" มามาเรามา เมาดิบ มาเรามา เมาดิบ มาเรามา เมาดิบ เมาดิบ เมาดิบ "

พูดถึงมัลดีฟส์ทีไร เพลงนี้ ดังขึ้นมาในหัวทันที แหม... แต่งไปได้ 55+

สวัสดีค๊าบ..ทุกคน ไม่ได้เจอกันซะนานมาก.....กกก 55+ ได้กลับมาเขียนรีวิวซะที

หลังจากช่วงนี้ ค่อนข้างจะออกเดินทาง น้อยลง แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปสถานที่ใหม่ๆ

เลยไม่ค่อยได้ มีรีวิวมาฝากกัน

แต่ในที่สุด... 55+ ผมก็ได้กลับมาเขียนรีวิว ให้ทุกคนได้อ่านกันละค๊าบ เย้ ๆ ...

เนื่องจากทริปนี้ มีเสียงเรียกร้องกันมา มากมาย ( 2 - 3 คน อืม.. นี่เยอะละใช่มั้ย 55+)

บอกว่า อยากอ่านนะ รอนะ เพราะอย่างที่รู้กัน มัลดีฟส์ มันคือ ทะเลในฝัน ของใครหลายๆ คน

แต่ บางคน ไม่มีเพื่อนไป บางคน ก็ไม่กล้าไปคนเดียว หรือ บางคน กลัวจะไปไม่ถูก จะหลงมั้ย

ที่สำคัญ มัลดีฟส์ มันแพงนะเห้ย ....

ไอ้ผม ก็ไปมาแล้ว 2 รอบ รอบแรก ไปแบบ ประหยัด พักเกาะชาวบ้าน งบไม่เกิน 20,000 ก็ไปจัดมาแล้ว

แต่รอบนี้ ด้วยความที่อยากรู้ ไหนๆ จะไป รอบที่ 2 ละ ขอลองไปนอน บ้านบนน้ำสักทีฟร่ะ ดูซิมันจะฟินแค่ไหน

ไอ้ที่เค้าว่ากันว่า ไปมัลดีฟส์ ไม่ได้ไปนอนบ้านบนน้ำ ไปไม่ถึงมัลดีฟส์ มันจะจริงมั้ย

ว่าแล้ว ก็ไปจัดมาเรียบร้อย แถม จัดแบบ ชิลๆ สำหรับคนงบน้อย

กำเงินมา 25,000 บาท รับรองได้ฟิน เหมือนผมแน่นอน

ที่สำคัญ ทริปนี้ ทะเลเดือดครับ เพราะน้องๆ ที่ไปด้วยกัน จัดหนัก จัดเต็ม แซบสุดๆ (คนจัดนี่ ฟินเลย อิอิ )

ถ่ายไปถ่ายมา นึกว่าไปกะแก๊งสาว แมกซิม 55+ ( น้องๆ น่ารัก ทุกคนครับ อิอิ )

เอาเป็นว่า ไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ กับความแซบ ของเหล่าสาวๆ แมกซิม

เอ้ย น้องๆ ในทริปนี้ 55+ จะแซบ ขนาดไหน

แล้วไปดูกันว่า งบ 25,000 บาท มันไปมัลดีฟส์ ได้จริงๆ ใช่มั้ย ที่สำคัญ ได้นอนบ้านบนน้ำ ด้วยนะครับ อิอิ

เอา อย่ามัวเสียพารา เอ้ย เสีย เวลา เอ้ย ถูกแล้ว แฮร่...

เอ้า.... ไปลุยกันเล๊ย.........


#Maldives 1


มาเริ่มกันเลยครับ ทริปนี้ เริ่มมาจาก ที่ผมเอง เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ backpack ไปมัลดีฟส์

ไปแบบชิลๆ ประหยัดๆ ไปนอนบนเกาะชาวบ้าน ดูวิถีชีวิต ของคนพื้นเมืองที่นั่น

แล้วก็มีซื้อทัวร์ แบบ Visit resort คือไปดูโรงแรม รีสอร์ท กลางน้ำสวยๆ

แบบ One day trip ไปเช้า เย็นกลับ


ด้วยความที่อยากประหยัดงบ รวมเบ็ดเสร็จ ไม่ให้เกิน 20,000 บาท ก็ไปจัดมาเรียบร้อย

ใครสนใจ ก็ไปติดตามอ่านกันได้ ตามลิงค์นี้เลยครับ https://pantip.com/topic/37036856

หลังจากกลับมา ก็ได้เสียงตอบรับ อย่างมากมาย ว่าอยากให้จัดอีก มีแต่คนอยากไป
ไอ้เราก็ อืม.. เอาว่ะ สวยขนาดนี้ มันต้องมีรอบ 2 อิอิ ก็เลย จัดทริปนี้ขึ้นมา

แต่ด้วยความที่ ครั้งที่แล้ว ได้แค่ไป Visit Resort ไม่ได้ไปพักบ้านบนน้ำ รอบนี้เลยมานั่งคิด
เอาว่ะ นานๆจะได้ไปที ขอลองไปสัมผัส ความฟิน ลองไปพักบ้านบนน้ำ ดูสักที ว่ามันจะฟินขนาดไหน

ก็เลยมานั่งหาข้อมูล เพราะเราเคยไปมาแล้ว ก็เริ่มรู้อะไรมาบ้าง พยายามหารีสอร์ท บ้านพักบนน้ำ
ที่ราคาถูกที่สุด แล้วก็ ค่าเรือ ถูกที่สุด ดูซิว่า จะราคาเท่าไหร่ พอรับได้มั้ย แล้วในที่สุด ผมก็เจอครับ อิอิ

มันคือที่นี่ครับ " Thaulhagiri Island Resort & Spa " ครับ 55+


ในที่สุด ก็มีความหวัง เพราะที่นี่ ค่าที่พักบ้านบนน้ำ ตกคืนละ 9,500 - 12,000 บาท

( แล้วแต่ช่วงที่ไป ผมไปราคา 11,000 กว่าบาท )

ก็ตกคนละ 4,750 - 6,000 บาท เท่านั้นเองครับ เย้ๆๆๆ

ที่สำคัญ ค่าเรือ สปี๊ทโบ๊ท ไป - กลับ ราคาแค่ 100 USD หรือราวๆ 3,200 กว่าบาท เท่านั้นเองครับ 55+

ในที่สุด ก็มีความหวัง ไปนอนบ้านบนน้ำ ฟินๆ กับงบ ไม่ถึง 25,000 บาท มันเป็นไปได้ละเห้ย 55+

หาข้อมูลได้ครบ ก็มาเปิดรับสมาชิก จนในที่สุด ก็ได้สาวแมกซิม เอ้ย สาวแซบ มา 6 หน่อ 55+

โดยมีชายหนุ่ม อีก 1 คน รวมผม ก็มีผู้ชาย 2 คน สาวๆ 6 คน ครับ

ได้สมาชิก 8 คน แล้ว ต่อไป ก็ต้องเก็บเงิน โดยผมตั้งเป้าไว้ คร่าวๆ ว่างบครั้งนี้ ตกคนละ 23,500 บาท

ไม่รวมค่าอาหาร ที่ต้องออกเองอีก 5 มื้อ (ระหว่างการเดินทาง)

แต่ไอ้ครั้น จะเก็บตังคนละ 23,500 บาท ครั้งเดียวเลย คงจะยาก เลยใช้วิธีการ ทยอยจ่ายเอาครับ 55+

เอาไปใช้กันได้นะครับ สำหรับใครที่งบน้อย เราก็ใช้วิธีการวางแผนล่วงหน้านานๆ

เพื่อที่จะเก็บตัง แล้วก็ทยอยจ่ายทีละอย่าง

สำหรับทริปนี้ เราจะเดินทางกัน เดือน พ.ค. ผมเลยแบ่ง เป็น 4 ส่วน

เริ่มแรก เดือนมกราคม เราก็จะจองเครื่องบินก่อน เพราะสำคัญที่สุด

ไม่ได้เครื่องบิน จะไปยังไงละจริงมั้ย 55+

ส่วนเรื่องที่พัก จองจาก Agoda มันดีตรงที่ จองวันนี้ แต่ชำระเงิน เดือน พ.ค.

ก่อนเดินทาง2 อาทิตย์ โน้นอะครับ 55+

มีเวลาเก็บตังกันสบาย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ชัวร์นะครับ

เพราะถ้าใครเก็บตังได้ครบ ก็สามารถ โทรไปบอกทาง Agoda

ให้เค้าตัดบัตรเราได้เลย ไม่ต้องรอก่อนเดินทางก็ได้ครับ ผมก็ทำมาแล้ว เพราะกลัวมีปัญหา วันสุดท้าย

เลยขอจ่ายก่อน 1 อาทิตย์ เอาชัวร์ไว้ก่อน 55+

เดือนต่อมาก็จะทยอย เก็บตังกัน เดือนละ 3 - 4 พัน คือเก็บแบบนี้กันมาเรื่อยๆ ครับ จนถึงเดือน พ.ค.

เห็นมั้ยครับ ว่าการวางแผนที่ดี เราก็สามารถ ไปที่ ที่เราอยากไปได้

อย่ามัวแต่กลัวโน้นนี่ แค่กล้า แล้วลองทำมันครับ


#Maldives 3

มาต่อกันครับ แพลนทริปนี้ เราใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ครับ

โดยคืนแรกจะไป นอนบ้านบนน้ำ ฟินกัน ตั้งแต่วันแรกเลย 55+

แล้วอีก 2 คืนจะเดินทาง ไปนอนเกาะชาวบ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่ายครับ นอนบ้านบนน้ำ ทุกคืน ตายแหง่มๆ 55+

ไปพักเกาะชาวบ้าน ค่าที่พักก็คืนละ 1,000 up ครับ หาร 2 คนก็สบายๆ ชิลๆ
แล้วค่อยหาทริปไปดำน้ำ จะได้เห็นมัลดีฟส์ ในอีกมุมมองนึงกันครับ

มาว่าถึงรายละเอียดการเดินทางกันครับ การเดินทาง ไปมัลดีฟส์ ตอนนี้ ออกโปรมาแทบทุกวัน
ก็เจ้านกแดงครับ Airasia ซึ่งไป - กลับ จะเป็นลำเดียวกันนี่แหละครับ ไปส่งคน แล้วก็รับกลับมา

ขาไป กรุงเทพ - มัลดีฟส์ รอบ 9.30 น. ถึงมัลดีฟส์ 11.40 น. เวลาที่มัลดีฟส์นะครับ ( เวลาที่ไทย 13.40 น. )
(เวลาที่มัลดีฟส์จะช้ากว่าไทย 2 ชม. เพราะงั้นจะใช้เวลาบิน 4 ชม. นิดๆ นะครับ)
ขากลับ ก็เจ้าลำเดิมนี่แหละ รอบ 12.30 น. เวลาที่มัลดีฟส์ ( เวลาที่ไทยก็ 14.30 น.)

ถึง กรุงเทพ เวลา 19.00 น. ครับ

ราคา ก็แล้วแต่ช่วงที่เดินทางครับ จอง High ก็จะแพงหน่อย

ตั้งแต่ ธันวา - เมษา ราคาราวๆ 10,000 บาท up

ถ้าไปหลังเมษา พ.ค. - พ.ย. ราคาก็จะถูกหน่อย 9,000 กว่า บาท

แล้วแต่ช่วงโปรละครับ

รู้วิธีการเดินทางละ มาว่าถึงเรื่องที่พักกันครับ

ที่พักบ้านบนน้ำ จากที่ผมหาข้อมูลมา ที่นี่ Thaulhagiri Island Resort & Spa
เป็น รีสอร์ท บ้านบนน้ำที่ถูกที่สุด ของมัลดีฟส์ละครับ ถ้ารวมค่าเรือด้วย

เพราะราคาบ้านบนน้ำจะอยู่ที่ 11,000 กว่าบ้าน ต่อคืน ( หาร 2 คนก็คนละ 5 พันกว่า บาท 6 พันครับ )


ราคานี้จะมีอาหารค่ำ บุฟเฟ่ ให้วันแรกนะครับ และอาหารเช้าอีกวัน มีเครื่องดื่มต้อนรับ

ไม่ได้รวมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นะครับ แต่ไปขอเค้าได้ครับ 55+

เพราะตอนผมไป อยู่ๆ เค้าก็มาถามว่าอยากได้เครื่องดื่มมั้ย แต่ให้ได้เฉพาะไวน์แดง และไวน์ขาว ครับ

ไปกัน 8 คน ขอเค้ามาได้ 3 เหยือกใหญ่ๆ 55+ น้องๆ ก็เลยให้ทิป ไปเยอะอยู่นะ แต่เอาน่าคุ้มๆ 55+

ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าเราจองจากบริษัททัวร์มัลดีฟส์ ตามเวบต่างๆ เค้าจะรวมมาให้หมดเลยนะครับ

แต่มันต้องไป พักบ้านบนน้ำ 2 คืน อย่างน้อย ราคา ก็ตามนี้ครับ


เอามาจากเวบนี้ครับ https://www.maldives-experts.com/thulhagiri-island

3 วัน 2 คืน 18,000 บาท หักค่าเรือ 3,200 บาท จะเหลือค่าที่พัก 2 คืน 14,800 บาท

ตกคืนละ 7,400 บาทครับ

ถ้ารวมค่าเครื่องเข้าไป ประมาณ 9,500 บาท ทริปนี้ก็จะตกอยู่ 27,500 บาท

แต่รวมทุกอย่างให้หมดแล้ว และก็ได้นอนฟินๆ บ้านบนน้ำ 2 คืนครับ

แต่ถ้าใครอยากประหยัดงบ ก็จองจาก Agoda เอาครับ จองบ้านบนน้ำ 1 คืน

แล้วนอนบนฝั่งอีก 1 คืนก็ได้ครับ

แต่ที่ผมไม่นอน ที่นี่อีกคืน เพราะราคา บีซ วิลล่า ก็ไม่ใช่ถูกๆ ครับ แฮร่....


ตกคืนละ 8,000 กว่า ตกคนละ 4,000 กว่าบาท อืม.. ถ้าไป 3 วัน 2 คืน

นอนบ้านบนน้ำ 1 คืน 6,000 + บนฝั่ง 4,500 บาท + ค่าเรือ 3,200 บาท + ค่าเครื่อง 9,500 บาท

= 23,200 บาท

ก็ใช้ได้นะครับ แต่ได้ไปแค่ 3 วัน 2 คืน ผมเลยเลือกที่จะไป นอนเกาะชาวบ้านดีกว่า

เพราะจะได้ นอนอีก 2 คืน แถมได้ไปดำน้ำอีกด้วย แล้วก็ได้เห็นมัลดีฟส์ ในอีกมุมมองนึงครับ


ส่วนใครสงสัยว่า มันมีรีสอร์ท ที่นี่ ที่เดียวจริงๆ เหรอ จริงๆ ยังมีอีก 2 รีสอร์ทครับ

ที่ผมหาข้อมูลมาแล้วราคา พอๆกัน


ที่แรก Paradise Island Resort & Spa ครับ

ราคาที่พัก จะอยู่ที่ 14,600 บาท ครับ ตกคนละ 7,300 บาท

ค่าเรือสปีดโบ๊ท รับ-ส่ง จะอยู่ที่ 104 usd = 3,300 - 3,400 บาท

ก็ต่างกัน ไม่มากครับ 1,000 - 2,000 บาท ถือว่าเป็นอีกตัวเลือก 1 ได้เลยครับ


อีกที่ Adaaran Club Rannalhi

ราคาบ้านบนน้ำ จะอยู่ที่ 15,000 กว่า แต่ค่าเรือจะแพงครับ ค่าเรือ รับ - ส่ง

จะอยู่ที่ 150 usd ราวๆ 4,800 บาท

ก็เอาไว้เป็นอีกทางเลือกครับ สำหรับใครที่ไม่อยากไป ซ้ำกับผม อีกอย่าง

ตอนนี้ Thaulhagiri Island Resort & Spa กำลังดังในหมู่คนไทยเลยครับ 55+

เดี๋ยวมาต่อกันครับ ว่าที่พัก ที่เป็นเกาะชาวบ้าน จะเป็นยังไง ราคา เท่าไหร่ เดี๋ยวมาต่อครับ อิอิ


#Maldives 4

เอาละครับ ไม่ต้องเสียเวลากันเยอะ เรามาออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ อิอิ
ส่วนรายละเอียดต่างๆ เดี๋ยวผมจะค่อยๆ บอกไปเรื่อยๆ นะครับ
สำหรับที่นั่ง ถ้าใครอยากเห็นวิวสวยๆ ให้เลือกฝั่งขวานะครับ จะเห็นอะทอล เยอะกว่าฝั่งซ้าย

ตามรูปเลยครับ โดยเฉพาะ 20 นาทีสุดท้าย ก่อนเครื่องลง เราจะได้เห็นวิว มัลดีฟส์สวยๆ แบบนี้เลยครับ

มาถึง ก็เดินๆ ตามเค้าไปครับ สนามบินที่นี่ไม่ใหญ่มากครับ

มัลดีฟส์ ห้ามเอา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิดเข้า เด็ดขาดเลยนะครับ

ไม่ว่าจะโหลดกระเป๋า ห่ออย่างดีมาแบบไหน โดนหมดครับ เพราะผมกะเพื่อน กะโดนยึดมาแล้ว 55+

มีวิธีนึง แต่ผมไม่เคยลอง แล้วก็น่าจะได้เฉพาะ เหล้าที่ไม่มีสี เช่นพวก วอสก้า ไวน์ขาว ไรพวกนี้

คือกรอกใส่ขวดน้ำเปล่ามาครับ 55+ ที่คิดว่าน่าจะรอด เพราะ เพื่อนผมเค้าโหลดน้ำเปล่า เข้าประเทศได้ครับ

แต่ผ่านไม่ผ่าน อันนี้ ผมไม่รับรองนะครับ ไปเสี่ยงดวงกันเอาเอง 55+ แต่ถ้าพักรีสอร์ทบนน้ำ เค้ามีขายครับ

แต่ถ้าไปนอน เกาะท้องถิ่นจะไม่มี ต้องไปกินบนเรือ ที่เค้าขายเฉพาะตอนกลางคืนครับ

อ้อ แล้วราคาก็แพงเอาเรื่องครับ 55+

เบียร์กระป๋องละ 5 usd ก็ตกกระป๋องละ 160 บาท ครับ

ส่วนของที่โดยยึด ขากลับเราเอาใบที่เค้ายึด มาเอาคืนได้นะครับ แล้วก็โหลดกลับประเทศได้เลย

ทางที่ดีก็อย่าเอาไปเลยครับ ไม่ผ่าน ชัวร์ 55+


เข้าไปก็ไปผ่าน ตม. เสร็จแล้วก็เดินออกมา ทางออก สำหรับใครอยากซื้อ ซิม ให้เลี้ยวขวาไปเลยนะครับ

จะมี 2 เจ้า Ooredoo และ Dhiraagu ราคา ก็แล้วแต่ GB ครับ ประมาณ 15 usd ขึ้นไปครับ

แนะนำว่า ออกมาให้รีบซื้อ ซิมเลยนะครับ เพราะเรือที่จะมารับเรา เค้าไม่รอนะครับ

คือเค้าไม่ได้มารับเราแค่ กลุ่มเดียว แต่จะมีคนอื่นด้วย เพราะงั้น จะมีเวลาอยู่ไม่นานครับ ให้รีบไปซื้อกัน

เพราะตอนกลุ่มผมไป เค้าเดินมาตามเลยครับ 55+ ดีนะได้ยินชื่อตัวเอง เลยรู้ว่ารีสอร์ทเรามารับ

คือหลังจากที่จองที่พักจาก agoda เราสามารถระบุคำขอพิเศษ ให้เรือมารับ-ส่งได้ครับ

แล้วไปชำระเงินที่รีสอร์ทเลย โดยต้องแจ้งชื่อจริง ตามหน้า พาสปอร์ต ให้เค้าไปทาง e-mail ครับ

ถึงว่าทำไมเดินมาเรียกชื่อ คนในกลุ่มเราได้ 55+ ไอ้กลุ่มเรากะนั่งชิล รอน้องๆ ซื้อซิมกันไป

สรุปสุดท้าย ไม่ได้ซื้อครับ มันบอกมันรีบ 55+ อะไม่เป็นไร

เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเปลี่ยนที่พัก กลับมาสนามบินค่อยซื้อกันครับ

แต่ถ้าใคร ไม่ได้มีธุระอะไร ต้องโทร หรือต้องใช้เน็ตไวๆ ที่รีสอร์ทก็มี Wifi ให้ใช้ครับ

แต่ช่วงไหนคนใช้เยอะก็ช้าหน่อยครับ

แต่ถ้าจะใช้แค่พออัฟรูป เชคอิน ก็สบายครับ ใช้ได้ หายห่วง อ้อ รูมมิ่งใช้ได้นะครับ

แต่แพงโครตๆ เลยครับ เชคกันดีๆ นะ 55+

หลังจากนั้น เราก็เดินตามคนของทางรีสอร์ท มาที่เค้าเตอร์ของรีสอร์ท เพื่อรวมตัวกันครับ

ของ Thaulhagiri จะอยู่ที่เค้าเตอร์ 15 นะครับ เดินออกมา จะเจอเลย

รวมกลุ่มเสร็จ พอคนครบ เค้าก็จะพาไปลงเรือครับ ท่าเรือน้ำสวยมากกกกกกกกก

ก็นั่งเรือกันสักพักครับ ราวๆ 30 - 45 นาที เดี๋ยวมาต่อกันนะครับว่าเจ้า

รีสอร์ท Thaulhagiri นี่จะสวยงามขนาดไหน


#Maldives 5


มาต่อกันครับ ก็นั่งเรือกันมาชิลๆ ครับ เรือสปี๊ดโบ๊ท ของที่มัลดีฟส์ ดีกว่าบ้านเราเยอะครับ
ที่นั่งสบาย ไม่เบียดกัน แต่ใครเมาเรือ ก็กินยากันไว้ด้วยนะครับ
และแล้ว เราก็มาถึงจนได้ เจ้า Thaulhagiri Island Resort & Spa ครับ ไปดูบรรยากาศกันเลย เย้ ๆ ๆ

ภาพแรกมา ก็ว้าวแล้วครับ น้ำใสมากกกกก

ขนาดตรงท่าเรือ น้ำยังสีฟ้า สวยมากครับ นี่แหละเสน่ห์ ของมัลดีฟส์

บ้านพักที่อยู่ฝั่งท่าเรือ

มาถึงก็จะมีคนมาต้อนรับครับ ถือกระเป่าให้เสร็จสับ เรียกว่าเดินกันมาตัวปลิ้วได้เลย

แล้วก็จะมี น้ำดื่มเย็นๆ แบบนี้มาต้อนรับครับ

จากนั้น ก็จะมีคนมาบรรยาย รายละเอียดต่างๆ ก็ให้น้องๆ ช่วยกันฟังครับ

ไอ้ผม ภาษาอังกฤษ ก็เก่งซะด้วย คุยด้วยทีไร เมื่อยมือทุกที 55+ ก็ฟังพอแค่จับใจความได้อะแหละครับ 55+

เสร็จแล้วเค้าก็จะให้กระดาษมาห้องละ 2 ใบ ให้เขียนรายละเอียดของเราลงไปครับ

ชื่อ นามสกุล ไฟท์ที่มา ไฟท์ที่กลับ เลขพาสปอร์ต ไรพวกนี้ครับ

แล้วก็เอา พาสปอร์ตตัวจริง ให้เค้าไปลงทะเบียน

อ้อ ถ้าพรุ่งนี้ เรายังไม่กลับ อย่าเพิ่งไปเขียนไฟท์ ที่กลับนะครับ

เพราะไม่งั้นเค้าจะ ให้เรากลับเรือสปีทโบ๊ท รอบ 9.30 น.

เพราะไม่งั้นจะไปไม่ทัน เที่ยวบิน ถ้าอยู่ต่อก็เขียนวันที่เราจะกลับจริงๆ

หรือถ้าจะตามรอยผม ไปเกาะชาวบ้านต่อ ก็ให้เขียนไปว่าจะไป เกาะไหนต่อนะครับ

แล้วก็บอกเวลา เชคเอ้าเค้าว่า ขอเป็น 12.00 PM เอาครับ

จะได้มีเวลา เที่ยวเดินถ่ายรูป พรุ่งนี้เช้าอีกวันครับ

แล้วเค้าก็จะแจ้งเวลาให้เราเชคเอ้า 12.00 PM จากนั้น ให้เรารวมตัวที่เค้าเตอร์

เรือจะออกจาก รีสอร์ทเวลา 01.00 PM ครับ ไปถึงสนามบิน ก็ราวๆ 01.45 PM ครับ

อ้อ อย่าลืมจ่ายค่าเรือ ไป - กลับ ด้วยนะครับ เดี๋ยวเค้าจะเอาบิลมาให้เราชำระที่นี่เลยครับ

ไป - กลับ ก็คนละ 100 USD จ่ายเป็นเงิน ดอลล่า ได้เลยครับ


อ้อ...ลืมบอกเรื่องสำคัญ ******* เรื่องเงินครับ *******

**** ผมมาร์ค ไว้ให้เลยนะครับ สำคัญมาก ที่มัลดีฟส์ เราสามารถใช้เงิน ดอลล่า ได้เลยนะครับ ****

**** แต่ ****

** ต้องเป็นแบงค์ใหม่เท่านั้นครับ ห้ามมีรอยอะไรเลย ห้ามมีรอยขาด นิดเดียวก็ไม่ได้นะครับ **

** เพราะฉะนั้น ตอนแลกไป ดูแบงค์ให้ดีๆ นะครับ แล้วโดยเฉพาะเวลาเค้าทอนตังให้

อย่าไปรับแบงค์เก่ามาเด็ดขาด **

** คืออารมณ์เสียกันมากกับเรื่องนี้ คือคุณมะรึง จะเยอะไปไหน ขาดนิดหน่อยก็ไม่ได้ แต่ที่น่าเกลียดที่สุด **

** คือคุณมะรึง ไม่เอาแบงค์เก่า แบงค์ ขาด แต่มะรึงเอามาทอนให้กะรู เนี่ยนะ ....**

เพราะงั้นก็ระวัง กันให้ดีๆ ครับ แต่ถามว่า แลกไปแล้ว แลกกลับได้มั้ย ที่สนามบิน มีจุดแลกครับ

** อ้อ อีกข้อ ที่สำคัญมาก ถ้าจะแลกเงินของมัลดีฟส์ คือ รูฟียาห์ ถ้าแลกที่สนามบิน **

** ให้เก็บใบเสร็จไว้ด้วยนะครับ เพราะเวลาแลกกลับ ต้องใช้ครับ หรือไม่ก็ต้องคนที่เคยแลกมาแล้ว เท่านั้น **

** คือเรา ไปได้เงินทอนมาจากที่ไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่เคยแลกกับที่สนามบิน

จะแลกกลับเป็น ดอลล่า ไม่ได้เลยครับ **

** ต้องให้คนที่เคยแลก แล้วมีประวัติกับที่สนามบินเท่านั้นครับ

ถึงจะแลกคืนได้ คือเรื่องมาก อิ๊บอ้าย ที่นี่ 55+ **

เอาเป็นว่าก็ระวัง แล้วก็จำกันไว้ดีๆ นะครับ อ้อ 1 usd แลกได้ราวๆ 14.xx รูฟียาห์ นะครับ

แต่ที่เกาะชาวบ้าน บางร้านเค้าจะคิด 15 รูฟียาห์ ไปเลยครับ ไงก็คำนวณกันดีๆ แต่เอาจริงๆ ผมก็ใช้ ดอลล่า ตลอดนะครับ

ผ่านเรื่องที่สำคัญมากๆ เครียดๆ ไปละ เราไปชมบรรยากาศ สวยๆ งามๆ แซบๆ กันต่อดีกว่าครับ อิอิ


#Maldives 6


หลังจากคุยรายละเอียดต่างๆ เวลาข้าวเย็น ข้าวเช้า บริการต่างๆ แจ้งวันเวลากลับ
ก็ได้เวลาไปฟินกันละค๊าบ....เย้ๆ จะได้รู้กันสักที ไอ้บ้านบนน้ำ ของมัลดีฟส์ เนี่ยมันเป็นยังไง
โครตตื่นเต้นเลยเห้ย 55+ ทางไปห้องพักครับ อย่างสวย

มองมาทางซ้าย ก็สวย

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัลดีฟส์ คือสะพานไม้ที่ทอดยาวไป ตามบ้านบนน้ำนี่แหละครับ

บ้านพักของพวกเราครับ อิอิ

ในที่สุด ความฝันก็เป็นจริงครับ คนธรรมดา มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ที่ได้แต่นั่งดูรูปมัลดีฟส์ ทะเลในฝัน

ได้แต่นั่งคิดว่า เมื่อไหร่น้อจะได้มา มัลดีฟส์ที่ใครๆ ก็มองว่า แพงแสนแพง

ในที่สุด วันนี้ เราก็ได้มาละโว้ย... 55+

บรรยากาศ ห้องนอนครับ

ในห้องก็จะมีช่องใสๆ แบบนี้ไว้ให้ดูปลาด้วยครับ กลางคืนมาเห็นปลาสวยๆ เพียบเลย

ไปดูห้องน้ำกันบ้าง มีอ่างอาบน้ำด้วย เสียดายอย่างเดียว ชักโครก ไม่มีสายฉีดครับ

มีประตูอีกบาน สามารถเปิดแล้วนอนแช่อ่างอาบน้ำชิลๆ ได้เลย

ดูบรรยากาศ ในห้องไปแล้ว มาถึง Highlight ของเราคือวิว หลังห้องนี่แหละครับ อิอิ ไปดูกัน

เปิดประตูออกมา จะเจอวิวแบบนี้เลยครับ อิอิ

อีกมุมนึง

บรรยากาศแบบนี้ นาทีนี้ต้องจัดแล้วครับ ซักกระป๋อง แพงไงก็ต้องกินละว่ะ นาทีนี้ 55+

มีทางลงไปเล่นน้ำด้วยครับ เป็นสะพานไม้

บรรยากาศหลังห้องพัก ถ่ายจากอีกห้องนึงครับ

สรุปความฟิน ของบ้านบนน้ำ ที่มัลดีฟส์นี้คือ ความฟินแบบส่วนตัวนี่แหละครับ

เพราะเอาจริงๆ วิวสวยๆ ส่วนใหญ่ก็คือ วิวทางเดินที่เป็นสะพาน ทางมาบ้านพักนี่แหละครับ

ส่วนในบ้าน ก็ปกติทั่วไป มีหลังห้องนี่แหละ ที่สามารถมานอนชิลๆ ฟินๆ ดูน้ำทะเลสีฟ้า ท้องฟ้า สีคราม

มีลมทะเล พัดมาเย็นๆ ทะเลที่นี่แปลกอย่างนึงนะครับ ไม่เหนียวตัวเหมือนทะเลบ้านเราเลย

ก็มานอนฟินๆ กันได้ครับ แหม คนที่มาเป็นคู่นี่ รับรอง ฟินมาก 55+

แต่แก๊งเรามากันเป็นทีม ก็ได้ความสนุก ความฮา มาแทนนี่แหละครับ อิอิ

สำรวจห้องเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาที่ผม เอ้ย ทุกคนรอคอย เหล่าบรรดา สาวแมกซิม เอ้ย น้องๆ

ก็ได้เวลาจัดหนัก จัดเต็มกันละครับ อิอิ ไปดูกันดีกว่า ว่า ทะเลสวยๆ กับสาวๆ งามๆ มันเหมาะสมกันขนาดไหน ไปติดตามกันเลยค๊าบ อิอิ


#Maldives 7

มาต่อกันครับ ช่วงนี้ ผมให้นิยามว่า " ทะเลเดือดครับ 55+ " ไปชมกันเลย

นอนชิลๆ กันไป

ทางลงบันไดต้องมา

นี่หลงมากะสาวๆ แมกซิม ใช่มั้ยเนี่ย 55+

ไม่มีใครยอมใครหละครับ งานนี้ เอามากี่ชุดต้องจัดให้ครบ 55+

ตรงระเบียงหลังห้อง มุมนี้ก็สวยครับ

นาทีนั้น ผมนิ ฟิน คูณ 2 ละครับ 55+

จัดหนักกันไป

นี่แค่หลังห้องนะครับ บอกเลย ยังมีอีกเป็นร้อยรูป แต่คงเอามาลงหมดคงไม่ไหว 55+

ก็เอาพอหอมปากหอมคอครับ 55+ เดี๋ยวเราไปชมจุดสวยๆ อื่นๆ ของรีสอร์ทนี้กันครับ

#Maldives 8

มาต่อกันครับ หลังจากรวมตัว ถ่ายรูปกันในห้อง จนจุใจ ได้ไปหลายร้อยรูป 55+
คราวนี้เราไป ถ่ายวิวสวยๆ รอบๆ รีสอร์ทกันบ้างครับ ไปดูกันว่า เจ้า Thulhagiri

นี้จะสวยงามขนาดไหน ไปชมกันเลยครับ

หน้าประตูห้อง ก็เอาซะหน่อย อิอิ

แสงกำลังสวยเลยครับ

จัดเต็มกันทุกคน นี่เพิ่งเคยถ่ายชุดว่ายน้ำกันครั้งแรกนะครับ 55+

ทั้งผมคนถ่าย แล้วก็นางแบบ ยังมีเกร็งๆ เขิลๆ กันอยู่ ( นี่ขนาดเกร็ง ขนาดเขิลนะ 55+)

แซบสุด เผ็ดสุด ก็ต้องยกให้น้องคนนี้ไปครับ ท่าโพสนิ ยอม 55+

ถ้าแนวน่ารักใสๆ ต้องคนนี้ครับ

แต่จะให้เซ็กซี่ ก็จัดได้ครับ อิอิ ส่วนตัวแล้วผมชอบรูปนี้ที่สุดเลย ท่าโพส มุมกล้อง วิว สวยสุดๆ

เดี๋ยวมาตามต่อกันครับ เลิกงานพอดี ยังมีอีกชุดใหญ่ให้ติดตามกันนะครับ อิอิ


#Maldives 9

มาต่อกันครับ หลังจากถ่ายรูปในห้องพัก แล้วก็ด้านหน้าห้องไปชุดใหญ่
จากนี้ ผมจะพาเราไปดูบรรยากาศ รอบๆ ของเจ้ารีสอร์ท Thulhagiri Island กันครับ ลุย..

มองย้อนกลับไปทางที่เรามา สวยมากกก ครับ

ทางเข้าไปยังตัวเกาะ อย่างสวย

มองไปทางซ้าย จะมีชายหาดครับ ทรายขาวมากกกก

มุมมหาชนครับ ใครมามัลดีฟส์ ต้องมีมุมนี้ จัดกันไปอีก 1 ชุดใหญ่ 55+

2 สาวสุดแซบ

งานคู่รักก็มา อิอิ

เดินเลี้ยวซ้ายมา วิวจากตรงนี้ก็สวยครับ จัดกันไปอีกชุดใหญ่ 55+

วิวที่ชายหาดครับ มองมาทางบ้านพัก นี่ซินะ มัลดีฟส์ สวยมะ อิอิ

มีเหรอสาวแซบ ของเราจะพลาด จัดไป อิอิ

งานนางแบบต้องมา อิอิ

จากชายหาด เดินย้อนกลับมาทางท่าเรือ มันจะทะลุไปอีกฝั่งครับ เดินมานิดเดียวก็จะเจอสระว่ายน้ำครับ

กับวิวระเบียงสวยๆ แบบนี้ ต้องจัดอีกละครับ 55+

เสี่ยงตกนิดหน่อย แต่เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ เราจัดให้ครับ 55+

ยืนเก๋ๆ กะได้นะ มุมนี้

มีสระว่ายน้ำ วิวทะเลแบบนี้ให้เล่นด้วยนะครับ อิอิ

จะรอบเกาะมั้ยเนี่ย ไปตรงไหนก็มีแต่วิวสวยๆ 55+

จากสระว่ายน้ำ เดินต่อมาอีกนิด ก็จะมาเจอชายหาด อีกฝั่งนึงครับ ที่เรามองเห็นจากหน้าห้องพักนะแหละ แต่อีกฝั่งนึงครับ

ทะลุตรงนี้ไปก็จะเจอชายหาด ที่เราเห็นด้านซ้ายจากห้องพักครับ

ทะลุมาเจอ มุมสวยๆอีกแว้ว งานนี้จัดเต็มกันอีกละครับ 55+

ยังกะมาถ่ายปกแมกซิม 55+ อะเต็มที่ นานๆ มาครั้งนึง อิอิ

หันไปอีกทาง แสงกำลังสวยเลยครับ

และแล้วเราก็สำรวจรอบเกาะกันแล้วนะครับ จากชายหาดตรงนี้ เดินไปทางซ้ายก็จะกลับที่พักละครับ

แต่รู้สึกว่า ยังถ่ายรูปกันไม่เต็มที่เลย (1,000 กว่ารูปเนี่ยนะ 55+)

คือด้วยความที่เรามาถึงรีสอร์ท เชคอิน เข้าห้อง กว่าจะออกมาเดินถ่ายรูปก็ จะค่ำกันละครับ

แถมนางแบบ มีถึง 5 คน 555+ กว่าจะผ่านแต่ละจุดมาได้ รูปเป็นร้อย 55+

เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ค่อยไปสำรวจต่อ ยังมีเวลาอีก ครึ่งวันเช้าครับ เพราะพรุ่งนี้เที่ยงเราต้องเชคเอ้า

แล้วก็ต้องเดินทางไป อีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเป็นเกาะชาวบ้าน เกาะคนท้องถิ่นนะแหละครับ

เดี๋ยวมาติดตามกันต่อ กับอาหารบุฟเฟ่ ของที่นี่ ว่าจะเป็นยังไง

แล้วก็บรรยากาศ การเดินทางไป อีกเกาะหนึ่งของมัลดีฟส์กันครับ ว่าจะสนุกสนาน สวยงามขนาดไหน

รอติดตามกันนะครับ อิอิ


#Maldives 10

มาต่อกันครับ หลังจาก ได้ดูบรรยากาศสวยๆ กะสาวๆ สุดแซบ กันไปแล้ว

ก็ได้เวลา อาหารเย็น แบบบุฟเฟ่ กันครับ ซึ่งรวมอยู่ในค่าที่พักไปแล้ว ไปดูกันว่า อาหารของมัลดีฟส์ แบบ บุฟเฟ่ จะเป็นยังไงกันบ้าง ไปชมกันครับ

มาถึงก็แจ้งจำนวนคนไปครับ เค้าก็จะจัดโต๊ะให้

ไปดูอาหารกันบ้าง เรียกว่า จัดหนักกันเลยทีเดียวครับ

ถามว่ารสชาติ อาหารเป็นยังไง ก็ใช้ได้เลยครับ จะออกจืดๆหน่อย

แต่จะไม่มีหมูนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นไก่ ปลา เนื้อครับ

แต่ถ้าจะให้ดี ควรพกตัวช่วยกันไปนะครับ น้ำพริกแห้งบ้านเรานี่แหละครับ รับรองแซบขึ้นเยอะ 55+

ก็นั่งกินกันเพลินๆ ไป ก็เหลือบไปเห็น บางโต๊ะมี ไวน์กินกัน ก็เลยสงสัยว่า

ไอ้ที่เราจองมาเนี่ย มันรวมเครื่องดื่มจริงๆ รึป่าวนะ แต่ที่จองจากใน Agoda มันไม่รวมนี่น่า

สักพัก ก็มีพนักงานมาถามเราว่า สนใจจะรับเครื่องดื่มมั้ย แต่มีแค่ ไวน์แดง กะไวน์ขาวนะ

นาทีนั้น ก็ต้องเอาแหละครับ 55+ ของฟรี มีไรก็กินไปก่อน ก็เลยได้ไวน์แดง กะขาว มาอย่างละเหยือกครับ

แอบเดินไปดูตรงบาร์ อ้อ เค้าเอาไวน์ เทใส่เหยือกไว้เต็มตู้เย็นเลย 55+

เออ น่าคิดนะว่า ไอ้ราคาที่เราจองมาเนี่ย

จริงๆ แล้ว มันรวมทุกอย่างด้วยรึป่าวนะ แต่แอบมาเนียนบอกไม่รวม หรือไม่แจ้งลงใน agoda

แต่ก็นะชั่งมัน 55+ ยังไงคืนนี้พวกเราก็มีอะไรให้ดื่มกันละค๊าบ 55+

เอา ชน แก้ว อิอิ

หลังจากอิ่มกันเรียบร้อย เราก็เลยสรุปกันว่า ไปนั่งคุยกันต่อ หลังห้องใครสักห้อง ดีกว่า

ก็เลยเอาไวน์กลับมา 2 เหยือก 55+ เค้าให้เอามาได้ครับ กับแก้วด้วย ดีจุง 55+

ก็เหลือ 2 หนุ่มนะแหละครับ นั่งดริ้งกัน 55+ แหม บรรยากาศ มันชิลมากๆ ครับ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้

ส่วนสาวๆ บางคนก็มา จิ๊บๆ พอเป็น พิธี ที่เหลือส่วนใหญ่ จะอยู่ตรงนี้กันครับ

ถามว่ามานั่งทำอะไรกันตรงนี้ กะข้างบนมันมี Hotsport Wifi ครับ 55+ อัฟรูป เชคอินกันใหญ่

บ้านใครอยู่ตรง Hotsport Wifi ก็โชคดีไปครับ สัญญาณมาเต็ม ถ้าไกลไปหน่อยก็ช้ามากครับ

ถ้าอยากจะอัฟรูป เล่นเน็ต ก็หาบ้านที่มี Hotsport แล้วก็นั่งเล่นกันข้างหน้าเอาละกันครับ 55+

คืนนั้น ถามว่า หมดมั้ย 2 เหยือก 555+ ไม่เหลือครับ เหลือมันก็เอาไปไม่ได้จริงมั้ย

ต้องจัดการให้หมดครับ อิอิ

ได้เวลานอนกันละครับ พรุ่งนี้เรายังมีภารกิจ ไปถ่ายรูปกันอีก เก็บตกจุดที่เหลือ ที่อยากไปกัน

แต่ขออนุญาติ ไม่ลงเพิ่มละกันนะครับ เพราะมันก็วิว เดิมๆ แค่เปลี่ยนชุด 55+

แต่เดี๋ยวผมจะเล่าถึงการเดินทางไปพักอีกเกาะเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา ... เสียเวลา แฮร่..

แล้วมาติดตามกันต่อนะครับ อิอิ

#Maldives 11

หลักจาก ตื่นแต่เช้า ไปกินข้าว แล้วก็ออกไปถ่ายรูปกันอีกชุดใหญ่
11.00 am เราก็กลับมาเก็บของ เตรียมเชคเอ้ากันครับ เพราะนัดเค้าไว้เที่ยง
ก็เก็บของเสร็จ เชคเอ้า ก็รอเรือไปส่ง สนามบิน เวลา 13.00 น.
จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือ..

เกาะ Maafushi ครับ

จริงๆ เกาะนี้ผมเคยรีวิวไปแล้ว แต่ก็นะ มารอบที่ 2 มันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน
ก็เลยขอรีวิวแบบคร่าวๆ ละกันนะครับ แล้วก็บอกรายละเอียด บางอย่าง

ที่คราวที่แล้ว ไม่ได้เล่า หรือไม่ได้เจอ ให้ฟังครับ

ใครอยากอ่านรีวิว เกาะ Maafushi แบบละเอียด ตามไปได้ที่นี่เลยครับ https://pantip.com/topic/37036856

มาต่อกันครับ ก่อนอื่นเราต้องกลับมาสนามบินก่อน เพราะเรือรับส่ง

เค้าจะ รับ - ส่ง ให้แค่ที่สนามบินเท่านั้นครับ
จากสนามบินเราต้องนั่งเรือ ข้ามมายัง เกาะมาเล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ มัลดีฟส์ครับ ตามรูปเลย

มาถึงสนามบิน เราก็เวาะทานข้าวกันก่อนครับ ที่สนามบินจะมีร้านอาหารไทยด้วยครับ

รสชาติ ใช้ได้เลย แต่แพง อิบอ้าย 55+ ก็จานนึง ตก 8 - 11 usd ครับ

จานละ 200 กว่าบาท - 300 แม่เจ้า 55+

ตรงท่าเรือจะมี ตู้ขายบัตรเรือข้ามฝากครับ คนละ 1 usd เท่านั้นเองครับ

ได้บัตรแล้ว ก็ไปลงเรือกันครับ บรรยากาศในเรือ

ใช้เวลา ราวๆ 10 นาที ก็จะมาถึง เมืองมาเล่ ครับ แล้วเราต้องเดินทางต่อไปยัง ท่าเรือ Ferry เพื่อไปเกาะ Maafushi

ท่าเรือสำคัญๆ ในเมืองมาเล่ นะครับ จะเห็นว่าท่าเรือไป Maafushi จะอยู่คนละฝั่งกันเลย

แล้วก็จะเห็นว่า ท่าเรือ Ferry มีที่ใหม่ กับที่เก่า ที่ใหม่คือผมเพิ่งหาข้อมูลใหม่มาได้ครับ

ว่าตรงนี้ก็มีเรือโดยสาร

แต่ตรงนี้จะเป็นเรือสำหรับโดยสารจริงๆ ส่วนที่เก่าจะเป็นเรือชาวบ้าน ไว้ขนของทั่วไปด้วยครับ

คือเข้าใจว่าขาไปเกาะ เรามาขึ้นเรือที่ท่าเรือใหม่ได้ แต่ขากลับ

ต้องกลับเรือชาวบ้านท้องถิ่น หรือเรือขนของครับ

วิธีไป เกาะ Maafushi จะมี 2 แบบนะครับ คือ

1. ไปเรือสปีทโบ๊ท อันนี้จะสะดวกกว่า เร็วกว่าเยอะเลยครับ แต่ราคาก็แพงกว่า โดยจะอยู่ที่คนละ 20 usd

ก็คนละประมาณ 640 บาท ครับ จะมีจุดให้ขึ้นอยู่ 2 ที่ คือ

จุดที่ 1. ขึ้นที่สนามบินเลย โดยไปติดต่อเค้าเตอร์ 45 ครับ

อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะครับ แต่คนที่เรือบอกมาแบบนี้

จุดที่ 2. มาขึ้นที่เกาะมาเล่ ที่ท่าเรือ 5 ครับ ตามรูปเลยครับ

ไปถึงก็ถามๆ เค้าเอาได้ครับ ว่าเรือลำไหนไปเกาะ Maafushi

ส่วนเรื่องรอบเวลา รอบก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจนะครับ แต่ที่ผมไปขึ้นกัน มีรอบ 16.00 pm ครับ

แต่ถ้าให้เดา น่าจะเป็นรอบ 14.00 pm ครับ

2. ไปเรือ Ferry ซึ่งจะราคาถูกกว่า คนละ 2 usd แต่จะใช้เวลานานกว่าครับ ราวๆ 1.30 ชม.

เวลาเรือออกคือ 15.00 pm ครับ

จุดที่ขึ้น ก็ตรง Villingily Ferry Terminal ครับ อันนี้เป็นข้อมูลใหม่ ที่ผมเพิ่งรู้มานะครับ

เพราะรอบที่แล้ว ผมไปเรือชาวบ้านท้องถิ่น ซึ่งเรือนี้มันจะเป็นเรือขนส่ง สินค้าด้วยครับ

**** ข้อควรระวัง หากใครจะไปด้วยเรือ Ferry ****

ข้อควรระวัง ของการไปเรือ Ferry นั่นก็คือเรื่องของเวลาครับ

รอบแรกที่ผมไป ใช้เวลาจากสนามบิน ต่อเรือ ต่อ taxi ใช้เวลาแค่ประมาณ 20 นาที

แต่รอบที่ 2 ที่ได้ข้อมูลใหม่มา จะไปที่ Villingily Ferry Terminal

กลับใช้เวลาเดินทาง 40 - 50 นาที ได้ครับ นานมากกก

เพราะ Taxi ดันพาวิ่งตัดเข้าตัวเมืองมาเล่ ซึ่งรถติดโครตๆๆๆๆๆ

ทำให้กลุ่มของพวกเรา ตกเรือ Ferry ครับไปไม่ทัน 55+

เราออกจาก รีสอร์ท 13.00 pm มาถึงสนามบิน 13.45 pm เรือออก 15.00 pm เลยกะว่าชิลๆ

ก็เลยกินข้าวที่สนามบินก่อน กินเสร็จ กว่าจะออก 14.20 pm ก็คิดว่าไปทัน ที่ไหนได้ ตกเรือครับ 55+

เพราะงั้นใครจะไปโดยเรือ Ferry ก็ก่ะเวลาให้ดีๆ นะครับ เผื่อเวลาล่วงหน้า สัก 1 ชม.

เพราะเราไม่รู้เลยว่า Taxi มันจะพาเราไปเร็วหรือช้า ที่สำคัญ หายากด้วยครับ กว่าจะโบกได้ 55+


ไปต่อกันครับ มาถึงเกาะมาเล่ ก็โบก Taxi กันครับ ไปคันละ 4 คน เค้าคิด 5 usd ก็โอเครครับไม่แพง

ตกคนละ 40 บาท เท่านั้นเอง จากท่าเรือมาเล่ ไปท่าเรือ Maafushi

ไวสุดก็ 20 นาทีครับ แต่ช้าสุดนี้อาจถึง 40 นาที เลยครับ

กลุ่มแรก 4 คน โบกได้ Taxi ปกติครับ แต่กลุ่มผม 4 คนได้เจ้านี่ครับ 55+

นาทีนั้น อะไรก็ต้องไปละครับ 55+

กลุ่มแรกไปถึงก่อน 15.00 pm ครับทันรอบเรือ แต่กลุ่มผม Taxi ดันไปวิ่งผ่ากลางเมือง ซึ่งโครตติดเลย

เลยตกเรือกันเรียบร้อย 55+ ดีนะยังมีแผน 2 คือไปเรือ สปีทโบ๊คครับ

ก็ถาม Information ที่ท่าเรือ เค้าก็เขียนใส่กระดาษให้มาว่าต้องไปที่ไหน

ก็โบก Taxi กลับมาที่ท่าเรือ 5 ครับ อยู่ตรงหน้าธนาคาร

มัลดีฟส์ Bank of Ceylon อะไรเนี่ยแหละครับ 55+

มาถึงก็ถามเค้าเอาครับ ว่าเรือไหนไป Maafushi ซึ่งก็คือเจ้าลำนี้ครับ ค่าโดยสารคนละ 20 usd ครับ

ยังไงก็ต้องไปแหละ 55+ ยอมเสียตังเพิ่มหน่อยละกัน แต่ก็ดีครับ ไปถึงไวดี

ก็ใช้เวลาแค่ 45 นาทีเราก็จะมาถึงเกาะ Maafushi ค๊าบ เย้ๆๆ

ไปดูกันว่าเจ้าเกาะนี้ มันมีอะไร อยู่ตรงไหนกันครับ

สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ก็ตามรูปเลยครับ มาถึงโรงแรมที่เราจองไว้ก็จะมีคนมารอรับครับ

รอบนี้ผมเลือกจะเปลี่ยนที่พัก เพราะที่นี้มีสระว่ายน้ำครับ 55+

ราคาก็เลยพอสมควรอยู่ คืนละ 2,700 รวมทุกอย่างนะครับ

เพราะมันจะมี ค่าภาษีท้องถิ่น vat ค่าขนกระเป๋า อาหารเช้า ประมาณนี้ครับ

เวลาจองแนะนำจองจาก agoda มันจะรวมทุกอย่างให้หมดแล้ว

แต่ของ Booking มันจะไม่รวมให้นะครับ ซึ่งราคาจะแพงกว่า

แต่ดีกว่าตรงที่จองจาก booking มันมาชำระเงินที่นี่ได้ครับ

ใครไม่ถนัดน้ำทะเล ก็มาที่นี่ได้ครับ มีสระน้ำจืดให้เล่น อิอิ มีโต๊ะพูลให้ได้นะครับ โอเครเลย

มาถึงก็เข้าที่พัก พักผ่อนกันเล็กน้อย เดี๋ยวผมจะพาไปเดินชมวิวสวยๆ รอบเกาะ Maafushi กันครับ ไป...

เดินจากรีสอร์ท มาเรื่อยๆ บ้านเรือนเค้าก็จะประมาณนี้ครับ ทาสีสวยๆ แปลกดี

แล้วก็แทบทุกบ้านเลย เค้าจะมีที่นั่ง แบบนี้ไว้หน้าบ้านครับ ชิลดี 55+

อันนี้ ชายหาดด้านหลัง เดี๋ยวนี้ทำดีขึ้นเยอะเลยครับ มีทีนั่งเล่น มุมถ่ายรูปสวยๆ ร้านอาหารก็ขึ้นมาเต็มเลย

เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอ Bikini Beach ครับ แสงยามเย็น

ก็สวยไปอีกแบบครับ

จัดซะหน่อย อิอิ

เดินมาด้านหน้า ก็จะเจอร้านอาหาร บรรยากาศดีๆ ริมทะเล แบบนี้ครับ

แล้วก็เข้าที่พักกัน อาหารเย็นก็แล้วแต่เราเลือกเลยครับ แต่ทุกโรงแรม ส่วนใหญ่จะมี บุฟเฟ่ให้ คนละ 12 usd

ก็คนละ 300 กว่าบาท ใครอยากจัดร้านไหนก็เลือกได้เลย หรือจะไปกินอาหารร้านค้าทั่วไปก็มีครับ

ราคาก็ตั้งแต่ 6 usd ขึ้นไป คืนนั้นเราก็ไปนั่งร้านอาหาร ปกติครับ สั่งมาหลายอย่างมาก

แต่สุดท้ายเมนูอร่อยที่สุด คือเจ้านี่ครับ

ผัดมาม่า 55+ มันจะเขียนว่า Nuldle ๆ อะไรนี่แหละ ไปแล้วก้ไปลองกันได้ครับ อร่อยจริงๆ

เสร็จแล้วก็กลับที่พัก แยกย้ายกันพักผ่อนครับ พรุ่งนี้เรามีโปรแกรม ไปดำน้ำกัน

ก็จะมีไปดู ปลาโลมา ดำน้ำกับเต่าทะเล ไปกิยข้าวที่ SandBank ครับ แล้วมาติดตามบรรยากาศ กันต่อครับ

#Maldives 12

มาต่อกันครับ วันนี้เรามีภารกิจไปดำน้ำกัน ค่าทริปก็คนละ 30 usd ก็คนละ 900 กว่าบาทครับ ถูกมาก
โปรแกรมหลักๆ ก็มี 5 จุดครับ ดำน้ำ 2 จุด , ไปดูเต่าทะเล , ดูปลาโลมา แล้วก็ไปกินข้าวที่ Sandbank ครับ

เราก็เลือกทัวร์ของ ที่พักเลยครับ ง่ายดี แต่ผมก็แปลกใจอย่างนึง

ที่จองเค้าบอกมันคือ Full day ราคา 30 usd
แต่รอบที่แล้ว ผมไป Half day ราคา 25 usd โปรแกรมเหมือนกันเด๊ะเลย 55+

ยังไงเนี่ย อะๆ เอาสะดวกไว้ก่อน

อุปกรณ์ดำน้ำทุกอย่างฟรีหมดนะครับ เสื้อชูชีพ สน๊อคเกิ้ล ตีนกบด้วยครับ

อ้อ มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยคนละผืนครับ

9.00 am ก็ได้เวลาออกเดินทางกันค๊าบ เพิ่งจะมีรูปหมู่เต็มๆ กัน มาตั้งหลายวัน 55+

เรือที่พาเราไปดำน้ำ ก็แบบนี้เลยครับ

บรรยากาศบนเรือครับ

ได้เวลาลุยกันแล้ว เย้ๆๆ แต่ ไปได้ไม่ถึง 20 นาที เรือเสียครับ 55+

โอ้ย....ทริปนี้ ทั้งตกเรือ ไปไม่ทัน ออกมาดำน้ำ เรือยังเสียอีก เอาเข้าไป 55+

ก็นอนรอเรือมาเปลี่ยนครับ 55+

สักพัก ไกด์คงเห็นนาน เลยพาลงดำน้ำ แถวนี้ซะเลย

ไปชมบรรยากาศ ใต้ทะเลของมัลดีฟส์กันครับ

ก็จะมีสีสวยๆ แบบนี้ เป็นจุดๆ ครับ แล้วก็จะเจอเจ้านีโม มันชอบอยู่ตรงนี้ สวยดี

ส่วนใครไม่ดำน้ำ ก็ถ่ายรูปบนเรือ ชิลๆ กันไป 55+

ของฝากจากจีนครับ 55+ น่ารักดี

สักพัก เรือใหม่ก็มารับเราครับ แล้วก็เป็นโชคดีมากกกกกกก ของทริปนี้ เราได้เจอโลมาตัวเป็นๆ ครับ 55+

ถือว่าโชคดีมาก เพราะการดูโลมานี่ แล้วแต่ดวงครับ รอบที่แล้วผมมาไม่เจอสักตัว 55+ รอบนี้โชคดีโว้ย 55+

แถมมาว่ายใกล้ๆ เรือด้วยครับ แสนรู้มาก จะว่าไปมันก็ตื่นเต้นดีนะครับ เพราะนี่คือโลมา ตามธรรมชาติจริงๆ

เห็นชัดมาก ใกล้มากๆ ด้วยครับ

แต่โลมาที่นี่ บายอ ครับ เพราะไกด์ ตะโกนบอก Jump Jump มันกระโดดเฉย 55+

ยิ่งมีเสียงกรี๊ด ยิ่งโชว์ อืม จัดไปลูก 55+ ดีนะถ่ายไว้ทัน 55+

กระโดด จากน้ำมันธรรมดา ว่าแล้ว เจ้าโลมาแสนซน ก็กระโดดหมุนตัวโชว์ซะเลย เท่ห์ไปไหน 55+

แหมตื่นเต้นดีครับ มันลุ้นดี เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาจากตรงไหน เป็นอีกประสบการณ์ ที่ประทับใจมาก

หลังจากเจอโลมา เค้าก็พาเราไปดูเจ้า เต่าทะเลครับ ไปชมกันว่าหน้าตามันเป็นยังไง 55+

นี่ก็มาแอบสงสารมัน ไกด์ก็บอกมัน เฟรนลี่มาก ชอบว่ายกับคน แต่ที่ผมสังเกต

พอไกด์เจอเต่า เค้าก็ตะโกนเรียกให้ว่ายไปรวมกัน

ก็คนนะแหละครับ ไปว่ายล้อมหน้า ล้อมหลังมัน มันจะไปทางไหนละทีนี้ 55+ มันก็ต้องอยู่แบบนี้แหละครับ

ถ้าผมเป็นเต่า คงคิดในใจ อืม... มาบังทางกรูหมด กรูจะว่ายไปไหนได้ละ กรูไม่ได้เฟรนลี่ ... 55+

หลังจากว่ายกะเจ้าเต่าทะเลไป ก็เหลือไป กินข้าวกันที่ Sandbank ครับ

ไปดูกันว่า เจ้า Sandbank มันเป็นยังไง ไปดูกันเลย

นี่ครับ Sandbank มันคือเจ้าเกาะเล็กๆ กลางทะเลนี่แหละครับ เสียดาย วันที่ไป ไม่ค่อยมีแสงแดด

น้ำเลยไม่ค่อยฟ้าเท่าไหร่ แต่ก็ยังสวยอยู่ดีครับ น้ำใสมากก

เราก็มาเวาะกินข้าวกันที่นี่ครับ มาถึงได์ก็จัดการกางเต็นท์ให้ รอดไป นึกว่าให้นั่งกินกลางแดด 55+

เดี๋ยวพาไปดูบรรยากาศ รอบๆ เจ้า Sandbank กันครับ ว่าจะสวยงามขนาดไหน

ไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆ นะครับ มีแต่แบบนี้

บรรยากาศ รอบๆ

มาถึงละก็ต้องเล่นน้ำกันหน่อย อิอิ

จัดไป สาวๆ 55+

และแล้วก็ได้เวลากลับครับ เวลาผ่านไปไวจริงๆ ก่อนกลับก้ถ่ายรูปหมู่สักหน่อย อิอิ

ไว้มาติดตามกันต่อนะครับ พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว ที่เราจะเดินทางกลับกันครับ

แล้วมาสรุปบทสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้กันครับ

#Maldives 13

และแล้ว ก็ถึงวันสุดท้ายครับ วันนี้เราต้องเดินทางกลับกันแล้ว ขากลับเรา เปลี่ยนการเดินทางกันนิดหน่อย
เพราะกลัวรถไปติดในเมือง แล้วไปขึ้นเครื่องไม่ทัน ขี้เกียจนั่งเรือนานๆ ด้วยครับ เลยเปลี่ยนไป สปีดโบ็ทแทน
โดยติดต่อได้กับทางโรงแรมเลยนะครับ ค่าเรือคนละ 20 usd ครับ แต่ใช้เวลาแค่ 45 นาทีก็ถึงสนามบิน
ก็สะดวกกว่าเยอะครับ ประหยัดเวลาด้วย แถมไม่ต้องไปต่อเรือ ต่อ Taxi ให้เสียเวลา

เรือไปส่งถึงสนามบินเลยครับ
ก่อนเดินทาง เช้านี้ เอาบรรยากาศ เกาะ Maafushi ยามเช้ามาฝากครับ

แล้วหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะ เจ้า Maafushi มา 2 ครั้งแล้วรู้สึกผูกพันธ์ไงไม่รู้ 55+

เช้าๆ มาเดินริมทะเล อาจเห็นเจ้าปลากระเบน ตัวเล็กแบบนี้ด้วยนะครับ

อ้อ ลืมบอกไป ที่รีสอร์ท ที่ผมมาพัก มีคนไทยอยู่นะครับ 2 คน เป็นหมอนวดแผนโบราณครับ

เผื่อใครอยากเวาะมาทักทาย หรือขอคำแนะนำอะไร ก็เวาะมาได้ที่นี่ครับ

อย่างน้อยก็มีคนไทย พอให้อุ่นใจนะ 55+

อาหารเช้าของโรงแรมครับ อยากบอกว่าไอ้เจ้า สีเทาๆ เส้นๆ ฝอยๆ ใส่พริก อร่อยมากครับ 55+

มันคือ ยำมะพร้าวครับ เออแปลกดีเพิ่งเคยกิน 55+

และแล้ว ก็ได้เวลากลับครับ เวลาแห่งความสนุกมันช่างสั้น เหลือเกิน

รู้สึกสนุกทุกครั้ง ที่ได้ออกเดินทาง เพราะมันจะมี รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แบบนี้

เนื่องจากมา สปีทโบ็ท ทำให้มาถึงสนามบินกันไว เลยมีเวลาเหลือเฟือเลยครับ

ใครจะไปเดินถ่ายรูป ก็ตามสบาย กินข้าวกินปลากันให้เรียบร้อย

สีน้ำทะเลที่สนามบิน นี่สุดจริงๆ ครับ สีฟ้าสวยมากกก

จากนั้น ก็เข้าไปเชคอิน ก่อนเชคอิน ใครที่เอาเครื่องดื่มมาแล้วโดนยึด ก็ไปติดต่อขอรับคืนได้ ข้างในเลยครับ

อ้อ ที่มัลดีฟส์ เค้าไม่ให้ใช้ Boarding pass ที่ปริ้นมานะครับ ต้องไปเชคอิน ใช้ตั๋วอย่างเดียวครับ

(โลกเค้าไปถึงไหนกะละ แหม 55+)

มุมสวยๆ จากบนอาคารสนามบินครับ

ร้านอาหาร ข้างในหลังจากผ่าน ตม. มาก็มีนะครับ แต่จะมีไม่กี่ร้าน ทางที่ดีก็กินก่อนเข้ามาดีกว่า

หรือ อีกข้อแนะนำคือ รอไปกินบนเครื่องครับ เพราะราคาถูกกว่าเยอะเลย

แต่จะให้ดี ควรสั่งผ่านเวบมาก่อนนะครับ ไม่งั้นรอคิวนานมากก แถมของหมดก่อนอีกตะหาก

ตรงจุดที่พวกผมนั่ง ดันเป็นจุดสุดท้าย ที่เค้าจะเดินมาบริการพอดี อะไรจะซวยขนาดน้าน 55+

กว่าจะได้กินข้าว 55+ แต่เอาน่า ราคาถูกกว่าสนามบินเยอะครับ

4 ชม. นิดๆ ก็ถึงไทยละครับ เย้ๆ ได้กลับบ้านแล้ว ลากันด้วยบรรยากาศ วิวสวยๆ บนเครื่องบินครับ

ตรงจุดนี้เห็นบอกเป็น ประเทศพม่า ดูสวยดีเหมือนกัน

ในที่สุด การเดินทาง สุดแซบ ครั้งนี้ก็จบลงครับ เป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก

ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่า มาแล้วน้องๆ ทุกคนจะจัดเต็มกันขนาดนี้ 55+

นอกจากจะได้นอนบ้านบนน้ำ ฟินๆ แล้ว ยังได้เห็นน้องๆ สาวๆ สุดแซบ ถ่ายแบบกันอีก แหม คุ้มจริงๆ 55+

มีโอกาส คงได้กลับมาอีกแน่นอน สำหรับมัลดีฟส์


ถามว่า เสน่ห์ ของมัลดีฟส์ มันคืออะไร

มันคือความสวยงามของทะเลนี่แหละครับ ทะเลที่ว่าสวยแล้ว แต่ยังดันไปมีบ้านพักอยู่บนทะเลอีก ฟินคูณ 2

ถามว่า ต่างกับทะเลบ้านเรามั้ย มันสวยคนละแบบเลยครับ

ลองจินตนาการว่า เอาบ้านบนน้ำไปอยู่ตรงชายหาด เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ ดูซิครับ มันจะฟินขนาดไหน

ขนาดหลีเป๊ะที่ว่าสวยๆ ของเราบ้านพัก ยังต้องอยู่แต่บนฝั่ง

เพราะงั้นทะเล บ้านเรามันก็สวยแต่สีน้ำ ปะกาลังสวยกว่า อันนี้เค้าสู้บ้านเราไม่ได้

แต่ที่เราสู้เค้าไม่ได้ คือบรรยากาศ นี่แหละครับ อันนี้โครตฟินเลย

เช้าๆ ตื่นมา ออกไปนอนหลังห้อง รับลมทะเล โหย... โครตฟิน 55+

อีกอย่าง น้ำทะเลที่นี่ ไม่เหนียวตัวเลยครับ แปลกดี ทำให้นอนสบายมาก ตอนออกมาหลังห้อง


สำหรับใครที่คิดว่า มามัลดีฟส์ แล้วไม่ได้พักบ้านบนน้ำ คือมาไม่ถึงมัลดีฟส์

ผมว่ามันก็เป็นความคิด ส่วนบุคคล แต่ถามผม ผมว่ามานอน ดีกว่าครับ 55+

คือ ตอนนี้ราคา มันไม่ได้แพง มากมายแบบที่เราคิดกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว

อย่างทริปนี้ผมมากัน เอาจริงๆ ไม่ถึง 25,000 บาท ด้วยซ้ำไป ถ้าไม่กินหรูมากนะ

แต่รับรองว่า กำเงินมาแค่ 25,000 คุณจะได้เที่ยวแบบฟินๆ แบบผมแน่นอนครับ

ลองมาสัมผัสกันได้ มัลดีฟส์ ไม่ได้ไกลเกินตัว เหมือนที่เราคิดกันอีกแล้ว ใครๆ ก็มาได้ครับ

แต่.. สำหรับผม ผมว่ามีรอบ 3 แน่นอนครับ 55+

ลากันไปละนะครับ ขอบคุณน้องๆ เพื่อนๆ ทุกคน ที่มารวมเดินทางกันในครั้งนี้

อาาจะมีผิดพลาดไปบ้าง บางอย่างก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยน้า อิอิ

แล้วพบกันใหม่ ปีหน้า มัลดีฟส์ เราได้เจอกันอีกแน่ อิอิ ....

" บาย บาย "

#Maldives 14


มาสรุปค่าใช้จ่ายให้ครับ


1. ค่าเครื่องบิน ไป - กลับ คนละ 9,000 บาท

2. ค่าที่พักบ้านบนน้ำ คืนละ 11,000 บาท คนละ 5,500 บาท

3. ค่าเรือ รับ-ส่ง ไป Thulhagiri คนละ 3,245 บาท ( 100 usd , 1 usd = 32.45 บาท)

4. ค่าเรือ สปีดโบ๊ท ไป - กลับ Maafushi คนละ 1,298 บาท ( 40 usd )

5. ค่าที่พัก Kaani Village & Spa คืนละ 2,700 บาท 2 คืน คนละ 2,700 บาท

6. ค่าดำน้ำ Full day คนละ 973 บาท

7. ค่าอาหาร ที่ออกเอง 5 มื้อ มื้อละราวๆ 300 บาท คนละ 1,500 บาท

รวม 24,216 บาท


เห็นมั้ยครับว่า กำเงินมา ไม่ถึง 25,000 บาทก็ได้ไปมัลดีฟส์กันแล้ว
จอรอช้าอยู่ใย รีบจองตั๋ว จองที่พักกันได้เลยค๊าบ แล้วไปฟินให้สุดๆ กันเลย

*** ข้อแนะนำ ***

สำหรับใครที่สายชิล สายถ่ายรูป เน้นพักผ่อน ไม่เน้นกิจกรรม

ผมแนะนำให้ไปพักที่รีสอร์ท Thulhagiri อย่างเดียวเลยครับ
แต่ควรไปอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน โดยถ้าอยากประหยัด ควรมี 1 คืนนอนบนฝั่งครับ จะประหยัดไปได้มากเลย

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ

1. ค่าเครื่องบิน 9,000 - 9,500 บาท

2. ค่าเรือ รับ - ส่ง 3,245 บาท ( 1 usd = 32.45 บาท )

3. ค่าที่พักบ้านบนน้ำ 1 คืน 11,000 - 12,000 บาท คนละ 5,500 - 6,000 บาท

4. ค่าที่พักบนฝั่ง 1 คืน 8,700 - 9,600 บาท คนละ 4,350 - 4,800 บาท

5. ค่าอาหาร 3 มื้อ ออกเอง 1,000 บาท

รวม 24,545 บาท


เห็นมั้ยครับว่า งบไม่ถึง 25,000 บาท แถมได้ไปนอนฟินๆ บ้านบนน้ำ

พักผ่อนที่รีสอร์ท 3 วัน 2 คืน ฟินกันไป
แต่ถ้าใครอยาก เห็นมัลดีฟส์ อีกมุมมองนึง ก็จัดตามรีวิวผมได้เลยครับ สนุกไปอีกแบบแน่นอน

ใครมีข้อสงสัยอะไร ก็สอบถามได้นะครับ ยินดีอย่างยิ่ง ว่างๆ จะเข้ามาตอบเรื่อยๆ นะครับ
ขอให้สนุกกับการเดินทาง ไป ฟินกันให้สุด ๆ ครั้งนึงในชีวิต ไปพิชิต มัลดีฟส์ กันครับ อิอิ

เที่ยวไปเมาไป

 วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.18 น.

ความคิดเห็น