กลับที่ พักกัน นอนกันเถอะ



สำหรับคืนนี้ ผมย้ายมาพักที่นี่เลยครับ บ้านต้นไม้ปายรีสอร์ท กว่าจะถึงที่พัก ก็ดึกแล้วว รีบเข้านอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้มีกิจกรรม ที่ใครชอบ ปั่นจักรยาน ต้องไม่พลาดอ่านรีวิว ตอนหน้านะครับ



ถ้าใครอยากรู้ว่า ว่าทริปนี้ เส้นทางปั่นจักรยานพวกผมเป็นยังไง รอติดตาม รีวิวตอนหน้า ได้เลยครับ ที่สำคัญ จะมีการแนะนำ ที่พักสวยๆ ของปาย ที่ไม่ควรพลาด เพราะอาจจะช่วยเติม ความฝันในวัยเด็กของ เพื่อนๆก็ได้นะครับ อย่าพลาดอ่านนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


—————————————————————————————

สามารถติดตาม ข้อมูลต่างๆได้ที่ เพจหมอยา พาเที่ยว ตรงนี้เลยค้าบ

https://www.facebook.com/pharmatraveller/

หมอยา พาเที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 11.54 น.

ความคิดเห็น