จบทริปราชาสถานไปนานหลายเดือนแล้ว เพิ่งจะมีเวลามาเขียนรีวิวแบบจริงๆ จังๆ เป็นการเที่ยวราชาสถานหนึ่งเดือนเต็ม และเป็นหนึ่งเดือนที่เต็มไปด้วยความสนุกและความอิหยังวะ! เจอคนเคาะห้องพักเพื่อพยายาม(ยัดเยียด)ขายทัวร์ ไปสถานีรถไฟผิด และพีคสุดๆ คนบาปแบบฉันยืนเฉยๆ วัวก็เข้ามาขวิดจ้า บ้าจริง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็เป็นหนึ่งเดือนที่สนุกมากๆ เลย และบอกตรงๆ ว่าไม่อยากกลับไทยเลยค่ะ แต่ในบทความนี้เราจะมารีวิวเฉพาะเมืองที่ไป จะไม่ลงดีเทลเรื่องราวที่เจอทั้งหมด จะมาแบบสรุปพอสังเขปและเน้นไปที่จุดเด่นของแต่ละเมือง รวมถึงส่วนที่ประทับใจและไม่ประทับใจรวมไปถึงวิธีการเดินทาง แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าเรื่องราวแบบเต็มๆ มันเป็นยังไง ไปทำอิท่าไหนถึงโดนวัวขวิด หรือที่โดนเคาะห้องคือยังไง สามารถอ่านเต็มๆ ได้ที่ E book : บันทึกการเดินทางอินเดีย เล่ม 3 ตอน ราชาสถานไม่ได้มีแค่ชัยปุระ

และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะไปอินเดียได้นั้นสิ่งแรกที่ต้องมีก็คือ พาสปอร์ตและ Visa หรือ E-visa แต่ที่สะดวกก็คือ E-visa ที่สามารถทำรายการผ่านเว็บไซต์ได้โดยที่ไม่ต้องไปยื่นเอกสารด้วยตัวเอง สำหรับอายุ E-visa นั้นจะมีทั้ง 30 วัน, 1 ปี และ 5 ปี โดยราคาจะอยู่ที่ 

  • ราคา e-visa 30 วัน 27.5 USD ( ประมาณ 843 บาท )
  • ราคา e-visa 1 ปี 40 USD แต่ตัดจริงคือ 41 USD ของผู้เขียนตัดผ่าน SCB เป็นเงินไทยอยู่ที่ 1,455 บาท
  • ราคา e-visa 5 ปี 84 USD ( ประมาณ 2,880 บาท )

และถ้าหากช่วงไหนทำแล้วราคามันถูกแปลกๆ คือไม่ต้องตกใจนะคะ ถ้าไปขอช่วงโลวซีซั่นทางอินเดียเขามักจะลดราคา E-Visa ค่ะ ซึ่งวันนี้วันที่เขียนบทความคือพฤษภาคม 2566 ตอนนี้เขาก็ลดราคาอยู่นะคะ ราคา e-visa 30 วัน 27.5 USD ตอนนี้เหลือ 10 USD (April to June) ดังนั้นใครจะไปรีบเลยค่ะ แต่ก็ต้องทำใจเรื่องอากาศด้วยนะคะ ถ้าไปโซนกลางนี่ก็จะร้อนแบบสุดๆ เลย สำหรับรายละเอียดการกรองสามารถดูได้ที่ อัปเดตวิธีขอ E-Visa อินเดีย 2023 ใช้เอกสารอะไร กี่วันอนุมัติ? หรือถ้าเหนื่อยจะอ่านก็ดูคลิปด้านล่างนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ 


รีวิว 5 เมืองสวยในราชาสถาน อินเดีย ( เรียงจากที่ชอบที่สุด )

จริงๆ แล้วเมืองในราชาสถานนั้นไม่ได้มีแค่ 5 เมืองเท่านั้น ก็ยังมีเมืองอีกมากมายที่น่าสนใจ แต่ทางเราขอเลือกมา 5 เมืองนี้ก่อน ถึงจะมีเวลาตั้งหนึ่งเดือนแต่ด้วยสไตล์เป็นคนไม่ชอบเที่ยวแบบ fast ขยาดมาตั้งแต่สมัยทำงานประจำแล้วมันลาได้จำกัด เมืองละ 2-3 วันเปลี่ยนที่แบบถึง เที่ยว เปลี่ยนเมือง แบบนี้มันไม่ค่อยได้ฟีลอะไร อยู่แค่เมืองล่ะ 2-3 วันสำหรับเราถ้าแค่ไปเที่ยวถ่ายรูปกลับมันก็ได้หรอก แต่มันไม่ได้สัมผัสอะไรในบรรยากาศ วิถีชีวิตผู้คนเลย บางคนเขียนเหมือนรู้จักประเทศเขาดีทั้งที่อยู่แค่อาทิตย์เดียว ดังนั้นในเมื่อเรามีโอกาสอยู่ได้แบบนานๆ เต็มสเกลเราก็เลยอยากจะอยู่แต่ละเมืองแบบสโลวไลฟ์ไม่เน้นเยอะ เน้นซึบซับบรรยากาศ เน้นทำความรู้จักให้มากที่สุด ทริปนี้เลยเก็บมาได้แค่ 5 เมือง จะขอรีวิวจากเมืองที่ชอบที่สุดก่อนเลย เริ่ม!!!!

1. Udaipur - อุไดปูร์ เมืองสีขาว

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลามีคนถามว่าชอบเมืองไหนในอินเดียที่สุดคำตอบก็มักจะเป็นคำตอบเดิมๆ คือ ชิมลา หิมาจัล แต่ตอนนี้คำตอบได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะเมืองที่ชอบที่สุดในตอนนี้คืออุไดปูร์ เมืองสีขาวกลางน้ำที่สุดแสนจะโรแมนติก เป็นเมืองที่สวยมากๆ ค่ะ ถ้าเรานี่ตกหลุมรักจนปักธงแล้วว่าจะกลับไปซ้ำอีก

 

ทำความรู้จักเมืองคร่าวๆ 

Udaipur เมืองนี้ออกเสียงว่า อุไดปูร์ หรือ อุเดปูร์ ไม่ใช่อุทัยปุระแบบที่วิกิพีเดียไทยระบุไว้นะคะ ชื่ออุทัยปุระนั้นเกิดจากการอนุมานตีความของคนไทยตามความเป็นมาของเมือง เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่มีแสงพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยมาก ซึ่งคำว่าอุทัยมันมาจาก แสงอาทิตย์อุทัย คนไทยก็เลยอนุมานตั้งชื่อเมืองเป็นภาษาไทยว่า "อุทัยปุระ" แต่จริงๆ เมืองมันชื่อ "อุไดปูร์" เป็นเมืองสีขาวที่รายล้อมไปด้วยน้ำและทิวเทือกเขา และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุด ได้รับขนานนามว่า "เวนิสอินเดีย"

เราอะชอบเมืองนี้มากๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบถ่ายภาพแสงพระอาทิตย์ตก ก็เลยรู้สึกโดนเมืองนี้ตกหัวใจไป และเมืองนี้ยังสงบมากๆ ด้วย อาจเป็นเพราะเราไปเจอเรื่องช็อคๆ ที่ไจไชแมร์มาด้วยพอมาอยู่เมืองที่บรรยากาศสงบ ไม่จอแจแบบนี้เลยรู้สึกผ่อนคลายแบบสุดๆ สุดท้ายก็เลยตกหลุมรักเต็มเปา

ส่วนที่ชอบที่สุด

  1. อากาศที่ดีกว่าเมืองอื่นๆ ยิ่งถ้าเมื่อเทียบกับไจไชแมร์เมืองนี้อากาศจะถ่ายเทกว่าเป็นอย่างมากเพราะว่ารายล้อมไปด้วยน้ำ ต้นไม้ และทิวเทิกเขานั่นเองทำให้แม้บางช่วงเวลาจะร้อนแต่ก็ยังมีลมพัดอยู่บ่อยๆ ไม่อบอ้าว ทำให้เที่ยวได้สบายๆ
  2. การเดินทางภายในเมืองนี้ง่าย หากพักในใจกลางเมืองเลยเราจะสามารถเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญได้แบบง่ายๆ หรือถ้าใครเป็นมือโปรด้านการขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็เช่ามอเตอร์ไซค์ได้เพราะร้านเช่าเยอะมากๆ 
  3. มีทางเส้นทางรถไฟตรงจากเมืองใหญ่หลายเมือง เช่น นิวเดลี จัยปูร์ อากรา เป็นต้น รวมถึงใครจะไปด้วยบัสหรือเครื่องบินก็ไม่ได้ยากสำหรับเมืองนี้
  4. เมืองสวยมาก บรรยากาศดี สงบเงียบ

ส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจ

  1. เมื่อเมืองมันสวยมากก็ทำให้กลุ่มถ่ายพรีเวดดิ้งเยอะมาก และแต่กลุ่มมักจะใช้เวลานานเกินควร และที่ร้ายแรงสุดคือถึงขั้นต่อว่า ไล่ผู้คนอื่นออกจากพื้นที่ตรงนั้น เพราะพวกเขาจะบินโดรนถ่ายวิดีโออยากได้แบบพื้นที่เคลียร์ๆ โดยลืมไปว่านักท่องเที่ยวมากมายก็จ่ายตังส์มาเพื่อมาเที่ยวนะ ไม่ใช่มารอพวกเขาใช้เวลานานขนาดนั้น ( ถ่ายได้แต่ควรกระชับเวลาให้เร็วที่สุด ) 
  2. ราคาเข้าชมสนามที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่อนข้างแพง และตอนนี้คิดว่านักท่องเที่ยวบางคนอาจจะไม่อยากเข้า city palace แล้วไปถ่ายรูปฝั่งตรงข้ามแทน ทำให้ซอยทางเข้าตรงนั้นมีคนมาดักรอเก็บค่าเข้า ซึ่งเก็บแพงพอๆ กับค่าตั๋วเข้า city palace เลยค่ะ ดังนั้นเข้า city palace ไปเลยดีกว่า  แต่ส่วนตัวเราว่ามันไม่ค่อยโอเคเลยนะ ถึงจะเข้า city palace แล้วแต่บางคนเขาอาจจะอยากได้ภาพมุมกว้างของ city palace กับแม่น้ำเขาก็ต้องมาถ่ายตรงนี้แต่กลับมาการคิดค่าเข้า เท่ากับว่าเราต้องจ่ายซ้ำซ้อน เขายังบอกอีกว่าถ้าไม่จ่ายราคาเต็มให้ใช้กล้องได้แค่ตัวเดียว ( เรามีกล้องสองตัว ) 

การเดินทางไป - สามารถไปได้ทั้งเครื่องบิน บัส และรถไฟ เราเดินทางไปจากจัยปูร์ด้วยบัส และกลับด้วยรถไฟ 

  • เดินทางด้วยรถบัส ถ้าเริ่มจากจัยปูร์เหมือนเรา ให้ไปหาซื้อตั๋วรถได้ที่สถานีรถบัส อยู่แถวๆ สถานีรถไฟฟ้าชินดีแกม ( Sindhi camp ) ซึ่งรอบรถส่วนมากจะเป็นตอนกลางคืน เราไปเดินหาซื้อช่วงราวๆ บ่ายโมง ได้รถรอบสี่ทุ่ม ถึงอุไดปูร์ตอนหกโมงเช้า แต่การไปเดินหาเอาวันจะไปนี่เป็นความคิดของแฟนเราซึ่งเขาเป็นคนอินเดีย เขายืนยันว่ามีตั๋วแต่เราคิดว่านักเดินทางทุกคนน่าจะอยากจองไปให้เรียบร้อยมากกว่า ถ้าจะจองแนะนำแอปพลิเคชัน Red bus India หรือจองผ่านเว็บ IRCTC ก็ได้ ปกติ IRCTC จะเด่นเรื่องจองรถไฟแต่ปัจจุบันก็จองบัสได้ด้วย
  • เดินทางด้วยรถไฟ ส่วนตัวชอบรถไฟอินเดียมาก เพราะมันสะดวก จองง่าย ไปง่าย โดยสารง่าย แต่เพราะเป็นทริปปุปปับจะจองเอาวันไปชั้นดีๆ มันก็ไม่เหลือแล้วนะคะ ถ้าจะจองรถไฟแนะนำให้จองล่วงหน้า จากจัยปูร์, อัจเมอร์, อากรา นิวเดลี จะมีรถไฟตรงไปยังสถานี Udaipur city - UDZ แต่จากเมืองอื่นๆ ในราชาสถานเช่น จอร์ดปูร์ หรือไจไชแมร์จะไม่มีรถไฟตรง 

อ่านต่อ 


2. Bikaner - บิคาเนอร์ เมืองสีแดง

Bikaner บิคาเนอร์ หรือ พิกาเนร์ เป็นเมืองสีแดงที่นักเดินทางทางหลายคนมองข้าม จะด้วยเหตุผลไม่รู้จักมันหรือเวลาจำกัดก็ตามนั่นเลยทำให้ผู้คนมากมายเลือกตัดมันออกจากแพลน ซึ่งทางเราก็ไม่อยากให้คุณตัดมันออกเท่าไรนะ เพราะว่ามันมีสถาปัตยกรรมที่สวยมากๆ อยู่ แต่โอเคถ้าคุณไม่อินกับสถาปัตยกรรมก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับเรามันเป็นเมืองที่เราตั้งหน้าตั้งตาจะมาให้ได้ตั้งแต่โควิดยังไม่มีเลย เพราะเราเป็นคลั่งความสวยงามของสถาปัตยกรรมมากๆ นั่นเอง 

ทำความรู้จักเมืองคร่าวๆ 

เขาก็เรียกกันว่าเมืองสีแดง ซึ่งเขาคนแรกที่เรียกคือใครอันนี้ก็ไม่รู้แต่งจริงๆ ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นเมืองแห่งป้อมสีแดงมากกว่า คือไม่ใช่ทั้งเมืองจะเป็นสีแดงสีเดียว แบบจอร์ดปูร์สีฟ้าทั้งเมือง หรืออุไดปูร์ที่สีขาวทั้งเมือง บางเรือนที่นี่ก็มีสีอื่นๆ ด้วย แต่พวกป้อมหรือฮาเวลีสำคัญๆ จะเป็นสีแดง ใครๆ ก็เลยนิยามเมืองนี้ว่าเมืองสีแดง แต่ที่แน่ๆ คือเป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมสวยมาก 

ส่วนตัวเรามาเพราะเราอยากเห็น Rampuria haveli ( รามปูเรียฮาเวลี ) เราเฝ้ามองเจ้าตึกสีแดงนี้จากรูปของคนอื่นมาโดยตลอด เราก็เลยอยากจะไปเห็นและถ่ายรูปมันลงชัตเตอร์สต็อกด้วยตัวเองสักครั้ง เราก็เลยไปเมืองนี้นั่นเอง และก็ไม่ผิดหวังเลย มันโอ่อ่า อลังการมากๆ และที่ตรงนี้ยังจัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถือเป็นมรดกที่สวยงามของเมืองบิคาเนอร์ และยังถือ “ความภูมิใจของชาวบิคาเนอร์” อีกด้วย

ส่วนที่ชอบที่สุด

  1. จะเป็นอะไรอื่นไม่ได้เลยนอกจากสถาปัตยกรรมที่หมายมั่นจะมาดูให้ได้ ตระการตามากๆ คลิกถ่ายรูปไปน้ำตาคลอไป ตั้งเป้าจะมาตั้งนานแล้วได้มาสักที คือเรามาเมืองนี้คนเดียว ใน 5 เมืองนี้มีไม่อะโลนแค่ 2 เมืองคืออุไดปูร์และจัยปูร์ สำหรับเมืองนี้มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยป็อปปูล่าดังนั้นอีกใจหนึ่งของเราก็กังวลแหละ เพราะเรารู้ว่าผู้คนจะต้องไม่ชินกับการมีนักท่องเที่ยวหญิงเดินทางคนเดียวพร้อมเป้ใบใหญ่ แถมเรายังผมสีเขียวอีก และพวกเขาก็จะจ้องหนักมาก และมันก็เป็นแบบนั้นแหละ เราหวั่นใจเพราะโดยปกติเราไม่ชอบให้ใครมาจ้องหรือมารุมคุย เป็นคนเก็บตัวนะคะ ดังนั้นเราเลยรู้สึกขอบคุณตัวเราเองที่มานะมานี อดทนมาจนได้น่ะค่ะ  
  2. ค่าใช้จ่ายในเมืองนี้ราคาเบาๆ มาก ตุ๊กๆ ก็ไม่เรียกราคาสูง เรียกราคาปกติแบบคนอินเดีย ทั้งตุ๊กๆ ด้านนอก และตุ๊กๆ ในสถานีรถไฟ และไม่ตื้อด้วยถ้าบอกไม่เอาหรือไม่ไปก็คือไม่ จบ 
  3. ที่พักราคาเบาๆ เยอะมาก 
  4. ผู้คนเป็นมิตร ไนท์สุดๆ พนักงานที่ที่พักเราชอบเอาขนมหวานอินเดียมาให้เราชิม แรกๆ ก็หวั่นใจกลัวเขาคิดเงินเพิ่มแต่ไม่เลย เขาอยากให้ชิม แล้วดันอร่อยทุกอย่างด้วยนะ บ้าจริง

ส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจ

  1. ไม่ค่อยสะอาด - ส่วนตัวรู้สึกว่าถนน ตรอกซอกซอยไม่ค่อยสะอาดเท่าไร ยิ่งเทียบกับเมืองอื่นๆ ในราชาสถานด้วย รู้สึกว่าจะไม่ค่อยสะอาดเท่าเมืองอื่นๆ ยิ่งเราเอาเมืองนี้ปิดท้ายทริปยิ่งเห็นข้อนี้ชัดเจนมากเลย เดินตามตรอกซอกซอยคือมันมีทั้งขยะ กองขยะที่เผาไม่หมด ควันจากการเผาขยะ มีขี้วัวเยอะ เราก็ไม่ได้ติดขัดอะไรก็วัวมันเยอะมันก็ต้องมีแหละ แต่...ดันมีน้ำทิ้งจากบ้านเรือนไหลผ่านขี้อีก เฉอะแฉะไปหมด -..-
  2. ตอนเราไปมีการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมีการสอบบรรจุครั้งใหญ่แล้วข้อสอบรั่วไหล เขาเลยตัดสัญญาณเน็ตในหลายๆ เมืองเพื่อป้องกันการทุจริต ทำให้เมื่อออกจากที่พักไม่มีเน็ตเลย เปิด GPS ก็ไม่ได้ ใช้ทรานสเลชแปลภาษาก็ไม่ได้ เพราะคนขับตุ๊กๆ บางคนไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย แอบเซ็งนิดหน่อย 

การเดินทางไป เราไปด้วยรถไฟค่ะ เส้นนี้มีรถไฟตรงจากทุกเมืองในราชาสถาน รวมถึงเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น นิวเดลี กัลกาตา มุมไบ แม้แต่อากราก็มีค่ะ จองที่เว็บ IRCTC ได้เลยค่ะ ให้เลือกไปลงสถานี Bikaner JN- BKN ราคาตั๋วรถไฟจะขึ้นอยู่กับคลาสที่เราเลือก ถ้าอยากได้ชั้นดีๆ เราแนะนำเป็นชั้นตั้งแต่ AC2 ขึ้นไปค่ะ 



3. Jaipur - จัยปูร์ เมืองสีชมพู 

จัยปูร์เมืองยอดนิยมของคนไทย เพราะมีบินตรงลงเมืองนี้แถมเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายใช้เวลาเที่ยวไม่นานก็ได้รูปสวยเป็นพันๆ รูปผู้คนก็เลยนิยมมาเมืองนี้ แต่สำหรับเราเราชอบในระดับกลางๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายและสถานที่เที่ยวเยอะมากจริงๆ 

ส่วนที่ชอบที่สุด

  1. เที่ยวง่าย เที่ยวเองได้สบายมาก เพราะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านสถานที่เที่ยวสำคัญๆ และย่านที่พักอยู่ แต่ที่เที่ยวพวกป้อมต่างๆ รถไฟฟ้าจะวิ่งไปไม่ถึง ให้มาลงแถวๆ ฮวามาฮาลเที่ยวที่นี่ก่อนแล้วค่อยหาตุ๊กๆ จากแถวนี้ เพราะตุ๊กๆ เยอะมากๆ หรือถ้าอยากได้ไกด์พาเที่ยวครบทุกที่แบบไม่ต้องไปเรียกตุ๊กๆ เอง เราแนะนำไกด์เป็นจาวิด เป็นไกด์ที่นิสัยดีมาก สามารถทักไปคุยกับเขาได้ที่เฟซบุ๊ค Rom Khan ได้เลยค่ะ 
  2. เมืองสวย สถานที่ท่องเที่ยวสวยเยอะ และไม่ไกลจากกัน ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่เหนื่อยเกินไป 
  3. หาที่กินง่าย สตรีทฟู้ดเยอะ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็คงต้องยกความดีความชอบในการพาทัวร์ตะเวนหาสตรีทฟู้ดอร่อยๆ ให้กับจาวีดเขานั่นแหละค่ะ ทุกอย่างที่เขาพาไปกินคือรสชาติดีหมดเลย ดังนั้นใครอยากที่ยวแล้วได้รูปสวยๆ เพราะเขาช่วยถ่ายรูปให้ได้ แล้วยังได้ลิ้มลองรสชาติอาหารแบบโลคอลที่อร่อยและสะอาดนั้นติดต่อเขาที่เฟซบุ๊ค Rom Khan ได้เลยค่ะ 

ส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจ

  1. ก็เหมือนอุไดปูร์คือเมืองมันสวยมากก็เลยเป็นเรื่องปกติที่จะมีกลุ่มถ่ายพรีเวดดิ้งเยอะอีกเช่นเคย ซึ่งถ้ามาแบบพอเหมาะพอควรมันก็โอเคแหละ แต่ที่ไม่โอเคคือคู่ที่ใช้เวลานาน นี่ยังไม่นับคู่ที่หอบชุดมาเปลี่ยน คือเจ้าสาวไปเปลี่ยนชุด ช่างกล้องยังคงตรึงพื้นที่ไว้ แล้วดูซิ คนเขาต้องไปรอเจ้าสาวเปลี่ยนชุดอีกกว่าจะถ่ายเสร็จแบบนี้ 

    การเดินทางไป - ถ้าไปจากไทยก็คือมีบินตรง กรุงเทพ - ชัยปุระ หรือถ้าเที่ยวมาจากเมืองอื่นก็สามารถมาเมืองนี้ได้ทั้งเครื่องบิน รถบัส และรถไฟ เลือกลงที่สถานีรถไฟ JAIPUR - JP อีกทั้งภายในเมืองนี้ยังมีรถไฟฟ้าจากสถานีรถไฟเข้าเมืองด้วย และผ่านสถานที่สำคัญๆ 



    4. Jodhpur - จอร์ดปูร์ เมืองสีฟ้า

    มาต่อที่เมืองสีฟ้าของราชาสถานบ้าง ซึ่งเมืองนี้จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองยอดนิยมในรูทราชาสถานเลยค่ะ เพราะมีรถไฟช่วงเช้าจากจัยปูร์มาถึงจอร์ดปูร์ตอนเที่ยง ถ้าเป็นบัสหรือเหมารถแท็กซี่กันก็จะยิ่งใช้เวลาเดินทางเร็วขึ้นไปอีก นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีวันลาแบบจำกัดจึงเลือกเมืองนี้เข้าไปในแพลนด้วย เมืองนี้ก็โดดเด่นตรงที่มันเป็นเมืองที่มีสีฟ้าเป็นส่วนใหญ่ มีความอาร์ตและดูแปลดตา เหมาะแก่การมาเที่ยวถ่ายรูปเล่นเป็นที่สุด 

    ทำความรู้จักเมืองคร่าวๆ

    จอร์ดปูร์เป็นเมืองที่เที่ยวภายในเมืองได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากเมืองอื่น มีหลายสถานที่ซึ่งมีทั้งที่เดินไปได้ และนั่งรถไปแต่ก็ไม่ได้ไกลมาก อย่างเช่นถ้าเราพักใน old town เราก็จะสามารถเดินไปได้ทั้งตลาดเก่า หอนาฬิกา บ่อน้ำที่คนนิยมไปถ่ายรูป รวมถึงป้อมเมรานการ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่ามันเป็นเมืองที่อยู่บนเขา ดังนั้นบางช่วงตรอกซอกซอย มันจะเหมือนเราเดินขึ้นลงเขา อาจจะต้องฟิตร่างกาย แต่ถ้าจะเรียกตุ๊กๆ แนะนำให้เรียกตามทาง หรือรถที่วิ่งผ่าน อย่าเรียกจากสถานที่ท่องเที่ยวเพราะเขาจะคิดราคาสูง แต่ถ้าเรียกตุ๊กๆ ที่ขับผ่านไปผ่านมา หรือคิวตุ๊กๆ ในเขตเมืองราคาก็จะเบาๆ ค่ะ

    เมืองนี้มันจะมีความดูอาร์ตๆ มีสตรีทอาร์ต แต่บางตรอกซอกซอยก็เงียบเกินไป ดังนั้นแนะนำให้เช็กพื้นที่รอบๆ ที่พักด้วย รวมถึงตรอกซอกซอยบางมุม ถ้าประเมินแล้วว่าไม่มีใครเขาเดินก็เลี่ยงไปจะดีกว่าค่ะ อยากเช่นตอนขาเดินลงจากป้อมเมรานการ์ ทางมันพาเราไปลัดเลาะตรอกซอกซอยเล็กๆ ตัวเราไปไม่เจออะไร แต่พอกลับมาเห็นข่าวคนเกาหลีเดินในซอยเงียบๆ และถูกผู้ชายเดินตาม ดังนั้นลองชั่งใจดูว่าซอยนั้นมันเงียบเกินไปหรือไป แต่ถ้าไปเที่ยวกันแบบกลุ่มใหญ่ๆ ก็ไม่เป็นไร ไปโล๊ดดดเลยค่ะ

    *หมายเหตุ สำหรับเคสสาวเกาหลีคนนั้น หลังจากที่เธอเผยแพร่วิดีโอออกไปทางการจอร์ดปูร์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะคะเขาออกหมายเรียกตัวชายในคลิปที่เดินตามและสไลด์หนอนโชว์มาดำเนินคดีแล้ว ไม่แน่ใจว่าต้นข่าวที่ทำข่าวนี้ได้ตามข่าวแล้วออกมาอัปเดตไหม ถือโอกาสอัปเดตในนี้เลยนะ


    ส่วนที่ชอบที่สุด

    1. ความอาร์ต ความเที่ยวง่าย เมือนนี้เดินเที่ยวในเมืองไม่ยากเลยแค่ต้องฟิตร่างกายมาหน่อยนั่นแหละ
    2. ป้อมเมรานการ์สวยมากๆ ขึ้นไปถึงข้างบนคือถ่ายวิวเมืองได้ทั้งเมืองเลย 
    3. ถ่ายรูปสนุก มีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะ

    ส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจ

    1. ค่าเข้าป้อมเมรานการ์ราคาสูงนะ เมือเทียบกับสิ่งต่างๆ ภายในป้อม ไม่เถียงว่ามันเป็นป้อมสำคัญ แต่ถ้าจ่ายแพงแบบ city palace แล้วข้างในมีอะไรๆ ให้ถ่ายรูปเล่นได้หลายมุมมันก็คุ้มนะ แต่ที่นี่มุมที่ถ่ายรูปสวยๆ อะจะน้อย คือถ้ามาเพราะชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมแบบเราก็จะพอเอนจอยกับค่าเข้าราคา 600 รูปี แต่ถ้ามาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ มุมที่ว้าวๆ จะไม่ค่อยเยอะเท่า city palace หรือ Amer Fort

    การเดินทางไป

    เป็นอีกเมืองที่สามารถนั่งรถไฟต่อจากจัยปูร์ไปได้เลย หรือจากเมืองใหญ่หรือเมืองฮิตอื่นๆ เช่น นิวเดลี พาราณสี จัยปูร์ อากรา ล้วนแล้วแต่มีรถไฟสายตรงถึงเมืองนี้ทั้งนั้น เลือกไปลงสถานี JODHPUR JN - JU และเช่นกันรถบัสก็สามารถไปได้เช่นกัน


    5. Jaisalmer - ไจไชแมร์ เมืองสีทอง 

    ปิดท้ายไปด้วยไจไชแมร์ เมืองนี้เป็นเมืองที่ทำให้เรารู้สึกหวาดๆ จากที่เป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียวมาหลายทริปหลายที่ มาอินเดียก็บ่อย แต่เพิ่งจะมาเจอ Culture Shock ที่นี่แหละ หลักๆ แล้วความช็อคส่วนใหญ่มาจากนิสัยของผู้คนที่นี่ แต่ถามว่าเมืองสวยไหม แน่นอนว่าสวย โดยเฉพาะคนที่ชอบสถาปัตยกรรมจำพวกป้อมแบบเรา ป้อมไจไชแมร์เป็นอะไรที่ดีและสวยมากเลย 

    ทำความรู้จักเมืองคร่าวๆ 

    ไจไชแมร์ เมืองหน้าด่านทะเลทรายธาร์ของราชาสถานหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าเมืองสีทอง แต่จริงๆ มันออกจะเป็นสีน้ำตาลซะมากกว่านะ ซึ่งเมืองนี้ให้ความรู้สึกสองความรู้สึกค่ะ คือมีทั้งเที่ยวง่ายและแอบยากนิดหน่อย เรื่องการเดินทางไปเมืองนี้นั้นไม่ยากค่ะ มีรถตุ๊กๆ รวมถึงแท็กซี่รอบริการเยอะ ยิ่งถ้าหากพักในป้อมไจไชแมร์ หรือบริเวณรอบนอกป้อมก็จะยิ่งเที่ยวง่าย แต่ถ้านอนแคมป์ในซาฟารีก็อาจจะเที่ยวเองลำบาก การไปทัวร์ทะเลทรายจำเป็นต้องไปกับทัวร์และต้องมีไกด์ ทางเราพักในป้อมเลย อย่างชอบบรรยากาศข้างในดีมาก เดินเที่ยวง่ายๆ ร้านอาหาร คาเฟ่เยอะ ยิ่งตอนเย็นๆ แสงไฟในป้อมสว่างไสวถ่ายรูปออกมาสวยมาก  

    ส่วนที่ชอบที่สุด

    1. ร้านอาหารในตัวป้อมเยอะ รวมถึงคาเฟ่ด้วย บรรยากาศชิลมาก แต่สังเกตเห็นว่าร้านต่างๆ ในป้อมจะปิดค่อนข้างไว คือเต็มทีก็สองทุ่ม เราอยากจะไปนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ แต่ก็นั่งได้ไม่นานเพราะยิ่งดึกคนจะยิ่งน้อยแล้วก็เงียบ แนะนำให้หาที่พักที่มีคาเฟ่หรือร้านอาหารในตัวจะดีที่สุด ไปนั่งต่อที่ร้านของที่พักแทน 
    2. ภายในป้อมเดินเที่ยวสบายๆ เลย ถ่ายรูปสนุกมาก 
    3. ผู้คนดีมาก คุยสนุกมาก ใจดี

    ส่วนที่ไม่ค่อยประทับใจ

    1. การยัดเยียดทัวร์หนักกว่าเมืองอื่นมากๆ ตัวเรานะเข้าใจการขายทัวร์แบบไกด์อินเดียนะ เพราะเคยมีแฟนเป็นไกด์ แต่ก็ไม่เคยเจอคนที่ไหนหนักเท่าที่นี่ มาขายทัวร์แบบพูดคุยต่อหน้าแล้วเราก็ปฏิเสธชัดเจน จากนั้นเขาก็ทำทีเป็นบอกให้เราเมมเบอร์เขาไว้โดยบอกว่าเผื่อเราจะอยากได้ตุ๊กๆ ไปไหน เขาจะเป็นคนหาตุ๊กๆ ให้ เราที่คิดว่าดีลกันเข้าใจแล้วว่าเราไม่สนใจทัวร์ ก็คิดว่าเขาเป็นคนใจดีจะหวังไปกินเงินค่าตุ๊กๆ แทนก็ไม่มีปัญหาเลยเมมเบอร์ที่นี้พอเมมเบอร์แล้ววอชแอปมันก็เด้งเพื่อนมาให้ นั่นแหละค่ะหลังจากนั้นเขาก็พยายามขายทัวร์ต่อผ่านทางข้อความเราก็ปฏิเสธเช่นเคย เขาก็เงียบไปอยู่พักเรานึกว่าจบแล้วแต่ไม่ค่ะ เขามาเคาะห้องพักเพื่อพยายามขอเข้ามาคุยและขายทัวร์ต่อ!!!  เขารู้ห้องเพราะเขาเป็นไกด์ที่คอยหาลูกค้าให้ที่พักนี้ ดังนั้นตอนเราเช็กอินเขาก็อยู่ รวมถึงช่วยถือกระเป๋ามาส่งอีกน่ะ ซึ่งการมาเคาะห้องเพื่อขายทัวร์นี่เราไม่โอเคเลย ที่สำคัญเราคือผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว นอนในห้องคนเดียว เรารู้สึกว่ามันควรมีขอบเขตในการพยายามขายทัวร์ และจริงๆ ถ้าลูกค้าบอกไม่ มันก็ควรจะจบตั้งแต่แรกไม่ใช่มาเคาะห้องขอคุยว่าทำไมไม่เอาทัวร์ของเขาแบบนี้ ซึ่งเขาคนนี้ทำให้เรารู้สึกกังวลกับการเที่ยวที่นี่มากๆ มันเหมือนเขาตามแจจนเรากลัวการเดินออกไปไหนมาไหนแล้วจะเจอเขาแล้วเขาจะมายัดเยียดขายทัวร์อีกแบบนี้
    2. วัวดุ เราโดนวัวขวิดที่นี่ค่ะ และขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรวัวเลย อยู่ๆ มันก็เข้ามาขวิด แต่โชคดีที่เขามันไม่แหลมเลยได้แค่รอยช้ำมา ฮ่าๆ 

    การเดินทางไป

    การมาเมืองนี้ง่ายสุดของรถไฟค่ะ มีรถไฟต่อเดี่ยวถึงสามารถมาได้ทั้งจากนิวเดลี จัยปูร์ จอร์ดปูร์ และบิคาเนอร์ ซึ่งถ้าเดินทางจากจัยปูร์มาจะมีรถไฟอยู่แค่ 2 เที่ยวคือ รอบเช้าถึงดึก ( ถึงตอน 22.00 น. ) กับรอบเย็นถึงเช้ามืด ( ถึงตอน 04.00 น. ) ให้เลือกลงสถานี JAISALMER - JSM มาถึงแล้วเดินออกมาจากชานชาลาหน่อย หน้าตาสถานีรถไฟที่นี่จะไม่ค่อยเหมือนที่อื่นๆ เงียบด้วย มืดด้วย งงๆหน่อย ตอนมาถึงมาถึงตีสี่แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆๆ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีรถตุ๊กๆ ขนาดมาถึงเช้ามากๆ ตุ๊กๆ แท็กซี่ยังมีรอบริการหน้าสถานีเต็มเลย


    นี่แหละค่ะ 5 เมืองในราชาสถานที่เราไปมาเมืองทริปที่แล้ว ก็มีทั้งสนุกและอิหยังวะ แต่สำหรับเรามันเป็นหนึ่งเดือนที่สนุกมาก สำหรับเราอินเดียกี่ครั้งก็ไม่เบื่อจริงๆ ไปแล้วมีแต่อยากไปอีกเรื่อยๆ ไม่มีโมเมนต์แบบไปเยอะแล้วเบื่อเลย นี่คิดจะกลับไปซ้ำอุไดปูร์ และบิคาเนอร์ด้วยเพราะที่บิคาเนอร์เรายังเที่ยวไม่ครบ ตอนไปมันตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต พอออกจากที่พักไม่มีเน็ต เปิด GPS ก็ไม่ได้ ใช้ทรานสเลชก็ไม่ได้ เพราะที่บิคาเนอร์ตุ๊กๆ บางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเลยสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง 

    และแน่นอนว่าเนื้อหาในนี้เป็นการสรุปแบบรวบตึงเลย ไม่ได้ลงดีเทลความมันส์และความอิหยังวะแบบเต็มๆ และถ้าใครอยากรู้ว่าเรื่องราวแบบเต็มๆ มันเป็นยังไง ไปทำอิท่าไหนถึงโดนวัวขวิด หรือที่โดนเคาะห้องคือยังไง สามารถอ่านเต็มๆ ได้ที่ E book : บันทึกการเดินทางอินเดีย เล่ม 3 ตอน ราชาสถานไม่ได้มีแค่ชัยปุระ และสามารถติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวอื่นๆ ของเราได้ที่เพจ แบกกล้องชิล เที่ยวไปเรื่อย

    ฝากแจกแพลนเที่ยว พาราณสี - อากรา อินเดีย กับอโกด้า งบ 25,000 เอาอยู่
    อ่านที่ https://intrend.trueid.net/post/365270

    หญิงเถื่อน Solo Traveler

     วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 22.44 น.

    ความคิดเห็น