กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...

ณ ดินแดนอันไกลโพ้นนนนนนน.

ผมถูกปลุกด้วยเสียงไก่ขันแต่เช้าตรู่ ไก่ที่คุณตาสุดที่รักเลี้ยงไว้หลังเรือน
แล้วค่อยๆพยุงร่างกาย ออกจากรังนอนแสนอนอุ่น
เช้านี้เรามีนัด กับคุณยาย ไปเที่ยวกันที่ทุ่งนา

การเดินครั้งใหญ่ จากบ้านไปทุ่งนา ในระยะ ห้าร้อยเมตร ทำให้ใจสั่นไม่เบา
เพราะนั้นก็คือการเดินทาง เหมือนทุกๆครั้ง นั้นเอง

ก่อนออกจากบ้าน
ผมเองไม่ลืมที่จะหยิบกล้องคู่ใจไป พร้อมแต่งชุดยูนิฟอร์ม ชุดสูตรกับร้องเท้าบูทคู่โปรด
และก็เสียมอุปกรณ์หลักในการเที่ยวครั้งนี้








พอถึงท้องทุ่งนา พี่ๆต้นข้าวก็ต้อนรับเราด้วย
การโบกสะบัดส่ายไปมากับสายลม
พี่หมอกเองก็ไม่น้อยหน้า ทักทายด้วย คลื่นลม กับไอเย็นจากพื้นดิน
เพื่อให้เป็นการเสียเกียรติ ไม่พลาดที่ผมจะหยิบกล้องออกมาชักภาพ

ผมค่อยเดินหลังยายไปตามคันนาเรื่อยๆ พร้อมกับชักภาพไป
ผมกล่าวคำสวัสดีทักทาย ป้าศรีกับลุงศร บนรถอีเเต๋นสีเขียวทรงสปอร์ต
ที่กับมุ่งหน้าไปยังไร่ ทำในสิ่งที่แกสองคนรัก
เวลาค่อยๆเดินอย่างช้า เนิบๆ





จิตใจของผมค่อยๆยิ้มออกมา
เหมือนกำลังบอกผมว่าชอบที่นี้มาก พาฉันมาอีกน่ะ

ผมกำลังนึกถึงคำพูดที่ว่า " ไปที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าไปกับใคร "
การเดินทางครั้งนี้ผมได้ออกเดินทาง
มาพร้อมกับคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตคนนึง
ประโยคสนทนาที่มีไม่มาก แต่มาพร้อมกับความเงียบที่แสนจะอบอุ่น

ผมไม่รู้ว่าคำนิยาม ของการเดินทางคืออะไร
หรือการที่นั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลอนดอน
หรือการที่เราตื่นเช้าไปที่ทำงาน
หรือการลุกจากโต๊ะคอมไปห้องน้ำ
หรือแค่สมองไม่เข้าใจ จนเรียนรู้และเข้าใจ...

ผมเองไม่รู้ว่าการท่องเที่ยวจะต้องมีน้ำทะเลสีคราม
เมฆหมอกหนาลอยเต็มภูเขาสูงเสียดฟ้า
หรือพื้นที่หน้าบ้านที่ใครๆก็สามารถไปได้

ผมรักการเดินทางครั้งนี้
ระยะทางอาจจะไม่ไกล
สถานที่อาจจะไมหวือหวา
สำคัญที่ว่าเรามีความสุขได้กับสิ่งธรรมดา...
เท่านั้นเอง


ความคิดเห็น