ผมได้ยินชื่อ "เกาะยาวใหญ่" และ "เกาะยาวน้อย" มานานพอสมควรแล้ว เห็นใครต่อใครก็บอกว่าที่นี่สวย ทริปนี้เลยมาขอพิสูจน์ซะหน่อยว่าที่นี่สวยดังที่หลายๆ คนร่ำลือไว้หรือไม่ ถ้าพร้อมแล้ว ตามผมไปพิสูจน์กันครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก อ.เกาะยาว กันก่อนดีกว่าครับ อ.เกาะยาว อยู่ในเขตจังหวัดพังงา ประกอบด้วย 2 เกาะหลักๆ คือเกาะยาวใหญ่ และเกาะยาวน้อย รวมถึงอีกหลายๆ เกาะที่อยู่รายล้อม วิถีชีวิตของชาวเกาะยาวยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อาชีพหลักจะเป็นประมงและทำนาครับ
ผมเลือกเดินทางไปเกาะยาวใหญ่ด้วยเรือ Speed Boat โดยไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบางโรงครับ
บริเวณท่าเรือบางโรงจะมีเคาเตอร์ขายตั๋วที่จะไปยังเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ เดิมทีเดียวจะขายที่เดียวกัน ลงเรือลำเดียวกัน โดยจะแวะส่งผู้โดยสารที่เกาะยาวใหญ่ก่อน ถึงจะไปจบที่เกาะยาวน้อย แต่เดี๋ยวนี้แยกเรือของใครของมันไปเลยครับ ผมมาถึงจังหวะไม่ค่อยดี เพราะเรือเพิ่งออกไป เลยถือโอกาสหาทานมื้อกลางวันทานกันที่ท่าเรือซะเลย
จริงๆ แล้วเรือหางยาว ไม่ใช่เรือลำเล็กๆ ตามที่ผมคิด แต่เรือหางยาวเป็นเหมือนในภาพครับ จุผู้โดยสารได้หลายสิบคนเลยทีเดียว แม่ค้าร้านข้าวแนะนำว่า หากอยากนั่งถ่ายรูปชิวๆ ควรจะนั่งเรือหางยาว เพราะเรือจะค่อยๆ วิ่งไปเรื่อยๆ รับลมเย็นๆ ไปตลอดทาง แต่ถ้านั่ง Speed boat จะไม่นิ่มเท่าเรือหางยาว แต่ผมเปลี่ยนใจไม่ทันแล้ว เพราะ ณ เวลานั้น ผู้โดยสารเรือหางยาวก็เกือบเต็มลำแล้ว คงไม่เหลือพื้นที่ดีๆ ให้กับผมแล้ว
ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ เลยเดินเล่นไปเรื่อยครับ จุดนี้เดิมทีเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน แม่ค้าร้านข้าวเล่าว่าด้านในสุดจะมีหอคอย และมีร้านค้า OTOP ด้วย แต่เนื่องจากไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เลยไม่มีงบประมาณในการดูแล ทำให้สะพานชำรุดใช้การไม่ได้ จึงไม่สามารถเดินเข้าไปด้านในได้แล้ว ผมแอบนึกเสียดายอยู่เหมือนกัน
ผมขอกล่าวถึงการเดินทางบนเกาะยาวใหญ่กันก่อนดีกว่า จากท่าเรือไปยังสถานที่ต่างๆ บนเกาะยาวใหญ่ หลักๆ จะมีทางเลือก 3 ทาง คือ เช่ารถมอเตอร์ไซด์ขี่ โดยจะเช่าเป็นรายวัน ถ้ารถเกียร์ธรรมดา ราคาประมาณ250 บาทต่อวัน ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ราคาประมาณ 300 บาทต่อวัน สำหรับทางเลือกที่ 2 เป็นการใช้บริการของรถสองแถว จะไปจุดไหนก็ตกลงราคากับคนขับได้เลย อย่างถ้าจะเหมาไปส่งรีสอร์ทที่ผมเข้าพัก คือ เกาะยาวใหญ่วิลเลจ จะมีค่าบริการคันละ 300 บาท (ระยะทางจากท่าเรือไปยังรีสอร์ทประมาณ 8 กม.) และทางเลือกที่สาม คือการเหมารถสองแถวเที่ยว โดยจะเลือกเหมาเป็นรายวันหรือรายชั่วโมงก็ได้ ถ้าเหมารายชั่วโมง ตกชั่วโมงละประมาณ 200 บาท หรือจะเหมาเป็นรายวัน ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร หากมีผู้โดยสารประมาณ 3-4 คน ค่าเหมารายวันประมาณ 1,200 บาท ถ้ามีผู้โดยสารประมาณ 10 คน ค่าเหมารายวันประมาณ 1,500 บาท ราคานี้เป็นเรทของบังนีนะครับ แต่ถ้าหากใครต้องการนั่งสบายๆ สไตล์ Fortuner บังนีก็มีไว้ให้บริการเหมือนกัน ส่วนเรื่องราคาตกลงกับบังนีได้เลยครับ
สำหรับวันแรกบนเกาะยาวใหญ่นี้ ผมตรงเข้าที่พักที่ Koh Yao Yai Village เลยครับ
ด้านในรีสอร์ทมีการปลูกข้าวด้วย
บริเวณ Lobby แวดล้อมไปด้วยไม้ประดับ ดูร่มรื่นมากๆ
อาคาร Lobby , Dahra Library , ซุ้มกิจกรรม รวมถึง Chaba Gallery จะอยู่ติดๆ กันครับ ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ
มาดูห้องพักกันบ้างดีกว่า ห้องที่ผมเข้าพักเป็นห้องแบบ Deluxe Villa พื้นที่ในโซนนี้จะมองไม่เห็นทะเล แต่จะแวดล้อมไปด้วยร่มไม้ใหญ่ มองไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียว
โดยรวมแล้วห้องพักดี เงียบสงบ เป็นส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน wifi ทั่วถึง แต่ผมเจอปัญหาในวันที่ฝนตก ปรากฏว่าหลังคาที่มุงด้วยวัสดุธรรมชาติ (น่าจะเป็นหญ้าคา) เกิดรั่ว ทำให้น้ำไหลลงมานองครับ
ห้องพักแต่ละหลัง จะแวดล้อมไปด้วยไม้ใหญ่มากมายครับ
บรรยากาศบริเวณ Pool Bar เป็นไงบ้างครับ ผมว่าชนะเลิศเลย ช่วงแดดร่มลมตกแขกมาใช้บริการเยอะมากครับ
บรรยากาศของสระว่ายน้ำช่วงพลบค่ำครับ
บริเวณ Lobby
คืนนี้คงต้องรีบพักผ่อน เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นผมมีโปรแกรมเที่ยวทั้งวัน ทั้งเกาะยาวน้อย และสำรวจเกาะยาวใหญ่ครับ
ผมมีโปรแกรมตั้งแต่เช้าตรู่เลยครับ โปรแกรมแรกของวันนี้คือไปชมสันหลังมังกร ที่ผมต้องออกกันแต่เช้าตรู่เนื่องจากว่าถ้าออกสายกว่านี้แล้ว น้ำจะขึ้น ทำให้มองไม่เห็นสันหลังมังกรครับ
บังนีมารอรับผมตั้งแต่ 06.45 น. เพื่อรับผมไปส่งยังท่าเรือคลองเหีย การเดินทางไปชมสันหลังมังกรนั้นบังนีได้ติดต่อเรือให้ผม แถมต่อรองราคาให้ด้วย เดิมคนเรือคิดค่าเหมาเรือ 2,000 บาท แต่บังนีหักคอคนเรือให้ เลยได้ราคาพิเศษ ถูกลงมากว่าราคาที่ตั้งไว้นิดหน่อยครับ
มีสายรุ้งออกมาทักทายด้วย นั่งเรือไม่นานก็มาถึงสันหลังมังกรแล้ว
สันหลังมังกรอยู่ทางตอนเหนือของเกาะยาวน้อย ช่วงที่ผมไปถึงน้ำเริ่มขึ้นบ้างแล้ว บังคนเรือบอกว่าถ้าน้ำลงกว่านี้ สันทรายจะยาวเกือบ 2 กม. ยาวไปจนถึงเกาะที่อยู่ใกล้ๆ เลย เท่าที่สังเกตสันหลังมังกร น่าจะเป็นเศษเปลือกหอยเล็กๆ ใจจริงผมอยากจะเดินลุยไปยังเกาะอีกเกาะหนึ่ง แต่เกรงว่ากว่าจะเดินไปถึง กว่าจะเดินกลับ น้ำอาจจะท่วมสันหลังมังกรจนเดินกลับไม่ได้ครับ
เช้านี้ผมเปลี่ยนบรรยากาศการทานอาหารจากห้องอาหารมาทานที่สันหลังมังกรแทน จริงๆ แล้วห้องอาหารจะให้บริการอาหารเช้าเวลา 06.30 น. แต่เนื่องจากผมต้องรีบมาที่สันหลังมังกร จึงทำให้ทานอาหารเช้าไม่ทัน เลยให้ทางรีสอร์ทจัดเตรียมเป็นอาหารกล่องให้เรา เช้านี้ทางรีสอร์ทได้เตรียมแซนวิช ผลไม้ และน้ำ Passion Fruit มาให้ อร่อยชื่นใจ อิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจจริงๆ
จากนั้นเรือมาส่งผมยังเกาะยาวน้อย เพื่อที่ผมจะไปสำรวจสถานที่ที่น่าสนใจบนเกาะยาวน้อยสักหน่อยครับ
การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะยาวน้อยจะคล้ายกับการเดินทางบนเกาะยาวใหญ่ จะมีรถสองแถวไว้บริการ ซึ่งผมเองใช้การเหมารถสองแถวเที่ยว ภาระการติดต่อรถสองแถวก็ไม่พ้นบังนีอีกเช่นเคย บังนีเป็นคนติดต่อรถแถมต่อรองราคาให้ผมเหมือนเดิม จริงๆ การเหมารถจะคิดตามชั่วโมง ผมทำการเหมารถครึ่งวัน (4 ชั่วโมง) ได้ในราคา 700 บาท
จุดหมายแรกบนเกาะยาวน้อย ผมให้บังคนขับพาไปชมทุ่งนา เพราะได้ยินว่าที่เกาะยาวน้อยมีการปลูกข้าวด้วย นาข้าวที่นี่จะปลูกปีละ 1 ครั้งโดยใช้น้ำฝน ข้าวที่ปลูกมีทั้งหอมมะลิและเสาไห้ สำหรับการไถนา ผมว่าที่นี่ยังคงใช้ควายในการไถนาอยู่ครับ แอบนึกเล่นๆ ว่า ควายบนเกาะยาวน้อยน่าจะมีปริมาณมากกว่าควายภาคกลางมารวมกันซะอีก เพราะบนเกาะยาวน้อยพบเห็นควายได้ง่ายจริงๆ ความน่าทึ่งของทุ่งนาบนเกาะยาวน้อยคือพื้นที่นาข้าวอยู่ติดทะเลมากๆ อย่างทุ่งนาที่ผมไปถ่ายรูปห่างจากทะเลเพียงถนนกั้นกลางเท่านั้นครับ
จุดหมายต่อไปอยู่ที่ท่าเรือท่าเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มแม่บ้านทำผ้าบาติก ระหว่างทางจะผ่านหาดท่าเขา ผมมองเห็นวิวของป่าเกาะแบบใกล้ๆ ผมรีบเคาะกระจกบอกให้บังจอดรถโดยทันที
วิวเบื้องหน้า งดงามเกินบรรยาย ฟ้าเป็นฟ้า น้ำสีคราม นี่ถ้าเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้น คงจะเพิ่มความสวยขึ้นเป็นอีกเท่าตัวแน่ๆ เหลือบมองเห็นซากต้นไม้ยืนต้นตาย ท่ามกลางผืนทรายที่ทอดยาวไกล มันดูให้อารมณ์อ้างว้างดีพิลึกครับ
ผมเดินทางต่อสู่ที่ทำการของกลุ่มแม่บ้านท่าเขาทำผ้าบาติก ซึ่งที่ทำการตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ แม่บ้านกำลังสาละวนกับการเขียนลวดลายบนผ้าบาติค นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนรู้การทำผ้าบาติกได้นะครับ
จริงๆ อีกภารกิจหนึ่งบนเกาะยาวน้อยของผมคือ การไปชิมโรตีชื่อดังที่ร้านโรตีชาวเกาะ แต่เสียดายมากๆ ที่วันนั้นร้านปิด เลยไม่รู้เลยว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือหรือไม่ แต่ไม่เป็นไร ช่วงบ่ายที่เกาะยาวใหญ่ ยังมีขนมอีกชนิดหนึ่งที่ต้องตามไปลองให้ได้ เพราะเห็นว่าโด่งดังมากๆ เช่นกันครับ
คงถึงเวลาที่ผมต้องอำลาเกาะยาวน้อยแล้ว เพราะยังมีเกาะยาวใหญ่ที่รอผมไปสำรวจอยู่ครับ
สำหรับโปรแกรมสุดท้ายของเกาะยาวน้อยและถือเป็นโปรแกรมเริ่มต้นของเกาะยาวใหญ่ นั่นคือการชมกระชังกุ้งมังกร ซึ่งกระชังนี้อยู่ระหว่างเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ครับ
กระชังกุ้งมังกร 7 สีที่เห็นอยู่เบื้องหน้า มีประมาณ 10 เจ้าของครับ บังคนขับเรือพาผมไปชมกระชังของพี่ชายเขาครับ พอเจ้าของกระชังเปิดกระชังออกมาเท่านั้น ผมและป้าๆ ถึงกับตาลุกวาว ไม่เคยเห็นกุ้งมังกรเยอะๆ ตัวใหญ่ๆ แบบนี้ กุ้งที่นำมาเลี้ยงจะซื้อลูกกุ้งมาจากต่างประเทศครับ ไซส์ที่เห็นน้ำหนักประมาณ 7-8 ขีด ซึ่งยังขายไม่ได้นะครับ ถ้าผมฟังไม่ผิดไซส์ที่สามารถขายได้จะส่งขายกิโลกรัมละประมาณ 3,000 บาทกันเลยทีเดียว ในใจลึกๆ ก็นึกอยากจะลองชิมสักตัวว่ามันจะอร่อยขนาดไหน แต่ได้ยินราคาแล้วคงทำได้แค่มองตาปริบๆ ใครพอมีกำลังทริพย์ ผมแนะนำว่าให้หาซื้อจากกระชังแถวนี้จะถูกกว่าไปซื้อในร้านอาหารครับ
นี่ก็เกือบบ่ายโมงกว่าแล้ว คงต้องเติมพลังก่อนจะออกสำรวจเกาะยาวใหญ่ครับ มื้อเที่ยงนี้ผมขอตามรีวิวของใครหลายๆ คนที่แนะนำให้มาฝากท้องที่บ้านริมน้ำเรสเทอรอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ บังคนขับเรือพาผมมาส่งยังสะพานปลาที่ติดกับร้านเลย
ด้านหน้าร้าน ร่มรื่นเลยทีเดียว ใครจะเข้ามาทานอาหารร้านนี้ ต้องถอดรองเท้าด้วยนะครับ
ความอร่อยของที่นี่ ทำให้ผมต้องสั่งกลับไปเป็นเสบียงมื้อเย็นที่โรงแรม เลยสั่งน้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มกุ้ง และข้าวผัดปู รวมถึงอาหารที่เหลือจากมื้อกลางวันอีกเล็กน้อย ขอบอกเลยว่า น้ำพริกกุ้งเสียบก็อร่อยไม่แพ้กัน รวมถึงข้าวผัดปู ที่มีปูแบบเน้นๆ ครับ
ถ้าหากใครมาเที่ยวเกาะยาวใหญ่แล้วสนใจจะมาฝากท้องที่บ้านริมน้ำเรสเทอรองเหมือนกับผม ร้านเปิดตั้งแต่ 11.00-19.00 น. สามารถโทรจองที่นั่งกันก่อน ที่ 081-9562141 นะครับ เผื่อลูกค้าแน่นร้าน จะได้ไม่เสียเวลารอครับ รับรองว่าอร่อยเด็ดทุกเมนู แถมราคาไม่แรงด้วยครับ
บังนีมาจอดรถรอผมอยู่ที่หน้าร้านแล้ว บังพร้อมมากที่จะพาผมออกสำรวจเกาะยาวใหญ่ แต่ผมนี่ซิ เมื่ออิ่มหนำ ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนแล้ววว
จุดหมายแรก บังนีพาผมไปยังแหลมหาด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก ผ่านทิวต้นมะพร้าวที่มองทะลุต้นมะพร้าวออกไปเห็นน้ำสีคราม และเกาะน้อยใหญ่ครับ
ช่วงเวลาที่ไปถึง เด็กๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่บอกว่าน้ำเริ่มลงพอดี แต่อาจจะยังลงไม่มาก ผืนทรายจากแหลมหาดเริ่มทอดตัวยาวลงไปในทะเล มันสวยงามจับใจเลยครับ ความสวยงามของแหลมหาด การันตีด้วยการเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ The Mechanic Resurrection เลยนะครับ ถ้าหากใครเคยดูหนังเรื่องนี้ จะเห็นฉากนี้อยู่ช่วงต้นๆ เรื่อง แต่ในหนังจะเขียนไว้ว่า เป็นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล แต่แท้จริงแล้ว คือเกาะยาวใหญ่ครับ
เมื่อเดินตามชายหาดออกมาแล้วมองย้อนกลับไป ก็สวยไปอีกแบบครับ
ก่อนที่ผมจะมาเที่ยวที่เกาะยาวใหญ่ ผมก็หาข้อมูลมาบ้างว่าขนมบ้าบิ่นที่นี่อร่อยมากๆ เลยจับเข้าโปรแกรมในทริปนี้ด้วยว่า “ต้องมาลอง”ร้านอาจจะหายากสักหน่อยสำหรับคนต่างถิ่น เพราะจับ GPS ก็คงหาไม่เจอ ดีที่ผมมีบังนี เลยตรงดิ่งสู่ร้านเลยครับ
บ้านไม้สีฟ้าหลังเล็กๆ ที่ดูจากรูปการณ์แล้วคงไม่ได้ใช้ประโยชน์อื่นใด นอกจากสร้างไว้เพื่อทำขนมบ้าบิ่นโดยเฉพาะ เมื่อลงจากรถ กลิ่นของขนมบ้าบิ่นก็ลอยมาเตะจมูกกันเลย เดินเข้าไปดูด้านใน เห็นแต่ละคนขะมักเขม้นกับการผลิตขนมบ้าบิ่นอย่างเป็นระวิง ฝ่ายปิ้งก็ปิ้งแบบไม่หยุดมือ ฝ่ายตัดขอบขนมบ้าบิ่นก็ตัดแบบรวดเร็วด้วยความชำนาญ ส่วนฝ่ายแพ๊คใส่ถุงก็เตรียมพร้อมเสมอ แบ่งงานกันทำเป็นอย่างดี บ้าบิ่นตอนที่ออกมาจากเตาใหม่ๆ อร่อยมากๆ เลยครับ กรอบนอก นุ่มใน รสชาติหวานมัน ที่นี่ทำขาย 2 ขนาด ถุงเล็กจะมี 10 ชิ้น ราคา 30 บาท ถุงใหญ่ มี 17 ชิ้น ราคา 50 บาท โดยบ้าบิ่น 1 ชิ้นจะห่อใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ แยกเป็นถุงใครถุงมันเพื่อป้องกันไม่ให้บ้าบิ่นติดกันครับ ถ้าหากใครจะซื้อกลับเป็นของฝาก คงต้องนับวันหมดอายุกันดีๆ เพราะบ้าบิ่นที่นี่ไม่ใส่สารกันบูด ม๊ะเจ้าของสูตรบอกว่ามีอายุ 5 วัน นี่ขนาดยังไม่ออกจากร้าน ผมก็ชิมกันจนเกือบจะครบจำนวนชิ้นที่บรรจุใส่ถุงใหญ่แล้ว ม๊ะเจ้าของสูตรก็ใจดีซะเหลือเกินบอกว่าชิมได้เลย แต่ผมทานกันเยอะขนาดนั้น เรียกชิมคงไม่ได้แล้วละครับ เลยจ่ายค่าเสียหายเฉพาะในร้าน 1 ถุง และซื้อกลับไปฝากที่บ้านอีก 6 ถุงครับ
หลังจากที่เดินเล่นที่ชายหาดแล้ว แอบเดินไปสำรวจราคาอาหารทะเลมา ทำทีถามราคาคนขาย คนขายบอกว่า ราคาคนจีน ตัวละ 300 บาท ได้ยินราคาแล้วถึงกับสะดุ้ง ผมเลยย้อนถามกลับว่าแล้วราคาคนไทยเท่าไร เขาบอกว่าไม่รู้ ต้องไปถามเจ้าของ ขนาดของปูตัวเล็กกว่าที่ผมทานเมื่อกลางวันอีกครับ ดังนั้นถ้าใครอยากจะทานอาหารทะเลจริงๆ แนะนำร้านริมน้ำเรสเทอรองเลยครับ ทั้งถูกและอร่อย รสชาติสไตล์คนไทยเลยครับ
ที่เคยหาข้อมูลมา บอกว่า 7-11 มีเฉพาะที่เกาะยาวน้อยเท่านั้น แต่ขอบอก เดี๋ยวนี้เกาะยาวใหญ่ก็มี 7-11 แล้วนะครับ แถมใหญ่กว่าที่เกาะยาวน้อยด้วย ที่สำคัญ 7-11 สาขาเกาะยาวใหญ่ เช่าที่ของบังนีด้วยนะเออ สัญญาระยะยาว 10 ปีเลยทีเดียว
ผมว่าทุ่งนาบนเกาะยาวใหญ่อาจจะดูน้อยกว่าที่เกาะยาวน้อย หรืออาจจะเป็นเพราะระหว่างเส้นทางบนเกาะยาวน้อย บังคนขับพาขับตะเวนในจุดที่เห็นทุ่งนา แต่พอมาถึงเกาะยาวใหญ่ บังนีอาจพาไปแต่จุดหลักๆ เลยไม่ค่อยเห็นทุ่งนา จึงทำให้ผมเห็นว่าทุ่งนาบนเกาะยาวน้อยเยอะกว่าบนเกาะยาวใหญ่ก็เป็นได้ครับ
เมื่อถ่ายรูปเสร็จ ก็เดินย้อนกลับเพื่อจะกลับไปขึ้นรถ ม๊ะคนเดิมบอกว่าเป็นอย่างไรบ้าง นาสวยไหม? ผมยิ้มรับและตอบว่าสวยครับ ม๊ะถามต่อว่าเจอทากไหม? หา!!! ทากเหรอครับ ที่นี่มีทากด้วยเหรอครับ ทีนี้ม๊ะยิ้มบ้าง แล้วบอกว่า “มี” (แอบนึกในใจ ม๊ะคงไม่ได้โกหกผมใช่ไหม พร้อมแอบยิ้มแหยๆ ) ทากมากับวัวกับควายจ๊ะ นี่ถ้าหากรู้สึกว่าง่ามเท้าหนืดๆ แปลว่าโดนทากดูดเลือดแล้วนะจ๊ะ โถ.... ม๊ะคร๊าบบบ ถ้าบอกผมตั้งแต่แรกว่าแถวนี้มีทาก ผมคงไม่ลุยสวนลงไปถ่ายทุ่งนาหรอกคร๊าบบบบ จากนั้นผมก็ยกมือไหว้ม๊ะสวยๆ ไปหนึ่งที แล้วเดินไปยังรถด้วยอาการระแวดระวังทากอย่างสุดชีวิตครับ
ระหว่างทางที่กลับที่พัก เห็นพระอาทิตย์กำลังตก ผมเลยขอบังจอดถ่ายภาพกันสักนิด นี่ถ้าผมมีเวลามากกว่านี้จะรอให้แสงสุดท้ายโผล่เลย แต่เนื่องจากเกรงใจสมาชิกและบังที่จะต้องรอนาน เลยขอเก็บภาพเฉพาะช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกเท่านั้นพอ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นเกาะเล็กๆ 2 เกาะ อยู่ทางขวามือของภาพ เกาะทั้งสองนั้นคือ “เกาะสก” คำว่า “สก” เป็นภาษาใต้ แปลว่า “คู่กัน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักครับ
เมื่อกลับถึงที่พัก ผมก็ใช้ลานหน้าห้องทำเป็นห้องอาหารซะเลย ต้องบอกว่าวันนี้ถึงแม้จะต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ก็สุขใจมากๆ ที่ได้เห็นน้ำใจไมตรีของคนแถวนี้ รวมถึงสิ่งที่ไม่เคยเห็นบนเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ครับ
เช้านี้เป็นเช้าสุดท้ายของทริปนี้แล้ว ผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อออกมารอชมแสงแรกที่ชายหาดครับ
วิวบริเวณสระว่ายน้ำ

เช้านี้ไม่ต้องรีบร้อนแบบเมื่อวาน เลยมีเวลามานั่งละเมียดละไมทานอาหารที่ KHAYEE Restaurant ห้องอาหารเป็นแบบ Open Air นั่งมุมไหนก็เห็นวิวทะเลครับ
ด้านในสุดเป็น Egg station ผมชอบไอเดียการตกแต่งจัง เขาเอาถาดใส่อาหารแบบพื้นบ้านมาทำเป็นเครื่องประดับแปะติดไว้ที่ผนัง
เช้านี้ บังนีติดธุระที่กระบี่ เลยให้ลูกชายมารับผมเพื่อไปส่งยังท่าเรือครับ สำหรับใครที่สนใจใช้บริการรถเช่าของบังนี สามารถติดต่อที่เบอร์ 081-8931343 ครับ
เรือห่างออกจากฝั่งไปเท่าไร เกาะยาวใหญ่ก็ค่อยๆ จางหายไปทีละนิด นึกตกใจอยู่เหมือนกัน ถึงแม้เกาะยาวใหญ่จะจางหายไปจากสายตา แต่เกาะยาวใหญ่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผมครับ
การเดินทางมาที่เกาะยาวใหญ่ หลักๆ แล้วสามารถนั่งเรือมาได้จากทั้งจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต ซึ่งผมได้ทำตารางเดินเรือไว้ให้แล้วนะครับ โดยคัดลอกมาจาก Map of Koh Yao (13th issue 2017-2018 (printed Oct.2017)
ตารางเดินเรือจากท่าเรือเจียรวานิช ภูเก็ตครับ ส่วนตารางเดินเรือจากท่าเรือบางโรง ผมแปะไว้ที่ด้านบนของรีวิวแล้วนะครับ
ตารางเดินเรือจากกระบี่ครับ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่บินมาลงภูเก็ตและต้องการไปเที่ยวที่เกาะยาวใหญ่ แนะนำว่าไม่ต้องหารถเช่าขับมาจากสนามบินหรอกครับ เพราะถึงเช่ารถขับมา ก็ต้องมาจอดไว้ที่ท่าเรืออยู่ดี จะเสียค่าเช่ารถไปฟรีๆ แถมยังต้องเสียเงินค่าจอดรถอีกด้วย ผมจะแนะช่องทางประหยัดให้ครับ
วิธีที่ 1 เหมารถ Taxi ที่สนามบินมาส่งยังท่าเรือบางโรง ราคาเที่ยวละ 650 บาท
วิธีที่ 2 นั่ง Airport Bus แล้วมาลงที่อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร แล้วต่อรถสองแถวไปยังท่าเรือบางโรง
วิธีที่ 3 สำหรับคนที่มีคนรู้จักอยู่ที่ภูเก็ต ใช้บริการของคนรู้จักครับ
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันพฤหัสที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.10 น.