ตายแล้วๆๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เข้าหน้าหนาวแล้ว ใครที่ไหนจะเที่ยว น้ำตก หน้าหนาวกันเนี่ย แต่เอาเถอะน่า ไปหน้าฝน ได้เล่นน้ำสนุกแค่ไหน เดี๋ยว รู้เรื่อง งานนี้!!!

มาเริ่มกันที่อะไรก่อนดี.....เอาเป็นว่า รู้กันอยู่แล้วเน๊าะ ว่า สระบุรี มี น้ำตก ขึ้นชื่อ ลือนาม ไหนจะน้ำตกเจ็ดสาวน้อย, น้ำตกโกรกอีดก, น้ำตกเจ็ดคต และอีกมากมาย แต่... เราจะสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองได้เที่ยวแบบ One Day Trip ซิ๊ จะทำได้มั้ย ลองดูๆ ศึกษา หาข้อมูลกันไป

วันเดียวอ่ะหรอ จะไปไหนได้ ได้สิ่คะคุณ ไม่เชื่อ ใช่มั้ยล่ะ มาตามมาตำกันค่ะ ที่ "น้ำตกเจ็ดสาวน้อย" จัดไปค่ะ

บอกก่อนเลยว่า เป็น 1 วันที่ลากกันไปยาวๆ...และที่แท้จริงนั้...1 วัน ไม่จำเป็นต้องไป 1 คนนะจ๊ะ..2 คน กำลังสบายตัว สำหรับการลากยาว

>> เริ่มจากการเดินทาง << เที่ยวแบบนี้ถ้าขับรถส่วนตัวไป มันจะสนุกกันหลอมแหลมๆ กัน 2 คน ดังนั้น เราจึงเลือกเดินทางกันตามราง....รถไฟ ค่ะคุณ โทรถามเวลา ให้เรียบร้อย เวลาที่เราจะออกเดินทางมี 2 สถานี เน๊าะ เพื่อนมาจาก บางซื่อ(รถไฟออกจากบางซื่อ 7.20) ส่วนเรา ดอนเมือง(ออกจากดอนเมือง 7.39)

เกร๋ จะตาย โดยสารรถไฟ แต่ที่นั่ง เนี่ยไม่ได้ตายตัวนะ อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง แต่อย่าเผลอไปนั่งตักใครเค้าเอานะ

สังเกตุที่ตั๋วจะไม่มีเลขที่นั่งให้เรา ตามที่บอกเลย นั่งตรงที่ที่สบายใจ ไม่ไปเบียดเบียนใครเค้า ราคาย่อมเยาว์ 30 บาท สามารถไปถึง ชท.แก่งคอยได้ ราคาถูกกว่า วินจากบ้านมาสถานีรถไฟอีกน่ะ

พอเราขึ้นรถแล้ว ก็มองหาเพื่อนเลย นางประจำที่รอเราอยู่แล้ว....นั่งกันไปพักนึง ชั่วโมง ชั่วโมงครึ่ง เราตัดสินใจกันฉับพลัน เลือกลงสถานี สระบุรี คือเรื่องของเรื่อง ค่อนข้างจะหิวทั้งข้าวและกาแฟ เลยกะว่าจะไปหาร้านกาแฟ ร้านข้าว เพื่อรัปทานกัน

พอลงที่สถานี สระบุรี สหายร้องหา ห้องน้ำ เราก็ปล่อยนางไปปลอดทุกข์ กันแป๊บนึงเน๊าะ

ออกมาก็มาทำ ยักคิ้ว หลิ่วตา กับกล้องเลยนะ (แว่น คือ สะท้อนมาก)

ทีนี้ก็เดินไปตลาดกันค่ะ คือเพื่อนที่อยู่แก่งคอย บอกมาว่า มีตลาด แต่เราไปเราจำชื่อตลาดไม่ได้ ถ้าใครไป อยากรู้ทาง ถาม พี่วินมอไซต์ หน้าสถานีได้เลย เดินได้ไม่ไกล....

เดินเลยร้าน "ทองสุขวิทยุ" นี่ไปก่อนนะ อีกนิ๊ดจะได้เข้าตลาดแล้ว

บรรยากาศในตลาด ก็ของขายเยอะ ส่วนมากคนไทย เชื้อสายจีน

ส่วนเรามุ่งหาร้าน กาแฟโบราณ เลย ร้านไหนก็ได้

ตามไปดูรูปต่อรัวๆ เลยเน๊าะ

อยากซื้อแก้ว กับ ปิ่นโตกลับ แต่กะว่าเดี่ยวแวะกลับมา สรุป ลืม!!!!

ถัดมาเป็นร้านขายยาจีน เดินผ่านกินยาจีน กระแทกจมูก ดังปั๊ง!!!

โค-ตร ชิค อ่ะ

ในส่วนของหน้าร้านนั้น มีอีกร้านให้บริการอยู่

"รับกำจัดไฝ-ขี้แมลงวัน"

พัดลมยังรุ่น คลาสสิค คิดดูค่ะคุณผู้โช๊มมมม

เกร๋มาก

อันนี้เค้าเรียก ขนม"รังผึ้ง" เน๊าะ

ในที่สุด เราก็ตัดสินใจเลือกนั่งจิบกาแฟร้อนกันที่ร้านนี้จร้าาา...

มันก็จะ ชิคๆ คูลๆ หน่อย เวลาได้นั่งกินกาแฟโบราณ

มันหายากนะ เดี่ยวนี้ เอะอะ ไรก็กาแฟสด

คือร้านกาแฟ ยุค โบราณจริงๆ

และในส่วนของรสชาตินั้น อร่อย กรุบ เลยค่ะ เข้มถึงใจ คอกาแฟ

พอ คาเฟอีนมันเช้าเส้นเลือด ความกระปรี้กระเปร่า มาเต็มกำลังสูบเลยค่ะ

จากตลาด เดินไปที่ท่ารถ บขส. เราจะไปขึ้นรถเมลล์ไปน้ำตกกัน

จากตลาดมันก็จะเดินทะลุ สถานีรถไฟ ยาวไปๆ

(ถามทางจากคนแถวนั้นได้เลย พ่อค้า แม่ค้า เยอะแยะ)

นี่ๆ สหาย ไปยืนอะไรตรงนั้น เราจะไปกันอีกทางนะ

(ในมือที่นางถือนั้นเป็นตารางเวลา รถไฟ หยิบได้ที่หน้าจุดขายบัตร อันนี้ใครกลับรถไฟ แนะนำให้หยิบไว้นะ)

ระหว่างทางเดินไป บขส.

ถึงแล้วจ้า บขส. ก่อนจะมานั่งรอถ่ายรูป มึนๆ เนี่ย อย่าลืมไปถามประชาสัมพันธ์ ว่า รถไปน้ำตก รอตรงไหน

คือ รอไปเถอะค่ะ เราเนี่ยรอประมาณ เกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นรถเมลล์ สรุปเป็น เหมือนรถ 2 แถว สีส้ม พอนั่งบนรถถึงได้รู้ว่าถ้ารอบเวลาประมาณ 11 โมง มันจะเป็น 2 แถว

รถ หน้าตา แบบนี้ มีเขียนว่า 7สาวน้อย

สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากการนั่ง 2 แถวนี้นะ คือไม่เคยพบเจอ ปกติเวลาคนเมืองนั่ง 2 แถวไปทำงาน หรือไปเรียน คือต่างคนจะต่างเล่นโทรศัพท์ ก้มหน้าก้มตา คิ้วนี่ขมวดกันเป็นเลข 8 แต่ที่นี่ เอาจริงๆ ไม่มีใครรู้จักกันเลย ต่างคนต่างมา แต่นั่งไปพักนึง เห้ย!!! ทำไมคุณป้า คุณน้า คุณอา คุณตา คุณยาย คุยกันแบบว่า ออกอรรถรสมาก ประหนึ่งว่าเคยรู้จักกันมาก่อน แถมชวนเราคุยด้วยนะ แนะนำเส้นทาง ดิบดีเลย ประทับใจป่ะล่ะ เจอแบบนี้ บอกเลย สุดๆ

ดูจากรูปปากเราก็รู้ ว่า คุยจ๊อ ตลอดทาง

(ไม่คิดว่า สหายจะถ่ายทันท่วงท่าแบบนี้)


สุดท้ายก็นั่งกันไปค่ะ 2 คน เหมือนเป็นเจ้าของรถ

พอถึงตรงจุดจอดรถแล้ว ลงรถแล้วอย่าเพิ่งข้ามฝั่งไปไหน เดินมาถามคนขับซักนิดนึงว่า รถมีรอบไหนบ้าง แล้วเราจะกลับรถไฟเที่ยวไหน ไปลงสถานีอะไร เราจะได้กะเวลาเดินออกมาจากน้ำตกได้ เป๊ะๆ

ไม่ต้องเสียค่าผ่านอะไรนะจ๊ะ ช่วงที่เราไป แต่รู้สึกช่วงเดือนพฤศจิฯ นี่่เค้าจะเริ่มเก็บค่าบริการนะ สิ่งที่เราจะทำกันก่อนคือ รัปทานข้าวค่ะ เช้า กลางวัน รวมๆกันไปเลยจ่ะ

กระเพรา หมูกรอบ ข้าวนี่ไม่ใช่ข่าวสวยนะจ๊ะ ข้าวกล้องจ๊ะข้าวกล้อง

รสชาต อร่อยกรุบอีกแล้วจ่ะ

ส่วนด้านล่าง สหายสั่งข้าวผัดอะไรซักอย่างจำไม่ได้

ตอนแรก เราก็บอกโอ้โห เยอะจังเลย

สรุป หมดจ้า....หิว ใช่มั้ยพูด

พอ รัปทานเสร็จเราก็ นั่งคุยนั่นนี่กะพี่แม่ค้า นางก็บอกมันมีทางขึ้น 2 ทางนะ ลองดูๆ พี่แกบอก

เราก็วาดฝันอยู่ อยากจะ Up To The High สวรรค์ชั้น 7 เลยนะ

>> ช่วงที่เราไปเป็นวันธรรมดา แต่เป็นช่วงน้องๆ เด็กๆ ปิดเทอม แต่คือคนมันหลอมแหลมมาก สรุป พี่แม่ค้าบอกว่า เพิ่งเปิดให้เข้าวันนี้จ้าาาา หลังจากที่ฝนตกหนักมาหลายวัน น้ำมันคงแรงน่าดู เพื่อความปลอดภัย อุทยานเลยปิด เพิ่งเปิดวันแรกที่เราไป โชคดีไปจ่ะ <<

พร้อมแล้วไปค่ะ สวรรค์ชั้น 7 รอเราอยู่ ค่ะ

เรา ไปซ้ายค่ะ ไปตรงสะพานดงพญาเย็นค่ะ

อ่ะ!!!! เดินมาถึงเจอแบบนี้ ทำไงดีคะ

"ห้ามเดินผ่าน" "น้ำป่าไหลหลาก"

อื้ม แต่ น้ำมันไหล แรงจริงๆ แต่เราไม่ทันคิดว่าอุทยานจะปิด ไม่ให้ข้ามไป

อยากร้องไห้ เป็นภาษาสเปน ดังๆ

หันมามองหน้ากัน กะสหาย

แล้วพูดกันว่า ข้ามไม่ได้ก็ถ่ายรูป ต้นหญ้าหน้าสะพานเนี่ยละกัน

แต่คืดต่อให้ไม่ได้เดินข้าม เรายังมีสวรรค์ชั้น 7 รอเราอยู่

บอกกับตัวเองว่า ไม่เป็นไร เดี่ยวเดินไปอีกทาง เน๊าะ!!!! เน๊าะ สหาย

ดู สหาย ของเรา ข้ามสะพานไม่ได้ หน้านี่เครียดมาเลย นะ

ป่ะค่ะ เดี่ยวไปอีกทาง แต่ อยู่ๆ ก็เอะ ใจขึ้นมาว่า ปิดสะพานละอีกทาง มันจะเปิดให้ขึ้นหรอเนี่ย

เจอเจ้าหน้าที่ ถามหน่อยละกัน

คำตอบคือ "วันนี้เปิดให้เล่นน้ำ แค่ชั้นเดียว ครับ น้ำแรง"

โอ๊ะ!!! Mission Failed สิ่คะ

แต่เพื่อความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยวนะคะ ปฎิบัติตามเจ้าหน้าที่ และอุทยาน บอกไว้นะคะ

นั่งแช่เท้า ถ่ายรูป กันมันชั้น 1 นี่แหละ

สาวน้อย 1

เราเลือกนั่งถัดๆมา จากอุปกรณ์ช่วยชีวิตค่ะ ตรงอื่นมันเต็มค่ะ

มาค่ะ ปูผ้าค่ะ เสื่อไม่ต้องเช่า เอาผ้ามาเองค่ะ

แต่ผ้าบาง หรือหินมันเม็ดใหญ่ไม่รู้ เจ็บ ก้น มาก

มันก็จะเอียงๆ ลาดๆหน่อย

ก่อนเข้า น้ำตก แวะซื้อผลไม้มานั่ง รัปทาน เย็นๆ สดชื่นดีค่ะ

ในส่วนของวิวด้านหน้าเรานั้น เป็นรองเท้าเด็กน้อยค่ะ


และนี่ค่า

บริเวณ เวิ้งนั่น เป็นตรงที่ครอบครัวพาเด็ก ไปเล่นน้ำกันค่ะ และมองเลยไป สะพานค่ะ สะพานที่ปิด

เพลินนางเลยค่ะ ไม่ใช่อะไร เราปูผ้าแล้วบอกอย่าเพิ่งนั่งนะ ขอถ่ายรูปก่อนนาจา

กล้วยจากกรุงเทพฯ หิ้วไป หิ้วมากว่าจะถึงที่หมาย พอมาถึง ดำซะและ

พอนั่งได้ สหาย นั่งมองน้ำ เหมือนเด็กอยากจะเล่นน้ำ ละแม่ไม่อนุญาตให้เล่นอ่ะ

น่า ฉงฉาน

Poor Gilrl!!!!

นั่งมองน้ำตกไปก่อนนะจ๊ะ

ลานมันก็จะกว้าง ๆ สบายๆ

ส่วนเราก็ขอมา snap เด็กหนุ่มน้อย เล่นน้ำซะหน่อย

คนละมุม กันไป

ปูผ้าละไม่มีใครนั่งสรุป

เนี่ยละ สหาย เนี่ย จะเหม่อ อีกนานมั้ย หึ๊!!!

น้ำเย็นมาก

คือถ้าโดดน้ำ มันจะสบายตัวมาก


มันก็จะ แรงๆ มีสีของน้ำที่มันเพิ่งจะไหลหลากไปไม่นาน

เรา กับ สหาย อยู่กันถึงประมาณ บ่าย 3 นะถ้าจำไม่ผิด เอาเป็นว่าอย่างที่บอกถ้าใครจะกลับรถไฟ เช็คเวลารถไฟ กับถามรถเมลล์ หรือ 2 แถวนะ ว่าเวลารถเป็นยังงัย ถ้าจำไม่ผิด มันจะมีช่วงจังหวะ ขาดรถ อีกทีน่าจะประมาณ 4 โมงเยน เป็นรถเมลล์ เดี่ยวเราเอาความชิค ของรถเมลล์มาให้ดู

ป่ะค่ะ ได้เวลา ออก ละค่ะ จริงๆถ้าได้เดินขึ้นสวรรค์ ชั้น7 หรือได้ลงเล่นน้ำ มันก็จะมีกิจกรรมให้เพื่อนๆได้ทำมากกว่านี้นะจ๊ะ อันนี้เราก็จะอารมณ์มาพักผ่อนกัน เบาๆ

ก่อนกลับ แวะเข้าห้องน้ำ สหายบอกขอรูปนึงหลังห้องน้ำ

ละก็มานั่งเหม่อ แบบเนี้ยยย

หน้า มันเหมือนจะร้องไห้

ก่อนกลับขอแวะซื้อน้ำกันหน่อยเน๊าะ

ขอแบบเย็นๆ ชื่นใจ

เราสั่ง น้ำแตงโมง + มะนาว ปั่น

ชอบความเกร๋ กู๊ด ของแก้วร้าน คุณป้า มณี

ได้น้ำแล้ว ไปค่ะ ข้ามถนนไป รอรถเลย

เราเดินข้ามมาแป๊บนึงก็มีลุงขี่มอเตอร์ไซต์มาจอด

ลุงคือ ลุงคนขับน่ำแหละค่ะ

แต่ใรความน่ารัก ของพาหนะลุง เราก็ขอซักรูปกะรถแก

และนี่ค่ะหน้าตารถเมลล์ของเรา

เรา จะไปลง สถานีรถไฟมวกเหล็ก กันนะจ๊ะ นั่งไปแป๊บเดียว ค่ารถก็ถูก

และการมาเร็ว ก่อนเวลารถออก มันก็จะเกร๋ๆ ชิคๆ ตรงไม่มีคน แล้วเราก็มีเวลาถ่ายรูปเล่นกันในรถนี่แหละ

จะยืน จะนั่ง มันก็เกร๋สุดๆ

นั่งมาไม่นานเลย มาถึงเราก็เดินไปเช็คตั๋วกันก่อนเลย

พอถามตั๋ว เวลา ก็เตรียม จะหยิบตังค์จ่าย เจ้าหน้าที่บอก "รถฟรี ครับ"

เราก็หันมองหน้ากัน เอาละค่ะ ครั้งแรกของการนั่งรถไฟของเพื่อน ขอามาเสียตัง ขากลับพานางนั่งรถฟรี

ไอ่เราก็ ครั้งแรกเหมือนกันกะรถฟรี แล้ว คือ ช่วงเราไปเนี่ย ใกล้ๆจะปลายตุลา ตอนนั้นได้ข่าวว่า รถไฟฟรี จะไม่มีละด้วย เอ้ออออ!!! ครั้งนึง ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน... แต่รอบรถกว่าจะมา เราก็ยังมีเวลาเดินเล่นๆ แถวสถานี มีร้านอาหาร เดินเลยไปมีร้านกาแฟ แต่ปิดค่ะ อดเข้า อดกิน

ตั๋วฟรี จากสถานี "มวกเหล็ก" จ่ะ

เราจะบอกว่าสถานี นี้สีสันมาก แดง เหลือง ต้นไม้ก็เขียวๆ คือแค่สถานี มันก็มีที่ถ่ายรูปเกร๋ ละอ่ะ

นี่ก็ท่าเหงาตลอด เงยมองฟ้ามั่ง ก้มหน้ามองดิน มองพื้นมั่ง

พามาเที่ยวก็ยิ้มๆ มั่งเถอะสหาย

ไหนๆ ลองเหม่อ บ้างซิ๊

มาๆ ย้ายมาด้านหน้าสถานีกันมั่ง

จัดไปค่ะ สหาย

และเมื่อเพื่อนเรียกร้องท่าประจำ

ขัดได้ที่ไหนกันล่ะ

เสร็จแล้วเราก็ลงไปเดินเล่นด้านล่างกันๆ

ฟ้า พาสเทล ก็มา

เนี่ย ร้านกาแฟร้านนี้น่ะ อยากเข้า

แต่ปิด เลยได้แต่ถ่ายด้านข้างร้าน

เดินเล่นๆ เมื่อไม่มีที่จะเดิน เราก็กลับไปที่สถานีกัน

แล้วเราก็ได้ยินประกาศว่ารถไฟจะมาเลท ประมาณ 30 นาที

จาก 5โมงครึ่ง มันก็ประมาณ 6 โมงเย็น นิดๆ

รถไฟ มาจากสายอีสานเน๊าะ

แต่ถามๆ คนเคยขึ้นเค้าบอกว่าวันธรรมดา เข้ากรุงเทพฯ คนไม่เยอะหรอก

ปรากฎว่า

แน่นกันไปยาวๆ ยืนกันครึ่งชั่วโมง

เดินจากหัว ยันท้าย ขบวน ทำได้แค่ ยืนรอที่ว่างค่ะ

ยังยิ้มๆ

โห อันนี้ถ่ายไม่ทันจริงๆ มันผ่านตรงส่วนไหน ก็ไม่รู้ เป็นพระ องค์ใหญ่มาก

แล้วเราก็ได้ที่นั่ง กันแบบ เบียดๆ กัน พอให้เมื่อยขาไปตลอดทาง

(ขอ อภัย ที่ภาพมันแตกๆ จากมือถือจ้า)

บอกแล้วมาทริปนี้ มันก็จะลากกันยาวๆ ไปทั้งวัน

โชคดียังได้เคยนั่งรถไฟฟรีนะจ๊ะ

สุดท้ายเราก็ถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย

ปิดงบกันไปต่อคนไม่เกิน 300

จบ ข่าวกันกับทริปนี้

ปิดท้ายกันที่ รูปเพื่อนที่ยิ้มกว้าง ที่สุดในทริป

ขอบคุณที่ให้พาเที่ยวนะจ๊ะ

สระบุรี 1 วัน รู้เรื่อง








เที่ยว กับ เธอ

 วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.39 น.

ความคิดเห็น