เชื่อมั้ยครับว่าปฏิกิริยาที่หลายๆ คน จะแสดงออกมาหลังจากที่มีคนเอ่ยปากชวนให้เราไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนนั้นส่วนใหญ่จะออกมาคล้ายๆ กัน นั่นก็คือ

.

.

“ไม่เห็นมีอะไรน่าเที่ยวเลย”

“ไม่อ่ะ ไม่อยากไปเที่ยวจีน กลัวห้องน้ำ กลัวคนแซงคิว”

“ไปประเทศอื่นดีกว่ามั้ย เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกงก็ได้ ดูน่าสนใจกว่านะ”

“ไม่เอาอ่ะ พูดภาษาจีนก็ไม่ได้”


แต่เชื่อมั้ยครับว่า ถ้าผมเอาคำถามนี้ไปถามคนที่เคยไปเซี่ยงไฮ้มาแล้ว เค้าจะตอบตรงกันข้ามกันเลยว่า “เออ ไปสิ คิดถึง กำลังอยากไปอยู่เลย” หรือไม่ก็ “ไปๆๆ ดูวัน ดูราคาตั๋วเครื่องบินหน่อยสิว่ามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง”



มันแปลกใช่มั้ยล่ะครับ.......แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นความจริง และได้ผ่านการพิสูจน์จากผมกับภรรยามาแล้ว เพราะตอนแรกก่อนที่เราทั้งคู่จะได้มีโอกาสเดินทางไปที่นี่นั้น เราก็คิดเหมือนกับคนกลุ่มแรกนั่นแหละครับ แต่เมื่อเราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ 6 วัน 5 คืนเต็มๆ เราก็ได้เปลี่ยนตัวเองไปอยู่ในคนกลุ่มหลังทันที และถ้าไม่เชื่อก็ลองตามผมไปพบกับ “9 สถานที่เที่ยวในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่น่าสนใจ” ในบทความนี้กัน แล้วคุณจะรู้ว่า เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ไม่ไปไม่รู้ ดูดีกว่าที่คิดมากๆ เลยล่ะครับ

ก่อนอื่นเลย ผมต้องแจ้งให้ทราบก่อนนะครับว่าการที่เราจะเข้าประเทศจีนได้นั้น เราต้องขอ Visa กันก่อนนะครับ โดย Visa สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,500 บาท/คน และจะสามารถอยู่ในจีนได้ 30 วัน และการขอ Visa ของประเทศจีนถือว่ามีความจุกจิกในเรื่องของเอกสารและรูปที่ใช้ประกอบ Visa มากพอดู รวมทั้งยังมีการขอได้หลายแบบมากทั้งแบบธรรมดา, ด่วน หรือด่วนพิเศษ ดังนั้นสำหรับใครที่อยากจะอ่านเรื่องนี้แบบละเอียด ชนิดที่ไปยื่นขอ Visa ครั้งเดียวแล้วผ่านก็ตามไปอ่านที่ลิงก์นี้ได้เลยครับครับ http://www.amazingcouple.net/how-to-get-china-visa-june-2017/


และก่อนที่ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้กันแบบยาวๆ ผมขอสรุปภาพรวมให้เห็นก่อนนะครับว่า เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในความคิดผมกับภรรยานั้นเป็นอย่างไร และทำไมเราถึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจแล้วไปเที่ยวเมืองนี้กันครับ

1. เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีสถานที่เที่ยวเยอะมาก ทั้งแนวธรรมชาติ, ช้อปปิ้ง, ย้อนยุค, สวนสนุก หรือแนวชิวๆ เอาเป็นว่าเราสามารถเที่ยวที่เมืองนี้ 3-4 วันได้สบายๆ เลย

2. อาหารอร่อย!! บอกเลยผมชอบอาหารที่เมืองนี้มาก อาหารและขนมหลายอย่างถูกปากถูกใจสุดๆ แต่ในเรื่องของราคาอาหารนั้นก็ค่อนข้างสูงนิดนึงนะครับ โดยเฉลี่ยแล้วมื้อธรรมดาๆ ก็จะตกประมาณ 120-150 บาท/คน ส่วนถ้ามื้อไหนกินดีหน่อยก็มี 300-400 บาท/คน ได้ครับ

3. การเดินทางไปเมืองนี้ใช้เวลาเดินทางจากไทยเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญราคาตั๋วก็ไม่แพงมาก เรียกว่าประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทางกว่าการไปเที่ยวหลายๆ ที่เลยครับ

4. การคมนาคมภายในเมืองดีมาก รถเมโทรเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Metro) มีทั้งหมด 16 สาย ครอบคลุมทั้งเมืองจนไปถึงบริเวณชานเมือง ที่สำคัญค่านั่งรถเมโทรนั้นถูกมาก นั่งเป็นชั่วโมงยังแค่ 30-35 บาท/คน ส่วนถ้านั่งใกล้ๆ ก็ประมาณ 10-15 บาท/คน ครับ

5. การเช็คเส้นทางรถเมโทรผ่าน website http://service.shmetro.com/en/ นั้นถือว่าใช้ได้ เรียกว่าน้องๆ hyperdia ของญี่ปุ่นเลย

6. หากใครสามารถพูดภาษาจีนได้หรือกล้าที่จะนั่งรถเมล์ จะยิ่งประหยัดค่าเดินทางไปได้อีกพอควร เพราะค่ารถเมล์ของที่นี่ถูกกว่าค่ารถเมโทรอีกครับ

7. บ้านเมืองสะอาดและเป็นระเบียบ แทบไม่เจอการทิ้งขยะตามที่สาธารณะเลย ส่วนเรื่องของการขากตามทางผมก็ไม่เจอเหมือนกันครับ

8. ห้องน้ำตามสถานที่เที่ยวสำคัญ ถือว่าดีกว่าที่คิดเยอะ โดยตลอดการเที่ยวของผม 6 วัน ยังไม่เคยเจอห้องน้ำแบบพีคๆ ตามที่ได้ยินคำร่ำลือมาเลย

9. การแซงคิวนั้นมีบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าที่จินตนาการไว้ เอาเป็นว่ายังอยู่ในขั้นที่ผมรับได้

10. ประชากรพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากและหาสถานที่รับบัตรเครดิต Visa / Master Card ได้น้อยสุดๆ โดยบัตรเครดิตที่สามารถใช้งานได้นั้นจะเป็นของ UnionPay ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่มีบัตรเครดิตชนิดนี้ก็ควรจะเตรียมเงินสดไปให้พร้อมนะครับ หรือไม่ก็ใช้การกด ATM เอา แต่จะเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท/ครั้ง ครับ

11. คนสูบบุหรี่เยอะพอควร และจะเดินไปสูบไป ไม่ได้นั่งสูบอยู่กับที่ ดังนั้นใครที่แพ้บุหรี่ก็คงจะไม่ถูกใจซักเท่าไหร่ เพราะขนาดผมเป็นคนไม่แพ้ยังแอบรำคาญนิดๆ เลย

12. Social Network ต่างๆ ที่เราติดกัน อย่าง FB, Youtube, Google map, Line และอื่นๆ อีกมากมายจะถูกบล็อคที่นี่ ดังนั้นถ้าใครอยากใช้งาน Social Network เหล่านี้สะดวกๆ ก็ควรหาซิมจากไทยไปเพราะจะสามารถเล่นพวกนี้ได้ โดยตอนที่ผมไปนั้นผมใช้ True Travel Sim Asia ตามลิงก์นี้ครับ http://www.amazingcouple.net/sr-true-travel-sim-asia/

เป็นยังไงล่ะครับ อ่านมาถึงตอนนี้หลายๆ คนคงเริ่มสนใจที่จะไปเที่ยวเมืองนี้แล้วใช่มั้ยครับ ก็เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจก็ลองไปส่องดูราคาตั๋วเครื่องบินได้เลยว่าพอรับกับราคาได้มั้ย โดยผมขอกระซิบนิดนึงว่าอย่าลืมพิจารณา Air Asia X เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยนะครับ เพราะราคาตั๋วเค้านอกจากจะเย้ายวนมากๆ แล้ว เวลาการบินก็ยังดีมากอีกด้วย อย่างไฟลท์ XJ 760 ที่ผมเดินทางไปนั้นจะออกจากสนามบินดอนเมืองตอน 00.15 น. และไปถึงสนามบิน Pudong ที่เซี่ยงไฮ้ตอนประมาณ 05.30 น. ซึ่งจะทำให้เราสามารถเที่ยวในวันนั้นต่อได้ทันทีเลยครับ


หมายเหตุ : สำหรับใครที่เดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X นั้น จะสามารถดูวิธีการกรอกเอกสารเข้าประเทศจีนได้ที่ inflight magazine ที่อยู่บนเครื่องได้เลยครับ หรือถ้ากลัวลืมก็ถ่ายรูปเก็บไว้เลย สะดวกและช่วยเราได้มากเลยครับ ^^

ครับ หลังจากที่เกริ่นมายืดยาว คราวนี้เราไปดู 9 สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเซี่ยงไฮ้กันดีกว่า และเดี๋ยวตอนท้ายๆ ผมจะมีการจัดแผนเที่ยวแบบสำเร็จรูปไว้ให้ รวมทั้งแนะนำ Trick ดีๆ ในการเที่ยวเมืองนี้ด้วยครับ


1. Jing’an Temple

Jing’an Temple หรือวัดจิ้งอัน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 800 ปีแล้ว และถือเป็นวัดที่ชาวเซี่ยงไฮ้นิยมกันมาสักการะบูชากันเป็นอย่างมาก โดยตำแหน่งที่ตั้งของวัดนั้นอยู่ใจกลางเมืองและมีตึกสูงล้อมรอบ แต่ภายในวัดกลับมีความสงบอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนอกจากภายในวัดแห่งนี้จะมีอาคารที่สวยงาม มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่หอกลาง, มีเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักจากไม้, มีภาพวาดจากฝีมือของ Zhu Pa ศิลปินจากราชวงศ์หมิง และก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ให้เรากราบไหว้อยู่มากมายแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอีก 2 อย่างที่คนที่มาวัดแห่งนี้นิยมทำก็คือการโยนเหรียญให้เข้าไปในเจดีย์ธูปที่อยู่บริเวณกลางลาน และการแตะหยกชิ้นใหญ่ Lucky Jade Stone เพื่อขอพร โดยหยก Lucky Jade Stone นี้ ดูเผินๆ จะมีลักษณะเหมือนก้อนหินเลยนะครับ ดังนั้นให้เราสังเกตที่ทางซ้ายมือของลานหน้าหอกลางดีๆ จะได้ไม่พลาดโอกาสไป


การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือ สาย 7 ลงสถานี Jing'an Temple จากนั้นเดินขึ้นมาจากสถานีก็จะเจอวัดเลย

ค่าเข้า : 50 หยวน/คน

เวลาเปิด-ปิด : 07.30 – 17.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1 ชั่วโมง


2. Yuyuan Garden และ Yuyuan Garden Market

อีกหนึ่งสถานที่ที่ผมเชียร์ให้คนมาเซี่ยงไฮ้ครั้งแรกต้องมา Yuyuan Garden (สวนอวี้หยวน) และ Yuyuan Garden Market (ตลาดอวี้หยวน) โดย 2 สถานที่นี้จะอยู่บริเวณเดียวกัน และเราจะต้องเดินผ่านตลาดที่มีของขายมากมายก่อน จึงจะเจอทางเข้าสวนอวี้หยวนครับ ใครที่หิวหรืออยากจะหาซื้อของฝากก็ลองเดินช้อปดูนะครับ

ส่วนสวนอวี้หยวนนั้นจะเป็นสวนที่มีความสวยงามสไตล์จีนและมีอายุมากกว่า 400 ปี ภายในสวนมีพื้นที่กว้างขวาง มีความสงบและจุดถ่ายรูปสวยๆ อยู่มากมาย ใครที่ชอบถ่ายรูปหรืออยากจะสัมผัสความสวยงามของบ้านและสวนสไตล์จีนน่าจะถูกใจกับที่นี่ครับ


การเดินทาง : Metro line สาย 10 ลงสถานี Yuyuan Garden จากนั้นเดินตามป้ายไปอีกประมาณ 600 เมตร

ค่าเข้า : สวนอวี้หยวน 40 หยวน ส่วนบริเวณตลาดไม่เสียค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด : สวนอวี้หยวน 8.30 – 17.15 น. (เวลาปิดขายตั๋ว 16.45 น.)

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง


3. Waitan หรือ The Bund

Waitan (ไว่ทาน) หรืออีกชื่อที่คนเรียกว่า The Bund นั้นเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ห่างจาก Yuyuan Garden มากนัก เรียกว่าเราสามารถเดินจาก Yuyuan Garden มาได้เลย แต่ทั้งนี้ผมต้องขออธิบายก่อนนะครับว่าด้วยความที่เซี่ยงไฮ้นั้นเป็นเมืองที่มีแม่น้ำหวงผู่พาดผ่านตัวเมือง ก็เลยทำให้เกิดการแบ่งแยกเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ ฝั่งเมืองเก่าและฝั่งเมืองใหม่ โดยฝั่งเมืองเก่านั้นจะเรียกว่าฝั่งผู่ซี่ (Puxi) และฝั่งเมืองใหม่จะเรียกว่าฝั่งผู่ตง (Pudong) ซึ่งบรรยากาศของสองฝั่งแม่น้ำนั้นก็แตกต่างกันพอควรเลย เพราะฝั่งเมืองใหม่ก็จะมีความครึกครื้นและตึกสูงเสียดฟ้าอยู่เต็มไปหมด ส่วนฝั่งเมืองเก่าก็จะมีตึกโบราณสวยๆ สไตล์ยุโรปเป็นตัวชูโรง ซึ่งตึกเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีมากและถูกนำมาปรับปรุงเป็นออฟฟิศและร้านอาหารต่างๆ ในชื่อว่า Waitan หรือ The Bund นั่นเอง

และด้วยความที่ Waitan หรือ The Bund นั้นมีพื้นที่บางส่วนติดกับแม่น้ำ ก็เลยเกิดคำว่าหาดไว่ทานขึ้นมา ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันคือถนนที่เลียบแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันตก ที่มีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร และไม่ได้มีหาดอะไรเลย โดยถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ผมว่ามีความสวยงามและโรแมนติคมากโดยเฉพาะการเดินเลียบแม่น้ำในช่วงตอนเย็นหรือกลางคืน เพราะที่นี่เราจะสามารถมองเห็นทั้งตึกเก่าย่าน The Bund และหอไข่มุกกับตึกสวยๆ ฝั่งเมืองใหม่ไปพร้อมๆ กัน และสำหรับใครที่รู้จักภาพยนตร์เรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ สถานที่นี้เคยเป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยนะครับ


การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือสาย 10 ลงสถานี East Nanjing Road จากนั้นเดินต่ออีก 600 เมตร

ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ไฟของตึกต่างๆ รวมทั้งไฟของหอไข่มุกจะเปิดเต็มที่หลัง 19.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1-2 ชั่วโมง


4. Xintiandi


Xintiandi (ซินเทียนตี้) ที่นี่คือสถานที่ที่เหมาะแก่การถ่ายรูปและพาแฟนมากินข้าวมากครับ เพราะเป็นที่ที่มีห้างหรู ตึกสวย รวมทั้งร้านอาหารเก๋ๆ อยู่มากมายเลย โดยที่นี่จะมีการแบ่งออกเป็น 2 บล็อค ได้แก่ North Block และ South Block ซึ่งเราไม่ต้องกังวลไปนะครับว่าเราจะหลงหรือหาร้านที่เราอยากกินไม่เจอเพราะที่บริเวณทางเข้าแต่ละด้านเค้าจะมีแผนที่แจกครับ

สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป อยากจะได้รูป Profile สวยๆ ผมแนะนำให้มาที่นี่เลยครับ รับรองว่าคุณจะได้รูปดีๆ กลับไปแน่นอน และก็อย่าเดินแค่บริเวณที่เป็นโซนร้านอาหารนะครับ ผมแนะนำให้ลองขยับเดินไปที่ถนนด้านข้างๆ ด้วยแล้วเราก็จะเจอกับตรอกซอกซอยที่มีความสวยงามซ่อนอยู่อีกเพียบ โดยผมอยากจะบอกทิ้งท้ายนิดนึงว่าที่เราเห็น Xintiandi ในปัจจุบันว่ามีความสวยงามมากๆ นั้น ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งเสื่อมโทรมของเซี่ยงไฮ้มาก่อนนะครับ แต่ทางรัฐบาลจีนได้ปรับปรุงและพลิกโฉมใหม่ให้มีความสวยงามแบบในทุกวันนี้จนกลายมาเป็นสถานที่เที่ยวที่หลายคนนิยมมาเป็นอันดับต้นๆ ส่วนใครที่มาแล้วจะทานข้าวหรือไม่ทานข้าวก็อีกเรื่องนึงนะ เพราะราคาอาหารแต่ละอย่างนี่ก็แรงใช้ได้อยู่ ><


การเดินทาง : Metro line สาย 10 หรือสาย 13 ลงสถานี Xintiandi ทางออก 6 จากนั้นเดินตาม Google Map ไปเรื่อยๆ ประมาณ 200-300 เมตร

ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด : 11.00-22.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1-2 ชั่วโมง


5. Nanjing Road

Nanjing Road หรือ ถนนนานจิง เป็นถนนขนาดใหญ่ที่ขนาบข้างด้วยตึกสไตล์ยุโรปที่สวยงาม โดยตึกสองข้างทางเหล่านี้จะเต็มไปด้วยร้านค้าให้เราช้อปปิ้งและอาหารอร่อยๆ ให้เรากินตลอดเส้นทาง เรียกว่าขากินขาช้อปสามารถจะเที่ยวด้วยกันได้เลยครับ

สำหรับถนนนานจิงเส้นนี้ถือเป็นถนนที่มีความยาวมาก โดยเราสามารถที่จะเดินไปเรื่อยๆ จนถึงหาดไว่ทานได้เลยครับ และด้วยความยาวของถนนเส้นนี้ก็เลยทำให้มีบริการรถรางรับส่งในราคา 5 หยวน/เที่ยว ใครที่เดินไม่ไหวก็สามารถใช้บริการได้นะครับ รถเค้าวิ่งแทบจะตลอดเวลาเลย ส่วนใครที่อยากจะช้อป อยากจะตระเวนชิมอาหารก็เดินยาวๆ ได้เลย โดยช่วงเวลาที่ผมแนะนำให้มาที่นี่ก็คือตั้งแต่ 17.00 น. จนถึง 20.00 น. เพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก รวมทั้งร้านอาหารหลายๆ ร้านก็จะเปิดเฉพาะช่วงเย็นด้วยครับ ส่วนถ้าใครมาช่วงเช้ามากๆ หรือพักที่ถนนเส้นนี้เลยก็จะได้เห็นภาพของคนจีนที่ออกมารำไทเก๊กและเล่นกีฬากันในบรรยากาศที่สงบ ไม่วุ่นวาย เรียกว่าเป็นภาพที่ผมดูแล้วรู้สึกขัดแย้งในใจเลยว่า นี่คือถนนเส้นเดียวกับที่คึกคักสุดๆ ในคืนที่ผ่านมาใช่มั้ย @_@


การเดินทาง : Metro line สาย 2 หรือสาย 10 ลงสถานี East Nanjing Road เมื่อขึ้นจากสถานีก็ถึงเลย

ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ช่วงที่คึกคักสุดๆ คือช่วง 12.00 – 21.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง


6. Tianzifang

Tianzifang (เถียนจีฝาง) คืออีกหนึ่งสถานที่ที่ผมว่าคนชอบช้อปปิ้งของ local ที่ไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนมน่าจะถูกอกถูกใจมาก เพราะที่นี่คือแหล่งช้อปปิ้งที่มีสินค้าและของกินให้เราซื้อมากมายเต็มไปหมด มีตรอกซอกซอยให้เราเดินเลี้ยวไปมาจนเมื่อยขา ที่สำคัญรูปแบบของอาคารก็สวยงาม โดยจะเป็นอาคารทรงจีนเตี้ยๆ ที่สร้างด้วยอิฐและสอดประสานกับตึกสไตล์ยุโรปได้อย่างลงตัว ซึ่งอาคารแบบนี้เป็นลักษณะเฉพาะของเซี่ยงไฮ้ที่เค้าเรียกกันว่า สือคู่เหมิน (Shikumen) ครับ


การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 9 มาที่สถานี Dapuqiao จากนั้นออกที่ทางออกหมายเลข 1

ค่าเข้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง


7. ตึก Shanghai World Financial Center

เที่ยวบรรยากาศเก่าๆ สไตล์ local มาเยอะแล้ว คราวนี้ผมเลยจะพาทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวตึกสูงๆ กันบ้างดีกว่า โดย 2 ตึกที่คนนิยมไปกันมากๆ ก็คือหอไข่มุก และก็ตึก Shanghai World Financial Center ซึ่งผมกับภรรยาเลือกที่จะไปที่ตึกหลังมากกว่าเพราะเราจะสามารถมองเห็นหอไข่มุกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ได้ด้วย

สำหรับการเดินทางมายังตึกแห่งนี้ก็ไม่ยากครับ เพียงแค่นั่งรถ Metro สาย 2 มาลงที่สถานี Lujiazui จากนั้นก็มองหาตึกสูงๆ ที่หน้าตาเหมือนที่เปิดขวดแล้วก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงจุดซื้อบัตรที่อยู่ชั้นล่างของตึก เมื่อซื้อบัตรเสร็จแล้วก็สามารถขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนเพื่อชมวิวได้เลยครับ โดยเค้าจะมีการจำหน่ายบัตรเข้าชมตึกหลายแบบหลายราคามาก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปก็เลือกบัตร 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วยชั้น 94, 97 และชั้น 100 ในราคา 180 หยวน/คน ได้เลย ส่วนระหว่างทางที่เดินมาที่ตึกนั้น หากใครจะแวะไปถ่ายรูปกับหอไข่มุกที่อยู่แถวๆ สถานี Lujiazui ก่อนก็ได้ เพราะไหนๆ ก็มาถึงเซี่ยงไฮ้ทั้งทีแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชม ที่สำคัญยังเดินไม่ไกลด้วยครับ

ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นตึก Shanghai World Financial Center นั้น ผมคิดว่าเราควรไปต่อแถวซื้อบัตรตั้งแต่ช่วงเวลา 16.00 น. ครับ เพราะบางวันคิวซื้อบัตรจะยาวมาก นอกจากนี้ถ้าเราขึ้นไปในช่วงที่ยังมีแสงอาทิตย์อยู่ เราก็จะได้เห็นวิวเมืองเซี่ยงไฮ้กับแม่น้ำหวงผู่ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ได้มองพื้นชั้น 1 ผ่านช่องกระจกอย่างชัดๆ จนทำให้รู้สึกหวาดเสียวหัวใจ แล้วก็ยังได้เห็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้ากับแสงสีที่สวยงามในช่วงกลางคืนของเมืองนี้ด้วยครับ


การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 2 มาที่สถานี Lujiazui จากนั้นออกที่ทางออกหมายเลข 1

ค่าเข้า : 180 หยวน/คน สำหรับการเข้าชมชั้น 94, 97 และชั้น 100 โดยสามารถนำขาตั้งกล้องขึ้นไปถ่ายรูปได้

เวลาเปิด-ปิด : 8.00 – 23.00 น. โดยจะปิดการจำหน่ายบัตรตอน 22.00 น. และไฟของหอไข่มุกจะเปิดหลัง 19.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง


8. Zhujiajiao

แนะนำที่เที่ยวในเมืองแบบเที่ยวง่ายๆ เดินทางสะดวกมาหลายที่แล้ว คราวนี้ไปรู้จักที่เที่ยวที่อยู่ชานเมืองและต้องใช้เวลาในการเดินทางกันหน่อยดีกว่า โดยสถานที่นี้ชื่อว่า Zhujiajiao (จูเจี่ยเจียว) หรือตลาดน้ำโบราณที่มีความเก่าแก่มาก ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คงมีลักษณะเหมือนกับอัมพวาของไทยเราครับ แต่ลักษณะอาคารรวมทั้งอาหารจะเป็นสไตล์จีนและมีพื้นที่ที่กว้างกว่ามาก ใครที่ชอบถ่ายรูปหรืออยากสัมผัสกับความเป็นจีนในสมัยก่อนน่าจะชอบที่นี่ครับ โดยเราสามารถที่จะนั่งเรือไปตามคลองได้ด้วยนะครับแต่จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 60 หยวน

สำหรับสัญลักษณ์หรือ Landmark ของที่นี่ก็คือสะพาน Fang Sheng Bridge ที่เห็นในภาพนี่แหละครับ โดยสะพานนี้จะเป็นสะพานหินขนาดใหญ่ มีความยาวถึง 72 เมตร และกว้างถึง 5 เมตรครับ

ส่วนในเรื่องของการเดินทางมาที่นี้นั้น อาจจะลำบากนิดนึงสำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาจีนเพราะต้องนั่งรถเมล์ แต่เชื่อผมเถอะ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามเพราะผมกับภรรยาก็อาศัย Google Translate กับ Google Map เอาตัวรอดมาจนได้ โดยวิธีการเดินทางที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับการไปที่นี่ก็ตามนี้เลยครับ


ขาไป

- นั่งรถ Metro สาย 9 ไปลงสถานี Dong Jing

- เมื่อถึงสถานีให้ออกประตูทางออก 4 จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายไป 30-40 เมตร ก็จะเจอป้ายรถเมล์

- รอรถเมล์สาย 松朱线 (Sōng zhū xiàn) หรือ 松朱专线 (Sōng zhū zhuānxiàn) โดยก่อนขึ้นรถเมล์ให้ถามพนักงานบนรถอีกครั้งก่อนเพื่อความแน่ใจ (ค่าโดยสารคนละ 5 หยวน และใช้เวลานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง)

- เมื่อถึงป้ายตลาดน้ำ Zhujiajiao ก็ให้เดินข้ามถนนและเลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอป้ายตัวอักษรสีแดงตามภาพที่ 2 อยู่ทางขวามือของเรา

- เลี้ยวขวาตรงหน้าป้ายตัวอักษรสีแดงและเดินไปตามทางเรื่อยๆ ประมาณ 500 เมตรก็จะเจอตลาดน้ำ โดยเมื่อถึงทางแยกตามภาพที่ 3 และ 4 เราจะสามารถเลือกเลี้ยวไปทางไหนก็ได้เพราะจะมีทางเข้าตลาดเหมือนกันครับ

ขากลับ

- เดินกลับมาที่บริเวณป้ายรถเมล์ที่เราลงรถเมื่อตอนขามา จากนั้นเดินต่อไปตามถนนประมาณ 50 เมตร จะเจอท่ารถเมล์อยู่ทางขวามือ จากนั้นให้เดินเข้าไปสอบถามพนักงานว่าคันไหนไป People Square ครับ (ใช้วิธีการถามคำถามว่า People Square หรือจะพิมพ์ใน Google Translate ก็ได้ครับ)

- ค่าเดินทาง 7 หยวน/คน

- เมื่อถึง People Square แล้ว เราก็สามารถนั่งรถ Metro เพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อได้เลย


ค่าเข้า : ไม่มีค่าเข้า หากใครต้องการนั่งเรือจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 60 หยวน

เวลาเปิด-ปิด : ไม่มีเวลาเปิดปิด แต่ควรไปในช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. จะเหมาะสมที่สุด

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 2-3 ชั่วโมง

ระยะเวลาการเดินทางไปกลับ : 4-5 ชั่วโมง


หมายเหตุ : เราสามารถนั่งรถบัสต่อเดียวจาก People Square ไปยัง Zhujiajiao ได้ด้วยนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจจุดที่ขึ้นรถ ถ้าใครต้องการเดินทางไปด้วยวิธีนี้ก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ


9. Shanghai Disneyland

สุดยอดสวนสนุกที่มีพื้นที่กว้างเป็นอันดับ 2 จากสวนสนุก Disneyland 6 แห่งทั่วโลก ที่นี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะบางคนถึงกับตั้งเป้าหมายไว้เลยว่ามาเซี่ยงไฮ้ก็เพื่อการนี้!! และบางคนถึงกับเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้ถึง 2 วันเต็มๆ ซึ่งคนที่ว่านั้นไม่ใช่คนอื่นไกล แต่คือผมกับภรรยานั่นเอง ฮา


แนะนำเลยครับ ใครที่ชอบเที่ยวสวนสนุกและชอบความเป็นดิสนีย์ ที่นี่ควรไปมากๆ เครื่องเล่นต่างๆ แม้จะไม่หวาดเสียว แต่อลังการงานสร้าง ตระการตาสุดๆ โดยใครที่ต้องการอ่านรีวิวเต็มๆ แบบเจาะลึกของที่นี่ก็กดลิงก์นี้ไปได้เลยครับ https://th.readme.me/p/12810 ผมมีเขียนถึง ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Shanghai Disneyland รวมทั้ง Trick ในการเก็บเครื่องเล่นให้ได้มากที่สุด ไว้แล้วครับ


การเดินทาง : นั่ง Metro สาย 11 มาที่สถานี Disney เมื่อเดินออกจากสถานีก็ถึงเลยครับ

ค่าเข้า : วันธรรมดา 370 หยวน/คน วันหยุด 499 หยวน/คน โดยเราไม่สามารถนำขาตั้งกล้องเข้าไปได้

เวลาเปิด-ปิด : วันธรรมดา 9.00 – 20.00 น. วันหยุด 8.00-21.00 น.

ระยะเวลาการเที่ยวที่เหมาะสม : 1 วัน

เอาล่ะ ตอนนี้เราก็รู้จักกับ 9 สถานที่ที่น่าสนใจในเมืองเซี่ยงไฮ้กันไปแล้ว แต่จริงๆ เซี่ยงไฮ้ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เพียงแต่สถานที่ที่ผมหยิบมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้เป็นที่ที่ผมกับภรรยาคิดว่าเหมาะกับคนที่ได้มีโอกาสไปเซี่ยงไฮ้ครั้งแรกครับ โดยเพื่อความสะดวกเราได้ทำการจัดทริปแบบหลวมๆ ในการเที่ยวเซี่ยงไฮ้มาให้ทุกคนแล้วดังนี้ครับ


วันที่ 1 : Jing’an temple, Yuyuan Garden, Yuyuan Garden Market และ The Bund

วันที่ 2 : Xintiandi, Tianzifang และตึก Shanghai World Financial Center

วันที่ 3 : Shanghai Disnneyland

วันที่ 4 : Zhujiajao และ Nanjing Road


โดยโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมคร่าวๆ ที่ผมคิดว่าควรจัดอะไรเที่ยวด้วยกันบ้าง จะได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนถ้าใครไม่ชอบเที่ยวสวนสนุก, ตลาดน้ำ หรืออื่นๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้ตามความชอบของตัวเองและความเหมาะสมของ Flight บิน เพียงแต่ถ้าใครจะไป Shanghai Disneyland นั้น ควรต้องไปทั้งวันจนถึงเวลาที่สวนสนุกปิด และต้องอย่าไปตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดของคนจีนนะครับ ไม่งั้นคนมหาศาลแน่ๆ

และทีนี้ก็มาถึงเรื่องสุดท้ายของบทความนี้กันแล้วครับกับ Trick ที่จะทำให้คุณเดินทางเที่ยวเซี่ยงไฮ้ได้สะดวกขึ้น


Trick ที่ 1 : การนั่งรถ Metro

1. เราสามารถดูผังการเดินรถ Metro รวมทั้งเช็คค่าโดยสารล่วงหน้าได้ที่ website http://service.shmetro.com/en/

2. การซื้อตั๋วรถ Metro ผ่านตู้ขายตั๋วนั้น สะดวกมากๆ เพียงแค่กดเมนูภาษาอังกฤษ เลือกสายของรถ Metro ที่ผ่านสถานีปลายทาง จากนั้นกดที่ชื่อสถานี ใส่จำนวนคน หยอดเงินก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ

3. การนั่งรถ Shanghai Metro นั้นจะต้องมีการสแกนกระเป๋าเราทุกครั้งที่เข้าสถานี ย้ำว่าทุกครั้ง!! ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นแนะนำว่าอย่าหิ้วของไปเยอะหรือเอากระเป๋าใบใหญ่มากเกินตัวไปนะครับ


Trick ที่ 2 : การกดเงินสดหรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน

ต้องบอกว่าร้านค้าและโรงแรมในประเทศจีนนั้นมักไม่ค่อยรับบัตรเครดิต Visa และ Master Card แต่จะรับของ UnionPay เป็นหลัก ดังนั้นหลายๆ คนก็เลยมีปัญหาว่าต้องพกเงินสดติดตัวไปแทน แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือแบงก์ใหญ่สุดของจีนคือแบงก์ 100 หยวน แถมยังมีแบงก์เล็กๆ อย่าง 10 หยวน 5 หยวน และ 1 หยวนอีก ดังนั้นความหนาของกระเป๋าตังค์ของเราก็เลยออกจะหนาๆ ตุงๆ หน่อย T_T


วันนี้ผมก็เลยมีทริคดีๆ มาแนะนำคนที่ไม่แน่ใจเรื่องการใช้เงิน และก็ไม่อยากแลกเงินหยวนเผื่อไปเยอะ โดยทริคที่ว่านี้จะทำให้เราพกปริมาณแบงก์ไปน้อยลง แต่ก็ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น นั่นก็คือให้เราพกแบงก์ใหญ่ของสกุลเงินอื่นอย่างดอลล่าห์หรือเยนไป แล้วก็ไปแลกเงินที่เครื่องแลกเงินอัตโนมัติเวลาที่เราต้องการใช้ครับ โดยเครื่องแลกเงินนี้จะเป็นของธนาคารในจีน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเราจะได้แบงก์จริง เพราะในสลิปจะมีหมายเลขอ้างอิงและเบอร์โทรติดต่อในกรณีที่เกิดปัญหาด้วย ซึ่งตัวผมเองได้ไปใช้บริการเครื่องแลกเงินอัตโนมัติของ SPD Bank ที่อยู่ด้านในของโรงแรม Sofitel ถนนนานจิงมา โดยเครื่องนี้รับแลกสกุลเงินมากกว่า 10 สกุล ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินบาทไทยด้วย ที่สำคัญจากการเช็คอัตราแลกเปลี่ยนแล้วก็พบว่าอยู่ในขั้นที่ดี แตกต่างจากการแลกจากที่ไทยเล็กน้อยเท่านั้นครับ

ส่วนใครที่เจอปัญหาเรื่องเตรียมเงินไปไม่พอ บัตรเครดิตก็รูดไม่ได้ ผมแนะนำนี่เลย “การกดเงินด้วยบัตร ATM ไทย” โดยเราสามารถนำบัตร ATM ของธนาคารที่อยู่ในประเทศไทย ไปกดที่ตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ Visa ได้เลย โดยจะมีค่าธรรมเนียมในการกดครั้งละ 100 บาท ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เช่นเดียวกันครับ


ก็จบลงแล้วสำหรับการแนะนำที่เที่ยวในเซี่ยงไฮ้และทริคที่ผมกับภรรยาได้ไปลองใช้มา หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนรู้จักกับเซี่ยงไฮ้มากขึ้น และเปิดใจพาตัวเองไปสัมผัสเมืองแห่งนี้ เชื่อผมเถอะ เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ไม่ไปไม่รู้ ดูดีกว่าที่คิด


สำหรับใครที่ต้องการชมบรรยากาศการเที่ยวเซี่ยงไฮ้ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวก็สามารถกดดูได้ที่คลิปด้านล่างได้เลยครับ และใครที่ชอบการรีวิวของผม สามารถติดตามข้อมูลของทริปต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/amazingcouples/ ได้เลยครับ


แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

ความคิดเห็น