ส า ย รุ้ ง ล ะ อ อ ง ด า ว . . . .

ว่ากันว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยที่สุดในภาคใต้ แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกรอยต่อระหว่างจังหวัดระนองกับสุราษฎร์ธานี

ตอนเราได้ยินครั้งแรกก็สงสัยว่าน้ำตกอะไรชื่อหวานซะขนาดนี้ มันน่าจะสวยมากทีเดียว
พอได้มาสัมผัส มันอลังการมากกกกกกกก ส่วนที่มาของชื่อก็คือ เวลาน้ำตกกระทบกับหินด้านล่างนอกจากละอองที่ฟุ้งขึ้นมาแล้ว มันยังเกิดสายรุ้งตรงฐานของน้ำตกอีกด้วย นี่แล่ะมั้งคงจะเป็นที่มาของชื่อ

ชมกันอีกซักรูปก่อนเดินทางกัน


น้ำตกสายรุ้งละอองดาว ตั้งอยู่ในตำบลบ้านนา อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ขึ้นกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา การจะเช้าไปก็ติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียงได้เลย

จะสรุปข้อมูลคร่าวๆให้ก่อนประมาณนี้

#สำหรับการเดินทาง รถส่วนตัวก็วิ่งตรงไปที่หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง ตำบลบ้านนา อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนองได้เลย
ส่วนรถโดยสารบอกตรงๆ ไม่รู้ง่ะ แหะๆๆ

#ความโหด จากจุดเริ่มเดินไปที่แคมป์ทางไม่ชันมากแต่จะเดินเลาะลำธารไปตลอด และต้องข้ามน้ำตลอด เปียกแน่นอน ฉะนั้นกระเป๋ากันน้ำหรือถุงซิปล็อกจัดให้พร้อม ส่วนเรื่องระดับน้ำก็แล้วแต่ปริมาณฝนที่ตก เพราะเมืองระนองฝนแปดแดดสี่ ไม่แน่ไม่นอน นี่แล่ะที่ต้องมีเจ้าหน้าที่หรือคนนำทางเพื่อความปลอดภัย ส่วนทางจากแคมป์ไปน้ำตกค่อนข้างชัน และชัน และชัน แต่ยังดีไม่ต้องแบกกระเป๋าไป
#ทาก ช่วงที่เราไปไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจไว้ว่าต้องเจอ

#อาหารน้ำดื่ม ที่แคมป์ก่อไฟทำกับข้าวได้ มีน้ำให้กรอกกินตลอดทาง

#แคมป์ ติดแหล่งน้ำ นอนได้ทั้งเปลและเต๊น แต่นอนเปลได้ฟิลกว่านะ เผื่อตอนฝนตกสะดวกกว่า

#ไฮไลท์ของที่นี่
- น้ำตกที่นี่มีสายรุ้งตามชื่อ สวยงามอลังการมาก
- เป็นการเดินป่าที่ครบรสการผจญภัย เดินป่า ลุยน้ำ เล่นน้ำ นอนเปลริมน้ำ ทำกับข้าวริมน้ำ ครบรสมากก

พร้อมแล้วก็เริ่มเดินทางกันเถอะ

อ้อ ก่อนไปฝากเพจไว้เยี่ยมชมหน่ยน้าาา >> https://www.facebook.com/ampassenger/

ปะได้เวลาเดินทางละ สำหรับทริปนี้เราเหมารถตู้นไปกันจะได้นอนยาวๆกันไปทั้งคืนออกจาก กทม. เที่ยงคืนมุ่งตรงไปที่"ตลาดสดกะเปอร์ หรือเรียกว่าตลาดบน" ประมาณ 8 โมงเช้าเราก็มาถึงกันเพื่อเตรียมเสบียงและซื้อของสดกันที่นี่ ที่นี่มีสตั๊ดดอยขายนะเผื่อใครจะใช้เดิน หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง เพื่อพบเจ้าหน้าที่แล้วนั่งรถกระต่อไปจุดเริ่มเดิม


พร้อมแล้วก็นั่งรถต่อเพื่อไปจุดเริ่มเดินกัน

นั่งรถมา 10-20 นาที ก็ได้เวลาเริ่มเดินกัน


ข้ามฝายนี้ไปก็เข้าเขตป่าจริงๆละ


ป่ะ ลุยกัน

เดินชิล ทางราบๆเรียบๆแบบนี้อยู่ไม่กี่ก้าวหรอก เป็นไงต่อไปดู


มีทั้งมุด


มีทั้งไต่ลงอ่าง เอ้ย ลงล่าง


ข้ามผ่านโคลน ถ้าย่ำพลาดไปนะ จมมมมม มิดเท้า


เดินมาไม่ไกลก็ถึงช่วงที่ต้องเริ่มลุยน้ำ


จนท บอกตรงนี้มองดีๆจะเหมือนพญานาค


ดูด้วยตาเปล่าก็คล้ายๆอยู่นะ

ช่วงที่อยู่ในป่าเราเห็นแต่ต้นไม้ใหญ่ มีต้นนึงใหญ่มากกก น่าจะ 10 คน โอบได้


เวลาเดินส่วนใหญ่ก็มักจะลุยน้ำ ข้ามลำธารอยู่บ่อยๆ


แรกๆแค่เท้า หลังๆถึงเข่า ซักพักลุยไปยันเอว


เดินมาเหนื่อยๆก็แวะถ่ายรูป ชื่นชมธรราติไป


ข้ามน้ำอีกแล้วรึ

เวลาเดินก็ระวังลื่นล่ะ ลุยน้ำแบบนี้มีแต่หินลื่นง่ายเลยแล่ะ เราล้มไปบ่อยมากก



ลุยน้ำไปเพลินๆก็สดชื่นดีนะ


ทริปนี้ลุยน้ำกันประมาณ 80%


ปีนขึ้นปีนลงตลอดเส้นทาง


อยากจะนอนแช่น้ำอยู่ตรงนี้ซักพักจริงๆ เห็นแล้วมันน่าเล่น


แวะพักเหนื่อยตรงนี้กันแปป


เห็ดสวยๆตามโคนต้นไม้


ข้ามน้ำกันจนลืมนับไปเริ่มว่ากี่รอบ มันก็ลำธารเส้นเดิมแล่ะแต่เราต้องเดินข้ามไปข้ามมาตามเส้นทางที่เดินได้


เดินกันประมาณ 4 ชม. ก็ถึงแคมป์ซะที ระยะทางประมาณ 9 กม. แต่ต้องใช้เวลาข้ามน้ำและทางลื่นบางช่วยเลยค่อยๆไป
credit ภาพ : เพื่อนร่วมทริป


สายเปล ที่กางค่อนข้างเยอะ credit ภาพ : เพื่อนร่วมทริป


แคมป์ยามเย็น ขึ้นน้ำตกอีกทีเช้าละกัน ตอนนี้อยากนอนแช่น้ำแล้ว


อุตส่าแบกไก่มาตั้งสองตัว ตอนหยิบมาแบกก็ไม่รู้หรอกหนักเท่าไหร่ แบกไปซักพักเริ่มหนักกก ตั้ง 3 โล ,,, วันนี้พักเหนื่อย ล้อมวงกินข้าว พักผ่อนกันก่อนดีกว่า ลุยกันต่อพรุ่งนี้
credit : เพื่อนร่วมทริป

ตอนเช้าๆปลาเยอะมากกกกกกก

ตื่นแต่เช้าล้างหน้าแปรงฟันรองท้องเบาๆพอ เราจะรีบขึ้นไปที่น้ำตกกันแล้วค่อยลงมาทานข้าวเที่ยงอีกที จากแคมป์ไปน้ำตก ใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากชันเอาเรื่อง บางช่วงต้องไต่เชือกเพื่อความปลอดภัย


ชัน และ ชัน และ ชัน และ ชัน


เดินมาเจอขอนไม้ขนาดกำลังเหมาะ นอนพักแปป


ช่วงก่อนถึงน้ำตกจะชันมากต้องไต่เชือกลงไป


เดินมาตั้งไกลถึงแล้วน้ำตกสุดอลังการของเรา


สายรุ้งละอองดาว ที่แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก


เราว่าน่าจะใหญ่และสวยไม่แพ้ที่ไหนในภาคใต้แล้วล่ะ


กว่าจะมาถึงปลายทางอันสวยงามมันก็ต้องมีเรื่องราวสนุกๆระหว่างทางให้จดจำด้วยถึงจะคุ้มค่า ทริปนี้ลื่นล้มบ่อยมาก กล้องก็เกือบจมน้ำไปละ ฮ่าๆๆ ไม่งั้นไม่มีรูปกลับมาเลยนะเนี่ย


เล่นน้ำกันจนหนำใจก็ถึงเวลาโบกมือลา ลงไปกินข้าว เก็บของเดินทางกลับออกจากป่ากันเถอะ

"ทุกครั้งที่เราก้าวเท้าเข้าไปในป่าต้องระลึกไว้เสมอนี่เป็นสถานที่ของธรรมชาติและสัตว์ป่า เอาเข้าไปได้ก็ต้องขนกลับมาให้ได้เนอะ" เราจะได้มีธรรมชาติสวยงามแบบนี้ตลอดไป

ขากลับก็แวะเล่นน้ำกันอีกซักรอบ สังเกตหินตรงกลางจะมีคางคกตัวใหญ่มากกก เกาะอยู่ เห็นครั้งแรกถึงกับสะดุ้ง คนที่นี่เค้าเรียกว่า "กง" คางคกใหญ่ ถ้ามันโดนมาใส่ตอนเล่นน้ำก็คงวงแตก

ปิดท้ายกันตัวเจ้าหมาน้อยที่หน่วย ออกมาส่งเรากลับบ้าน หน้าตาอาจจะดูไม่รับแขกเท่าไหร่ แต่ก็เป็นมิตรดี......ไปละเจอกันทริปหน้าไวๆนี้ บ๊ายบาย โฮ่งๆ

ฝากเพจอีกรอบ อิอิ https://www.facebook.com/ampassenger/



ความคิดเห็น