ทริปนี้เมื่อตุลาที่ผ่านมา

สิงหาก็เพิ่งไปอินทนนท์ แม่กลางหลวง แต่นาข้าวยังไม่เขียว

อยากได้เขียว ๆ เลยต้องไปใหม่ แต่เปลี่ยนที่บ้าง

ส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวโครงการหลวงค่ะ ถ้าขึ้นเหนือนี่มักต้องมุ่งเน้นที่โครงการหลวงก่อนเลย



ครั้งนี้ไปที่โครงการหลวงขุนแปะ

ป่ะ ไปด้วยกันเถอะ

#การเดินทาง

เริ่มต้นแบบทุลักทุเลมาก ขอบอก

วันเดินทางของฉัน คือเช้าวันที่น้ำท่วมหนักใน กทม.นั่นแหละ

ฝนตกตั้งแต่เที่ยงคืน ตกหนักไม่ลืมหูลืมตา คิดไว้อยู่แล้วน้ำท่วมแน่ ๆ



ไฟลท์เรา เจ็ดโมงเช้า ออกจากบ้านตีสาม ฝนยังลงปรอย ๆ และก็พบว่าน้ำท่วมถึงหน้าบ้านเลยจ้าาาาา

เรื่องเรียกแท็กซี่เลิกคิด ซอยบ้านฉันปกติก็ขึ้นชื่อเรื่องน้ำท่วมอยู่แล้ว คราวนี้หนักมาก

ท่วมสูงขนาดบนฟุตบาทยังเกือบหน้าแข้ง เอาไงล่ะ คิด ๆๆ



ก็ตกลงเอารถออก รถเราเป็นโฟวิว สูงพอสมควร ลองเสี่ยงออกไปดูละกัน

ค่อย ๆ ขับออกไป เกือบดับอยู่เหมือนกัน น้ำท่วมสูงมาก

พอออกมาถนนใหญ่ ค่อยยังชั่ว ท่วมไม่มาก ไปได้สบาย

แต่เราไม่อยากเอารถไปจอดดอนเมือง กลัวที่จอดเต็มจะยุ่งเข้าไปอีก

ข่าวก็บอกว่า เส้นวิภาวดีท่วมหนักมาก รถผ่านไม่ได้เลย



สุดท้ายตัดสินใจเอารถไปจอดบ้านเพื่อนแถวใกล้กาญจนาภิเษก

แล้วเรียกแท็กซี่ไปเส้นกาญจนาภิเษก ลุ้นตลอดทางจะรอดไหม

สุดท้ายรอดจ้าาาา ไปถึงสนามบินแบบเฉียดฉิว

เจอผู้คนตัวเปียกปอน บางคนหิ้วรองเท้า ถลกขากางเกงเดินกันว่อนเลย



ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ไฟลท์อื่น ๆ ของสายการบินต่าง ๆ ก่อนหน้าเราคนตกเครื่องกันเพียบ

นั่งฟังประกาศเรียก ผดส.ครั้งสุดท้ายเพลินเลย แต่ละไฟลท์นี่ อย่างน้อย 5-6 คนที่มาไม่ทัน

ของเราก็เช่นกัน ตกเครื่องไปน่าจะ 7 คน



เครื่องรอเทคออฟเป็นแถวยาวเลย ยังนั่งขำ เออ วันนี้ไม่ใช่แค่รถติด เครื่องบินก็การจราจรติดขัดเช่นกัน

มาทราบทีหลังว่า วันนั้นนอกจาก ผดส.จะตกเครื่องแล้ว นักบินก็มีตกเครื่องด้วยเช่นกัน



แต่ถึงยังไงเราก็เดินทางถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ



#รถเช่า

รอบนี้หงุดหงิดเล็กน้อย จองโฟร์วิลของ AVIS ไว้

พอไปถึงกลับบอกไม่มีรถ เปลี่ยนเป็นรถเล็กได้มั้ย อ้าว เฮ้ยยย ฉันจะขึ้นดอยไหวมั้ยนี่

แต่ก็นะ ขี้เกียจอารมณ์เสีย(ฉันเป็นคนขี้เกียจในทุกเรื่อง) ก็เลยยอม ๆ ไป ก็ได้วีออสมา



เอาน่า อ่านรีวิวแว่บ ๆ เขาว่าโครงการหลวงขุนแปะ รถอะไรก็ไปได้นี่นา วีออสก็น่าจะไหว

คนขับส่วนตัวของฉันก็ขึ้นเขาลงห้วยกันมาเยอะ ยอดดอยแค่นี้ ไม่กระไรหรอก

เอ้าลุยยยยยย

โครงการหลวงขุนแปะนี่ อยู่ใน อ.จอมทอง แต่เข้าทาง อ.ฮอดนะ

จากเชียงใหม่เดินทางไปเส้นถนนหลวงสาย 108 เชียงใหม่ - ฮอด ยาวไป ๆ

ประมาณกิโลเมตรที่ 82-83 ขวามือจะเป็นทางเข้าเล็ก ๆ มีป้ายเล็ก ๆ ปากซอย

ถ้าตั้ง GPS ก็ให้ตั้งไปที่สำนักสงฆ์ถ้ำตอง อย่าตั้งบ้านขุนแปะ เพราะมันจะพาไปที่อื่น

ก็เข้าไปเรื่อย ๆ ทางขับสบาย ๆ



ดูสิมีน้ำตกริมทางด้วย ดีจัง

แต่เดี๋ยวก่อน ถนนอันสะดวกสบายมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอดทาง



มันเริ่มแล้ว

คือมันเป็นถนนปูนสลับกับถนนลูกรัง ซึ่งเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง

ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนทางไปบ้านป้าเกล็นหรอก รถเล็กไปได้อยู่หละนะ

แต่ แต่ต้องใช้ทักษะในการขับพอสมควร ไต่ขึ้นดอยที่ถนนเป็นหลุมหนักมาก และลึกมาก

ต้องระวังอย่าพลาดให้ล้อหล่นลงหลุม เพราะหล่นไปสักหลุมคุณก็ไม่ได้ไปต่อหละ

คงต้องหารถมาลากขึ้น โชคดีคนขับรถส่วนตัวของฉันขับรถค่อนข้างดีมาก

เราเลยผ่านกันมาได้แบบหัวสั่นหัวคลอน

ถึงแล้วววววว



น้องวัวบอก อย่าเข้ามาาาาา ตรูกลัว!!

#โครงการหลวงขุนแปะ



ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2527 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เพื่อช่วยเหลือชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและม้ง ให้ได้รับการดูแลในด้านสาธารณูปโภคที่เพียงพอ

ลดปัญหาการบุกรุกป่าทำไร่เลื่อนลอย และขจัดปัญหาการปลูกฝิ่น

โดยสร้างอาชีพหลักทดแทน




พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้มูลนิธิโครงการหลวง

โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง

เสด็จสำรวจพื้นที่และสภาพความเป็นอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านจำนวน 14 หมู่บ้าน

ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,035 เมตร

ดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกพืชผักและพืชไร่ รวมทั้งผลไม้อื่นๆ



#เริ่มต้นโครงการดังนี้

*กรมพัฒนาที่ดิน

จัดสรรที่ดินให้ชาวบ้าน 200 ไร่

พร้อมทั้งสร้างฝายเก็บน้ำพร้อมระบบ จำนวน 1 ฝาย



*กรมชลประทาน

ดำเนินการจัดสร้างฝายเก็บน้ำ จำนวน 2 ฝาย

และอ่างเก็บน้ำโดยรอบหมู่บ้านพร้อมกับต่อท่อน้ำลงมาให้ช่วงหนึ่ง



*การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ดำเนินการจัดสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กๆ จำนวน 1 โรง



*และอำเภอจอมทอง

ได้ทำบัตรประชาชนให้ราษฏรโดยทั่วถึง



พืชที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ให้การส่งเสริมคือ

ผัก และไม้ผลเมืองหนาวโดยจะเน้นที่การปลูกไม้ผล ได้แก่ บ๊วย พลัม และพลับ



สำหรับผักเมืองหนาวได้แก่

ผักกาดหอมห่อ ผักกาดหอมใบแดง

ผักกาดหวาน สลัดบัตเตอร์เฮด เอ็นไดว์ ผักกาดฮ่องเต้และถั่วลันเตา

ตลอดจนการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกาแฟ เสาวรส และพืชไร่อื่น ๆ

ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวบาเลย์และถั่วแดง



ปัจจุบันศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ มีพื้นที่รับผิดชอบดำเนินงาน ๒๘,๗๖๕ ไร่

ครอบคลุม ๔ หมู่บ้าน ประชากรได้รับการพัฒนาและส่งเสริมจำนวน ๔๖๖ ครัวเรือน ๔๖๖ ราย



#ข้อมูลรวบรวมจาก

http://www.thairoyalprojecttour.com/?p=1079



http://kanchanapisek.or.th/kp12/project-plan/develop/develop-khunpae.htm

ในตัวสำนักงานโครงการหลวงฯมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ

แต่ช่วงที่ไปเห็นว่าปิดปรับปรุงอยู่

นี่ค่ะ บ้านพัก มีแบ่งเป็นหลายห้อง มีระเบียงตรงกลาง

ระเบียงมองออกมาจะเห็นวิวแบบนี้

นอกจากที่พักในโครงการหลวงฯแล้ว ก็จะมีโฮมสเตย์ของชาวบ้านอีกนิดหน่อย

สามารถติดต่อสอบถามได้จากสำนักงานโครงการหลวงได้เลยค่ะ



ไปดูแปลงสาธิตต่าง ๆ ภายในสำนักงานกัน



แปลงพืชผักและสมุนไพร

แปลงทดลองไฮเดรนเยีย

กาแฟนี่ปลูกแซมไปกับต้นไม้อื่น ๆ

มีบ๊วยด้วย

เอาหละ ไปชมหมู่บ้านกันเถอะ

การเข้าชมหมู่บ้าน ต้องใช้รถของทางโครงการหลวงฯ หรือ รถรับจ้างของชาวบ้านเท่านั้นนะคะ

นักท่องเที่ยวไม่สามารถขับรถเข้าไปเองได้ ต่อให้คุณใช้ออฟโรดก็เถอะ

เพราะถนนภายในนั้นโหดมาก สูง ชัน แคบ หลุมบ่อ โคลน ครบ

นอกจากรถต้องพร้อม คนขับก็ต้องพร้อม ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่คงขับไม่ได้ค่ะ



รูประหว่างที่ถ่ายมาให้ดูได้นี่คือยังไม่โหด ไอ้ที่โหด ถ่ายไม่ได้ค่ะ ต้องเกาะรถไว้ให้มั่น



###ควรติดต่อล่วงหน้านะคะ เราไม่ได้ติดต่อไว้ก่อน

รถโครงการหลวงไม่ว่าง แต่โชคดีได้รถชาวบ้านค่ะ

ค่ารถของทริปเรา 500 บาท

รถแบบนี้ค่ะ กระโดดขึ้นมาเลย

จากสำนักงานผ่านเข้าตัวหมู่บ้าน

เราจะขึ้นไปแปลงไฮเดรนเยียกัน

แต่ระหว่างทางนั้นมีจุดให้ถ่ายรูปมากมาย

ไปต่อ ๆ

ถึงแล้ววววแปลงไฮเดรนเยีย ค่าเข้าเราสองคน 100 บาท

ไฮเดรนเยียที่นี่ตัดดอกขายได้ทั้งปี ช่อใหญ่มาก ๆ

สาว ๆ จากโครงการหลวงที่พาเรามาค่ะ

จากนั้นไปต่อที่น้ำตกกัน

จะว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นมีใครมาเที่ยว



คือมันเป็นพื้นที่ของโครงการวิจัยไฟฟ้าพลังน้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

น้ำตกเล็ก ๆ กลางป่า น่ารักน่าเอ็นดู

ระหว่างทางขึ้นลงน้ำตกนั้น ก็ประมาณนี้

เจอชาวบ้านบ้างอะไรบ้าง

จากน้ำตก ขึ้นต่อไปดูยอดดอย เป็นจุดชมวิว มองลงมาเห็นหมู่บ้าน นาข้าวเขียวงาม



จริง ๆ ยังมีจุดงาม ๆ อื่น ๆ อีก แต่วันนั้นฝนจะตก เราเลยต้องรีบลงมาก่อน

ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่

โครงการหลวงขุนแปะ และบ้านขุนแปะ สวย สด และมีความดิบอยู่มาก

อยากให้ลองไปดูนะคะ แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ พักบนขุนแปะเลยค่ะ

จะบ้านพักโครงการหลวง หรือ โฮมสเตย์ก็ตาม น่าจะเก็บความสวยงามกลับมาได้มากมาย

ดูสิ วิวดี ๆ แบบนี้ หน้าระเบียงบ้านพักโครงการเลยหละ

ส่วนเราทริปนี้นั้น เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างน้อย มาแบบเดาสุ่มเอา

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโฮมสเตย์ รู้แค่ว่ามีบ้านพักในโครงการฯ แต่ปิดปรับปรุง

เราเลยจองที่พักไว้ใน อ.ฮอดค่ะ

#มาว่ากันด้วยเรื่องที่พัก



ภูอันนาอีโค่ เฮ้าส์ เราจองไว้ก่อนมาวันสองวันเอง

ทีแรกจะกลับมาพักแถวแม่ริม แต่คิดว่าจะมืดเกินไป เลยหาละแวกนั้น

ก็ออกจากขุนแปะย้อนมาทางเดิม เข้าที่พักค่ะ

ที่พักดีงามเดินทางสะดวก เพราะอยู่ในตัวเมืองฮอดเลยหละ

ไม่น่าเชื่อเนอะ ธรรมชาติแบบนี้ที่ใจกลางเมือง

รีสอร์ทเข้าซอยเล็ก ๆ ไปนิดเดียวเอง

เดินออกมา(หรือปั่นจักรยาน)มาปากซอยก็เป็นตลาดหละ ของกินมากมาย

ไม่ต้องกลัวลำบากค่ะ

ภูอันนา มีแค่ ๘ ห้อง บนอาคารสองชั้น

ราคาเป็นมิตรสุด ๆ ๑,๐๐๐ บาทรวมอาหารเช้า สำหรับห้อง ๒ คน

(ราคาช่วงตุลานะคะ ช่วงอื่นเราไม่ทราบว่าเปลี่ยนแปลงไหม)



เราได้ห้องชั้นบนค่ะ

ในห้องพัก ความสะดวกสบายพร้อม มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องอาบน้ำ

ไดซ์เป่าผม รองเท้าแตะ มีครบแบบโรงแรมดี ๆ มีนั่นหละค่ะ

การตกแต่งก็แสนจะสบายตา นอนได้แบบสบายใจ

ห้องน้ำประมาณนี้

วิวหน้าห้อง

บรรยากาศรอบ ๆ มีความฟิน

มีนกเล็ก ๆ แปลก ๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ เห็นมีคนเขามาส่องนกกัน

แต่ฉันถ่ายนกไม่ค่อยเป็น ถ่ายไม่ทัน

เขามีบ้านให้นกด้วย

ที่พักไม่มีร้านอาหารนะคะ ฉะนั้นอาหารมื้ออื่นต้องออกไปหาทานตามร้านข้างนอกค่ะ

ส่วนอาหารเช้า มีให้รวมในค่าห้องแล้ว

มื้อค่ำเราออกไปกินที่ร้านชื่อ น้องแบงค์ ค่ะ

ทางรีสอร์ทแนะนำ จริง ๆ เขาแนะนำหลายร้านแต่ฉันเอาใกล้ ๆ นี่หละ

อยู่ปากซอย ข้ามฝั่งไป ติดถนนใหญ่เลย

ก็อาหารตามสั่งหน้าตาบ้าน ๆ นี่หละค่ะ

รสชาติอาหารก็จัดว่าดี แต่บางเมนูติดหวานไปนิดตามประสารสมือทางเหนือเนาะ

โดยรวมก็อร่อยค่ะ ปริมาณเยอะ ราคาไม่แพง



อิ่มแล้วก็กลับมานอน เสียดายฟ้าปิด เมฆเยอะ ไม่มีดาวให้ส่อง

มื้อเช้าก็แบบนี้ค่ะ

มีให้เลือกแบบ อเมริกัน หรือพื้นเมืองเหนือ ก็เลือกไว้ตอนเช็คอิน

แจ้งไว้ว่าจะลงมากินกี่โมง

ชุดอาหารเหนือ ฟินมากเลย

ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ชงเองเติมเองตามสะดวกค่ะ



รอบ ๆ อีกสักหน่อยก่อนกลับ

โดยรวม ชอบที่นี่ค่ะ เงียบ สงบ สะอาด อากาศดี

เจ้าของดูแลเอง อัธยาศัยดี

จบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ค่ะ

อันที่จริงทริปนี้มีต่อ ที่โครงการหลวงแม่ทาเหนือ

แต่เกรงว่ากระทู้จะยาวเกินไป เอาแค่นี้ก่อน

เดี๋ยวค่อยมาขึ้นรีวิวแม่ทาเหนืออีกทีดีกว่านะคะ



ขอบคุณทุกท่านแวะมาเยี่ยมเยียนกระทู้ค่ะ

Paramee Na Prasri

 วันพฤหัสที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.11 น.

ความคิดเห็น