ใส่ชุดไทยย้อนเวลา เที่ยวเมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔


การได้ทำอะไรใหม่ๆ มักจะทำให้เราตื่นเต้นได้เสมอ

และนี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งใหม่ที่เราจะได้ทำ นั่นคือ การใส่ชุดไทยเที่ยว!!!

แถมนี่ไม่ใช่แค่การใส่ชุดไทยเที่ยวแบบธรรมดาๆนะ นี่เป็นการใส่ชุดไทยย้อนยุค เที่ยวไทยแบบย้อนเวลาไป ร.ศ. ๑๒๔ นู้นเลย ที่ "เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ "

แค่คิดก็สนุกแล้ว...อยากรู้ว่าจะฟิน หรือจะอินแค่ไหน ลองดูในรีวิวนี้ได้เลย


เมืองมัลลิกา

ตั้งอยู่ที่ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองกาญฯ ประมาณ 32 กิโลเมตร

บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามวิถีชีวิตผู้คนในสมั้ยนั้น

ที่นี่ได้จำลองเมืองและวิถีชีวิตของชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือ ร.ศ. ๑๒๔ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

-----------------------------------------------------------------

ชุดไทย

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรกว่าทริปนี้เราจะใส่ชุดไทยเที่ยว เพราะฉนั้นก็จัดการติดต่อซื้อบัตรให้เรียบร้อย แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดกันได้เลย มีพนักงานน่ารักๆ พูดจา "เจ้าค่ะ" แบบไทยๆ รอเปลี่ยนชุดให้อยู่


พร้อมแล้วเจ้าค่ะ

ลืมบอกไป...มาเที่ยวที่นี่ จะเดินชิลๆถือเงินแบงค์เข้าไปเลยไม่ได้นะ เพื่อว่าอินและเข้ากับยุคสมัย

ก่อนจะเข้าต้องแลกเงินที่เรียกว่าสตางค์รูไปใช้ด้วย

-----------------------------------------------------------------

ห้องเล่าเรื่อง

อีกนิดนึง ก่อนจะเข้าเมืองมัลลิกากันจริง

จุดนึงที่เราอยากให้ลองเข้ามาดูกันคือ "ห้องเล่าเรื่อง"

ห้องนี้เป็นห้องที่จะเล่าเรื่องราวใน ร.ศ. ๑๒๔ หรือในสมัยรัชกาลที่ ๕

ผ่านภาพถ่ายต่างๆที่ได้ทำการสำเนามาจากภาพจริงที่หอสมุดแห่งชาติ

ให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีตผ่านภาพประวัติศาสตร์เหล่านี้

นอกจากนี้ ในห้องเล่าเรื่องยังมีหุ่นขี้ผึ้งจำลองการแต่งกายของคนในสมัยนั้น

ว่าแต่ละชนชั้นเค้าแต่งตัวกันยังไง

และยังมีเรือนจำลองของชนชั้นเจ้านายในสมั้ย ร.๕ ด้วย

-----------------------------------------------------------------

ร้านกาแฟ

ข้างๆกันกับห้องเล่าเรื่อง

จะมีร้านกาแฟบรรยากาศแบบไทยๆ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่

เอ้อ...เราเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองนะว่ากาแฟเนี้ยะ ทานกับขนมไทยแล้วเข้ากันดีนะ

-----------------------------------------------------------------

เอาล่ะ...เราจะพาเข้าเมืองกันจะพาเข้าเมืองกันจริงๆละนะ

จะเข้าเมืองจริงๆละ แต่ขอถ่ายรูป แป๊บ!!


-----------------------------------------------------------------

สะพานหัน

เดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาแล้ว จุดแรกที่เราจะช๊อปปิ้ง เอ้ย!! เดินผ่านไปชม

ก็คือที่สะพานหัน นี่แหละครับ

ชื่อ สะพานหัน มาจากลักษณะของตัวสะพานที่ สมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง

ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นกับที่ ส่วนอีกข้างจะไม่ตอกติด จับหันไปมาได้เพื่อให้เรือแล่นผ่าน

จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เปลี่ยนเป็นสะพานไม้โค้งกว้าง

สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน

และที่เมืองมัลลิกาก็ได้จำลองเอาไว้ตามแบบนั้นด้วย

-----------------------------------------------------------------

ย่านการค้า

เดินผ่านสะพานหันมา จุดแรกที่เราจะผ่าน คือ ย่านแพร่ง หรือย่านการค้า

ตรงนี้ก็ตามชื่อย่านเลยนะครับ ย่านการค้าก็จะเต็มไปด้วย พ่อค้า แม่ค้า ร้านค้าต่างๆมากมาย

แต่ก่อนจะเข้าไปย่านแพร่ง ขอถ่ายรูปกับซุ้มประตูสวยๆนี้ก่อน

อย่างที่เราบอกกันตั้งแต่ต้นรีวิว

ที่นี่เค้าไม่ใช้แบงค์หรือเหรียญแบบที่เราใช้กันนะ ต้องแลกสตางค์รูมาใช้จ่ายเท่านั้น

สำหรับใครที่แลกมาน้อยแล้วใช้หมดไปตั้งแต่สะพานหันแล้ว ก็มาแลกเพิ่มได้

ที่ "แบงก์สยามกัมมาจล" นี่ได้เลย

ต่อไปก็...เดินช๊อปปิ้งสิจ๊ะ

อีกย่านที่อยู่ติดกันก็จะเป็นย่านบางรัก

เดินช๊ออปิ้งที่นี่

จะพิเศษตรงที่ ของกิน นี่แหละครับ

ที่นี่มีขนมไทยต่างๆมากมายให้เลือก บางอย่างและหลายๆอย่างนี่หากินได้ยากแล้ว

และที่รู้สึกพิเศษอีกอย่างคือ พ่อค้า แม่ค้า ที่นี่แหละ

นอกจากจะแต่งตัวย้อนยุคแล้ว เค้าพูดกับ "เจ้าค่ะ" "ขอรับ" เอาซะเราอินตามไปด้วยเลย

นี่แหละที่เราบอกไว้ว่า "ย้อนเวลา"


-----------------------------------------------------------------

เรือนหมู่

เดินผ่านย่านแพร่งมา อีกโซนที่เราจะไปกันต่อก็คือที่เรือนหมู่

เพราะเรือหมู่นั้น...มีผู้ เป็นหมู่เลย!! เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่ละ

จุดประสงค์หลักของการเดินมาที่เรือนหมู่นี่ก็ไม่มีอะไรมากครับ

นอกจาก มา กิน

เพราะที่เรือนหมู่เป็นจุดสำหรับรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ซะด้วย

อาหารก็มีให้เลือหลากหลาย แบบไทยๆทั้งนั้น เลือกตักเลือกเติมได้ตามสบาย

อ้อ!! แล้วก็บุฟเฟ่ต์กลางวันเค้าเก็บตอนบ่ายสองโมงนะ

อย่าเดินเพลินแล้วมาตอนบ่ายโมงห้าสิบแบบเราล่ะ (หางตามีน้ำซึมออกมานิดๆ T T)

ใครกลัวไม่อิ่มก็ยกไปทั้งหม้อแบบนี้ เฮ้ย!! ใช่ที่ไหนล่ะ น้องพนักงานเค้าเอามาเติมให้ตะหาก!!

สำหรับเราแล้ว อะไรก็โดนใจไม่เท่าขนม

ยิ่งเป็นขนมแบบไทยๆที่หาทานยากๆแบบนี้ พี่ขอหยิบไปเยอะหน่อยละกัน ฮ่าๆๆๆ

ระหว่างเขียนรีวิว พิมพ์ไปก็หิวไป เฮ้อ....เอาล่ะๆ เอาเป็นว่ากินจนอิ่มแล้วก็แล้วกัน

แต่อิ่มแล้วเราก็ยังไม่ไปจากเรือนหมู่นะ ขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนกันต่อ


เรือนหมู่ จำลองจากเรือนสำหรับรับรองแขกบ้านแขกเมือง ของคหบดีไทยในสมัย ร.๕

มีความกว้างขวาง ใหญ่โต และสวยงาม

ที่เมืองมัลลิกา จึงจัดให้เป็นจุดรับประทานอาหาร รวมทั้งเป็นจุดจัดการแสดงต่างๆด้วย


-----------------------------------------------------------------

บรรยากาศสวยๆ ในแบบย้อนยุคภายในเมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔




-----------------------------------------------------------------

ย่านเยาวราช

ย่านนี้ก็จำลองจากย่านที่อยู่ของคนจีนที่มาอาศัยลงหลักปักฐานที่สยามในสมัยก่อน

ย่านนี้จะมีจุดที่น่าสนใจ คือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม

ศาลเจ้าแม่ทับทิมนี้ แม่ค้าที่ขายดอกไม้ธูปเทียนอยู่หน้าศาลเล่าให้ฟังว่า...

ตอนที่มาทำงานที่เมืองมัลลิกาแรกๆ แกถูหวยประจำเลย

ก็เป็นเพราะไว้และขอพรจากองค์เจ้าแม่ทับทิมนี่แหละ

นอกจากเรื่องโชคลาภแล้ว ยังศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของหน้าที่การงานด้วยนะ

อันนี้เรื่องจริง ไม่ได้จำลอง

เชื่อหรือไม่ อันนี้แล้วแต่วิจารณญานนะคร๊าบบ

อีกอย่างที่น่าสนใจในย่านนี้ และเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับการมาเที่ยว

ก็เห็นจะเป็นการส่งโปสการ์ดหาตัวเองนี่แหละ

ที่เมืองมัลลิกา ถ้าจะส่งโปสการ์ดหาตัวเองก็ต้องที่ ไปรษณีย์ เมืองมัลลิกานี่แหละ

ส่งได้จริงๆ ไม่ใช่จำลองไว้ขำๆนะ

-----------------------------------------------------------------

เรือนคหบดี

เดินข้ามสะพานมาต่อกันอีกโซน

ที่ เรือนคหบดี หรือจะเรียกอีกอย่างก็คือ เรือนคนรวย นั่นแหละครับ

เรือนนี้จำลองมาจากเรือนของชนชั้นปกครองในสมัยก่อน


สำหรับที่เมืองมัลลิกาแห่งนี้

ที่เรือนคหบดี จะมีการสาธิตการร้อยมาลัย และเราก็สามารถร่วมร้อยมาลัยได้ด้วย


-----------------------------------------------------------------

โรงครัว

เดินออกมาทางด้านหลังเรือนคหบดี

ก็จะเจอกับบริเวณโรงครัว จะเป็นส่วนของชาวบ้านสามัญชน

จะมีการแสดงสาธิตวิธีการสีข้าว ตำข้าว ฯลฯ ตามแบบฉบับของชาวบ้านในสมัยนั้น

ถ้าใครอยากลองทำมั่ง น้าๆ ป้าๆ ลุงๆ เค้าก็ยินดีสาธิตและสอนให้ทำนะจ๊ะ

เดินมาทางด้านหลังโรงครัว

ในที่สุดผมก็มีรูปคู่กับท่านหญิงของผมซะที

-----------------------------------------------------------------

เรือนแพ

เป็นอีกจุดที่เราอยากไปซ้ำ

เพราะอะไรน่ะหรอ...?!?

ก็เพราะเรามัวแต่ชักช้า เดินไป เดินมา ถ่ายรูปชิลๆ จนตรงนี้เค้าเก็บของหมดแล้วน่ะซิ


เล่าให้ฟังคร่าวๆละกัน

ตรงเรือนแพนี่นะ เป็นอีกจุดที่เราจะสามารถซื้อของกินได้

เพราะในสมัยก่อนใช้การสัญจรทางน้ำ และร้านค้าร้านขายก็จะอยู่ริมน้ำหรือเรือนแพแบบนี้แหละ

ที่นี่ยังจำลอง ร้านกาแฟตงฮู

ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ทันสมัยในยุคนั้นโดยการนำเข้าเมล็ดกาแฟสดจากต่างประเทศเข้ามาด้วย


-----------------------------------------------------------------

หอชมเมือง

ขอปิดท้ายทริปสวยๆแบบย้อนยุคย้อนเวลาที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

ด้วยการขึ้นไปบนหอชมเมือง

หอคอยที่สูงเด่นเป็นสง่า ตั้งอยู่กลางเมืองมัลลิกาแห่งนี้

ขึ้นมาบนยอดหอคอย เราจะสามารถชมเมืองมัลลิกาจากมุมสูงได้โดยรอบแบบ 360 องศา

-----------------------------------------------------------------

ข้อมูลเพิ่มเติม


การเดินทาง

เมืองมัลลิกาตั้งอยู่ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองกาญฯ 32 กม.

หากขับรถมาเองก็ตั้ง GPS มาที่เมืองมัลลิกาได้เลย

หรือถ้าไม่มีรถส่วนตัวก็ให้ต่อรถประจำทางสาย ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละ มาลงที่เมืองมัลลิกาได้เลย


ค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ 250 บาท / เด็ก 120 บาท
ค่าเข้า + อาหารเย็น + การแสดง: ผู้ใหญ่ 700 บาท / เด็ก 350 บา


ชุดไทย

ผู้หญิง

มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
ราคา 200 บาท : ผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม
ราคา 300 บาท : เสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มขัด และร่ม

ผู้ชาย
ราคา 100 บาท : เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน และผ้าคาดเอว
ราคา 300 บาท : เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน

เด็ก
ราคา 50 บาท : เสื้อคอกระเช้าสำหรับผู้หญิง เสื้อกุยเฮงสำหรับผู้ชาย และโจงกระเบน

-----------------------------------------------------------------

สำหรับเราแล้ว เราว่าที่นี่ มีมากกว่าความสวยงามของเมืองจำลอง

เพราะนอกจากเราจะได้มาเที่ยวแล้ว เรายังได้เรียนรู้ประวัติศาสตรและวิถีชีวิตในสมัยนั้นไปด้วย

ทุกๆอย่างในเมืองมัลลิกาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน พ่อค้า แม่ค้า อาหาร และบรรยากาศ

ทำให้เราอินเหมือนเข้าไปอยู่ในยุคนั้น หยั่งกับย้อนเวลาได้

ใครที่ยังไม่เคยไป เราแนะนำเลยว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่ไม่อยากให้พลาด


และสำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วชอบ

ฝากกดไลค์ กดแชร์ให้เราด้วยนะ

แล้วยังไงก็ฝากกดไลค์และติดตามเพจ Journey Gallery ของเราด้วยนะ

( www.facebook.com/journeygallery )

ทุกภาพความทรงจำดีดีมาจากการเดินทาง

ทริปต่อไปเราจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ฝากติดตามด้วยนะ ^^


ทริปนี้ขอรีวิวเท่านี้ล่ะ บายยยยยยย

-----------------------------------------------------------------

Journey Gallery

 วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.07 น.

ความคิดเห็น