ายเดือนที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวถ่ายภาพโรงแรมบ่อยนัก เนื่องจากผมและภรรยามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาในครอบครัวอีก 1 คน ประกอบกับงานประจำที่ทำอยู่แม้จะหยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่ก็จะมีงานอบรมต่าง ๆ เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ช่วงนี้อะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตเริ่มลงตัว ผมจึงเลือกที่จะกลับไปเยือนหัวหินอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมได้เข้าพักที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ครับ
เช้าวันนี้ผมเดินทางออกจากบ้านที่ จ.อ่างทองราว ๆ 8.00 น. กับระยะทางร่วม ๆ 300 ก.ม.
ตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้ถึงโรงแรมราว ๆ เที่ยงตรง
โรงแรมดุสิตธานีตั้งอยู่ระหว่าง อ.ชะอำและหัวหิน ติดริมถนนเพชรเกษม แต่งตกในสไตล์ไทยโมเดิร์น
โดยโครงสร้างหลัก ๆ จะเน้นความเป็นยุโรปและนำเอาความเป็นไทยเข้ามาตัดในส่วนของรายละเอียด
เปิดประตูเข้ามาในล็อบบี้ก็จะพบกับเจ้าโคมไฟห้อย ชานเดอเลียขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
ด้านซ้ายมือเป็นที่ลงทะเบียนสำหรับการเข้าพัก
ด้านขวาเป็นบาร์ สำหรับนั่งทานเครื่องดื่ม
ชื่อว่าล็อบบี้ บาร์
มุมนั่งเล่นภายในล็อบบี้
มุมแสดงภาพของพระราชวงค์ที่ได้เสด็จมาเยือนที่นี่นะครับ
จากนั้นเราเดินผ่านล็อบบี้ลงบันไดมาชั้น 1 เพื่อมาสำรวจรอบ ๆ โรงแรมกันบ้าง
สระว่ายน้ำหลักของโรงแรมที่ได้มาตรฐานโอลิมปิค มีความกว้าง 25 ม. ความยาว 50 ม.
ทอดตัวยาวตามแนวตึก
ความพิเศษที่ผมชอบมากก็คือเมื่อเราลงไปว่ายน้ำในสระ เราจะมองเห็นทะเลไปจนไกลโพ้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับเราว่ากำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล
สระว่ายน้ำแห่งนี้มีความลึกตั้งแต่เมตรต้น ๆ ไล่ระดับไปจนถึง 3 เมตรเลยนะครับ
กว้างขวาง ว่ายได้สะใจเลยครับ
ที่แช่ตัว จุคนได้ราว ๆ 4-5 คน มีระบบจากุซซี่ให้แรงดันน้ำนวดตัวเพลิน ๆ ด้วย ชอบ ชอบ
บาร์ริมสระ เปิดให้บริการเครื่องดื่มว่ายน้ำเหนื่อย ๆ ขึ้นมาหาอะไรเย็นจิบ ก็ดูจะเข้าท่าเหมือนกันนะครับ
หรือใครจะจะสมัครนอนนวดก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ติดกันกับสระใหญ่จะเป็นที่เล่นน้ำของคุณหนูตัวน้อย มีสไลด์เดอร์ 2 อัน สีสันสดใจบาดใจเจ้าตัวเล็กยิ่งนัก
ช่วงหลังอาหารเช้าและตอนบ่ายแก่ ๆ สระแห่งนี้จะเต็มไปด้วยเด็ก ๆ มากมาย อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม
เดินเลยมาอีกนิดจะเราจะพบกับชายหาดส่วนตัวของโรงแรม
มีเก้าอี้ชายหาดไว้บริการ ช่วงเย็นแดดร่มลมตก นักท่องเที่ยวจะพากันออกมาเล่นน้ำทะเล
เจ้าตัวเล็กก็จะมาก่อกองทรายกับผู้ปกครอง คู่หนุ่มสาวก็เดินเล่นตามแนวชายหาด
ร่มสีขาว เก้าอี้ชายหาด พื้นทรายและฟ้าสีคราม มันช่างเข้ากันได้ดีจริง ๆ ว่ามั๊ยครับ
แต่ในยามเที่ยงหรือบ่ายอ่อน ๆ แดดร้อนเหลือกำลัง คงมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่สู้ไม่ถอย
ห้องอาหารอีกแห่งชื่อห้องอาหารริมทะเล ติดริมชายหาดของโรงแรมสมชื่อเลย
ให้บริการอาหารทะเลและบาร์บีคิวสำหรับมื้อค่ำ
นั่งทานอาหารเย็นพร้อมชมทะเล บรรยากาศดีเกินห้ามใจ
ลองมองย้อนกลับไปที่ชายหาดบ้าง
ทิวต้นมะพร้าวที่โรงแรมบรรจงปลูกไว้เป็นแนว
เอาล่ะ ได้เวลาขึ้นห้องแล้วละ ไปชมห้องพักของผมกันครับ
ห้องพักของผมในครั้งนี้เป็นแบบซุพีเรีย
ออกไปยืนที่ระเบียงได้ชมวิวสระว่ายน้ำและวิวทะเลด้วย
เตียงขนาดใหญ่ พร้อมที่นอนนุ่มมาก น่านอนนะครับ
ผลไม้ตามฤดูกาลจัดเตรียมไว้ต้อนรับในห้อง
โต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะทำงานอยู่ติดกันกับตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้อย่างชัดเจน
กระจกเงาบานใหญ่และอ่างอาบน้ำ พร้อมด้วยแปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ อุปกรณ์จุกจิกอีกหลายอย่าง
ติดกันกับสระว่ายน้ำเป็นที่ตั้งของห้องอาหารซานมาร์โค้ ห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน
ในบรรยากาศแบบโอเพ่นแอร์
ผมเดินผ่านก็ยังเห็นเตาอบพิซซ่าอยู่แว๊บ แว๊บนะครับ
จวนจะพลบค่ำแล้ว เชิญรับชมภาพในช่วงเวลาทไวไลท์กันไปยาว ๆ เลยนะครับ
ต่อมาผมจะพาไปชมห้องอาหารเย็นอีกแห่งชื่อว่าเดอะเรสเตอรองท์
เป็นห้องโถงใหญ่บริเวณชั้น 1 อยู่ใต้ล็อบบี้ โดยเดอะเรสเตอรองท์นี้จะใช้เป็นห้องอาหารเช้าด้วย
มีโคมไฟห้อย ชานเดอเลียขนาดใหญ่เหมือนที่ล็อบบี้เลย
ห้องเล็ก ๆ ติดกันมีประตูกั้นคือห้องไพรเวท รูม นอกจากจะสามารถรับกรุ๊ปส่วนตัวแล้ว
ในตอนเช้าจะเป็นโซนนั่งทานอาหารของลูกค้าที่จองห้องสิทธิประโยชน์ดุสิตคลับ
พร้อมรายการอาหารและเครื่องดื่มพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะลูกค้าคลับ
วันนี้ตอนค่ำผมมีนัดมาทานข้าวที่ห้องอาหารเดอะเรสเตอรองท์แห่งนี้
อาหารที่ผมเลือกทานในวันนี้เป็น 3 ใน 7 ของชุดอาหาร 7 ประจัญบาน (Magnificent 7)
โดยทางโรงแรมจะให้คุณเชฟทั้ง 7 ท่านของโรงแรม เลือกทำอาหารในแนวที่ตนถนัดที่สุดมาคนละ 1 อย่าง
แล้วตั้งชื่อเมนูเป็นเพลงที่ตนชอบโดยให้สอดคล้องกับเมนูอาหารที่ตนทำ
โดยทั้ง 7 อย่างนี้จะราคาเท่ากันทุกอย่างคืออย่างละ 277 บ.
วันนี้ผมเลือกที่จะทานแกงเขียวหวานหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ที่จัดห่อมาในกระดาษแล้วมัดปากด้วยต้นตะไคร้
รสชาติเหมาะกับลิ้นคนไทยไม่เผ็ดนัก หอม อร่อย ชื่ออย่างเป็นทางการในเมนูคือ โบฮีเมียน แร็ปโซดี้
ชื่อเพลงของคณะควีน เจ้าของเพลงดังที่เรารู้จักกันดีในเพลง วี อาร์ เดอะแชมป์เปี้ยน
เนื้อปลา 2 แบบ เสิร์ฟมาในจานเดียวกัน ด้านหนึ่งเป็นเนื้อปลานึ่ง รสชาติจะออกเปรี้ยวหวาน
อีกด้านเป็นเนื้อปลาทอดกระเทียมพริกไทย เมนูนี้ชื่อดิฟเฟอเร้น ซีซั่น หรือฤดูที่แตกต่างนั่นเอง
ของหวานกันบ้างชื่อเมนูว่า สวีตชายด์โอมาย เพลงร็อคอันโด่งดังของคณะกันแอนด์โรส
เครปเย็นสอดไส้วิปปิ้งครีม เคลือบด้วยช็อคโกแล็ต
พร้อมท็อปปิ้งด้วยซอสช็อคโกแล็ตเข้มข้น ทานเป็นกับไอศกรีมสตอเบอรี่ อร่อยมากครับ
มื้อเย็น หากไม่คิดจะออกไปทานอะไรที่ไหน เมนู 7 ประจัญบานนี้ผมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยรสชาติที่อร่อย และราคาสบายกระเป๋านะครับ
ขอตัดมาที่อาหารเช้าเลยนะครับ สลัดผักกับขนมปังของฮูหยินผม น่าทานไหมครับ
ไส้กรอกไก่ แฮมและเบคอนจิ้มซอสมะเขือเทศของผม
ไลน์อาหารเช้าของที่นี่ถือว่าค่อนข้างหลากหลาย มีข้าวต้มเครื่อง ซูชิ นมเปรี้ยว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
ให้เราเติมท็อปปิ้งได้เอง มีเต้าหู้นมสด น้ำเต้าหู้ทรงเครื่องที่เราสามารถเลือกใส่เครื่องได้เองอีกเหมือนกัน
กาแฟดำ ที่พนักงานมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ
ทานกับปาท่องโก๋ จิ้มนมข้นตอนเช้า เข้าท่าดีเหมือนกันนะครับ
ทำเลที่ตั้งของโรงแรมใกล้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย สามารถเดินทางไปเที่ยวตามจุดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
ผมใช้เวลาทั้งหมดอยู่แต่ในโรงแรมซึ่งเป็นความตั้งใจของผมและฮูหยินตั้งแต่แรก
อยากมานั่งมองทะเล เดินเล่นชายหาด แล้วว่ายน้ำอยู่ในโรงแรม แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
รงแรมดุสิตธานีตั้งอยู่ระหว่าง อ.ชะอำและหัวหิน ติดริมถนนเพชรเกษม ตกแต่งในสไตล์ไทยโมเดิร์น
มีความคลาสสิคอยู่ค่อนข้างสูง อยู่ติดริมทะเล มีชายหาดส่วนตัว สระว่ายน้ำมีขนาดใหญ่
ห้องพักออกแบบสวย ที่นอนนุ่ม พนักงานบริการดีตั้งแต่พี่ยาม พนักงานต้อนรับ พนักงานในห้องอาหาร
ไปจนถึงแม่บ้าน ผมและฮูหยินพึงพอใจในบริการที่ได้รับ
เนื่องจากตัวโรงแรมนั้นได้เปิดมานานแล้ว รูปทรงต่าง ๆ ของตัวตึกอาจจะดูไม่ทันสมัย
แต่ทุกส่วนภายในโรงแรม ได้รับการดูแลให้คงความคลาสสิคแบบสถาปัตยกรรมของยุโรป
ซึ่งผมว่านี่คือเอกลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้
*** ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมจ่ายแต่เพียงค่าเดินทางและค่าห้องพัก ส่วนอาหารเช้าและเย็นทางโรงแรมออกให้ แต่ไม่มีการจัดฉากอะไรให้เกินจริง นักท่องเที่ยวที่มาพักหากเลือกที่จะทานในแบบที่ผมทานก็จะได้รับในสิ่งเดียวกันกับผมนะครับ ***
เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปพูดคุยกันหรือชมภาพโรงแรมต่าง ๆ ที่ผมเคยไปพักได้
ในเฟสบุ๊คเพจ : https://www.facebook.com/Travel.Hotel.Resort/
เฟสบุ๊คส่วนตัวของผม Burachat Rengtean Naphattalung
หรือในเว็บบล็อก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=lifeistravel
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมรีวิวนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ โอกาสนี้ สวัสดีครับ
ถ้าหากสมาชิกท่านใดสนใจไปพักคุยกันหลังไมค์นะครับ
การเป็นคนดีบางทีก็ปวดร้าว
วันพฤหัสที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.36 น.