#หมายเหตุ ๑

ทริปนี้ตั้งแต่มกราคม ยังไม่ได้ทำรีวิว

ที่มารีวิวช่วงนี้เพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลาดอกพญาเสือโคร่งบานแล้ว

ก็รีวิวไว้สักหน่อย เผื่อใครมองหาที่เที่ยวอยู่



#หมายเหตุ ๒

กระทู้นี้ยาว และรูปเยอะ หากใครไม่สะดวกดูกระทู้ยาว ๆ ก็ข้ามไปได้เลยค่ะ



เอาหละ เข้าเรื่อง



มีเวลาแค่เสาร์ อาทิตย์ ใครว่าไม่พอ มันพอค่ะ

พอแบบสบาย ๆ ไม่เหนื่อยด้วย




#ไปกันเถอะ

ฉันกับเขา เรานั่นแหละ จองนกแอร์ไฟลท์เช้าสุดของวันเสาร์ รู้สึกจะเจ็ดโมงครึ่งมั้ง

ส่วนขากลับก็ไฟลท์ดึกสุดของวันอาทิตย์ ทริปดองไว้นานเกินจำเวลาแน่นอนไม่ค่อยได้

ยังไงก็เช็คดูไฟลท์ตามแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยนะค

และจองรถเช่าไว้ของค่ายไทยคาเร้น เป็นโฟร์วิล ลงเครื่องก็รับรถเลย ง่ายสะดวกดี



ก่อนอื่นก็ต้องหาอาหารเช้ากินก่อน สำหรับเราทุกครั้งที่มาเชียงราย

ต้องแวะต้มเลือดหมูจิงจูฉ่าย ร้านเจ้สหรสค่ะ

ชามใหญ่ อร่อยมากมาย ร้านสหรสอยู่แถววงเวียนหอนาฬิกา



อากาศหนาว ๆ ได้สิ่งนี้ ฟินมาก

และอันนี้ โอเลี้ยงใส่นม เขาเรียกอะไรนะ ชอบมาก ชื่นใจมากกกกก

#การเดินทาง

อิ่มหนำสำราญแล้วก็ออกเดินทางกันเลย จุดหมายอยู่ที่ ดอยผาตั้ง เวียงแก่น

ว่าแล้วก็ตั้ง GPS คือการเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย ไปได้ 2 เส้นทาง

เส้นทางแรกจากตัวเมืองเชียงราย ไปทาง อ.เทิง เข้า อ.เวียงแก่น

ผ่านหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว ผ่านทางขึ้นภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน

ไม่ต้องกลัวหลง เป็นเส้นทางหลักไต่เขาไปเรื่อย ๆ มีป้ายบอกตลอด



อีกเส้นทางก็เชียงราย เชียงของ เข้าเวียงแก่น

ผ่านจุดชมวิวบ้านห้วยเอียน มาเรื่อย ๆ ตามทางหลัก ก็เข้าผาตั้ง



ถนนทั้งสองทาง จัดว่าดี ไม่มีอะไรลำบาก



ทริปเราเลือกไปทางแรกค่ะ ทาง อ.เทิง เพราะตั้งตั้งใจแวะหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว

ได้ยินมาว่าพญาเสือโคร่งที่นี่ก็มีไม่น้อย

ก็เดินทางไต่เขาลงห้วยกันมาเรื่อย เส้นเดียวกับที่ไปภูชี้ฟ้าหละค่ะ

จนเข้าเขตบ้านร่มฟ้าทอง จะเห็นป้ายแบบนี้ขวามือ

เลี้ยวขึ้นไปได้เลยค่ะ แต่ทางชันและแคบสักหน่อยนะ

เมื่อไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จะเจอแบบนี้

ไม่มีใครมีแต่เรา โอ๊ะโอ ดีจังเลย

จริง ๆ ช่วงที่เราไป จัดว่าบานไม่เยอะนะคะ คนแถวนั้นบอกว่าอากาศแปรปรวนเลยไม่ค่อยบาน

ปกติแล้วสีชมพูทั้งเขาทั้งดอย เขาว่างั้น แต่แค่นี้เราก็ตื่นตาตื่นใจกันหละ



ขึ้นไปอีกสักหน่อยก็ถึงหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว

ถ่ายรูปกันรัวไป แทบไม่มีใครเลยจริง ๆ

จากตรงนี้ ขับขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเป็นทางขึ้นภูชี้ฟ้าอีกทาง

#ภูชี้ฟ้า

แดดเปรี้ยงเลย แหมก็มาถึงซะเที่ยงเนอะ

ทางขึ้นตรงนี้เห็นว่าเดินใกล้กว่าอีกทางนะคะ เราก็เพิ่งมาครั้งแรก ไม่รู้ว่าทางขึ้นอีกทางนี่จากตรงไหน

อันนี้ขับขึ้นมาจากหน่วยจัดการต้นน้ำหงาวฯ อีกหน่อยเอง

ลานจอดรถว่าง โล่ง ไม่ค่อยมีใคร



นี่หละค่ะทางเดินขึ้น

เรามีมัคคุเทศน์น้อยนำทาง ถามค่านำทาง นางบอกว่าแล้วแต่จะให้

เดินมาเกือบถึง มองไปไกล ๆ เห็นผู้คนขึ้นมาจากอีกฝั่ง ไกลมั้ยหว่า

โอ้ นี่หรือคือภูชี้ฟ้า น่าตื่นตาตื่นใจจัง

ซูมลงไปข้างล่างนั่น แผ่นดินประเทศลาวใช่ไหม ใช่สิเธอ

ถ่ายรูปอ้อยอิ่งสักพัก ก็ลงกันเถอะ ว่าแต่อ้อยอิ่งนี่ใคร?

แหม่ มาถึงข้างล่างก็นี่เลย "โผเอาแคเราะมาฝาก หยักให้เธอได้กิน"

โอเค ดูโชว์กันไป นั่นไงเสียเงินเลย เอาน่า เด็ก ๆ น่ารักดี ทำให้เรารื่นเริงแจ่มใส

ควักให้เป็นค่าขนมไป ๑๐๐ บาท ส่วนมัคคุเทศน์น้อยก็ให้นางไป ๓๐๐ บาท

นางน่ารัก ดีใจใหญ่วิ่งเอาตังส์ไปให้แม่เก็บ แม่นางขายมาม่า ขายน้ำดื่มอยู่ตรงทางขึ้นแหละ

#ผาตั้ง

ลงกลับมาก็ตรงไปผาตั้งเลยละกัน เราไม่เคยมาแถวนี้เผื่อเวลาไว้สำหรับการหลงทางสักหน่อย

ปรากฎไม่หลงแฮะ ยาวไป ๆ ก็นะ ตามเส้นทางหลักไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีปัญหา

เราตรงเข้าที่พักกันเลย ตอนนั้นราวบ่ายสองได้มั้ง จองผาตั้งฮิลล์ไว้

ราคาเมื่อมกราคม 1,400 บาทสำหรับสองคนรวมอาหารเช้า

ที่พักก็โอเคในระดับนึง สะอาดสะอ้านดี วิวงาม ใกล้ทางขึ้นดอยผาตั้ง



ห้องพักก็ประมาณนี้ค่ะ

ไม่มีแอร์นะ มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีข้าวของอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานทั่วไป

อากาศช่วงนั้นหนาวมากกกกกก กี่องศาไม่รู้ แต่เราอ่ะหนาวจนตัวแข็ง



วิวหน้าห้องก็แบบนี้

เช้ามาเจอหมอกนิดนึงจากวิวหน้าห้องมองไปไกล ๆ

#มื้อเที่ยงรวบมื้อบ่าย

เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ต้องหาอะไรกินหละ บ่ายสองกว่าแล้ว

ทีแรกก็กะว่ากิน ณ ที่พักนั่นแหละ ก็เห็นว่าเขาขายอาหารด้วยนี่นา

ปรากฎว่า แม่ครัวหายค่าาาาา ไปไหนไม่รู้

พนักงานเลยแนะนำร้านใกล้ ๆ ให้ ซึ่งใกล้กันมาก ห่างกัน ๕๐ เมตรได้มั้ง นี่เลย

ร้านนี้วิวดี๊ดี

แถวนี้ล้วนเป็นร้านอาหารแนวจีน ๆ แหละ จีนยูนานมั้งนะ

ที่จริงเราไม่ถนัดแนวนี้เลย แต่กินไปเถอะ

ไปที่ไหนควรต้องทำกลมกลืนอยู่ง่ายกินง่ายนะ

จะได้ไม่เป็นภาระคนข้าง ๆ เนอะ



นั่งปุ๊บ ยกชามาเสริฟก่อนเลย ชาอะไรไม่รู้ห๊อมหอม

อาหารนั้นเขาว่าอะไรอร่อยก็อันนั้นแหละ



อันนี้ขาหมู เรานึกว่ามาเป็นขา ๆ แต่ปรากฎมาเป็นชิ้น ๆ อร่อยนะเออ เนื้อนุ่มบอกไม่ถูก

อันนี้เขาเรียกซุปเปรี้ยว เป็นผักดองแต่ผักอะไรไม่รู้นะ

เจ้าของร้านก็บอกแหละ แต่ถึงบอกฉันก็ไม่รู้จักอ่ะสิ เออ แล้วจะถามทำไมหว่า

อร่อยค่ะ อันนี้น้ำซุปอร่อยมาก แต่ตัวผักนั้นเหนียวอ่า

อันนี้ฉันชอบ อิอิ

ไข่เจียว ไปที่ไหนฉันต้องกิน สิ่งนี้จำเป็นสำหรับฉันเลย

อิ่มหนำสำราญ จะไปไหนต่อดี เหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกบนดอยผาตั้ง



ระหว่างกินข้าวก็เปิดหาข้อมูลไปเรื่อย

เอ๊ะ! เขาว่าโรงเรียนบรรพตวิทยามีเสือโคร่งเพียบเลย

โรงเรียนก็อยู่แถวนี้นี่นา ในรีวิวว่างั้น อย่ากระนั้นเลย ถามเจ้าของร้านละกัน



คำตอบ นั่นไงเลยร้านตรงไปอีกหน่อยก็ถึงหละ

แต่ปีนี้อากาศแปรปรวนนะ บานไม่เยอะ บางส่วนก็ร่วงไปแล้ว



อ่ะ ไม่เป็นไร ใกล้แค่นี้ยังไงก็ลองไปดู

#โรงเรียนบรรพตวิทยา



ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนสีชมพู

บรรพตวิทยาอยู่ที่หมู่บ้านผาตั้ง หาไม่ยาก อยู่บนทางสายหลักของหมู่บ้าน

เลยทางขึ้นจุดชมวิวผาตั้งมาหน่อย ขวามือก็เห็นป้ายโรงเรียน

ขึ้นไปได้เลย เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีต้นพญาเสือโคร่งแทบจะทุกตารางนิ้ว

ถ้าบานพร้อมกัน จะสะพรั่งพราวไปทั้งโรงเรียน



แต่อย่างที่บอก ปีนี้อากาศไม่เสถียร พญาเสือโคร่งจึงไม่เสถียรไปด้วย

แต่ก็ไม่น้อยหรอกนะที่ฉันได้พบเจอ



และแน่นอน บรรพตวิทยาก็ไม่มีคนเช่นกัน



นี่ขนาดบานไม่เยอะนะ

ก็อิ่มใจกันไป



กลับลงมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่ห้องพัก สักราว ๆ ห้าโมงเย็นก็ไปขึ้นดอยผาตั้งกันค่ะ

ไปดูพระอาทิตย์ตกกันเถอะ เขาว่า พระอาทิตย์ตกที่นี่ง๊าม งาม จริงไหมหนอ

#ดอยผาตั้ง

ทางขึ้นก็อยู่ใกล้ที่พักหละค่ะ แค่ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลกันเลย

ขับขึ้นไปผ่านโครงการหลวงผาตั้ง พรุ่งนี้เช้าจะมาโครงการหลวงฯอีกที

ขึ้นไปเจอลานจอดรถแบบนี้ ตรงนี้มีลานกางเต๊นท์ด้วย

เมื่อมกรากำลังปรับพื้นที่อยู่ ตอนนี้น่าจะสะดวกขึ้นเยอะ

ดอยผาตั้งเป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง

สันปันน้ำเป็นจุดแบ่งอาณาเขตระหว่างประเทศไทย-ลาว

สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,635 เมตร



ยอดดอยเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก

รวมถึงทะเลหมอกยามเช้า



แต่เช้านั้นฉันหนาววววนะพี่ชาย เลยตื่นมาดูทะเลหมอกไม่ไหว ยอมแพ้



ก็เอาบรรยากาศดูพระอาทิตย์ตกอย่างเดียวละกันเนาะ

จอดรถแล้วจะมีชาวบ้านท้องถิ่นมาถามว่าสนใจใช้มัคคุเทศน์ไหม

คือ เราจะเอาหรือไม่เอาก็ได้แหละ ถ้าเอาก็ให้สตังค์เขาตามแต่เราสะดวกใจ

เราตกลงเอา เพราะเราไม่เคยมา ก็อยากคุย อยากได้ข้อมูลบ้างอะไรบ้าง

และก็อยากสนับสนุนไกด์ท้องถิ่นด้วย (เราให้เขา ๓๐๐ บาท)



จุดเที่ยวชมบนดอยผาตั้งมีดังนี้



จุดที่ 1 ประตูผาบ่อง

จุดที่ 2 ศาลาเก๋งจีน

จุดที่ 3 พระพุทธรูป

จุดที่ 4 ป่าหินยูนาน

จุดที่ 5 ช่องผาขาด

จุดที่ 6 เนิน 102

จุดที่ 7 เนิน 103



แต่ละจุดห่างกันไม่เยอะค่ะ ไม่กี่สิบเมตร



ถ้าขี้เกียจเดินก็จ้างม้าก็ได้นะ ขี่ม้าชมดอย เท่ไม่เบา

ราคาคนละ สองสามร้อยนี่หละ (ไม่มั่นใจนะ) แต่ฉันก็แอบสงสารม้านะ ไต่ขึ้นลงเขาน่าจะเหนื่อย

เอาหละ เดินขึ้นกันเลย จุดแรก ประตูผาบ่อง



ผ่านประตูไปเจอวิวแบบนี้ นั่นคือฝั่งประเทศลาว

จากประตูผาบ่องถัดมาอีกนิด เป็นศาลาเก๋งจีน

ภายในศาลา เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นป้ายนี้

ฉันถามไกด์ท้องถิ่น ในหลวงเคยมาที่นี่ไหม

เขาตอบ เคย พระองค์ท่านเสด็จมาเยี่ยมประชาชน

มาเป็นขวัญและกำลังใจ ในสมัยที่แถบนี้ยังมีการสู้รบกับ ผกค.

พระองค์พระราชทานผืนแผ่นดินให้ได้อยู่อาศัย

และพระราชทานนามสกุลให้กับชาวเขาที่นี่ด้วย....



ก็มีที่ไหนบ้างเล่าที่ในหลวงไม่เคยเสด็จ

ถัดจากศาลาเก๋งจีน ก็เป็นลานพระพุทธรูป ซึ่งหันหน้าไปทางฝั่งลาว

จะมีเด็ก ๆ ทำช่อดอกไม้มาขาย ก็รวบ ๆ เอาจากดอกไม้แถว ๆ นั้นหละ

สิบบาทยี่สิบบาท เราไม่คิดอะไรมากถือว่าให้เป็นค่าขนมเด็ก ๆ ไปเนอะ



เดินชมวิวถ่ายรูปไปเรื่อย



แดดยามเย็น อบอุ่นดีนะฉันว่า

ช่องผาขาด

เมื่อเดินผ่านเข้าไป วิวตรงหน้าก็แบบนี้

เห็นแม่น้ำโขงนั่นไหม ไกด์บอกว่าอีกฝั่งฟากน้ำนั้นคือหลวงพระบาง

ฉันคิดถึงหลวงพระบางอีกแล้ว เมืองที่ฉันหลงใหล

ขึ้นไปบนเนินสูงสุดกันเถอะ พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ผู้คนขึ้นกันมาพอสมควร

แต่ก็ถือว่าน้อยนะ ถ้าเทียบกับหลาย ๆ ที่ในฤดูท่องเที่ยว

คนที่นี่บอกว่า

พระอาทิตย์ขึ้นที่หลวงพระบางและตกที่เชียงราย



จริงสินะ ก็ฝั่งตะวันออกข้ามโขงไปคือหลวงพระบาง

หันกลับมาฝั่งตะวันตก

มองลงไปข้างล่าง ที่ที่เราขึ้นมา

อาทิตย์ลับลาไปแล้ว แต่แสงยังทาบทาท้องฟ้าอยู่บ้าง

ข้างล่างเขาทำอะไรกัน นั่นควันหรือหมอก

ค่ำแล้วลงกันเถอะ มืดกว่านี้มองทางไม่เห็นเดี๋ยวจะตกเขาเอา

พระอาทิตย์ตกที่ผาตั้งสวยมากมาย และก็ทำให้ฉันคิดถึงหลวงพระบางมากมายเช่นกัน

เกี่ยวมั้ย? เกี่ยวสิ ก็มองข้ามโขงไปอยู่ลิบ ๆ ปลายสายตานั่นหลวงพระบางที่ฉันผูกพัน

ลงเถอะ ก่อนจะเพ้อไปกว่านี้

กลับลงมายังที่พัก อากาศหนาว ๆ กับดาวจาง ๆ

น้ำเนิ้มไม่อาบหละ หนะ หนาววววว

สั่งข้าวไข่เจียวร้อน ๆ มากินก่อนนอนมันฟินมากนะเธอ

ประมาณเกือบตีห้ามั้ง ได้ยินเสียงคนอื่น ๆ เขาตื่นขึ้นไปดูทะเลหมอกกัน

ส่วนฉันนั้น ไม่ไหวค่ะ หนาวจนลากตัวออกจากผ้าห่มไม่ได้ ขอนอนต่อละกัน



ตื่นอีกทีตะวันก็ขึ้นมาไกลโพ้นแล้ว

เดินหามุม หาหมอกละแวกนั้นได้มานิดนึง

ไปกินมื้อเช้ากันดีกว่า

อาหารเช้าก็ง่าย ๆ ข้าวต้มเห็ดหอมอร่อยมาก ไข่ต้ม ชา กาแฟ

ที่สำคัญคือ ปาท่องโก๋ ไม่รู้ปาท่องโก๋สูตรไหน แต่โคตรอร่อยเลย

อิ่มแล้ว เก็บของเช็คเอาท์ไปโครงการหลวงผาตั้งกัน



ระหว่างเส้นทางในเช้านี้ก็มีหมอกงาม ๆ ให้เห็นทั่วไป

#โครงการหลวงผาตั้ง

เดิมเป็นหน่วยย่อยของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง

เริ่มเข้ามาดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของเกษตรกรครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปีพ.ศ.2547

โดยได้ทำการทดสอบและผลิตพืชผักเมืองหนาว

ต่อมาในปีพ.ศ. 2549 ได้ทำการส่งเสริมและผลิตพืชผักเมืองหนาว

ไม้ผลเมืองหนาวและการผลิตเมล็ดพันธุ์ผักอย่างจริงจัง

และในปี พ.ศ. 2550 ชาวบ้านหมู่บ้านผาตั้ง บ้านร่มฟ้าผาหม่นและบ้านศิลาแดง

ได้ถวายฏีกา ทูลหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง

เพื่อช่วยส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่ชาวบ้าน พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

และอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และต้นน้ำให้คงสภาพสมบูรณ์



ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2550

หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้เสด็จ มายังบ้านผาตั้ง

และได้โปรดให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้งขึ้น

โดยชาวบ้านได้ยกพื้นที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์บ้านผาตั้งพื้นที่ 50 ไร่ ให้เป็นที่ตั้งของศูนย์



#ข้อมูลจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงฯ



http://royalprojectthailand.com/phatung

ตัวโครงการหลวงฯอยู่เส้นขึ้นดอยผาตั้ง จากปากทางขึ้นดอยประมาณ 1 กิโลเมตร

ขวามือมีป้าย เลี้ยวลงไหล่เขาไปหน่อย หาไม่ยากค่ะ

#ช่วงที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว

ฤดูฝนและฤดูหนาว กรกฏาคม - กุมภาพันธ์

เพราะเป็นช่วงที่อาการศดีสุด สดชื่น

มีหมอกปกคลุม และผลผลิตต่าง ๆ จะผลิดอกออกผลในช่วงนั้น

เช่น องุ่น สตรอเบอรี่ผัก ผลไม้อื่น ๆ มากมาย



ช่วงมกรา ถึงต้นกุมภาพันธ์

มีดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง

แต่อย่างที่บอก มกราที่ผ่านมาอากาศปรวนแปร ผลผลิตปีนี้จึงมีน้อย



นี่ ต้นพญาเสือโคร่งที่ควรจะบานสะพรั่งในตอนนี้ ก็โกร๋นอย่างที่เห็น

เราจึงได้เห็นแต่ผัก

องุ่น สตรอเบอรี่ หายจ้อย

ในพื้นที่โครงการหลวงฯมีที่ให้กางเต๊นท์

แต่ไม่มีบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวนะคะ (เคยมี แต่ช่วงที่ไปรู้สึกจะปิดปรับปรุง)



หลังนี้หละค่ะ เคยเห็นรีวิวว่าเมื่อก่อนเปิดให้เข้าพักได้

แต่สามารถหาที่พักได้ละแวกนั้นค่ะ ผาตั้งมีที่พักเยอะแยะเลย



เดินทางกันต่อเถอะ

จุดต่อไปโครงการหลวงห้วยแล้ง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการหลวงผาตั้ง ราว ๆ 15 กิโลเมตร



แต่เดี๋ยวก่อน เราผ่านทางขึ้นภูชี้เดือน ภูชี้ดาว นี่นา แวะกันสักหน่อย สักภู

เลือกภูชี้เดือนนี่หละ น้องใหม่หมาด ๆ เพิ่งเปิดตัวธันวา 59 นี่เอง

#ภูชี้เดือน



เจอแยกนี้แวะเลย

เข้าไปติดต่อสอบถามกันก่อน เพราะฉันเองก็มิได้หาข้อมูลอะไรมา

เพิ่งนึกได้ว่าควรแวะก็ตอนขับรถผ่านนี่หละ



สอบถามก็ได้ความว่า

ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถริมทาง แล้วจ้างรถชาวบ้านขึ้นมา ซึ่งมีจอดรอบริการอยู่

ชาวบ้าน คนขับรถนี่หละ จะเป็นไกด์ท้องถิ่นด้วย

ค่ารถถ้าเหมาก็คันละ 500 บาท ถ้าหลายคนคิดคนละ 100 บาท

ระยะทางไต่ขึ้นประมาณ 3 กิโล



ที่จอดรถมีจุดชมวิว ตอนนั้นกำลังสร้างอยู่ ตอนนี้น่าจะเรียบร้อยหมดแล้ว

โอเค เหมาไปโลด 500 บาท รถแบบนี้ค่ะเธอ

ทำไมขับขึ้นเองไม่ได้?

ขอบอกว่า ทางขึ้นอันตรายมาก อย่าได้คิดขึ้นเองเด็ดขาด



ทางแคบ ชัน รถสวนกันไม่ได้ สองข้างทางเป็นหุบเหว พลาดนิด ร่วงนะเออ

และ เป็นถนนลูกรัง บางช่วงเป็นกรวด บางช่วงลื่นพร้อมไหลตลอดเวลา

ถ้าไม่ใช่คนชำนาญอย่างชาวบ้าน อย่าริอ่านเชียว

มาถึงลานจอดรถด้านบน ก็เดินขึ้นไปอีกหน่อย

มองลงมาตรงลานที่รถรับจ้างมาจอดจะเป็นแบบนี้

มองไปเห็นยอดแหลม ๆ อยู่ลิบ ๆ นั่นคือภูชี้ฟ้า

ไม่ได้คาดหวังหรอกนะคะว่าจะเจอหมอก เพราะเวลานั้นก็ใกล้เที่ยงแล้ว แดดเปรี้ยง



แต่เมื่อขึ้นไปถึง!



ตะลึงสิคะ โอ๊ะ โอวววว หมอกแน่น แน่นมาก

ก็สงสัยนะย่านนี้อยู่ทางเหนือ ทำไมไม่เรียกดอย

ทำไมถึงเรียกกันว่า ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน

ซึ่งคำว่าภู เป็นคำเรียกของทางอีสานนี่นา



ถามไถ่ได้ความว่า เป็นการเรียกตามฝั่งลาว

เพราะแนวเทือกเขานี้อยู่ระหว่างพรมแดนไทย ลาว

ทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย แต่ยอดส่วนใหญ่อยู่ในเขตลาว



ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า เส้นกั้นวัดกันที่น้ำฝนไหลลงจากสันเขา

คือส่วนที่ไหลลงฝั่งไทยถือเป็นแผ่นดินไทย

ส่วนที่ไหลลงฝั่งลาวให้ยึดว่าเป็นแผ่นดินลาว



ภูชี้เดือน สามารถเห็นวิวได้ 360 องศา

ฝั่งที่หมอกหนานั่น คือ ลาว

หันหลังกลับมาฝั่งไทย หมอกหายไปไหน

ยังค่ะ เรายังขึ้นไม่ถึงยอดสูงสุด

ก็ขึ้นอีกนิดเดียวแหละ

ถึงแล้ววววว

เด็กน้อยแถวนี้ก็ขึ้นมาวิ่งเล่น 5555

ยาวไป ๆ

ภายใต้ม่านหมอกนั้นคือแผ่นดินลาว

แทบจะสำลักหมอกกันเลยนะเธอ

อิ่มหมอก อิ่มมาก ไม่คาดคิด ไม่หวังแต่กลับเจอแบบอลังการงานสร้าง

กลับลงมาด้วยความอิ่ม



#โครงการหลวงห้วยแล้ง

กลับลงมาจากภูชี้เดือนก็มุ่งไปโครงการหลวงห้วยแล้ง

ตั้ง GPS ยาวไป ค่ะ ยาวไป ไปไหนไม่รู้ พาเราหลงไปตั้ง 70 กิโล

สุดท้ายปิด GPS และถามทางชาวบ้านเอา ถึงได้บรรลุเป้าหมาย

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง

ตั้งอยู่ที่บ้านปอกลาง หมู่ที่ 5 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย



"เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เสด็จพระราชดำเนินโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสมถวิลจินตมัย

ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2539

ครั้งนั้นผู้ใหญ่บ้านห้วยแล้ง ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานให้โครงการหลวง

เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีอาชีพที่มั่นคง เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว



และมูลนิธิโครงการหลวงเห็นชอบ จึงให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง

ที่บ้านปอกลาง หมู่ที่ 5 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

ขึ้นมาเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอีกแห่งหนึ่ง

โดยประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.แซมแจ่มจรัส รัชนี

เป็นผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง

เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2542 เป็นต้นมา"



#ข้อมูลจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง



ที่บ้านห้วยแล้งขึ้นชื่อเรื่ององุ่นไร้เมล็ดที่คุณภาพสูง

ทั้งของโครงการหลวงฯเองและของชาวบ้านที่ได้รับความรู้

การสนับสนุนส่งเสริมจากโครงการหลวงฯ

#ช่วงที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว

ฤดูฝนและฤดูหนาว กรกฏาคม - กุมภาพันธ์



เพราะเป็นช่วงที่อาการศดีสุด สดชื่น มีหมอกปกคลุม และผลผลิตต่าง ๆ

จะผลิดอกออกผลในช่วงนั้น เช่น องุ่น สตรอเบอรี่

ผัก ผลไม้อื่น ๆ มากมาย



** แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรสอบถามทางโครงการหลวงล่วงหน้า

เพราะบางปีที่อากาศแปรปรวน ผลิตผลต่าง ๆ จะค่อนข้างมีน้อย (เช่นปีนี้ แทบไม่มีผลผลิตเลย)

แค่ได้เดินดูผัก ฉันก็มีความสุข

เด็กน้อยมาช่วยงานแม่ ช่วยบ้างเล่นบ้างดูมีความสุข

ในพื้นที่โครงการหลวงฯมีที่ให้กางเต๊นท์

ส่วนบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวนั้น ตามที่โครงการหลวงฯแจ้งไว้ มี 1 หลัง

แต่ควรสอบถามล่วงหน้าค่ะ

ร้านอาหารละแวกโครงการหลวง ไม่มี ควรเตรียมไปเอง

ทางศูนย์มีครัวสำหรับให้ทำอาหารกันเองได้ค่ะ



*** ที่โครงการหลวงห้วยแล้ง เงียบ สงบ สงัด

ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียวในช่วงที่เราไป มีแต่คนทำงานเท่านั้น



โดยส่วนตัวฉันคิดว่า น่าจะเหมาะสำหรับคนที่จะมากางเต๊นท์

นอนชมเดือนชมดาว ชมทะเลหมอกจากหุบเขาเบื้องล่างยามเช้า

และชมวิถีชีวิตเชิงเกษตร



แต่หากไม่สะดวกพักโครงการหลวงฯ

แนะนำหาที่พักย่านบ้านผาตั้งค่ะ มีให้เลือกเยอะ

โครงการหลวงฯทุกที่ ฉันมีความสุขเสมอ

กลับเข้าตัวเมืองเชียงรายทางเส้นเชียงของ ขับกันสบาย ๆ ไม่รีบร้อน

ไฟลท์กลับเราราว ๆ 4-5 ทุ่มโน่น ยังมีเวลาเหลือ ๆ

แวะชมวิวแม่น้ำโขงไปเรื่อย

มาเจอร้านนี้ริมถนนและริมโขงด้วย แวะสิคะ กำลังหิวกาแฟ

เข้าไปดูปรากฎเขาขายอาหารด้วย ประเภทสเต๊กไรงี้ค่ะ อ่ะ จัดไป

อาหารโอเคค่ะ อร่อยดี ราคาไม่แพง สเต็กนี่รู้สึกจะ 100+

วิวดีงาม สบายตา

ร้านพาโนรามาคอฟฟี่อยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวห้วยเอียนค่ะ

ใครเดินทางไปภูชี้ฟ้าผาตั้งเส้นเชียงของก็ต้องผ่าน หิว ๆ เหนื่อย ๆ แวะพักสายตาก็โอเคนะคะ

ลากระทู้นี้ด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ

จริง ๆ มีต่อในเมืองก่อนขึ้นเครื่องอีกหน่อย แต่พอก่อนดีกว่า

นี่ก็ยาวมากไปแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมกระทู้ยาว ๆ ค่ะ

พบกันใหม่กระทู้หน้า ยังดองไว้อีกเพียบเลย

Paramee Na Prasri

 วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.10 น.

ความคิดเห็น