กลับมาแล้วครับ หลังจากหายไปหนึ่งเดือนเพื่อถวายความอาลัยต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยครับ ยังไงก็ชีวิตต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าเราจะเศร้าแค่ไหน การท่องเที่ยวก็สามารถที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์เศร้าไปได้เหมือนกัน เรียกว่าเป็น traveltherapy งั้นไปเที่ยวกันเถอะ ไปเที่ยวกันเถอะ (บรึ๊ย ขนลุก ไม่ใช่เพจเดอะช็อคนะ)
เราออกจากโรมแต่เช้าตรู่เพราะต้องขับรถยาวกว่า 5 ชั่วโมงเพื่อไปพักที่ La Spazia ทางตอนเหนือของอิตาลีครับ แต่ระหว่างทางจะแวะพักทานข้าวกันก่อนที่เมือง Seina ซีอาน่า เมืองเล็กๆ แต่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อเสียงเพราะสโมสรดัง และตั้งอยู่บนที่ราบแห้งๆ สลับไปกับภูเขาขนาดเล็กๆ ตอนกลางของอิตาลี ที่เรียกว่าแคว้นทัสคานีที่มีเมืองสำคัญนอกจากเซียน่าแล้ว ดังสุดๆ ก็ Florence และ Pisa นั้นเองครับ
แคว้นทัสคานีเป็นชื่อภาษาอังกฤษ คนอิตาลีเรียกว่าทอสคานา ขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามมาก และมีไวน์ที่รสชาติดีเยี่ยม ยิ่งในหน้าร้อนหรือในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นดินแดนนี้เหมือนสีพาสเตลของสีแดง ส้ม เขียวของเลนสเคปที่เป็นไร่องุ่น สลับกับภูเขาสีเขียวและท้องฟ้าสีสด้านหลัง เหมือนภาพวาดยังไงยังงั้นครับ ผมถ่ายรูปมาอาจไม่สวยเท่าไร ต้องมาดูกับตาครับ สวยไม่สวยแค่ไหน ในเมืองทั้งสวนผึ้ง ทั้งเขาใหญ่ ปากช่อง ต่างแยกกันเป็นทัสคานีเมืองไทยกันทั้งนั้น มีรีสอร์ทที่ชื่อว่า ทัสคานี ทอสคาน่า กันเป็นสิบๆ เลยมั๊งครับ แคว้นตอสคานามีพื้นที่สองในสามส่วนเป็นที่ราบสูง และ เศษหนึ่งส่วนสี่ที่เป็นภูเขา ส่วนที่เหลือเป็นที่ราบที่ก่อกำหนดหุบเขาของแม่น้ำอาร์โน
การที่จะขับรถชมภูมิทัศน์ของที่ราบสูงของแคว้นทัสคานี ต้องออกจากเส้นทางหลักไฮเวย์ขับเลาะเลี้ยวไปตามเส้นทางสายรองจะผ่านเมืองและหมู่บ้านเล็กๆ สักพักไม่นานจากโรมเราก็มาถึงเมืองเซียน่าที่ถือว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของโลกแห่งหนึ่งเลยครับ อ้อความเป็นที่เมืองโบราณมากๆ นักท่องเที่ยวจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถไปในเมืองเก่านะครับ ให้จอดรถที่การาจต่างๆ ที่มีอยู่รอบเมืองแล้วเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ปูด้วยหินมาตั้งแต่สองพันกว่าปีที่แล้วครับ หรือไม่ก็นั่งรถไฟจากเมืองฟลอเรนซ์มาเปลี่ยนขบวนที่เมืองเอ็มโปลี แล้วนั่งรถเมล์เข้าไปในเมืองครับ แต่ขับรถสะดวกกว่าจริงๆ ครับ
เซียน่าเป็นเมืองโบราณบนที่ราบบนเขา ซึ่งเป็นปกติของนครรัฐต่างๆ สมัยโบราณของอิตาลี ในส่วนของเมืองเก่านั้นเป็นเมืองเล็กๆ ครับ สามารถเดินท่องเที่ยวลัดเลาะไปตามซอกตึกต่างๆ แวะกินกาแฟและพิซซ่าที่เป็นเอกลักษณ์ได้ครับ ใช้เวลาทั้งหมดที่นี่สักสองถึงสามช้่วโมงก็ครบทั้งเมืองแล้วครับ ถ้าไม่นับเวลาที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ด้วยนะครับ
เดินชมเมืองเก่าใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าวิหาร (Duomo) สถาปัตยกรรมทรงโรมันแท้ๆ ด้วยสีขาวดำ ข้างในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังสวยๆ เยอะไปหมดเลยครับ
หลังจากชมวิหารแห่งเซียน่าแล้ว ก็เดิมชมเมืองโบราณกันต่อครับ ไม่ไกลจากวิหารก็ต้องไปถึงจุดที่ต้องมาเซียน่าต้องมาที่นี่ครับ ระหว่างทางแม้จะมีตรอกซอยเยอะไปหมดไม่ต้องกลัวหลงครับ ให้เดิมตามมหาชนไปยังไงก็ต้องไปที่นี่ครับ ระหว่างทางมีร้านค้ามากมาย ดังๆ ก็ร้านช็อคโกแลต แต่ผมไปได้ร้านเล็กๆ ที่ปรุงเห็ดทรัฟเฟิลขาย อร่อยมากๆ ครับ นี่ซื้อมาสองสามกระปุกกลับมากินบ้านเลย แต่แปลกแฮะ พอกลับมาบ้านทำไมไม่อร่อยเหมือนกินที่เซียน่า หรือเพราะว่าบรรยากาศพาไปหว่า
และที่สุดท้ายที่เป็นแลนด์มาร์กที่ต้องมาถ่ายรูปกันครับ เป็นจัตุรัสใจกลางเมือง Piazza del Campo ที่มีหอนาฬิกาหรือ Torre del Mangia และที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีอายุกว่า 800 ปี ก็น่าจะเก่ากว่าเชียงใหม่เล็กน้อยครับ ใครมีเวลาเหลือเฟือก็ขี้นไปถ่ายวิวบนหอนาฬิกากันได้ครับ ส่วนผมไม่ได้ขึ้นไป เพราะอยู่ที่นี่นานไปหน่อย เดี๋ยวจะถึง La Spazia ดึกไป (เอาเข้าจริงก็ไม่ดึกครับถึงห้าโมงครึ่ง แต่ก็ถือได้ว่ามึดแล้วช่วงฤดูที่ไป) ขอปิดท้ายกับบรรยากาศของ Piazza del Campo ครับ
TravelTherapy
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 02.04 น.