บรรยากาศหนาวๆแบบนี้ เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะมองหาธรรมชาติสวยๆ และสถานที่ที่สงบๆและเส้นทาง ปาย-ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอนก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์สำหรับเราได้ดีจริงๆ นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมหลายๆอย่างให้เราได้ทำและเรียนรู้อีกด้วย

ที่จริงเมืองปายเรามาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วนะแต่มาทีไรก็ยังตกหลุมรักที่นี่ทุกที และครั้งนี้เราก็ยังได้ไปสถานที่ใหม่ๆที่เรายังไม่เคยไปอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไปแช่ออนเซ็นที่น้ำพุร้อนไทรงาม ไปกินขาหมูยูนนานที่หมู่บ้านสันติชล ไปเดินเล่นชิลๆที่ถนนคนเดินตอนกลางคืน ไปดูความมหัศจรรย์ที่กองแลน ไปดูวิวสวยๆที่วัดพระธาตุแม่เย็น และที่สำคัญคือได้ไปกางเต็นท์นอนดูดาวที่‘ปางอุ๋ง’สถานที่สุดโรแมนติก:) กับทริป 3วัน2คืน

"ติดตามภาพถ่ายอื่นๆได้ที่^^

เพจ>>https://www.facebook.com/wejourneys

Instagram>> https://www.instagram.com/ou.wejourney

Day1

เราเริ่มออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยรถยนต์ ตั้งแต่ 8โมงเช้า ใช้เส้นทางหลวง 107 ผ่าน อ.แม่ริม อ.แม่แตง จนถึงแยกแม่มาลัยเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1095 สู่ถนนเส้นแม่มาลัย-ปาย ระยะทางประมาณ 103 กม.ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

เราขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงที่กองแลนประมาณ 11.00น. กองแลนมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ที่นี่ถือได้ว่าเป็น Grand Canyon เมืองปายเลยทีเดียว

บรรยากาศโดยรอบจะมีลักษณะคล้ายหน้าผา เป็นทางเดินแคบๆ ไม่มีที่กั้น ควรใช้ความระมัดระวังในการเดิน

ที่นี่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล และก็เป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่ต่อไปที่เราไปกันคือ วัดพระธาตุแม่เย็นวัดอยู่ห่างจากกองแลนไม่มากค่ะขับมาประมาณ 9 กม. ก่อนที่เราจะขึ้นไปบนวัดเราแวะกินข้าวที่ร้าน ‘sunset view’กันก่อน ร้านนี้จะอยู่ตรงทางขึ้นวัดพอดี วิวร้านนี้สวยมาก

คุณป้าเจ้าของร้านแนะนำเมนูนี้ให้เรา ‘ข้าวผัดสับปะรด’ พร้อมกับตกแต่งจานมาให้เราหน้าตาน่ากินเลยทีเดียว นอกจากหน้าตาน่ากินแล้วรสชาติยังอร่อยอีกด้วยนะ

กินกันเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปไหว้พระกัน วัดพระธาตุแม่เย็นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองปาย ขึ้นไปด้านบนจะมีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่สวยงามมากและยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอปายได้กว้างไกลสุดสายตา

หลังจากที่เราไหว้พระกันแล้วเราขับรถกลับเข้าเมืองไปเช็คอินที่พักกันก่อน เราพักกันที่ ‘Canary Guesthouse’ค่ะ จองผ่านแอพ Agoda ราคา780บาท ต่อคืน ติดริมน้ำปายและสามารถเดินไปถนนคนเดินได้ใกล้ๆ

เช็คอินที่พักเรียบร้อยเราก็ไปเที่ยวที่ ‘หมู่บ้านสันติชล’ กันต่อ ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 4.5 กม. เมื่อเราเดินเข้าไปในหมู่บ้านสันติชล เราจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเหมือนประเทศจีนเลย เพราะลักษณะของการตกแต่งสถานที่จะเป็นสไตล์จีนยูนนานทั้งหมด

ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น นั่งชิงช้าแบบชาวเขาที่คล้ายกับชิงช้าสวรรค์ของไทย, ขี่ม้าชมหมู่บ้าน, มีร้านให้เช่าชุดแต่งกายเป็นชาวจีนเพื่อให้เราได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก

และที่พลาดไม่ได้คือที่นี่มีร้านอาหารจีนยูนนาน ซึ่งมีเมนูเด็ดที่ใครมาก็ต้องสั่งคือ ขาหมูยูนนาน-หมั่นโถว รสชาติแบบดั้งเดิมอร่อยมากต้องลอง

หลังจากที่เรากินข้าวกันเรียบร้อย เราก็มีแพลนที่จะไปแช่น้ำพุร้อนกันต่อ จากหมู่บ้านสันติชลถึงน้ำพุร้อนระยะทางประมาณ 16 กม. เราขับรถมาเรื่อยๆจนถึงทางเข้าอุทยานจะมีค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท

และขับรถเข้าไปอีกหน่อยจะเจอ ‘น้ำพุร้อนไทรงาม’ค่าเข้าน้ำพุร้อนคนละ 20 บาทเหมือนกันค่ะ ‘น้ำพุร้อนไทรงาม’ เป็นบ่อน้ำผุดขึ้นตามธรรมชาติ นอกจากน้ำจะใสมากแล้ว อุณหภูมิของน้ำยังอุ่นพอดี ไม่ร้อนจนเกินไป

ที่นี่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมานอนแช่น้ำชิลๆกัน

ตกเย็นเรากลับมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินปายกัน

ที่จริงเราเที่ยวปายครั้งนี้เป็นครั้งที่3แล้ว แต่ความรู้สึกตกหลุมรักเมืองนี้ยังคงเหมือนเดิม ถนนคนเดินคนคึกคักเหมือนเดิมของกินเพียบที่สำคัญอร่อยด้วย

เราเดินเล่น แวะชิมของอร่อยๆกันจนทั่วแล้วก็กลับห้องพักผ่อน

Day2

เราตื่นกันตั้งแต่6.30 ไปหาอะไรกินตอนเช้าที่ร้าน 'witching well' กัน ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ถนนคนเดินเป็นร้านอาหารฟิวชั่นเก๋ๆที่มีการตกแต่งในคอนเซ็ปต์ “แม่มด”ด้วยนะ เราสั่งomlet มากินกัน รสชาติใช้ได้เลยย

กินเสร็จแล้วก็มาเดินเล่นกันต่อตอนเช้าที่นี่บรรยากาศดีมาก ถึงร้านค้าจะยังไม่เปิดมาก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินเล่นกันคึกคัก

เราเดินมาเจอร้านร้านกาแฟเล็กๆที่ชื่อว่า 'Chor' มีสัญลักษณ์เป็นพี่หมีตัวใหญ่ๆอยู่หน้าร้าน ในร้านมีชากาแฟ ขนมเค้ก และของที่ระลึกน่ารักๆวางขายด้วย

หลังจากเราชิมขนมกันจนอิ่มแล้ว เราก็กลับไปเช็คเอาท์ที่พักและออกเดินทางไปปางอุ๋งกันต่อจากตัวเมืองปายไปปางอุ๋งใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมง พอถึงปางอุ๋งเราจอดรถสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านหน้าทางเข้าเรื่องเต็นท์ เจ้าหน้าที่บอกให้เราเข้าไปติดต่อด้านในได้เลย เราจองเต็นท์ไว้ เป็นเต็นท์ของเอกชน แต่กางในอุทยานนะคะ ติดต่อคุณกิ๊ก 061-6619428 เต็นท์เล็กราคา250บาท นอนได้2คน เต็นท์ใหญ่ราคา500บาท

เอาของไปเก็บที่เต็นท์เรียบร้อยเราก็เริ่มออกสำรวจรอบๆปางอุ๋งกัน

ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการล่องแพชมความงานของปางอุ๋ง ค่าแพ150฿ นั่งได้2คน ใช้เวลาไป-กลับประมาณ30นาที เป็นอะไรที่ฟินมากนั่งดูธรรมชาติไปเรื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบมาก

หลังจากล่องแพแล้วเราก็มาเดินเก็บภาพกันต่อจนถึงค่ำแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน อากาศหนาวๆแบบนี้คงจะไม่พ้นนี่เลย 'หมูกระทะ' มีให้บริการอยู่ใกล้ๆจุดกางเต็นท์เลยค่ะ ในราคาชุดละ 300฿ มีทุกอย่างให้พร้อม กินหมูกระทะท่ามกลางธรรมชาติโอบล้อม ที่อุณหภูมิประมาณ17องศาเป็นอะไรที่ฟินมาก..ต้องลอง!

ตกกลางคืนเราออกมาตั้งกล้องถ่ายดาว มองขึ้นไปบนฟ้าเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ

Day3

วันนี้เราตื่นขึ้นมาถ่ายรูปกันแต่เช้า ถึงหมอกจะไม่เยอะแต่อากาศดีมาก นั่งสูดอากาศบริสุทธิ์กันสักพัก ก็เดินออกไปหาอะไรกินกันตรงทางเข้าปางอุ๋ง แถวนั้นจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ โฮมสเตย์ไว้บริการอยู่

เราเดินมาเจอร้านนี้เห็นมีคนนั่งกินกันเยอะ ดูน่าอร่อยดี เราสั่งไข่กระทะ ข้าวต้ม ไข่ลวก มากินกัน มื้อนี้หมดไป90 บาทค่ะ

เราเดินเล่นในหมู่บ้าน แวะดูของที่ระลึก หลังจากนั้นก็เดินทางกลับเชียงใหม่กันค่ะ

::::ขอบคุณทุกคนที่ติดตามการเดินทางและภาพถ่ายของเรานะคะ◡̈แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ:::

we journey

 วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.45 น.

ความคิดเห็น