ส่วนใหญ่เวลาที่ผมเข้ามาทำธุระในกรุงเทพแล้วจำเป็นต้องพักค้างคืน ผมมักจะมองหาที่พักในราคาหลักร้อยหรือหลักพันต้นๆ เท่านั้น แต่ครั้งนี้ผมได้รับโอกาสพิเศษ ได้เข้ามาสัมผัสโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว กลางกรุง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมวาดฝันไว้ลึกๆ มานานแล้ว และในการเข้าพักครั้งนี้ ผมได้เข้าพักที่ EMPORIUM SUITES BY CHATRIUM BANGKOK ครับ

EMPORIUM SUITES BY CHATRIUM BANGKOK เป็น 1 ใน 5 ของเครือ CHATRIUM ซึ่งประกอบด้วย Chatrium Hotel Riverside Bangkok, Emporium Suites by Chatrium, Chatrium Residence Sathon Bangkok, Maitria Hotel Sukhumvit 18 และ Chatrium Hotel Royal Lake Yangon ครับ นับไปนับมา ผมเองก็เคยเข้ามาใช้บริการในเครือ CHATRIUM แล้วถึง 2 ครั้ง คือที่ Chatrium Hotel Royal Lake Yangon ซึ่งครั้งนั้นผมเองก็ประทับใจกับที่พักมากๆ จากที่พักสามารถมองเห็นองค์เจดีย์ชเวดากองได้ในระยะไกล และครั้งที่ 2 เคยไปใช้บริการ Dim Sum Buffet ที่ Chatrium Hotel Riverside Bangkok ประทับใจกับเมนู Dim Sum ที่หลากหลายแถมบรรยากาศมุมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอย่างมาก และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ผมจะได้มาสัมผัสเครือ Chatrium บรรยากาศในครั้งนี้ก็แตกต่างไปจาก 2 ครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะครั้งนี้ Emporium Suites by Chatrium ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ มองไปทางไหนก็จะเห็นวิวตึกสูงมากมายครับ

การเดินทางมายัง Emporium Suites by Chatrium ก็สะดวกมากๆ สามารถนั่งรถไฟฟ้าแล้วมาลงยังสถานีพร้อมพงษ์ครับ

ทางเข้า Emporium Suites by Chatrium สามารถเดินเข้าทางห้าง Emporium ได้เลยครับ

หรือจะเดินเข้าทางด้านข้างของห้าง Emporium ก็ได้ครับ

เดินผ่านประตูเข้ามาก็จะพบกับ Lobby เลยครับ

ด้านขวาของ Lobby เป็นพื้นที่ของ Lobby Lounge ครับ

บริเวณ Lobby Lounge เป็นที่สำหรับนั่งจิบกาแฟและทานของว่างเบาๆ หรือใช้เป็นที่นัดพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวก็ได้ครับ

ส่วนด้านซ้ายของ Lobby จะเป็นพื้นที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อน ระหว่างรอการ Check in/Check out

ขึ้นไปดูในส่วนของห้องพักกันบ้างครับ

บริเวณหน้าลิฟต์ครับ ลิฟต์ที่นี่ขึ้น-ลงค่อนข้างเร็วและนิ่มมากๆ ขึ้น-ลงเร็วขนาดที่ว่าร่างกายผมปรับตัวไม่ทัน รู้สึกหูอื้อทุกครั้งที่ขึ้น-ลง ต้องคอยกลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกผมก็คิดว่าผมเป็นคนเดียว แต่สังเกตจากแขกคนอื่นๆ ที่ขึ้น-ลงพร้อมกัน บางคนถึงกับเอานิ้วมือทั้งสองข้างกดในรูหูครับ

ห้องแรกที่ผมจะพาเข้าไปชม เป็นแบบ Three-Bedroom Suite ครับ

เปิดประตูห้องเข้ามา จะพบกับพื้นที่รับประทานอาหารเลยครับ

ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารจะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่น ชมโทรทัศน์ หรือฟังเพลงเบาๆ พื้นที่นี้สามารถมองวิวนอกห้องได้ครับ

ห้องนี้เป็นห้องนอนหลัก มีพื้นที่กว้างที่สุดในบรรดา 3 ห้อง ภายในห้องมีมุมให้นั่งทำงานด้วย ห้องนี้สามารถชมวิวด้านนอกได้ด้วยครับ

ห้องน้ำในห้องนอนหลัก แยกส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน ภายในมีทั้งอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำแบบฝักบัว และมี 2 อ่างล้างหน้าครับ

ห้องนอนที่ 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับห้องนอนหลัก เพียงแต่พื้นที่จะแคบกว่าเล็กน้อย

ห้องนี้เป็นห้องนอนที่ 3 ครับ สิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับห้องแรกและห้องที่ 2 เพียงแต่ห้องนอนที่ 3 จะไม่สามารถชมวิวด้านนอกได้

ห้องนอนที่ 2 และ 3 จะใช้ห้องน้ำร่วมกัน และที่พิเศษไปกว่านั้นจะมีพื้นที่สำหรับซักรีดด้วย โดยทางโรงแรมได้เตรียมเครื่องซักผ้า เตารีดและที่รองรีดไว้ให้พร้อมครับ

ในส่วนนี้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหารครับ มีชุดจานชาม แก้วน้ำเตรียมไว้ให้พร้อม

พื้นที่ในการจัดเตรียมอาหาร มีตู้เย็นหลังใหญ่ ไมโครเวฟ กาต้มน้ำ เครื่องชงกาแฟ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า รวมถึงเตาอบ มีไว้ให้พร้อมสรรพครับ

ห้องพักแบบ Three-Bedroom จะมีห้องน้ำ 3 ห้อง คืออยู่ในห้องนอนหลัก, ระหว่างห้องนอนที่ 2 และ 3 ซึ่งทั้งสองห้องนอนจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน และห้องน้ำสุดท้ายสำหรับใช้ในห้องนั่งเล่น แต่ในห้องน้ำห้องนี้มีเพียงอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ ไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำครับ

มาดูห้องประเภทอื่นกันบ้างครับ ห้องนี้เป็นแบบ Two-Bedroom Suite แบบ Grand Deluxe I ครับ

รูปแบบจะคล้ายกับแบบ Three-Bedroom คือมีพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร และห้องนอนครับ

ห้องนี้เป็นห้องนอนหลัก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะเหมือนกับห้องนอนหลักแบบ Three-Bedroom เลยครับ แต่พิเศษตรงที่ว่า จะมีโซฟาตัวเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา

ภายในห้องน้ำของห้องนอนหลัก แยกส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน ภายในมีทั้งอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำแบบฝักบัว และมี 2 อ่างล้างหน้าครับ

สำหรับพื้นที่ในห้องนอนที่ 2 กว้างพอๆ กับห้องนอนหลักครับ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีให้ครบครัน

ห้องน้ำภายในห้องนอนที่ 2 แยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจนครับ

พื้นที่รับประทานอาหารจะเป็นห้องส่วนตัวกว่าแบบ Three-Bedroom ครับ

พื้นที่ในส่วนเตรียมอาหาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกไม่แตกต่างจากห้อง Three-Bedroom เลย และด้านข้างของพื้นที่เตรียมอาหารเป็นพื้นที่ของซักรีด ซึ่งมีเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์รีดผ้าให้พร้อมเช่นกัน

ห้องพักแบบ Two-Bedroom จะมีห้องน้ำ 3 ห้องเช่นกัน คืออยู่ในห้องนอนหลัก และห้องนอนที่ 2 และห้องน้ำสุดท้ายสำหรับใช้ในห้องนั่งเล่นครับ

คราวนี้มาดูห้องพักที่ผมพักกันบ้าง เป็นห้อง Studio Deluxe Suite King ครับ

เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเตรียมอาหาร มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมอาหารไม่ต่างจาก 2 ห้องที่ผมพาชมเลย ซึ่งมีทั้งไมโครเวฟ ตู้อบ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ตู้เย็นหลังใหญ่ และตามชั้นต่างๆ มีทั้งถ้วย ชาม แก้วน้ำ ไว้ให้พร้อมสรรพ

ส่วนด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน มี 1 อ่างล้างหน้า ส่วนที่เป็นพื้นที่อาบน้ำจะเป็นอ่างอาบน้ำพร้อมฝักบัว กั้นส่วนเปียกด้วยผ้าม่าน ซึ่งต่างจาก 2 ห้องที่ผมพาชม ที่จะเป็นห้องกระจกครับ

พื้นที่ของห้องนอน แยกจากห้องน้ำและพื้นที่จัดเตรียมอาหารด้วยประตูบานเลื่อนครับ

พื้นที่ภายในส่วนของห้องนอนถือว่ากว้างขวางเลยทีเดียว เตียงขนาด King Size แถมมีหมอนให้ 2 ขนาด เวลาทิ้งหัวลงหมอน หมอนจะมาโอบที่หัว ทั้งหมอนและที่นอน นุ่ม นอนสบายมากๆ ครับ มีชุดโซฟาตั้งไว้ที่ปลายเตียง และด้านข้างของเตียง มีมุมสำหรับทำงาน พร้อมมุมสำหรับรับประทานอาหารให้ด้วยครับ

ต้อนรับด้วย Welcome fruit

มีบริการสั่งอาหารตลอด 24 ชั่วโมงด้วยครับ

นอกจากนี้ยังมีกาต้มน้ำร้อนพร้อมชากาแฟ, เตารีดพร้อมที่รองรีด, เสื้อคลุมอาบน้ำ, ตู้นิรภัย, เครื่องเสียง,ไดร์เป่าผม ที่ขาดไม่ได้คือ hi-speed wifi ฟรีครับ

บรรยากาศยามค่ำภายในห้องพักครับ

และที่ถูกใจผมมากๆ คือ สามารถเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปชมความงามยามค่ำคืนที่ระเบียงห้องได้ด้วย คืนนี้หลับสบายจริงๆ ครับ

และทุกๆ เช้าจะมีบริการหนังสือพิมพ์แขวนไว้อยู่ที่ประตูห้องด้วยครับ

มาดูในส่วนของห้องอาหารกันบ้างดีกว่า

The Emporia Restaurant อยู่ที่ชั้น EL ครับ ช่วงเช้าเป็น Buffet อาหารเช้า เปิดบริการตั้งแต่ 06.00-10.00 น. สำหรับวันหยุด จะเปิดบริการถึง 10.30 น. ส่วนช่วงกลางวัน เปิดบริการแบบ Tim Sum ตั้งแต่ 11.30 – 14.30 น. ส่วนช่วงเย็นเปิดบริการตั้งแต่ 17.30 – 22.30 น. ครับ


เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ The Emporia Restaurant ก็ได้ยินเสียง "สวัสดีคะ" น้ำเสียงฟังแล้วดูสดใส พร้อมใจให้บริการ พนักงานจะพาไปนั่งยังโต๊ะอาหาร พร้อมสอบถามว่าจะรับชาหรือกาแฟ ตั้งแต่เรายังไม่ทันได้นั่งเลยครับ ผมแนะนำว่าให้ลงมาใช้บริการช่วงเช้าๆ นะครับ เพราะแขกยังไม่เยอะ จะได้นั่งโต๊ะริมกระจก ซึ่งสามารถชมวิวมุมสูงของกรุงเทพยามเช้าระหว่างทานอาหารเช้าไปด้วย ผมว่าผมลงมาตั้งแต่ 06.00 น. แล้วก็ยังมีแขกบางท่านลงมาทานก่อนเวลา 06.00 น.อีก แต่ห้องอาหารก็พร้อมให้บริการก่อนที่จะถึงเวลาเปิดด้วยครับ

ไลน์อาหารเช้าจะจัดวางแยกสัดส่วนกับบริเวณโต๊ะทานอาหารอย่างชัดเจนครับ

อาหารเช้าถือว่าหลากหลายเลยทีเดียว

วิวบริเวณโต๊ะทานอาหารที่ผมนั่งครับ ช่วงเช้ามีหมอกลงบางๆ ด้วย

เพียงแค่ก้าวเท้าออกจาก The Emporia Restaurant ก็ได้ยินเสียง "ขอบคุณคะ" ลอยมาอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนแขกคนสำคัญเลยครับ

หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว ขอเดินสำรวจส่วนต่างๆ ของโรงแรมกันต่อครับ ผมไปที่ชั้น 7 ครับ

บริเวณชั้น 7 เป็นที่ตั้งของ Spa, Fitness และสระว่ายน้ำครับ

เพียงก้าวเท้าออกจากตัวตึก ก็พบกับพื้นที่สีเขียว ดูสดชื่นมากๆ นี่ถ้าไม่บอกว่าอยู่บนตึกผมคงคิดว่าเดินอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะเลยครับ

บริเวณ Fitness มีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลากหลายเลยทีเดียว

ใกล้ๆ กันมีสระว่ายน้ำด้วย แต่ช่วงที่ผมไป สระว่ายน้ำกำลังปรับปรุงอยู่ครับ

ด้านข้างของสระว่ายน้ำ สามารถยืนชมวิวของกรุงเทพได้ด้วย มองเห็นตึกสูง รวมถึงพื้นที่สีเขียวของอุทยานเบญจสิริครับ

มาดูบรรยากาศโดยรวมของ EMPORIUM SUITES BY CHATRIUM BANGKOK กันบ้างครับ

บรรยากาศยามค่ำ สวยงามมากๆ

จากระเบียงห้องพักที่ผมพัก สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย ถูกใจผมมากๆ ครับ

วิว Cityscape แบบพาโนรามา บริเวณ The Emporia Restaurant ครับ

ด้านข้างของ EMPORIUM SUITES BY CHATRIUM BANGKOK เป็นพื้นที่ของอุทยานเบญจสิริ สวนเขียวท่ามกลางป่าคอนกรีต ซึ่งถือว่าเป็นปอดของกรุงเทพได้เลย ช่วงเช้าและเย็น ภายในพื้นที่ของอุทยานเบญจสิริ มีคนมาออกกำลังกายเยอะเลยทีเดียวครับ

EMPORIUM SUITES BY CHATRIUM BANGKOK ถูกออกแบบขึ้นมาคล้ายกับอาคารชุด ทำให้ห้องพักแต่ละห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังที่สองก็คงไม่ผิดครับ ทำเลที่ตั้งก็ถือว่าดีมากๆ เพราะตั้งอยู่ในแหล่งชอปปิ้งกลางกรุง แถมการเดินทางก็สะดวกมากๆ เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเลย

สำหรับการบริการ ผมยังไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไรกับโรงแรมระดับ 5 ดาว ขณะ Check-in พนักงานไม่แนะนำอะไรให้กับผมเลย ผมไม่รู้เลยว่าโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรให้กับแขกบ้าง ห้องอาหารอยู่ชั้นไหน เปิดกี่โมง แม้กระทั่งการขึ้นห้องพักโดยใช้ลิฟต์ พนักงานก็ไม่แนะนำว่าจะต้องมีการสอด Key card ก่อนที่จะกดเลือกชั้น ผมยืนเอ๋ออยู่ในลิฟต์อยู่นานเพราะกดเลือกชั้นแล้วลิฟต์ไม่ตอบสนองอะไรเลย จนมีแขกคนอื่นเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วใช้ Key card เสียบเข้าไปในช่องเสียบ ลิฟต์ถึงทำงาน ถ้าปรับปรุงในส่วนนี้สักนิดก็น่าจะดีครับ และขอชื่นชมการบริการของพนักงานในส่วนของห้องอาหารมี service mind มากครับ

ลุงเสื้อเขียว

 วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.13 น.

ความคิดเห็น