ในญี่ปุ่นทริปนี้ เป็นทริปแรกของเราสองคน #lazycoup ที่วางแพลนจะไปเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโตโดยเฉพาะ 🍁🍂 ตั้งใจใช้เวลาอยู่ที่เกียวโต 4 วันเต็มๆ (ขนาด 4 วันยังเก็บไม่ได้ทุกจุดของเกียวโตเลย เพราะสวยและอลังในหลายที่มากๆ💛💛) สำหรับการรีวิวครั้งนี้ก็จะแบ่งเป็นสถานที่เที่ยวเน้นๆ ของในแต่ละวัน ตามดูกัน ไปยาวๆ 4 Days in Kyoto ค่ะ

🍁🍂1st day – Eastern Kyoto :: Nanzenji & Eikando Temple สำหรับวัด Nanzenji และ Eikando เป็นสองวัดที่อยู่ติดกัน สามารถเดินทะลุหากันและกันได้ เน้นไปที่วัด Eikando เป็นวัดที่ต้องมาให้ได้จริงๆ วัดใหญ่ สวยงาม และขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเกียวโตในการชมใบไม้เปลี่ยนสี (และคนน้อยกว่าจุดแลนด์มาร์กอย่างป่าไผ่ ศาลเจ้าจิ้งจอก และ Tofukuji temple) ประทับใจไม่ลืมเลย

ขอฝาก fb page ไว้นิดนึงนะคะ ถ้าชอบ content นี้ก็กด like เป็นกำลังใจด้วยนะคะ <3 www.fb.com/lazycoup

ขอแปะภาพจาก google map เพื่อให้เห็นสถานที่คราวๆ ของวัดนะคะ ในส่วนกรอบสีแดง คือ พื้นที่วัด Eikando และสีเขียว คือ วัด Nanzenji

🚗การเดินทาง : มีสองวิธีตามความชอบ
1. นั่งรถบัสสาย 5 ลงป้าย Nanzenji-Eikando แล้วเดินเข้าซอยอีกประมาณ 500 เมตร ก็ถึงวัด Eikando

2. สำหรับใครที่ไม่ชอบนั่งบัส ก็แนะนำว่าสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Keage Station ก็ได้ แต่จะใกล้กับวัด Nanzenji มากกว่า (เราสองคนเดินทางด้วยวิธีนี้ค่ะ)

*****คำเตือน****** ละแวกนี้ไม่มีร้านอาหารเลยนะคะ ควรหาอะไรทานมาก่อนล่วงหน้า อาจจะทานที่สถานีเกียวโตก่อนก็ได้ค่ะ
💵ค่าเข้าชม : 1000 เยน สำหรับช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
🕑เวลาเปิด-ปิด: 9:00-17:00

เช้าวันแรกหลังจากที่เราสองคนเช็คอินที่พักในเกียวโตแล้วก็ออกเดินทางกัน โดยเดินไปขึ้นรถไฟที่ Kyoto station และนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Keage Station (สามารถเช็คการเดินทางได้ที่เว็บ hyperdia ได้ตามที่แปะไว้) เน้นย้ำว่าควรหาอะไรทานก่อนเดินทางไปวัดทั้งสองค่ะ

เมื่อเรามาถึงสถานี keage ก็จะเริ่มเห็นบรรยากาศบ้านเก่าสวยๆแล้ว เราแอบโอ้เอ้เลยมาเป็นช่วงเวลาเที่ยงๆ บ่ายๆ

การเดินทางจากสถานี มายังวัดแรกที่ใกล้ที่สุด คือ Nanzenji ก็ยังคงเห็นใบไม้เปลี่ยนสีสองข้างทาง ถามว่าเดินไกลจากสถานีมั้ย ก็พอสมควร แต่คือสวย เย็น เดินเพลิน

และวัดแรกที่เราเข้ามาก็คือวัด Nanzenji คนก็ค่อนข้างเยอะ เราใช้เวลาที่นี่พอสมควร เพราะเราสองคนยังไม่เคยมาถ่ายใบไม้แดงเลย เจอแต่ป่าเขียวบ้านเรา ก็ต้องขอจูนการถ่ายกันหน่อย

สำหรับวัด Nanzenji ถามว่าคนเยอะมั้ย ก็เยอะนะคะ แต่โชคดีอย่างนึงคือ วัดขนาดใหญ่ และมีวัด Eikando (ซึ่งก็ใหญ่มาก) คู่กันสองวัด คนเลยไม่แน่นเท่าแลนด์มาร์กอื่นๆ

แต่เราก็หามุมถ่ายรูปเดียวสวยๆ โดยไม่ติดคนกันได้นะคะ หาฉากหน้าของต้นไม้บังคนไว้ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งง่ายๆ แต่แจ่มมาก

หรือว่าจะลองใช้เลนส์ถ่ายภาพที่มีค่า F เป็นตัวเลขน้อยๆ อย่าง 1.2 ถึง 2.2 ดู ก็ช่วยละลายหลังที่มีคนเดินอยู่ให้หายไปเลยก็ได้นะ

ว่าแล้วเราก็มาดูบรรยากาศในวัด Nanzenji กันค่ะ

มีต้นแปะก๊วยใบสีเหลืองอยู่ด้วย เหลืองตัดแดงนี่สวยจริงๆ

การเดินเล่น nanzenjii ใข้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้ว (เดินอย่างเร็ว ถ่ายรูปนิดหน่อย แต่เราใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ เก็บรายละเอียดหมดวัดเลย)

หลังจากที่เราเดินเล่นในวัด Nanzenji เรียบร้อยแล้ว เราก็ move กันไปที่วัด Eikando ซึ่งระหว่างทางเดินไม่มีร้านอาหารใดใดทั้งสิ้นตามที่เราเตือนกันไปในช่วงต้นแล้ว แต่ยังโชคดีที่มีรถขายมันเผาร้อนๆ ให้อุ่นมือ อุ่นท้อง

และเมื่อเราเดินมาถึงวัด Eikando ก็ตะลึงในความงามของที่นี่มากกกก เราขอยกให้เป็นวัดที่สวยทุกมุม และต้องมีเวลาเยอะจริงๆ

คนก็เยอะเหมือนเดิม ต่อคิวเข้าแถว ซื้อบัตรค่าเข้า 1000 เยนต่อคน ซึ่ง โคตร คุ้ม อ่ะ

หลังจากที่ซื้อค่าบัตรเรียบร้อย ก็เดินเข้ามาที่ประตูนี้ได้เลยค่ะ มาเข้าประตูมิติของวัด Eikando กัน

เมื่อพ้นประตูวัดเข้ามาก็จะเจอตึกแบบนี้ตั้งอยู่

และมองซุ้มด้านขวามือหลังจากเข้ามาว่าทำไมคนเข้ามาถ่ายรูปเยอะจัง ก็เลยร้องอ๋อเลย เพราะเป็นมุมแลนด์มาร์กของที่นี่ ที่เห็นสะพาน อยู่กับเวิ้งน้ำ

มองไกลๆ ก็เห็นอาคารทรงแปลก มีเอกลักษณ์อยู่บนเขา

แต่คนเยอะบางจุดเหมือนเดิมค่ะ

เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณหนึ่งที่ให้ให้ถอดรองเท้าหิ้วเข้าไปชมสถานที่ข้างในด้วย (ทางวัดที่ถุงพลาสติกให้ และคืนถุงตรงทางออกอาคาร) ซึ่งทางค่อนข้างยาว แต่สวยงามมาก คนน้อยกว่าข้างนอกเยอะเลย

เรามองผ่านกระจกก็เห็นนักท่องเที่ยวนั่งชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่

เราเลยตั้งใจไปนั่งชมวิวที่เค้านั่งมองกันอยู่ อื้อหื้ออออ วิวสวย นั่งสบายหายเมื่อยเลย

มาดูมุมถ่ายรูปเพิ่มเติมของวัดกันค่ะ

หากใครหิวขนม อยากทานชาร้อนแก้หนาว ก็เดินมาทางร้านนี้ได้เลยค่ะ (อยู่ในวัด ใกล้ทางออก) สาวๆญี่ปุ่นน่ารักจริงๆ บรรยากาศร้านจะง่ายๆ ที่นั่งคลุมผ้าแดง ตกแต่งร่มแดง ท่ามกลางใบไม้แดง