ถ้าถามถึงทะเลในฝัน ของใครหลายๆ คน คำตอบส่วนใหญ่ คงหนี้ไม่พ้นที่นี่

" มัลดีฟส์ "

เพราะแค่เอ่ยถึง คงไม่ต้องบรรยายกันมากมาย ว่าที่นี่มันสวยงามขนาดไหน

เรียกได้ว่า ติดระดับโลกไปแล้ว กับความสวยงามของที่นี่

พูดถึงมัลดีฟท์ หลายคน คงนึกถึงภาพ บ้านพักบนน้ำ อันแสนสวย

มีสะพานไม้ทอดยาว น้ำทะเลสีฟ้า

ผมเองก็เป็นหนึ่งคน ที่ได้แต่ฝันว่าสักวัน ต้องมาสัมผัส ที่นี่ให้ได้

แต่อย่างที่รู้ๆ กัน มานาน เรื่องค่าใช้จ่าย ของการมาที่นี่


โครต....แพง


แต่แล้ว โลกเปลี่ยนไป ความเจริญเข้ามาแทนที่ จากทะเลในฝัน ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มา

ในที่สุด วันนี้ ผมก็มีโอกาส ได้ไปสัมผัส มันมาแล้วครับ เย้ ๆ ๆ

แถมไปมาแบบ ราคาสบายๆ กับงบถูกๆ แค่ไม่ถึง 2 หมื่นบาท


เห้ย.......จริงดิ ไปมัลดีฟส์ ไม่ถึง 2 หมื่นนี่นะ


ใช่ครับ ผมทำมาแล้ว 55+


แล้วก็อยากจะบอกทุกคนว่า ใครๆ ก็ไปได้แล้วครับ มัลดีฟส์ ทะเลในฝัน

มันไม่ได้ยาก หรือแพงมากมาย อย่างที่เราๆ คิดกันอีกต่อไปแล้วครับ


บอกก่อนนะครับ ทริปนี้ เราไม่ได้ไปพัก บ้านบนน้ำ อันสุดแสนแพง นะครับ

แต่เราสามารถ ไปเยี่ยมชมบรรยากาศ บนนั้นได้ครับ เย้...

ทริปนี้ เราจะไปพักโรงแรม ทั่วไป ที่อยู่บนเกาะ ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ครับ


บางคนอาจจะบอกว่า เห้ย ไปมัลดีฟส์ ไม่ได้นอนบ้านบนน้ำ มันไม่ใช่

แต่ถามคนที่ไปมาแล้ว อย่างผม ถามว่า แตกต่างกันมั้ย

บอกเลยว่า มัลดีฟส์ ไม่ได้มีดี แค่บ้านบนน้ำนะครับ

แค่ไปเห็นบรรยากาศ ตรงนั้น มันก็โครตสวยละครับ


นี่เป็นอีกทางเลือก สำหรับคนที่ ไม่ได้มีงบเยอะ แต่อยากไปสัมผัส ทะเล ที่เค้าว่ากันว่า สวยที่สุดบนโลก

จะรอช้าอยู่ใย งบไม่ถึง 2 หมื่นบาท แต่ได้สัมผัส วิว แบบในรูปนี้ แบบที่ผมได้ไปสัมผัสมา

เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางตามผมมาได้เลยครับ

ผมจะพาคุณไปสัมผัส ที่สุดแห่งท้องทะเล ที่นี่


" มัลดีฟส์ "


เชิญติดตามกันได้เลยครับ อิอิ

อ้อ วันที่เดินทาง เพิ่งไปมาสดๆ เลยครับ 21 - 24 ต.ค. 60 ครับ

แบบวีดีโอครับ

https://www.facebook.com/tawatchai.imwut/videos/pcb.1685669294797711/1685625941468713/?type=3&theater


มัลดีฟส์ #1


มารู้จักกับเจ้า " มัลดีฟส์ " กันก่อนดีกว่าครับ เพราะบางคนยังถามผมอยู่เลยว่า

มัลดีฟส์ มันอยู่ประเทศอะไร ??? 55+

" มัลดีฟส์ "

หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นประเทศ นะครับ ประเทศ 55+
ที่มีพื้นที่ ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง จำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย
และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศอินเดีย และประเทศศรีลังกา

ภูมิประเทศ พื้นที่ความยาวจากเหนือจรดใต้ 821 กิโลเมตร จากตะวันออกจรดตะวันตก 120 กิโลเมตร

แต่เป็นพื้นที่ดินรวมเพียง 300 ตารางกิโลเมตร มีจุดสูงสุดเพียง 2.3 เมตร เท่านั้น

คือ มัลดีฟท์ ไม่ใช่เกาะ นะครับ ไม่ได้เป็นภูเขาแบบบ้านเรา แต่เราจะเรียกกันว่า อะทอล ( atoll )

เป็นเกาะปะการัง รูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน ที่อาจล้อมปิดลากูนโดยสมบูรณ์

หรือล้อมรอบเป็นบางส่วนก็ได้


คือมีแค่ส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา แล้วก็ตัดเรียบไปเลย

เพราะงั้น ถ้าน้ำสูงขึ้นสัก 2 เมตร มัลดีฟส์ หายไปจากแผนที่โลกแน่นอนครับ


ประเทศมัลดีฟส์ ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง 26 กลุ่ม (atoll) รวม 1,190 เกาะ

มีประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะ

และได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว 74 เกาะ (เยอะมากกกก)


ผู้คนที่นี่ 90% เป็นศาสนาอิสลามนะครับ เพราะงั้น ประเทศนี้ไม่ขาย แอลกอฮฮล์นะครับ

แต่... มันก็มีที่ให้เรากินได้ครับ ตามรีสอร์ททั่วไป แต่เกาะที่ชาวบ้านอาศัยอยู่กันจริงๆ ไม่มีขายนะครับ


แต่... หลายแต่ 55+ มันก็มีที่ให้เรากินจนได้ครับ 55+

เดี๋ยวตามไปดูกันว่า เราจะไปหาแอลกอฮอลล์ กันได้ที่ไหนครับ อิอิ


ประเทศ มัลดีฟส์ มีเมืองหลวงชื่อ Male นะครับ

เพราะงั้น เวลาเราไป มัลดีฟส์ เราต้องไปลงที่เกาะนี้กันครับ


จะเห็นว่า สนามบิน กับเมือง Male จะอยู่คนละเกาะกันนะครับ

เพราะงั้นเวลาเรานั่งเครื่องมาลงสนามบิน ต้องต่อเรือมาลงที่เกาะ Male อีกทีครับ

แต่ตอนนี้เค้ากำลังสร้างสะพาน เชื่อมต่อ ระหว่าง 2 เกาะนี้อยู่ครับ

คาดว่าอีกปี 2 ปี ก็คงเสร็จ อาจไม่ต้องนั่งเรือกันแล้ว

แต่โดยส่วนใหญ่ ใครที่ไปพักที่รีสอร์ท แล้วติดต่อเรือ หรือ เรือบินไว้

เค้าก็จะมารับที่สนามบินเลยครับ


แต่ใครที่จะเดินทางเอง แบบผม ซึ่งประหยัดสุดๆ ก็ต้องไปลงที่เมือง Male กันก่อนนะครับ

จากนั้น ค่อยเดินทางไปตามเกาะที่เราจะไปครับ

หลังจากรู้จักเจ้า มัลดีฟส์ กันไปแล้ว จากนี้ไป ผมจะพาทุกคน

ออกเดินทางไปเกาะสวรรค์ มัลดีฟส์ กันครับ ลุย 55+



มัลดีฟส์ #2


มาพูดถึงเรื่องที่พัก ในมัลดีฟส์กัน

คือ มัลดีฟส์ ไม่ได้มีแค่ ที่พักบนน้ำ อย่างเดียวนะครับ ยังมีเกาะ หรือ อะทอล ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่กันจริงๆ
ซึ่งบนอะทอลนี้ ก็จะมีโรงแรม ปกติ ทั่วไป ราคากันเอง เริ่มตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปก็มี

ซึ่งเจ้านี่แหละครับ คือจุดหมายของเรา 55+ โดยอะทอล ที่คนอาศัยอยู่กัน
แล้วมีโรงแรมที่พัก จะมีอยู่หลายที่นะครับ แต่เราควรเลือกที่มันมีเรือ โดยสารชาวบ้านผ่านด้วยนะครับ

แล้วจะรู้ได้ไงว่าผ่าน อะทอลไหนบ้าง ดูได้จากเวบนี้เลยครับ

http://www.atolltransfer.com/ferry-routes-c17sd

ซึ่งของผม ก็เริ่มจาก ดูโรงแรมที่พักใน Agoda นี่แหละครับ
สนใจโรงแรมไหน ก็เข้าไปดูแผนที่ ว่ามันอยู่อะทอล หรือเกาะไหน

จากนั้น ค่อยมาดูเส้นทาง ว่ามีเรือโดยสารชาวบ้าน ผ่านรึป่าว บทสรุป จึงมาลงเอยที่เกาะนี่ครับ

" Maafushi "

ซึ่งมีโรงแรมที่พัก มากมาย หลายราคา แถมที่สำคัญ มีเรือโดยสารชาวบ้านผ่าน ซึ่งราคาแค่ 2 $ เท่านั้นเองครับ
ประหยัดกว่านั่ง สปี๊ดโบ๊ท หรือเรือบินไปได้เยอะเลยครับ

เจ้าเกาะ หรือ อะทอล Maafushi

ให้ผมแนะนำ ควรหาโรงแรมที่พัก ให้อยู่ใน Zone นี้ครับ เพราะอยู่ใกล้เมือง Male



1. มีเรือชาวบ้านผ่าน


2. ถึงเป็นสปี๊ดโบ๊ค รับ - ส่ง ราคาก็ไม่แพงมากครับ 3,000 - 5,000 บาท พอรับได้


ไม่ต้องพูดถึง Sea plane ราคาเป็นหมื่นครับ 55+


ได้เป้าหมายแล้ว ก็หาวิธีเดินทางครับ


เมื่อก่อนจะมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เจ้าเดียวนะครับ ที่บินตรงไปลงที่ มัลดีฟส์เลย

ซึ่งราคาก็เอาเรื่องอยู่ ถ้าไม่รอโปร หรือแลกแต้ม


แต่วันนี้ Airasia เปิดเส้นทางใหม่ บินตรง กรุงเทพ - มัลดีฟส์ เรียบร้อยแล้วครับ

ราคาตั๋วเลย ถูกลงมามาก จองกันนานๆ หรือรอจองโปร เหลือไม่กี่พันเองครับ


ตอนผมจอง ได้ราคา ประมาณ 8 พันกว่าเท่านั้นเอง จองตั้งแต่เดือน มิ.ย. เดินทาง ต.ค.

แต่ผมจองรวมที่พัก 4 วัน จาก Expedia ก็ตกหมื่นต้นๆ ครับ

เพราะงั้นตอนนี้ ใครจะมา มัลดีฟส์ เข้าไปส่อง Airasia กันได้เลยครับ

ได้ตั๋วราคา พอรับได้แล้ว ก็ออกเดินทางกันครับ ลุย...


พี่หางแดง ของเรา ใช้เวลาขาไป ราวๆ 4 ชม. 10 นาทีนะครับ

ก็หลับกันไปยาวๆ แต่.... อีก 1 ไฮไลค์ ที่พลาดไม่ได้เลย มันอยู่ตรงนี้ครับ


" 30 นาทีสุดท้าย ก่อนเครื่องลงครับ "


เพราะเราจะได้เห็นวิว มัลดีฟส์ มุมสูงกันแบบเต็มๆ ตา ครับ

ซึ่งบอกเลยว่า สวยมากกกกกกกกกก


ไปดูภาพบางส่วนกันเลยครับ บอกได้แค่ว่าของจริงสวยมาก

อ้อ พยายามนั่ง ฝั่งขวานะครับ ไม่แถวหน้าสุด ก็เอาหลังๆ ไปเลย ปีกจะได้ไม่บังวิวครับ


สวยงาม อลังการมาก ตั้งแต่ยังไม่ลงเครื่องเลย สมชื่อ มัลดีฟส์ จริงๆ

นี่แหละที่เค้าเรียกว่า อะทอล ครับ สวยมาก

แทบจะกรี๊ดแตก กันตั้งแต่เครื่องยังไม่ลง 55+ ส่องแล้วส่องอีก มันสวยจริงๆ ครับ

เรียกว่า แปลกดีเหมือนกัน ที่อยู่ๆ กลางมหาสมุทร จะมี อะทอล แบบนี้โผล่ขึ้นมา มากมายขนาดนี้


สนามบินมัลดีฟส์ครับ ชื่อ Velana International Airport

สนามบินเค้าไม่ใหญ่มากครับ ลงมาก็เดินๆ ตามเค้าไป

เข้ามาก็เจอ ตม. มัลดีฟส์ ครับ ที่นี่แปลกดี ใครมาเป็นคู่ เดินเข้าไปพร้อมกันได้เลยครับ 55+



ผ่านง่ายมาก อ้อ ตอนอยู่บนเครื่องบิน เดี๋ยวแอร์จะเอาใบเข้าประเทศ มาให้เราเขียนนะครับ

เขียนแค่ครั้งเดียว ขาเข้า ขาออก แต่เค้าจะยึดไปหมดเลย ขาออก ก็ไม่ต้องพกใบอะไรครับ


อ้อ เวลาที่ มัลดีฟส์ จะช้ากว่าไทย 2 ชม.นะครับ เพราะงั้นไปถึงเชคเวลากันให้ดีๆ ครับ


ผ่าน ตม. มา ก็เดินออกมาตามทางครับ จะมีคนมารอรับเราเพียบเลย 55+

ใครติดต่อ รีสอร์ท ให้มารับก็มองป้ายกันดีๆครับ ส่วนใครขาลุย มาแบบประหยัดแบบผม ตามผมมาครับ


ออกจาก Zone ที่เค้ามารับเรา ให้เลี้ยวซ้ายมานะครับ แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ

จะเจอ เจ้าตู้นี้ครับ ที่ขายบัตรเรือข้ามฝาก ไป เมืองมาเล ครับ


คนละ 1$ เท่านั้นเอง ถูกมากครับ

ซื้อตั๋วเสร็จ ก็มารอเรือข้ามฝาก ทีนี้ ได้ว้าว กันอีกรอบครับ


แม่..เจ้า..... นี่ขนาดแค่ ตรงสนามบินนะ น้ำสีฟ้ามากกกกกกกกกกกกกกก


แทบจะกรี๊ดแตก สวยอะไรเบอร์นี้ 55+


กรี๊ดกร๊าด ถ่ายรูปกันให้พอครับ เรือมันออกเรื่อยๆ ครับ

เสร็จแล้วก็ขึ้นเรือมาได้เลยครับ บรรยากาศ บนเรือ


มาถึง เกาะมาเล ก็เรียกพี่ Taxi ได้เลยครับ บอกไปส่ง Maafushi Ferry

ไป 2 คนเค้าคิด 3 $ ครับ ราวๆ 102 บาท ก็โอเครครับ


ท่าเรือไป Maafushi จะอยู่ตามรูปนะครับ นั่ง Taxi แค่ 5 นาทีก็ถึงครับ


มาถึงก็เดินไปหาเรือลำนี้ได้เลยครับ


สภาพในเรือ เหมือนเรือโดยสารชาวบ้าน ปกติจริงๆ นะแหละครับ


มาดูการเดินทาง และรอบเวลาเรือกันครับ ใครเดินทางไปถึงวันไหน เชคเวลา ดูกันให้ดีๆ นะครับ


คือปกติ เรือจะออกจาก เกาะ Maafushi ทุกเช้าครับ เวลา 07.30 am ( 7 โมงเช้า)

มาถึง Male ใช้เวลาราวๆ 1 ชม.ครึ่ง ก็ถึงราวๆ 09.00 am ครับ


แล้วจะออกจาก Male เวลา 03.00 pm ครับ ( บ่าย 3 )

ถึง Maafushi ราว 5.30 pm ครับ ใครบินมาไฟท์ไหนก็เชคเวลาดีๆ นะครับ มาให้ทันรอบเรือกันด้วย


อ้อ เรือจะหยุด ทุกวันศุกร์นะครับ ดูวันเดินทางกันให้ดีๆ


หรือใครไม่อยากรอนาน เค้าจะมาเสนอเรือสปี๊ดโบ๊คให้เราครับ

จะมาตอน 02.30 pm ใช้เวลาแค่ครึ่งชม. ราคา 25 $ หรือราวๆ 850 บาทครับ

ก็ประหยัดเวลาไป 2 ชม.ครับ


ของแอร์เอเชียที่เปิดมา เวลาได้พอดีเลยครับ เพราะจะมาถึง มัลดีฟส์ 11.40 am

เรือออก 03.00 pm มีเวลาเกือบ 3 ชม. เหลือๆ เลยครับ


ส่วนขากลับ เรานั่งเรือรอบ 07.30 am มาถึง Male 09.00 am

ไฟท์บินกลับรอบ 12.30 pm ก็มาทันแน่นอนครับ สบายใจกันได้เลย


เดี๋ยวมาต่อกันนะครับ จากนี้ไปจะเป็นการเดินทางไปยัง อะทอล หรือเกาะ Maafushi กันละครับ อิอิ


มัลดีฟส์ #3


ได้เวลา ออกเดินทาง ไป Maafushi กันละครับ

ขึ้นเรือมา พอเรือออก เดี๋ยวเค้าจะมาเก็บค่าเรือครับ คนละ 2 $ ( ราวๆ 68 บาท) เท่านั้นเองครับ

ประหยัดฟุตๆ

ก็นั่งชมวิว กันไป เรื่อยๆ ครับ ราวๆ 1 ชม. ครึ่ง ก็จะมาถึง เกาะ Maafushi ครับ

มารู้จักเจ้าเกาะ หรืออะทอล Maafushi กันครับ

สถานที่ สำคัญ หลักๆ ก็ตามรูปเลยครับ หาดแต่ละหาด จะแยกกันชัดเจน


1. Coral Beach เป็นหาดที่มีแต่หญ้าทะเล แล้วก็ปะกาลังครับ

2. Water Sport Beach กิจกรรมทางน้ำ ทุกอย่าง จะอยู่ที่หาดนี้ครับ

3. Bikini Beach หาดที่ใส่ บิกินี ได้ครับ ฝรั่งชอบมานอนอาบแดดกัน

4. Arena beach อีกหาดที่ใส่ บิกินีได้ครับ แนะนำเลยครับหาดนี้ น้ำสีฟ้า สวยมากกก

5. หาดสาธารณะ อันนี้เป็นหาดทั่วไป คนบนเกาะส่วนใหญ่จะมาเล่นแถวนี้กันครับ

6. ท่าเรือ จุดศูนย์รวม ของเรือทุกลำ เข้าออกที่นี่ครับ ทั้งเรือโดยสาร และเรือท่องเที่ยวครับ


เกาะนี้ เป็นของชาวบ้าน เพราะฉะนั้น จะแต่งตัวโป้ไม่ได้นะครับ ใส่บิกินีเดินนิห้ามเลย

เราสามารถใส่ บิกินี ได้ที่ชายหาด Bikini Beach กับ Arena Beach เท่านั้นนะครับ

เวลาเดินไปตามถนน ก็ควรมีเสื้อผ้าปิดมิดชิด นิดนึงครับ


มาถึงก็เชคอินที่โรงแรมได้เลย ที่พักที่ผมจองมาก็ที่นี่ครับ Crystal Sands Beach Hotel


จองที่พัก รวมตั๋วเครื่องบิน จาก Expedia ได้มาในราคา หมื่นต้นๆ ครับ

โรงแรมที่นี่ เรียกว่าดีเลยทีเดียวครับ 3 - 4 ดาว ได้เลย ไม่ต้องห่วงครับ อ้อมีอาหารเช้าด้วย โอเครเลยครับ

มีผิดพลาดนิดเดียว คือวันแรกที่ไป เราจองห้อง วิวทะเลไว้ แต่ดันไม่ได้ครับ

อาจจะไป เชคอินช้า หรือไงไม่รู้ แต่วันต่อมาเค้าก็ย้ายห้องให้ครับ

แต่เอาจริงๆ ห้องวิวทะเล ไรนี่ ไม่ค่อยได้ดูวิวเลยครับ 55+

เพราะเวลาออกไปกับทัวร์ ก็ออกแต่เช้า กลับมาก็ค่ำ แทบไม่ได้ดูวิวอะไร เท่าไหร่ครับ

เพราะงั้น เลือกห้องพัก ราคาทั่วไปก็พอครับ ไม่ต้องเน้นวิวอะไร ประหยัดไปได้อีกครับ


วิวจากห้องพักครับ ถ่ายมาให้ดูซะหน่อย ที่พักติดกับท่าเรือเลย สะดวกมากครับ

เชคอินเสร็จ ก็ได้เวลาออกไปสำรวจเจ้าเกาะ Maafushi กันครับ เพราะทริปนี้เรามากันแบบ

จองแค่ ตั๋วไป-กลับ และที่พัก แต่ทัวร์ที่มี ไม่รู้เลยว่ามีอะไร ไปไหนบ้างครับ 55+


ก็จากที่ไปอยู่มา 4 วัน พอสรุปได้ว่า จุดหลักๆ ทัวร์ดีๆ คือที่ Arena Beach Hotel กับ Shadow Palm ครับ ซึ่งจะอยู่ติดๆ กันเลย

เพราะที่นี่ จะมีห้องเยอะ มีคนพักเยอะ เราเลยหาเพื่อนแจมไปทัวร์ได้ง่ายครับ


2 ที่นี่จะอยู่ติดกันครับ บริการดีมากกก Arena นิอุตส่า ไปตามหาคนมาแจมทริปให้เราด้วย ดีฟุตๆ

Shadow Palm ครับ เดินไปตามซอยทางซ้าย เลี้ยวขวาไปก็เจอ Arena Beach ครับ

เดี๋ยวผมจะสรุปทัวร์ แต่ละแบบของที่นี่กันให้นะครับ หลักๆ จะมี อยู่ 2-3 ทัวร์คือ


1. Visit Rerort


ไฮไลค์เลยครับ มันคือการไป เที่ยวชม รีสอร์ทส่วนตัว ที่มีบ้านพักบนน้ำ นั่นแหละครับ

ราคาก็แล้วแต่รีสอร์ท แล้วก็แพคแกจ ที่เราเลือกไปครับ ราคาส่วนใหญ่ก็ตั้งแต่ 68 $ - 215 $ ครับ

หรือราวๆ 2,300 บาท - 7,300 บาท มีที่ไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่บ้าง จัดมาให้เรียบร้อยละครับ


อ้อ ลืมบอก ที่มัลดีฟส์ ใช้เงิน ดอลล่าได้เลยนะครับ แลกเงินรูฟียา ไว้บ้างนิดหน่อยก็พอ

เวลาซื้อน้ำ ซื้อขนมครับ แลกตามร้านค่าก็ได้ครับ เรทวันที่ไปจะอยู่ที่ 14 - 15 รูฟินย่า ต่อ 1$ ครับ


แน่นอน ว่าอันดับแรกสำหรับผมในการเลือกคือ ออฟชั่นนี้ครับ


" Unlimited Alcoholic Drink " นี่แหละครับ 55+


แปลภาษาบ้านๆ แบบเราคือ เหล้าเบียร์ ไม่อั้น นะแหละครับ 55+

แม่เจ้าโว้ย.. เบียร์ อันลิมิต กับวิวทะเล สวยๆ แหล่มสุดๆ 55+


ก็คัดเฉพาะ รีสอร์ท ที่มีออฟชั่นนี้ แล้วราคารับได้ครับ 55+ เลยมาจบที่นี่ครับ

Adaaran Prestige Vadoo ราคาเบาๆ แค่ 110 $

แต่เราต่อได้ในราคา 105 $ ครับ 55+ หรือราวๆ 3,570 บาท ได้ไปดูรีสอร์ทสวยๆ

แถมมีเบียร์กินไม่อั้น โอ้ย ฟินครับ 55+


เวลาเลือก รีสอร์ท ถามเวลา ไป และ กลับ ด้วยนะครับ

สำหรับที่ Adaaran เรือออก 7.30 am (บ้านเรา 9 โมงครึ่งละครับ) ไปถึง ราวๆ 8 โมงนิดๆ

ขากลับมารับ 6 โมงเย็นครับ ได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย ฟินสุดๆ แถมตอนเย็น มีการเลี้ยงปลาฉลามให้ดูด้วยครับ เป็นฉลามตัวเล็กๆครับ

บาร์เครื่องดื่ม เปิด 9 โมง ถึง 5 โมงเย็นครับ กินได้ไม่อั้น ได้ยินไม่ผิดครับ ไม่อั้นจริงๆ 55+ ผมจัดมาแล้ว

ดื่มได้เท่าไหร่ จัดไปเลยครับ 55+ แต่เราต้องมาเอาเครื่องดื่มที่บาร์ ที่เค้ากำหนดไว้เท่านั้นนะครับ


แล้วเค้าก็จะใส่แก้ว ให้เราครับ ไม่มีเป็น ขวด หรือ กระป๋องนะครับ

สำหรับเครื่องดื่มที่มี ก็มี คอกเทล ไวด์แดง ไวด์ขาว วอสก้า เบียร์สด น้ำผลไม้ครับ


แต่แค่นี้ กับราคา 3,570 บาท ผมว่าโครตคุ้มเลยครับ นี่แค่เครื่องดื่มนะ อาหารเที่ยงก็ บุฟเฟ่นะครับ อิอิ

ที่สำคัญ วิวที่ Adaaran โครต..ของโครต...สวยเลยครับ บอกเลยว่า ถ้ามา อยากให้เลือกที่นี่กันสุดๆ ครับ


อ้อ ที่สำคัญอีกข้อ Visit resort ขั้นต่ำต้อง 4 หรือ 6 คนนะครับ

เพราะงั้นถ้าไปร้าน Shadow Palm แล้วคนไม่ครบ

ให้มาดูที่ Arena Beach Hetel นะครับ ที่นี่จะคนเยอะกว่า หาเพื่อนแจมได้ง่ายครับ

หรือเดินเข้าไปดู ในโรงแรมได้เลย เค้าจะมีบอร์ดกิจกรรม ประจำวัน ว่าพรุ่งนี้มีไปไหนบ้าง กี่คน

เราก็ไปเลือกแจมได้เลยครับ


2. Half Day Tour Snorkeling


เป็นทัวร์ไปดำน้ำ นั่นแหละครับ ราคาตามป้าย 20 $ แต่รวม vat แล้วก็ตก 25 $ ครับ

หรือราวๆ 850 บาทเท่านั้นเองครับ 55+ ก็มีพาไปดำน้ำ ดูปะการัง ดูนีโม ถ่ายรูปกับเต่าทะเล

ไปกินข้าวเที่ยงที่ SandBank หรือเจ้า อะทอล เล็กๆ กลางทะเล ครับ

ที่อยากจะบอกว่า สวยมากกกกกก แปลกมากๆ ด้วยครับ เดี๋ยวรอดูรูปกันได้เลย

แล้วก็มาปิดท้ายด้วยการไปดู ปลาโลมา แต่ตอนผมไปไม่เจอครับ แป่ว.. แล้วแต่ดวงครับอันนี้


โปรแกรม ก็เริ่มตั้งแต่ 10 โมง จนถึง บ่าย 2 บ่าย 3 ครับ

ถามว่าควรไปมั้ย ถ้าใครชอบโลกใต้ทะเล ก็พลาดไม่ได้ครับ


หลักๆ ก็มี 2 โปรแกรมนี้ครับ ที่น่าสนใจ จริงๆ ก็ยังมีโปรแกรมอีกครับ แต่เนื่องจากเวลาไม่เยอะมาก

ยังมี ไปดู ฉลามวาฬ ด้วยครับ ราคา ประมาณ 80 $ แล้วก็ดูลูกฉลาม พร้อมดำน้ำ แบบ Full Day หรือฉลามตัวน้อยๆ ราคา 50 $ ครับ


แต่เราเห็นไปแล้ว ตั้งแต่วันแรก ในโปรแกรม Visit Resort ที่ Adaaran ครับ


ก็สำหรับใครที่ไป 4 วัน 3 คืน ก็เลือกโปรแกรมได้ตามนี้ครับ เพราะวันที่ 1 และวันที่ 4

เราจะเดินทางอย่างเดียวครับ

ก็จะมีเวลาเต็มๆ 2 วัน ก็ไป Visit resort สักวัน ไปดำน้ำอีกวัน แค่นี้ก็คุ้มค่ามากมายละครับ


อ้อ ลืมไปยังมีอีกกิจกรรมครับ นั่นคือ Night Fishing and Sunset ครับ

คือไปตกปลากลางคืน กินข้าวบนเรือ จากปลาที่เราตกได้ แล้วก็ดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลครับ

ราคา 25 $ หรือ 850 บาท

แต่ผมไปมาแล้ว ไม่ค่อยเวิร์ค

1. ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก เพราะดันไปเจอเมฆเยอะ 55+

2. ไปตกปลาไม่ได้ปลา สักตัว 55+ ตอนแรกนึกว่าจะให้ใช้คันเบ็ตตกปลา

ที่ไหนได้ เค้าเอาเอ็น ร้อยใส่วงแหวนพลาสติกวงกลมอันนึง แล้วใส่ตะขอตกปลา

แล้วเอาเนื้อปลาเป็นเหยื่อครับ

ผลปรากฏไม่ได้กันสักตัว มีแต่เด็กเรือนะแหละครับ ตกได้

3. ถ้าตกปลาไม่ได้ ต้องกลับมารอ กินบนฝั่งครับ ซึ่งอาหารก็คือ

ข้าวผัด กับปลาที่ตกกันมาได้นั่นแหละครับ 55+


แนะนำ โปรแกรมทัวร์ ไปแล้ว จากนี้ไป ไปติดตามการเดินทางของผมกันครับ ลุย 55+



มัลดีฟท์ #4


หลักจากแนะนำ รายละเอียดทุกอย่างไปหมดแล้ว จากนี้ไป
มาติดตามการเดินทางของผม และ ไปชมภาพสวยๆ กันครับ อิอิ

หลังจากวันแรกมาถึง ก็เดินหาบริษัททัวร์ จนไปจบที่ร้าน Shadow Palm ครับ
กับโปรแกรม Visit Resort ที่ Adaaran Prestige Vadoo

ที่ต่อกันมาได้ในราคา 105 $ หรือ 3,750 บาท
แบบ อันลิมิตแอลกอฮอล์ ด้วย 55+ (ถูกใจตรงนี้ อิอิ)

แนะนำว่า มาถึงวันแรกๆ ไป Visit Resort กันก่อนเลยครับ จะได้จัดเต็ม แต่งตัว ถ่ายรูปกันสวยๆ
เพราะถ้าไปดำน้ำกันก่อน เมี่ยมแน่ครับ ผมนิกลับมาดำเมี่ยมเลย หลังไหม้ แดดที่โน้นแรงใช้ได้นะครับ

หลังจากติดต่อ ทัวร์ได้ ข้าวเย็นวันแรก ก็หากินกันแบบงงๆ เลยมาจบที่ ร้านอาหารหนึ่งริมทะเลครับ
สั่งมา 3 อย่าง ซึ่งคิดราคามาแล้ว ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน คือ 23 $ ราวๆ 780 บาท

อาหารก็อาหารพื้นบ้าน ซึ่งไม่ได้เรื่องเลยครับ 55+

เพราะงั้น ที่จะแนะนำก็คือ ตามโรงแรมที่พัก ทุกแห่ง ตอนเย็นจะมีอาหารบุฟเฟ่ครับ
ทั้งที่ผมอยู่ Crystal Sand Beach Hotel หรือ Arena Beach Hotel

ในราคาหัวละ 12 $ ราวๆ 408 บาท ซึ่งผมว่าคุ้มกว่าการไปสั่ง อาหารอะไรกินแบบแปลกๆ ครับ 55+
ก็เป็นอีกทางเลือกนึง สำหรับเพื่อนๆ นะครับ

จะเป็นประมาณนี้ครับ อันนี้ไปกินที่ Arena Beach Hotel ครับ

อ้อที่นี่ ทุกร้านเค้ามีจัดโต๊ะพิเศษ ท่ามกลางแสงเทียนให้ด้วยนะครับ แบบว่า

สำหรับคนที่มาฮันนีมูน โดยเฉพาะเลย

โต๊ะจะแยก ส่วนตัวไปเลยครับ แถมจัดได้สวยเลยทีเดียว โรแมนติคดี ใครมีแพลนไปฮันนีมูน

ก็บอกเค้าได้ครับ ราคาไม่แน่ใจนะครับ

กินข้าวเสร็จ ไอ้สายมาวอย่างเรา ทำไงละทีนี้ Maafushi เค้าไม่ขายแอลกอฮอล์ทุกประเภทนะครับ

เพราะเป็นเมืองอิสลาม เครื่องดื่มที่มีส่วนใหญ่ ก็ตามนี้ครับ


อันแรก สีเหลืองๆ เห็นมีเขียนเบียร์ๆ ที่ไหนได้ น้ำโสมครับ 55+ แต่รสชาติก็โอเคร จะออกร้อนๆ นิดนึง

อันที่ 2 แหม มีเขียน Classic ด้วยน้า นึกว่าจะเหมือนเบียร์ แต่รสชาติ เหมือนเบียร์จืดๆ นิดนึง

ที่ไม่ใส่ แอลกอฮอลล์ครับ 55+

ส่วนอันที่ 3 อันนี้อร่อยที่สุดครับ รสชาติเหมือนพวก ไวด์ สปาย เลย แต่แค่ไม่มีแอลกอฮออล์ เท่านั้นเองครับ

ใครไปก็ไปลองกันได้ครับ 3 แบบนี้ แต่แนะนำ ขวาสุดครับ อร่อยดี


เมื่อ 3 ขวดนี้ เอาไม่อยู่ ก็ต้องหาทางออกครับ 55+

ก่อนมา ผมศึกษามาแล้วเรื่องนี้ ว่าทำไงจะได้กิน เบียร์


สรุปว่า มันมีที่ขายครับ แต่อยู่บนเรือ กลางทะเลโน้นอะ 55+

เรือเป็นแบบเรือสำราญเลยครับ มี 3 ชั้น แต่ไม่ใหญ่มาก


ใครจะใช้บริการ ก็บอกทางโรงแรมได้เลยครับ เค้าจะพามาส่งที่ท่าเรือ

ค่าเรือ ฟรีนะครับ ไป - กลับ เปิดตั้งแต่ 2 ทุ่ม ยันตี 1 ครับ


แต่....


ค่าเบียร์แพงมากกกกกกกกกกกก 55+


กระป๋องละ 6$ เยสโด้ว... ( 200 บาท ) ตายๆๆ

ตอนมา เห็นรีวิวแค่ กระป๋องละ 2.5 $ - 3 $ เอาไงละทีนี้ แต่ไปแล้ว ยังไงก็ต้องจัดครับ 55+


เลยได้บรรยากาศ บนเรือมาฝากกันครับ เป็นการดื่มเบียร์ทั้งน้ำตา ครั้งแรกครับ

หือๆๆ แพงฉิหาย.....


แพงยังไงกะสู้ครับ สายมาวอย่างเรา 55+ แต่ก้กินไปแค่คนละ 2 - 3 ป๋องครับ

ไม่ได้เมาเบียร์นะครับ เมาเรือ 55+

ก็กินเบียร์ไป เรือโยกไป จะไม่มาวได้ไงครับ 55+

สรุปกินได้คนละ 2 - 3 ป๋อง มาวซิครับ กะเลยกลับมาพักผ่อน เอาแรง สำหรับพรุ่งนี้ครับ



วันที่ 2 Visit Resort Addaran Prestige Vadoo


ทัวร์นัดแต่เช้าเลยครับ 07.30 am (9 โมงครึ่ง บ้านเรานะแหละครับ)

เพราะต้องใช้เวลาเดินทางราวๆ 30-45 นาที ครับ

ได้เวลาลงเรือกันละครับ เรือที่นี่ นั่งสบายมากกกก ไม่เหมือนสปี๊ดโบ๊คบ้านเรานะครับ

เหมือนเรือโดยสารซะมากกว่า


ก็นั่งกันไปยาวๆ ครับ สักพักก็มาถึง ภาพแรกที่เจอ กะว้าว... แล้วครับ นี่แค่ท่าเรือนะ น้ำสวยมากกก


มาถึงเค้าก็จะให้ไปนั่งรอคนที่จะมา Visit Resort วันนี้ทั้งหมดครับ ก็มาจากหลายที่

วิวแค่จุดนั่งรอ แค่นี้ก็ ว้าวอีกละครับ สวยมากกก


รอจน คนที่จะมา Visit Resort มาครบ เค้าก็จะแจก ลิสแบน ใส่แขนให้ครับ

เป็นเครื่องหมายว่า เรามีสิทธิ์ ทำอะไรได้บ้าง เช่น บาร์ฟรี บุฟเฟ่ อาหารเที่ยง

เดินเที่ยวรอบเกาะได้ ตรงบ้านบนน้ำ ไปได้แต่ช่วงสะพาน ไปใน Zone บ้านพักไม่ได้ อะไรทำนองนี้ครับ

แล้วเค้า ก็จะพาเราเดิน รอบๆ พร้อมบรรยายสถานที่ต่างๆ ครับ ว่าให้กินข้าวเที่ยงที่ไหน อาบน้ำได้ที่ไหน

มีสระว่ายน้ำด้วยนะครับ สามารถใช้บริการได้ด้วย แจ่มปะล่า อิอิ

จุดสุดท้ายก็จะมาถึงที่บาร์ ครับ ก็บอกเวลา เปิด 9 โมง - ปิด 5 โมงเย็น

เป็นอันเสร็จสิ้น จากนี้ไป ก็ตามอัธยาศรัยเราละครับ ใครอยากทำอะไร ก็จัดได้เลย

มารู้จักกับ Resort ที่นี่กันครับ



" Adaaran Prestige Vadoo "



เป็นรีสอร์ท ไม่ใหญ่ครับ เดินแพ๊บเดียวก็รอบเกาะแล้ว จุดหลักๆ สำคัญๆ ตามรูปเลยครับ

ส่วนผมกับน้องที่ไปด้วย ก็นะ มาถึง มัลดีฟส์ ทั้งที่ ต้องจัดหนักครับ ไปถ่ายรูปกันดีกว่า 55+

ว่าแล้วก็ .... ไปชมวิวสวยๆ ของ ที่นี่กันครับ

จุดแรก สัญลักษณ์ที่ใครหลายๆ คน คิดว่ามามัลดีฟส์ ต้องมาที่นี่ ใช่ครับ บ้านพักบนน้ำ

บอกเลยว่า ถึงไม่ได้พัก ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ เพราะแค่ที่ไปถ่ายรูปกันมา ก็โครต..สวย เลยค๊าบ...55+


แค่ทางเดินไปก็สวยแว้ว อิอิ



ต้องจัดซิครับ รออัลไล 55+


เดินมาอีก สะพานนึง วิวสวยมากกกก


บอกเลย หาพร๊อบ ไปกันดีๆ ครับ เสื้อผ้า หน้าผม จัดกันไปเต็มๆ

วิวที่นี่จะทำให้คุณ ลืมทุกทะเล ที่เคยไปมาครับ


เดินขึ้นไป จุดชมวิว มันพีคตรงนี้แหละครับ บอกได้คำเดียว



โครต...สวย...... เลยโว้ย...................



จัดไป 1 รูปเบาๆ 55+ (จริงๆ ครึ่งวันแรกไม่ได้ทำอะไรเลยครับ นอกจากถ่ายรูป 55+ )


บอกเลยตรงจุดชมวิวนี้ พีค สุดละครับ สวยมาก สวยแบบ วัวตายควายล้ม


กดกันไปรัวๆ ครับ มุมไหนก็สวย เดินมาอีกฝั่งจะเห็น วิวตรงท่าเรือครับ น้ำสวยมากกก


เสร็จจากจุดชมวิว ก็เดินไปเรื่อยๆ ครับ ไปทางศูนย์อุปกรณ์ดำน้ำลึก เลยไปก็จะเจอบาร์ แล้วก็ชายหาดครับ

ซึ่งชายหาดตรงนี้ ก็ฟรีเก้าอี้ชายหาด นะครับ คืออยากไปนอนตรงไหน ก็จัดเลยครับ

แต่ดูด้วยนะครับ ว่ามีคนจองไปรึยัง


เพราะมาถึงเค้าก็จะแจก ผ้าเช็ดตัวให้ครับ คนละผืน เก้าอี้ไหนมีผ้าเช็ดตัว ก็ไม่ว่างครับ

บริการดีมากก ครับที่นี่ บอกแล้ว


วิวตรงชายหาด ฝั่งหน้าบาร์ ครับ (บ่ายๆ ผมกะมาสิงสถิตกันตรงนี้ครับ ใกล้บาร์ เดินง่าย 55+)


บาร์ แอลกอฮอล์ครับ อยู่ติดหาดเลย เจ๋งมาก เบียร์สดด้วยครับ โครตฟิน 55+


จัดไปก่อน 1 แก้วซิครับ จะรออะไร ดื่มไม่อั้น ขนาดนี้ 55+


ได้เบียร์คนละแก้ว ก็ไปหาที่นอน ชิลๆ กันครับ เดินมาเรื่อยๆ ชายหาดตรงนี้ยาวมากครับ มีที่นอนเพียบ

ที่สำคัญ วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


เราคนไทย จะให้นอน อาบแดดเหมือนฝรั่งคงไม่ไหว เลยขอนอน ตรงนี้แทนครับ


วิวสวยขนาดนี้ ต้องถ่ายรูปกันซะหน่อย อิอิ



บอกได้คำเดียว ตั้งแต่เที่ยวทะเลมา ที่นี่คือสุดละครับ สวยมากๆ

ให้เปรียบเทียบ ที่นี่กับทะเลไทย เรียกว่าเทียบกันไม่ได้เลย


ลองนึกภาพ เกาะที่ว่าสวยๆ บ้านเรา แต่มี บ้านบนน้ำ ไปอยู่ในทะเล ดูซิครับ

เกาะตาชัย มีรีสอร์ท มีจุดชมวิว สวยๆ มีสะพานไม้ทอดยาวไปในทะเล


โห้ย...โครตสวยเลยครับ ที่นี่


ที่สำคัญ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย มีบาร์เบียร์ฟรี มีห้องน้ำสะอาด มีสระว่ายน้ำ ครบวงจร

อีกอย่าง ทะเลบ้านเค้า ทั้งสะอาด ทั้งสวยครับ น้ำใสเว่อร์วังมาก


อุตส่าเอาพร๊อบมา ต้องจัดครับ 55+ ดูซิครับ น้ำใสมากกกกก


ก็จิบเบียร์ เสพวิว ระดับโลกไป ฟินไปครับ วันนี้ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ฟินมาก


บอกเลยแค่ 3,750 บาท โครตคุ้มเลย ไม่ต้องไปเสียเงิน 3 - 4 หมื่นบาท

เราก็ได้มาเสพ วิวระดับโลก แบบนี้กันครับ


ถึงเวลา บ่ายโมงก็ ได้เวลาอาหารเที่ยงครับ แบบบุฟเฟ่ อาหารก็ดีเลยครับ

จุดทานอาหารเที่ยง ริมทะเลกันไปเลย วิวสวยสุดๆ


อาหารเที่ยงมื้อนี้ครับ


ตอนบ่ายก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ ใครจะกินเบียร์ นอนอ่านหนังสือ

ใครจะไปเล่นน้ำ ดำน้ำ ก็มีอุปกรณ์ให้เช่าครับ สน๊อคเกิ้ล กับเสื้อชูชีพ 10 $ ราวๆ 340 บาทครับ

ส่วนผม ขอนอนฟังเพลง จิบเบียร์ ดูวิว ชิลๆ ครับ ฟินมากก แทบไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว


ไม่เคยคิดเลยว่า มัลดีฟส์ ที่เป็นความฝันเรามาตลอด

วันนี้มันจะมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว แถม ยังฟินสุดๆ เพราะได้นั่ง จิบเบียร์เย็นๆ ดูวิวสวยๆ แบบนี้


บอกได้เลยว่า ครั้งนึงในชีวิต ต้องมาสัมผัส กันครับ

ภาพที่คุณเห็น มันยังไม่ได้ครึ่ง ของความสวยงามจริงๆ ที่ผมได้ไปสัมผัสมา ด้วยตาตัวเองครับ

ถามว่าแตกต่าง ยังไง กับทะเล บ้านเรา มันคือความรู้สึกทางจิตใจครับ

ใครจะบอกคุณว่ามาทำไม มัลดีฟส์ ทะเลก็เหมือนๆ กัน ก็เหมือน ภูเก็ต บ้านเรานะแหละ

ผมบอกคุณได้คำเดียว


" คุณพลาดแล้วครับ "


ทุกๆ ที่ มันมีเสน่ห์ มีคุณค่าของมันเอง มัลดีฟส์ มันก็คือมัลดีฟส์

เทียบยังไง กับที่ไหน มันก็ไม่เหมือนกันครับ

ทะเลบ้านเรา ก็จะได้ความธรรมชาติ แต่ที่นี่จะออกความเป็น รีสอร์ท

สะดวกสบาย สวยงาม บริการดี เดินทางสะดวก น้ำสีฟ้า สวยงาม

แต่เอาจริงๆ สำหรับผม ผมว่า มัลดีฟส์ สวยกว่าบ้านเราอยู่ นิดนึง นะครับ


วันนั้น ก็ฟินจนหลับไปครับ 55+ ตื่นมาอีกทีก็บ่าย 3 ก็เลยไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำ

จากนั้นก็เปลี่ยนชุดมารอดูอีก ไฮไลค์ คือ Shark Feeding

หรือมารอดู เจ้าฉลามน้อย นั่นเองครับ ซึ่งตอน 5 โมงเย็น เค้าจะเอาอาหารมาเลี้ยงมันที่สะพานไม้ครับ

เราก็จะได้เห็นฉลามน้อย ตัวเป็นๆ กันครับ


นี่ครับ เจ้าฉลามน้อย


และอีกหนึ่งความฟิน ก็คือการ ดูพระอาทิตย์ตก ที่นี่ครับ สวยมากกกก


วันนี้ก็จบภารกิจกันไปเรียบร้อย นั่งเรือกลับมาแบบ มีความสุขมาก

ไม่คิด ไม่ฝัน ไม่เคย จิตนาการเลย ว่ามัลดีฟส์ มันจะสวยขนาดนี้

มีโอกาส มาลองกันครับ มันไม่ได้เดินทางยากมากมาย

แล้วก็ไม่ได้แพง จนมนุษย์เงินเดือน ธรรมดาๆ อย่างเรา จะสัมผัสไม่ถึง

ลองมาสัมผัสกันครับ เพราะรูปที่ว่าสวย แค่ไหน

มันจะไม่มีค่าเลย ถ้าคุณไม่มาสัมผัส ด้วยตาตัวเองครับ

ติดตามกันต่อ กับวันที่ 3 การดำน้ำ กับโลกใต้ทะเล ของมัลดีฟส์กันครับ



มัลดีฟส์ #5


วันที่ 3 Half Day Tour Snorkeling (ดำน้ำนะแหละครับ)

วันที่ 3 เราเลือกทัวร์ดำน้ำครับ ลองดูว่า โลกใต้ทะเล มัลดีฟส์ จะสวยงามขนาดไหน
แต่ที่สำคัญ อีกอย่างที่ผมอยากไปมากกว่า ดำน้ำ คือไปดูเจ้า Sandbank ครับ

แหมชื่อยังกะดาราบ้านเรา 55+

เดี๋ยวตามไปชมกันครับ ว่าวันนี้ เราจะเจอกับอะไรบ้าง ลุย 55+

วันนี้ ทัวร์นัด 10 โมงครับ เลยไม่ต้องรีบ ได้เดินสำรวจเกาะ Maafushi กันครับ
ก็เดินรอบเกาะกันเลย ผมสรุปให้เลย ไปแค่หาดสุดท้าย พอนะครับ Coral Beach

เพราะ Zone ท้ายเกาะจะเป็น คุกครับ หรือเรือนจำบ้านเรานะแหละ ไม่น่าไปหรอกครับ 55+
เอาเป็นว่าไปดูแค่ หาดปะกาลัง ก็กลับครับ กับหาดสาธารณะ ที่อยู่เลย Arena Beach ไปก็พอครับ

Coral beach ครับ สวยดีเหมือนกัน

9.45 ก็มารวมตัวกันที่ Arena Beach Hotel ครับ วันนี้ไปแจมกะทัวร์ที่นี่ครับ

มาถึงพอสมาชิกครบ เค้าก็ให้ไปเลือกอุปกรณ์ดำน้ำกันครับ ฟรีทุกอย่างนะครับ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว


เลือกเสื้อชูชีพ สน๊อคเกิ้ล ตีนกบ ก็ได้เวลาลงเรือครับ อ้อ เค้ามีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยคนละผืนนะครับ

ได้เวลาลงเรือ


ระหว่างทางที่ไปจะเจอรีสอร์ท แบบนี้ครับ

จุดแรก เค้าจะพาเรา ไปดำน้ำ รีสอร์ท ใกล้ๆ ครับ ดำได้แค่รอบๆ

ห้ามขึ้นไปบนเกาะครับ เพราะเป็นเกาะส่วนตัว

ไปชมโลกใต้น้ำกันครับ อันนี้ผมรวมๆ ทั้งวันมาให้ชมกันทีเดียวเลยนะครับ

น้ำใสมากครับ

เจอเจ้านีโมแล้ว 55+

ส่วนใหญ่จะเจอปลาแปลกๆ หลากหลายสีครับ

ปะการัง ที่เป็น สีๆ จะไม่ค่อยเยอะนะครับ

จากจุดแรกเสร็จ จุดที่ 2 เราจะไปดูเต่าทะเล กันครับ

จุดจอดเรือ น้ำสีสวยมากกกก เป็นอะทอล กลางทะเลที่น้ำไม่ลึกมากครับ ประมาณ หน้าอกผม

แต่ขอบๆอะทอล ที่น้ำสีน้ำเงินนิ อย่างลึกครับ 55+ ยังไงก็ใส่เสื้อชูชีพกันด้วยนะครับ


แล้วเค้าก็จะให้ตามไกด์ไปครับ ว่ายตามๆ กันไป

ในที่สุดก็เจอ น้องเต่าละครับ เย้ๆ

เสร็จจุดนี้ เราก็จะไปพักทานข้าว ไฮไลค์ของวันนี้กันครับ นั่นคือเจ้า Sandbank ค๊าบ อิอิ

ไปดูกันว่า มันสวยขนาดไหนครับ


มาถึงละค๊าบ...อิอิ


พอเข้าไปใกล้ๆ บอกเลย สวยมากกกกครับ น้ำใส สีฟ้า.... สวยมากจริงๆ

เอาพร๊อบมาด้วย ต้องจัดครับ 55+

เป็นอะไรที่แปลกมากครับ มีอะทอลเล็กๆ มาโผล่อยู่กลางมหาสมุทร แถมสีน้ำสวยมากกก

เค้าก็จะให้เรามากินข้าวบน Sandbank นะครับ แหม น่าจะฟิน


แต่..........


สิ่งที่เราหวังไว้ ไม่ได้ฟินอย่างที่คิดครับ เพราะว่า


โครตร้อนแดด เลยค๊าบ... 55+


คือคุณมะรึง ทำไม ไม่มีร่มมากางให้สักนิด หรือให้กินบนเรือ แล้วค่อยลงมาถ่ายรูปกะได้ก๊าบ

นี่เล่นให้กินกันกลางแดดแบบนี้ โอ้ว แม่เจ้า..... รีบกิน รีบลงน้ำครับ ร้อน 55+

เสร็จจากกินข้าว เล่นน้ำบน Sandbank สวยๆ แล้ว เค้าก็จะพาเราไปดูปลาโลมาครับ


แต่...... ไม่เจอสักตัวครับ 55+


นี่ไง อย่าคาดหวังอะไรเยอะครับ ไม่คาดหวัง ก็ไม่ผิดหวังครับ

แล้วแต่ดวงจริงๆ ก็เป็นอันจบ ทัวร์ดำน้ำครับ


เดี๋ยวตอนต่อไป ผมจะพาไปแนะนำ ชายหาดบนเกาะ Maafushi กันครับ

ว่าจะสวยงามรึป่าว รอติดตามกันได้ครับ



มัลดีฟส์ #6


หลังจากเสร็จ โปรแกรมดำน้ำ เรายังมีโปรแกรมต่ออีกอย่างคือ Night Fishing and Sunset ครับ
ในราคา 25 $ แต่ทัวร์นัด 5 โมงเย็นโน้นอะครับ เราเลยกะจะไป เล่นน้ำกันก่อนที่ Bikini Beach และ Arena Beach ครับ

ไปชมความสวยงามของ 2 ชายหาดบน เกาะ Maafushi กันครับ

ที่แรก Bikini Beach ครับ ถ้ามาช่วง สายๆ บ่ายๆ น้ำทะเลจะสีฟ้ามากครับ

.เป็นหาดเล็กๆ แต่สวยเหมือนกันครับ


เดินต่อไปอีกนิด ก็จะเจอหาดที่ 2 ครับ

Arena Beach

เป็นหาดที่ผมว่าสวยที่สุด เพราะน้ำสีฟ้าเลยครับ ชายหาดสีขาว ทรายนิละเอียดยิบ นุ่มเท้ามากครับ

แต่ตรงช่วงที่เดินลงไป จะมีหินเยอะนะครับ ต้องเดินลงไป อีกนึดถึงจะเจอทรายครับ

ที่นี่เหมาะแก่การมาเล่นน้ำมากครับ ทรายจะเยอะกว่าทาง Bikini Beach ครับ

Bikini Beach หินจะเยอะมากครับ เดินลำบากนิดนึง

เล่นกันสักพักก็ได้เวลาไป ดูพระอาทิตย์ตก แล้วก็ตกปลากันละครับ

แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยเลย เพราะมันมืดมาก เอาเป็นว่า กิจกรรมนี้ก็คือ


เค้าจะพาเราไปดูพระอาทิตย์ตกบนเรือนะครับ จากนั้นก็จะแจกอุปกรณ์ตกปลา

คือวงแหวนพลาสติกที่มีเอ็นตกปลาพันอยู่ครับ แล้วก็มีตะขอเบ็ด

จากนั้นเค้าก็จะเอาปลามาตัดเป็นชิ้นๆ ทำเป็นเหยื่อให้เราครับ

เราก็เอาไปหย่อนลงน้ำ ทีนี้ก็แล้วแต่ดวงครับ 55+ แต่บอกเลย ยากมากกกกก

อยู่กันมืดๆ บนเรือ แบบนั้นแหละครับ แต่ก็มีไฟสว่างอยู่ ไม่ต้องกลัวครับ

อยู่สักพักก็กลับครับ หิวด้วย เพราะกิจกรรมนี้ เค้าจะเอาปลาที่ตกได้ มาทำอาหารให้เราครับ

โดยจะให้เรามารอที่ โรงแรม Arena Beach ครับ พอเค้าทอดปลา อบปลาเสร็จ

ก็จะมาเรียกเราไปกินครับ โดยจะมีข้าวผัด กับสลัดผักให้ด้วยครับ

ก็คิดซะว่าซื้อโปรแกรม กินข้าวเย็นครับ 55+


เสร็จกิจกรรมแล้วเรียบร้อยละครับ พรุ่งนี้ก็ได้เวลากลับแล้ว

คืนนี้ก็กลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เพราะเรือออก 7.30 am ครับ


เรียกว่า ทริปนี้ เต็มไปด้วยความสุขมากๆ เลยครับ

ไม่เคยคิดเลยว่า มัลดีฟส์ มันจะดีงามขนาดนี้


ไม่ต้องไปพูดถึงหรอกครับ ไอ้การไปนอน บ้านพักบนน้ำราคา หลายหมื่น

บอกเลยมาแค่นี้ คุณก็ได้สัมผัสกับ มัลดีฟส์ แบบเต็มๆ ครับ


ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน ต้นทุนชีวิตก็ไม่เหมือนกัน จะมัวรอเก็บตัง 4 - 5 หมื่น

แล้วค่อยไป จะได้ไปเมื่อไหร่ครับ


อย่าไปรอเลยครับ วันนี้โอกาส เดินมาหาทุกคนแล้ว เรามีทางเลือก

กับการได้มาสัมผัส ที่สุดของทะเลกันแล้วครับ

กับงบ ประหยัดๆ แบบมนุษย์เงินเดือนแบบเรา แค่ ไม่ถึง 2 หมื่นบาท


แต่ถ้าใคร งบถึง อยากลองไปสัมผัส บ้านบนน้ำ ก็จัดไปครับ เพิ่มงบกันอีกคนละ 10,000 ก็ได้แล้วครับ

เพราะเดี๋ยวนี้ตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ - มัลดีฟส์ ไม่ได้แพงมากแล้วครับ


การเดินทางครั้งนี้ หวังว่าคงเป็นใบเบิกทาง เป็นข้อมูล ให้กับเพื่อนๆ อีกหลายๆ คน

ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต อยากมาสัมผัส ท้องทะเล ที่ได้ชื่อว่า สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ กันนะครับ


แล้วเจอกันใหม่ครับ ฝากเพจเล็กๆ ส่วนตัวด้วยนะครับ เป็นเรื่องราวการเดินทาง ทั้งหมดของผมเองครับ


https://www.facebook.com/drunkjourney/


แล้วเจอกันทริปหน้าครับ


สวัสดี


มาสรุปค่าใช้จ่ายให้ครับ ( 1$ = 34 บาท )



1. ค่าเครื่องบิน พร้อมที่พัก 4 วัน 3 คืน ประมาณ = 13,000 บาท

2. ค่าเรือสนามบิน - male ไป-กลับ คนละ 2 $ = 68 บาท

3. ค่ารถ Taxi Male - Maafushi Ferry 3 $ ( คนละ 102/2 ) = 50 บาท

4. ค่าเรือ Maafushi Ferry ไป-กลับ คนละ ( 68 x 2 ) = 136 บาท

5. ค่า Visit Resort Addaran คนละ 105 $ = 3,750 บาท

6. ค่าดำน้ำ + Night Fishing and Sunset คนละ 50 $ = 1,700 บาท

7. ค่า Taxi Maafushi - Male 5 $ คนละ 170/2 = 85 บาท



รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่รวมค่าอาหาร = 18,789 บาท ครับ



ข้อเสนอแนะ

1. ควรไปช่วงหน้า Low Season เพราะ มัลดีฟท์ ไม่มีช่วงมรสุมครับ

ฝนตกก็ตกแป๊บเดียว ราคาตั๋ว และที่พัก จะถูกมาก

2. ไม่ควรไปช่วง วันหยุดยาว บ้านเรา เพราะ ราคาตั๋วจะแพงครับ

3. ควรไป เสาร์ - อาทิตย์ และลางานเพิ่มเอา 2 วันครับ รับรอง ได้ตั๋วราคา 7,000 - 9,000 ครับ ไม่เกินนี้

4. ระยะเวลา ควรไปอย่างน้อย 4 วัน 3 คืนครับ เพราะ 3 วัน 2 คืนไม่พอครับ น้อยและเหนื่อยไปครับ

5. ทัวร์ที่ควรเลือกคือ 1. Visit Resort และ 2. ดำน้ำครับ

6. สำหรับใครอยากไปพัก บ้านบนน้ำ ผมชี้พิกัดให้ครับ


https://www.expedia.co.th/Maldives-Hotels-Paradise-Island-Resort-Spa.h1932406.Hotel-Information?chkin=16%2F6%2F2018&chkout=19%2F6%2F2018&rm1=a2


เพราะที่นี่ ที่พักบนน้ำ คืนละ ประมาณ 12,000 บาท

ค่าเรือ สปี๊ดโบ๊ท รับ - ส่ง สนามบิน ราวๆ 3,500 บาทครับ

ตกคนละ 9,500 บาท แต่ต้องไปนอนบนฝั่ง สัก 2 คืน ครับ

คืนละ 4,600 บาท ไป 2 คนก็คนละ 4,600 บาทครับ

รวมค่าใช้จ่ายจะราวๆ นี้ครับ ถ้าได้ค่าเครื่องสัก 8,500 บาท

= 8,500+4,600+9,500 = 22,600 บาทเท่านั้นเองครับ


รวมค่ากิน ไปดำน้ำ น่าจะไม่เกิน 25,000 บาทครับ ลองดูกันได้ครับ

คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ ใครมีอะไรสงสัย ก็ทักมาสอบถามได้ครับ

สวัสดีครับ

เที่ยวไปเมาไป

 วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.57 น.

ความคิดเห็น