ได้มีหลังไมค์มาถามบ่อยๆ เกี่ยวกับการเดินทางไปชัยปุระ
และเป็นคำถามให้ตัดสินใจ ให้หาข้อมูลข้อควรรู้ต่างๆ ที่ควรรู้จักชัยปุระ
หรืออินเดียมากขึ้นก่อนจะแบกเป้ออกท่องเที่ยวกันค่ะ
ซึ่งรีวิวนี้เป็นรีวิวที่เราเขียนขึ้นมาทันทีหลังจากกลับจากชัยปุระ ในเดือนมีนาคม 2560
เขียนมาแบบเน้นแต่เนื้อๆ น้ำๆ เรื่องราวเกี่ยวกับชัยปุระที่เราได้เจอมาหรือเก็บตก เรื่องราว เรื่องเล่าต่างๆ ยังไม่ได้เขียนเพิ่ม
และก็มีบอกในรีวิวนั้นด้วยว่าจะมีภาคเก็บตกแน่นอน 555
บล็อกนี้จึงได้เวลาที่เราจะกลับยกขึ้นมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ชัยปุระอีกครั้งนะคะ
สำหรับคนที่อยากศึกษาวิถีชีวิตของชาวอินเดีย หรือเรื่องราวขำๆ สนุกๆ เตรียมตัวเพื่อไปเที่ยวอินเดียนั้น
ควรอ่านค่ะ ^^
1. เรื่องเงินอินเดีย (รูปี)
ควรแลกเท่าไหร่ดี อัตราการแลกเปลียนเงินรูปีอินเดีย กับเงินไทย เอาง่ายๆค่ะ เงินไทย 100 บาท จะเป็นเงินอินเดีย 200 รูปีค่ะ
เงินรูปี ไม่มีแลกในธนาคารทั่วไปในไทย หรือตามสนามบินนะคะ แม้แต่ซุปเปอร์ริชย่อยต่างๆ ตาม BTS หรือห้าง เรียกว่าแทบจะไม่มีให้แลกค่ะ
ต้องไปแลกก่อนเดินทางที่ซุปเปอร์ริชสาขาใหญ่ๆ หรือสำนักงานใหญ่ แถวราชดำริเท่านั้น
ส่วนเรานะเหรอ ตอนไปอินเดียครั้งแรก หาแลกในสนามบินไม่ได้ พนักงานแนะนำให้แลกเป็นดอลล่า และพอไปถึงที่สนามบินชัยปุระ
ก็ให้แลกเป็นเงินรูปีได้เช่นเดียวกันค่ะ แต่พอไปถึงอินเดียแล้ว เรากลับลืม !! 555
เมื่อลืมแลกที่สนามบิน ก็สามารถไปแลกตามธนาคารอินเดียถ้าผ่านนะคะ หรือแลกตามเคาน์เตอร์โรงแรมที่พัก มีให้แลกนิดหนอ่ย และมีชาร์ตอีกหน่อยด้วย (เราโดนมาแล้ว)
หรือแลกตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองชัยปุระ ที่มีคำว่า "Money Exchange"
และเมือแลกเงินรูปีได้แล้ว ระหว่างท่องเที่ยวในอินเดียแล้ว แนะนำให้ใช้เงินให้หมดค่ะ
ไม่ต้องนำกลับไทยก็ได้นะคะ เพราะจะไปแลกคืนเงินบาทที่สนามบินก็ไม่รับแลกคืนเช่นเดียวกันค่ะ
ต้องไปแลกคืนที่ซุปเปอร์ริช สำนักงานใหญ่เท่านั้น 555
ดูยุ่งยากพอสมควรเนอะ สำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลามาก เราจึงอยากแนะนำให้แลกพอดีและใช้ให้หมดดีกว่าค่าส่วนเราเหรอ ไปสองครั้งใช้ไม่หมดสักครั้งค่ะ เพราะอะไรนะเหรอคะ เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ ค่ะ แป่ววววว
2. เรื่องขอทานในอินเดีย
เรื่องขอทาน กะอินเดียเนี่ย ของมันคู่กันอยู่แล้วค่า เพราะประเทศนั้นจะมีการแบ่งชนชั้นที่ชัดเจนมาก และขอทานจะเยอะมากเป็นพิเศษด้วย
มีหลายคนเตือนเราก่อนไปนะคะวาให้ระวังขอทานให้ดี อย่าให้เงินเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะตามตื้อมากแค่ไหน
เราก็อยากลองดีหรือป่าวน่ะ ลองให้เงินไป แต่เป็นเงินเหรียญไทยเรานี่แหละนะคะ 555
เพราะตอนนั้นเราแลกเงินยังไม่ได้ บวกกับเราเอาเหรียญไทย ติดตัวไปด้วยเยอะมาก คงกะเอาไปให้ขอทานแน่ๆ ใช่มั้ย อิอิ
เรื่องเลยบังเกิด !! เมื่อเราให้เงินขอทานคนแรกไปแล้ว ขอทานคนอื่นๆ จะวิ่งกรูกันมารุมมากยิ่งขึ้น
ณ เวลานั้นเราตัวคนเดียว ยืนหน้าห้าง ดีที่มี รปภ.ของห้างมาเป่านกหวีดไล่ให้เขาเหล่านั้นออกห่างไป
เป็นเรื่องขำๆ ได้อีกวันนะคะ เรานี่ก็ช่างกล้าไปเดินเล่นคนเดียว แต่เราว่าสนุกดีนะ ไม่ได้ัอันตรายอย่างที่คิดค่ะ
ส่วนเด็กขอทานอื่นๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในชัยปุระนั้น จะเยอะมากเป็นพิเศษค่ะ บอกเลย
ระหว่างที่เรานั่งรถแท็กซี่จอดอยู่พระราชวังสายลมอยู่นั้น ช่วงที่พี่ๆ ในกรุ๊ปพากันเดินไปช้อปปิ้งกัน
เรานั่งรถในรถจอดกันข้างทางก็จะมีขอทานมาเคาะกระจก พร้อมพูดว่า Money ๆๆๆ และสีมือเข้ามาพร้อมน้ำลายหยดติ๋ง !! 555
ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของอินเดีย เรื่องขอทานค่ะ สำหรับเรามองว่า รับมือได้นะคะ
ถ้าเราเมินไม่ให้ ไม่สนไม่สบตา เขาก็จะเดินจากไปเอง
3. เรื่องยานพาหนะ
อะจ๊ากกกกก นั่นมันอูฐนะเพ่ !!
แม้ในอินเดียมีการแบ่งชนชั้นต่างๆ มากมาย แต่เรื่องถนนหนทางนี้ไม่มีการแบ่งเกรดนะคะ ว่าห้ามสัตว์ต่างๆ มาเดิน 555
อ้อ จะมีในตัวเมืองที่เจริญมากๆ จะไม่ให้สัตว์เป็นพาหนะไปเดินแถวนั้นค่ะ
แต่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนะคะ ช้าง ม้า วัว อูฐ แพะ ไรต่างๆ ที่ชาวอินเดียพอจะเอาเป็นพาหนะได้สามารถใช้ถนนร่วมกนได้หมด
รวมทั้งรถจักรยาน รถมอไซด์ รถเก๋ง รถยนต์ต่างๆ วิ่งกันขวักไขว่มากกก
ชนิดที่ว่าแออัด โกลาหลก็ว่าได้ เพราะใช้กฏการจราจรแบบ กฏมึง กฏกูนี่แหละ 555
และแล้วก็มีเคสชนกันจนได้ หากถามเรื่องประกันรถยนต์ในอินเดีย แทบจะไม่มีเจ้าไหนรับทำค่ะ
สำหรับรถหลายขนาด รถเก่าๆ ก็ไมมีการเปิดแอร์เด็ดขาด คือไม่มีแอร์นั่นแหละค่ะ
และรถต่างๆ จะมีริ้วรอยกันไม่มากก็น้อย แม้จะชนกันเป็นขีดข่วนสักหน่อย เขาก็จะขอโทษและไปต่อนะคะ
เพราะ เขาถือว่า มีจุดหมายสำคัญรออยุ่ข้างหน้า อยามาเสียเวลากับเรื่องแค่นี้เลย
เรื่องนี้พี่ไทยเราไม่มีทางยอมเลยนะ ชนนิดหน่อย เรียกร้อง เรียกประกันมาให้รถติดยาวล่ะ
555 หรือว่าไม่จริง
4. เรื่องผลไม้สดที่อินเดีย
ลูกใหญ่มากกกกกกกกกก บอกเลยว่าเห้ยนี่มันอินเดียนี่หว่า มะขามป้อมอะไรใหญ่แบบนี้เท่ากับเหรียญสิบบาทบ้านเรา ราคาถูกด้วยนะคะ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่รูว่า ราคาหลักสิบ ไม่ใช่แค่มะขามป้อมอย่างเดียวนะคะ เราทึงกับผลไม้อินเดียมาก
หน้าตาดี ผลไม้สวยมาก ทั้งแตงโม สัปปะรด จะมีรสหวานมาก
ที่น่าแปลกใจคือผลไม้อินเดียวางขายกันบนแผงแดดเปรี้ยงๆ นี่แหละค่ะ โดยไม่เป็นอะไร ถ้าบ้านเรานะเหรอ วางแบบนั้นไม่ได้นะเนี่ย เพราะบ้านเราใส่ปุ่ยเคมี หรือสารไปด้วยค่ะ เมื่อถูกแดดจะเหี่ยวเร็ว แต่ผลไม้อินเดียเขาจะใส่ปุ๋ยคอก จากมูลสัตว์เท่านั้น
จึงไม่เหี่ยวเร็ว ลูกสวย สามารถวางขายได้กลางแดดจ้าๆ ได้นานโดยไม่ต้องกลัวเหี่ยว
แต่เราก็ไม่กล้าชิมอยู่ดี แหะๆ เพราะรถราวิ่งกันเยอะ ฝุ่นก็เยอะตามด้วยนะสิ
แต่ถ้าเป็นทับทิมอินเดียนี่แนะนำเลยค่ะ ว่าหวานมาก ลูกโตมากด้วย ซื้อใส่กล่องขึ้นเครื่องหิ้วมาเป็นของฝากที่ไทยก็ได้นะคะ ทับทิมอินเดีย เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อ และถูกพูดถึงในกลุ่มนักท่องเที่ยวว่าอร่อยจริง
5. เรืองการแต่งตัวชาวอินเดีย + รอยยิ้ม
อยากบอกว่าชาวอินเดียจริงๆ ใจดีนะคะ ชอบถ่ายรูป ไม่หวงตัว และเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
เมื่อนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะยกกล้องถ่าย เราก็ส่งสัญญาณและรอยยิ้มให้กับเขาเหล่านั้นก่อน ป้าๆ ก็ยิ้มและให้ถ่ายแต่โดยดี เรากดชัตเตอร์เสร็จแล้วก็พยักหน้า ก้มหัวขอบคุณ แค่นี้เราก็ได้ความรู้สึกดีดีกลับมาได้เช่นกันค่า สำหรับการแต่งตัวของชาวอินเดียแท้ๆ จะเป็นชุดสาหรี่สีสันสดใสตามสมัยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนอายุมากแค่ไหนก็ตาม
ดูอย่างยายๆ กลุ่มนี้สิค้าา
ส่วนสาวๆ วัยรุ่นในอินเดียหลายคน เริ่มมาใส่กางเกงยีนส์แฟชั่นกันบ้างแล้ว
มีให้เห็นประปราย แต่ชุดสาหรี่ ก็ยังเป็นเอกลักษณ์ของชาวอินเดียเช่นเดิมนะคะ
เมื่อไปถึงอินเดีย แนะนำให้หาใส่ชุดประจำชาติอินเดียถ่ายรูปด้วยค่ะ
มีตามสถานที่ท่องเทียวให้เช่า ในราคาชุดละ 100 รูปี หรือ 50 บาทไทย
6. เรื่องการซื้อของที่ระลึก ของฝาก ราคาเสื้อผ้า
ของฝากจากอินเดียที่ควรซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ พี่น้องเหรอคะ เยอะมากแล้วแต่ชอบค่ะ ส่วนมากที่เห็นจะเป็นเสื้อผ้าสีสันต่างๆ กระเป๋าผ้าปัก หรือหมวกปักเลือมต่างๆ แต่บอกเลยว่า เหมือนไปเดินสำเพ็งนะ คล้ายกันมาก นี่เรามาอินเดียเหรอเนี่ย 555 ส่วนราคาบอกเลยว่า ถ้าเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว ค่อนข้างขายราคาแพงมาก ในความคิดเรานะคะ
ต่อได้เป็นต่อค่อ พวกอาบังแขกต่างๆ ก็มีลูกเล่นเหลือเกินที่จะเอาผ้ามากาง วางเรียกได้ว่า เทกระจาดเพื่อกระตุ้นให้เราซื้อให้ได้
และคนขายบางคนค่อนข้างเจ้าเล่ห์มากก ไปชัยปุระนี่เรายังโดนหลอกไม่เท่ากับไป ลัคเนาว์นะเนี่ย บอกเลย 555
ที่นั่นเด็ดกว่าเยอะ ไม่แปลกใจกับสุภาษิตที่ว่า เห็นงูกับแขก ให้ตีแขกก่อนงู นีคือเรื่องจริงค่ะ 555
กำไลหลากหลายสีสัน สวยงาม ราคามีตั้งแต่ 50 บาทยัน 300 ต่อวงค่ะ
แต่เราผิวบอบบางใส่แล้วคันไม่ได้ซื้อมา 555
ที่เราซื้อนี่กางเกงสีสดใสๆ แต่ต่อราคาก็คิดเป็นเงินไทยแพงอีก กางเกงพวกนี้ที่ไทยตัวละ 100 หรือ 199 เท่านั้นแหละ
แต่ที่อินเดีย เราซื้อมาตีเป็นเงินไทยตัวล่ะ 450 บาทจ้าาา
ใส่มาล่ะ เท่อีกมั้ย สีแดงสดใส แต่ใส่แค่ครั้งเดียวจริงๆค่ะ ผ้ามันบางมาก 555
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เราเงินเหลือกลับมาไทยเยอะ เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรนี่แหละค่า
7. เรื่องอาหารอินเดีย
มาอินเดีย แล้วไม่เอ่ยถึงอาหารอินเดียเลย ไม่ด้ายยยยยยยย
มื้อแรกในอินเดีย ที่ไลน์บุฟเฟต์โรงแรม เห็นไข่ขาวๆ ก็มองว่าเป็นไข่เป็ด แต่เปล่าเลยค่ะ
นี่คือไข่ไก่นั่นแหละ แต่เอ๊ะทำไมสีขาวล่ะ มันต้องเป็ดสิ ถูกมั้ย
มันคือไข่ไก่จริงๆค่ะ เพราะไก่ที่นี่เลี้ยงแบบไม่เร่งโต ไม่ให้อาหารเม็ดที่มีสารต่างๆ แบบบ้านเรา
ที่จะทำให้ไข่สีเหลือง นั่นแหละค่ะ ที่นี่จะเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไข่เลยออกมาหน้าตาแบบนี้ พอไปทำไข่ดาว ไข่ก็จะสีซีดมากด้วยนะ โชคดีเรามีแม็กกี้มาด้วย ช่วยเพิ่มความอร่อยกับไข่ไก่ที่อินเดียได้ค่ะ
ไหนๆ มาอินเดียแล้วต้องลิ้มลองอาหารอินเดียให้ได้นะ เรานี่ไปอินดียรอบหนึ่งได้กินอาหารอินเดียมากว่า 11 มื้อ ก็ไม่สามารถเปลียนใจให้ชอบได้นะคะ ไมรู้เป็นไง อันนี้ความรุ้สึกส่วนตัวเรานะ ห้ามว่าล่ะ 555
มาดูหน้าตาอาหารอินเดียแท้ๆ กันค่ะ
คนอินเดียจะกินเครื่องแกงเป็นหลัก กินคู่กับ Naan หรือแป้งกรอบๆ บางที่แป้งก็จะเหนียวๆ เราเอามากินกะไอติมแทนค่ะ อร่อยนะ 555
ส่วนภาพบนนี้ไลน์อาหารอินเดียแนวอินเตอร์หน่อยค่ะ ที่ได้กินบ่อยๆ จะมีส่วนผสมของผัก ของถั่วเยอะด้วย ไม่ค่อยชินตามเคย ดีหน่อยที่ของหวานอินเดียเขาประยุกต์ได้นะคะ ไอติมก็มีเค้กก็มี ผสมกันไป สำหรับใครชอบหวานๆ ก็ยังกินได้ค่า
และสำหรับใครที่เดินทางไปอินเดีย และกลัวไม่คุ้นกับอาหารอินเดียเลยแนะนำให้พกมาม่าคัพไปด้วยนะคะ ขอน้ำร้อนจากพนักงานได้
อิ่มอร่อย เลิกคิดถึงอาหารไทยได้ชั่วคราว ยกเว้น มาม่าหมดเหอะค่อยว่ากัน อิอิ
8. เรืองวิถีชีวิตชาวอินเดีย
เรื่องวิถึชีวิตของชาวอินเดียนี้ เป็นเรื่องราวริมทางที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ชอบเดินดูวิถีชีวิตต่างๆ ของชาวอินเดีย ซึ่งจะมีให้เห็นตามซอกซอยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้างห้างสรรพสินค้าต่างๆ ขอแค่เป็นซอยเล็กๆ ลองเดินเข้าไปดูนะคะ เราจะเห็นวิถีชีวิต ตามริมถนน ทั้งร้านตัดผมที่ัดัดกันข้างทางเลย
หรือร้านรับซ่อมรองเท้า ร้านขายอาหารแบบรถเข็น
หรือร้านขายขนมกินเล่นขนาดเล็กๆ มีให้เห็นตามสองข้างทาง และตามกำแพงต่างๆ
เผลอๆ โผล่ออกมาจากกำแพงแบบไม่ให้ตั้งตัวก็มี อิอิ
ชัยปุระ แลอินเดียเป็นประเทศที่มีเสน่ห์เรื่องวิถีชีวิตอย่างเด่นชัดค่ะ
ชาวอินเดียใจดี แม้ตาแขกจะดุๆ หน่อย แต่เค้าจะยิ้มแย้มแจ่มใสกับนักท่องเที่ยวนะคะ
ภาษาอังฤษ เป็นภาษาหลักทางการของอินเดีย
มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ส่งลูกหลานไปเรียนที่นั่น เพราะต้องการให้ใช้ชีวิตและได้ภาษาเก่งๆ และค่อนข้างได้ผลจริงๆค่า
เราเดินเล่นลัดเลาะตามข้างทาง ถามนั่นนี่คือแม้เราไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ตาม
แต่เราก็พอคุยรู้เรื่องนะ บวกกับภาษามือเรามี ถามทางไปไหน คนอินเดียจะใจดี ช่วยบอกทางให้
ด้วยการ ชี้ไปนู้นนน คือ ชี้ไปนู้นจริงๆค่ะ ส่วนจะเดินไปเจอหรือป่าวค่อยว่ากันอีกเรื่อง 555
9. บ้านเรือนของชาวอินเดีย
นี่คือบ้านเรือนของชาวอินเดียค่ะ ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ เป็นบ้านเรือนที่เหมือนสร้างยังไม่เสร็จ พวกอุปกรณ์ก่อสร้าง
เช่นหลังคากระเบื้องต่างๆ เนี่ยหากมาขายที่อินเดียคงขายไม่ได้เลยนะ ดูเขาไม่มีหลังคาเลย
ก่อเป็นแท่งสี่เหลี่ยมต่อๆ ไปเรื่อยๆ กั้นเป็นบ้าน เป็นห้อง ก็อยู่กันได้แล้ว
อากาศอินเดียช่วงหน้าหนาว ก็หนาวมาก ช่วงหน้าร้อนรองเท้าแทบละลายบนถนน
เราไปช่วงเริ่มเข้าหน้าร้อนของชัยปุระ คือเดือนมีนาคา กลางวันราวๆ 26-28 องศา เราว่ากำลังดีนะคะ
แต่กลางคืนอากาศ 15 องศา อากาศต่างกันมืดค่ำ ถึง 10 องศาแหน่ะ
เวลาช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง และชาวอินเดีย นิยมเปิดร้านกันแบบสายมากๆ
เมื่อเรานั่งรถไปท่องเที่ยวออกตอน 9 โมง ตามรายทางยังปิดเงียบ เจอแต่คนนอนข้างถนนกันเยอะมาก
และร้านค้ายังไม่เปิดกันนะ ส่วนห้างสรรพสินค้าในอินเดีย ถ้าเปิดแล้วจะมีแอร์น้อยมาก อากาศจะอบอ้าวหน่อยๆ
10. เรื่องการถ่ายภาพแนว Life
อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่มีเสน่ห์ค่ะ คือถ่ายรูปผู้คนได้สนุกมาก กล้อง เลนส์พร้อม ยิ่งถ้าได้เลนส์ซูมไปด้วยนะ ถ่ายแนว Life แคนดิทได้สบายๆ เลยแหละ
เพราะตามสองข้างทาง เรียกว่า ชีวิตข้างทางของชาวอินเดียนั่น
จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ที่เราสามารถมองเห็นวิถึชีวิตและเก็บภาพต่างๆ มาได้อย่างถนัด
ไม่ว่าจะดูด้วยตา หรือเก็บภาพมาด้วยกล้องต่างๆ ก็สนุกไปอีกแบบสำหรับการเดินเที่ยวในชัยปุระ
หากถามเราว่า ปลอดภัยไหม น่ากลัวไหม
สำหรับเรา 2 ครั้งที่ได้ไปเยือนมา และคลุกคลีกับคนในพื้นที่มา
เราว่าปลอดภัยนะคะ สามารถเดินเทียวคนเดียวได้ เราเดินมาแล้วล่ะ อิอิ
แต่ก็ต้องเซฟตัวเอง ระวังตัวเองอีกขึ้นหนึ่งด้วย ไม่เผลอมากนัก ก็จะทำให้เรามีความสนุกกับการเดินทางได้แล้วค่า
นี่เป็นเพียงแค่ 10 เรื่องราว จากประสบกรณ์ของเราที่ได้ไปเที่ยวชัยปุระมา แต่พอเอามาเขียนจริงๆ แล้วบอกได้เลยค่ะว่า มีมากกว่า 10 เรื่องราวแน่นอน ส่วนเรื่องราวเพิ่มเติ่มอื่นๆ แนะนำให้เพื่อนๆ ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองจะสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นนะ
กับเมืองหนึ่งที่ได้ชื่อว่า "ชัยปุระ"
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
Rinsa Yoyolive
RinSa YoyoLive
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.45 น.