" ผู้ใดไม่ออกเดินทาง ผู้นั้นนจะไม่สูญเสียอะไร
แต่ก็นั้นแหละ เค้าก็จะไม่ได้อะไรเช่นกัน "


...ผมบังเอิญไป เลื่อนผ่านไปเจอข้อความนี้บนโลกอินเตอร์เน็ต เป็นข้อความไม่ยาวสักเท่าไหร่

แต่ทรงพลังกับผมเหลือเกิน ผมครุ่นคิดและอ่านทบทวบอยู่หลายรอบ ว่าเหตุใดเล่า

แต่ก็นั่นแหละ ผมจะรู้ความจริงไม่ได้ หากไม่ลองดู

พอได้โจทย์แล้ว ผมจะเริ่มเสาะหาสถานที่ ที่จะเดินทางไป แต่ด้วยเวลาว่างอันน้อยนิด ของเสาร์อาทิตย์ ผมควรหาสถานที่ ที่ไม่ไกลจากบางกอกนัก จึงได้พบกับ " ภูสอยดาว " ที่ที่คุ้นหูดี พอได้สถานที่ ไม่พลาดที่ผมจะเอ่ยปากชวนเพื่อนเกลอไปเป็นคู่หู่ในการผจญภัยในครั้งนี้ เหมือนกับทุกครั้งๆ เพื่อนนั้นมิอาจปฏิเสธคำชวน พร้อมกับนัดแนะเวลาตามประสา

และนั้นก็คือที่มาของ การแบกเป้ไปนอนบนเขา ครัั้งแรกของชีวาของเด็กชายทั้งห้า เช่นเดียวกับการเดินทางทุกครั้งๆ ใจก็สั่นเป็นปกติ หัวใจของกำลังยิ้มออกมาพร้อมความตื่นเต้น ออกเดินทางกันครับ....

#ช่างจะเที่ยว

#ภูสอยดาวกับเด็กชายทั้งห้า



...

การเดินทางของใครหลายๆคนมักเริ่มจากที่นี้ ผมก็เช่นเดียวกัน หมอชิต

ขั้นตอนการเดินทาง

หมอชิต - บขส.พิษณุโลก - ตลาดชาติตระกาจ - อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว




ถึงลานต์กางเต็นท์ ก็จัดการเเจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วค่อยเลือกพื้นที่ และทำการกางเต็นท์
เรื่องอุปกรณ์อุปการอำนวยความสะดวกบนนี้มีมากมาย มีให้เช่าตามสมควร จะขาดก็แต่อาหารขาย

พอจัดการกับโรงแรมห้าดาวเสร็จเรียบร้อย ไม่พลาดที่ผมจะเอ่ยปากชวนเพื่อนออกไปเดินเล่นที่ทุ่งหญ้า พร้อมกับกล้องคู่ใจ ออกไปชักภาพ

ผมค่อยๆนั่งรถยต์สองฝาเท้า แล่นตะลอนไปทั่วทุกพื้นห้างใหญ่ พร้อมกับชักภาพไปเรื่อยๆ รับลมเย็นของแอร์ ที่ธรรมชาติเปิดไว้ตลอด24ชม.


เวลาค่อยๆเดินไปอย่างช้าและเนิบๆ
หลังจาก แทบจะลืมเวลาในนาฬิกาที่ข้อมือข้างซ้ายเลยทีเดียว เวลากลางป่าเขาเดินช้าเหลือเกิน


เหนือศีรษะของผมถูกรายล้อม ไปด้วยหมูดาวต่างๆ เหมือนเป็นการทักทายยามค่ำ
ผมพยามใช้ทักษะที่พกติดตัวมาสมัยประถม ที่ครูสมศรีได้สั่งสอน ตอนชั้นป.3
แต่ก็มิอาจจำแนกได้อย่างชัดเจน
การต้อนรับของดวง ทำได้ดีเยี่ยมในฐานะเจ้าบ้านที่มีแขกจากบางกอกมาเยี่ยมเยือน

บนสนทนาของเต็นท์ข้างๆ แและเต็นท์ถัดไปอีกราวห้าสิบเมตร
เป็นคำพูดของกลุ่มผู้คนที่ฟังแล้วรับรู้ได้ถึงความสุข
เสียงอาจจะเบาแต่มีลมหนาวพัดมาช่วยบรรยายความรู้สึก
เช่นเดียวกัน ณ ที่พื้นที่ผมอยู่ บทสนาอาจจะน้อยนิด แต่ก็อวบอวนไปความสุขและความความอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ

ในมุมเดียวกัน ก็อดคิดได้หากจะมีคนข้างกาย หรือที่หลายคนเรียกว่าคนรักนั้น มานั่งผิงไฟข้างกายด้วยกัน คงสุขใจยิ่งนัก ค่อยๆสร้างบทสนทนา เเลกเปลี่ยนประสบการณ์อันน้อยนิดบนวัตถุทรงกลมสีน้ำเงินๆ ที่เรียกว่าโลก มันคงจะดีไม่น้อย

ตอนนี้ประมาณสองทุ่มได้ หนังตาเริ่มหนักเรื่อยขึ้น แตกต่างจากตอนอยู่ที่เมืองกรุง



อรุณสวัสดิเช้าตรู่ รึปล่าว..
เช้านี้เเดดค่อนข้างแรกนัก ผมเเละพวกจัดแจงเก็บเต็นท์ พร้อมกับเตรียมเดินลง
โบกมือลา ภูสอยดาว




ห้าง คือภูเขา
โรงแรมห้าดาวคือเต็นท์
แอร์เย็น คือสายหมอกและหยดฝน
รถยนต์ คือสองเท้า
แสงไฟในผับ คือ หมู่ดาวและกองไฟ
เราคือ ฉันกับธรรมชาติ


การเดินทางครั้งนี้ผมจะไม่พยามบอกรายละเอียดสักเท่าไหร
เพราะผมเชื่อว่าหากที่นี้สวยงามพอ คุณนั้นแหละ คุณเองเลย คุณจะหาทางและเหตุผลมาจนได้ ผมเชื่ออย่างนั้น .

หรือไม่ก็ลองเดินทางแบบไม่ต้องวางแผนอะไรมากนัก เพราะการเดินทางทุกรูปแบบมันมีความสนุกและสุข ในตัวมันเอง

ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ

#ช่างจะเที่ยว


ความคิดเห็น