สวัสดี เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกท่านครับ ช่วงนี้เริ่มจะเข้าสู่บรรยากาศหน้าหนาวกันบ้างแล้ว

เพื่อนๆหลายคนคงกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวเหนือหรือขึ้นดอยกัน

เพื่อไปสัมผัสอากาศเย็นและสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด แต่เดี๋ยวก่อน วันนี้ผมมีทริปสั้นๆง่ายๆใกล้ๆกรุงมาให้ชมกัน

กับทริป 24 ชม. กับการไปดีท็อกซ์ปอด ที่ วังน้ำเขียว

ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ถิ่นดินแดนอีสานของเรานี่เองครับ เผื่อไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนไม่อยากขับรถไกลๆ

แต่มีบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง และได้สัมผัสอากาศเย็นสบายๆกันครับ

มาเริ่มออกเดินทางไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ชุ่มปอด ที่ วังน้ำเขียว กันเถอะ

ปล. รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ผมได้รับมาจากการท่องเที่ยวนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

ปล.2 อาจมีรูปคนเข้าไปบ้าง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสถานที่นั้นๆ ที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลครับ


ทริปนี้ผมเดินทางไปมาตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2557 ซึ่งเกือบจะครบปีแล้ว พึ่งได้มารีวิวให้ชมกัน

การเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปยัง วังน้ำเขียว นั้นสามารถเดินทางไปได้หลายเส้นทาง

ไม่ว่าจะไปเส้น จ.สระบุรี หรือ เส้นนครนายก แต่ผมเลือกที่จะไปเส้นมอเตอร์เวย์ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยที่สุดครับ

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ผ่านด่านลาดกระบัง

เลี้ยวซ้ายออกทางออกฉะเชิงเทราเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 304

วิ่งผ่านฉะเชิงเทรา พนมสารคาม ถึง สี่แยกกบินทร์บุรี ให้ตรงไปผ่านแยกนาดี ผ่านอุทยานแห่งชาติทับลาน

วิ่งตรงมาสู่วังนํ้าเขียว ซึ่งเป้าหมายของเราในวันนี้จะอยู่ในบริเวณเขาแผงม้า วังน้ำเขียว ครับ

ใช้เวลาเดินทางในวันนี้นานมากกกกกกก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว และถนนสายที่เลี้ยวลงจากมอเตอร์เวย์

มายัง จ. ฉะเชิงเทรา ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ว่า ณ ปัจจุบัน สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ จากที่วิ่งผ่านไปเส้นนั้นมาล่าสุด

วิ่งมาถึง วังน้ำเขียว ก็เลี้ยวซ้ายเข้ามายัง เขาแผงม้าได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวเลยนะครับ เพราะมีป้ายรีสอร์ทเยอะเหลือเกิน

จากพิ้นถึงยอด น่าจะสูงเกือบ 10 เมตรได้ใช้เวลาเดินทางมาจนเหนื่อย ก็ต้องแวะเติมพลังกันครับ

ก่อนมาก็หาร้านที่เค้าว่าอร่อยไว้ลองมากินดูบ้าง

วันนี้เลยขอมาลองที่ ครัวอิ่มสุข... ซึ่งขับเข้ามาทางเขาผงม้า ซักพัก ก็จะเจอตั้งอยู่ซ้ายมือครับ

ร้านอาหารนี้สามารถมองดูวิวบริเวณนี้ได้ด้วยครับ วิวถือว่าโอเคเลยยย มาดูหน้าตาอาหารที่เราสั่งกันบ้าง

หลายๆคนเค้าบอกว่าร้านนี้อร่อย แต่วันนี้ที่ผมมาลองชิมด้วยตัวเอง กลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว

หลายๆเมนูออกรสชาติขมๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำมะนาวหรืออะไรเหมือนกัน ร้านนี้เลยยังไม่โดนสำหรับผมเท่าไหร่

ราคาที่สั่งไป 3 เมนู ก็ประมาณ 4-5 ร้อยบาทครับหลังจากทานอาหารเสร็จ

ก็ได้เวลาเดินทาง Check In เข้าที่พักกันแล้วครับ

โดยวันนี้ผมได้จองเต็นท์ไว้ที่ จันทารา วัลเล่ย์ (Chantara Valley) รีสอร์ท วังน้ำเขียว

ราคาอยู่ที่คนละ 500 บาท รวมเต็นท์ เครื่องนอน และอาหารเช้าครับ

ซึ่งลานกางเต็นท์จะแยกออกมาอีกส่วนนึงของรีสอร์ทครับ จะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับห้องพัก

นี่เต็นท์ผมเองครับ ปลีกวิเวกมานอนกางเต็นท์อยู่คนเดียว 555

มีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ น่ารักๆด้วยนะครับ

และนี่คือบริเวณจุด Check In ครับ ขับเข้าไปถึงก็จะเจอที่จอดรถและจุดเช็คอินเลย

หลังจากเก็บของเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาขับรถกินลม ชมวิวกันแล้วครับ

ขับรถออกมาจากที่พักก็ขับไปเรื่อยๆ กะว่าจะหาที่ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกซักหน่อย

แต่ก็ไม่เจอ จนมาถึงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ก็เลยแวะสูดอากาศสดชื่นซักนิด ก่อนเดินทางกลับที่พักครับ

หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักกันครับ โดยเต็นท์ที่เรานอนนั้น จะมีห้องน้ำรวมไว้รองรับสำหรับผู้เข้ามาพักครับ

โดยจะมีการแยกห้องน้ำชายและหญิง ซึ่งห้องน้ำก็ถือว่าโอเคครับ ไม่มีปัญหาอะไร

ลองมาชมบรรยกาศยามค่ำคืนของที่นี่กันครับ

วันที่ไปคนค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ที่นี่เค้ามีเตาปิ้งย่างกันให้เช่าด้วยนะครับ

เห็นมีหลายๆครอบครัวก็มีการทำอาหารทานกัน กว่าจะได้นอนก็ดึกเหมือนกัน

เพราะเสียงบรรเลงเพลงเต็นท์ข้างๆนี่ช่างไพเราเหลือเกิน อยากจะเอาตังค์ไปทิปซะหน่อย (ให้หยุดร้อง)

คืนนี้มีพระจันทร์ทรงกลด ให้ชมด้วยครับ อากาศเย็นสบาย สดชื่นดีจุง

บรรยากาศยามเช้าของที่นี่ครับ อากาศเย็นสบายๆ แต่ไม่มีหมอก

เมนูอาหารเช้าของที่นี่ก็ง่ายๆครับ ข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน ปลาท่องโก๋

ทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้เวลา Check Out ออกท่องเที่ยวกันแล้วครับ

ก่อนออกก็เลยแวะถ่ายรูปกับป้ายทางเข้ารีสอร์ทซักหน่อย


จุดแรกที่เราจะไปเที่ยวชมกกันคือ "Flora Park" ที่นี่เค้าจะมีจัดงานดอกไม้ทุกๆปี ในช่วงเดือน พ.ย. เป็นต้นไป

มีดอกไม้สวยงามมากๆ หลากหลายชนิด ให้เราได้ชมและถ่ายรูปกันครับ

โดย ฟลอร่า พาร์ค ตั้งอยู่ ณ แยกวัดโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ

(ทางหลวงหมายเลข 3052 วังน้ำเขียว – เขาแผงม้า กิโลเมตรที่ 9)

ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา


หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่ "A Cup Of Love" กันต่อครับ

A Cup Of Love เป็นร้านกาแฟสุดที่สร้างสรรค์ขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขา

อีกทั้งยังมีกังหันลม บ้านแกะ หรือ sheep house เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้เดินชมและเลี้ยงอาหารแกะกันด้วยครับ


สวนสุชาดา วังน้ำเขียว

สวนสุชาดา ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ในหมู่บ้านบนเขาแผงม้า มีสวนเกษตร ไร่องุ่น แปลงผักสลัดไฮโดรโปรนิกส์

ฟาร์มกล้วยไม้และแหล่งปลูกดอกหน้าวัวหลากหลายสายพันธุ์ ให้เราได้เที่ยวชมกันครับ


ขับรถข้ามฟากกันไปที่ "วังน้ำเขียวฟาร์ม" กันต่อครับ

วังน้ำเขียวฟาร์ม เป็นฟาร์มเห็ดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ที่นี่ปลูกเห็ดมากมายหลากหลายพันธุ์

และยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆจากเห็ดมากมาย ทั้งเห็ดสด และผลิตภัณฑ์แปรรูป จากเห็ด อื่นๆอีกมากมาย

แวะมาซื้อของฝาก ขนมขบเคี้ยวที่นี่ได้นะครับ ของที่นี่เค้าอร่อยจริง อันนี้คอนเฟิร์ม (ไม่มีค่านายหน้านะครับ)

เดินเที่ยวกันมาจนเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาพักทานข้าวกันอีกแล้วครับ คราวนี้ลองแวะมาทานร้านนี้แล้วกันครับ

"อิ่มอก อิ่มใจ"

มาลองดูหน้าตาอาหารกันบ้างครับ จำชื่อเมนูไม่ค่อยได้และ

ร้านนี้ผมถือว่าโอเคครับ ผ่าน!! รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียวและก็มาถึงที่สุดท้าย ที่จะพาไปเที่ยวด้วยกันครับ ที่นี่เลย

"Montana Farm (มอนทาน่าฟาร์ม)"

เป็นแหล่งท่องเที่ยวบรรยากาศดีๆท่ามกลางวิวภูเขาครับ บรรยากาศภายในร่มรื่น เนื่องจากมีพรรณไม้และดอกไม้มากมาย

พื้นที่ภายในฟาร์มค่อนข้างกว้างขวาง ภายในฟาร์มมีฟาร์มแกะสามารถให้อาหารกันได้ด้วย

และยังมีมุมถ่ายภาพสวยหลายจุดเลยครับ

เป็นไงกันบ้างครับ กับที่มอนทาน่าฟาร์ม ที่นี่ผมชอบมากครับ เพราะมีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมาก

แต่ถ้าจะใหใ้ดีแนะนำให้มาช่วงเย็นหรือช่วงเช้าจะดีกว่า เพราะมาตอนกลางวันแดดร้อนมากกกกกกกกก...

และทริปนี้ก็จบลงด้วยความสุขและประทับใจ ได้สูดอากาศสดชื่นยามเช้าและตอนค่ำ

แต่อากาศกลางวันอาจจะร้อนไปหน่อย วังน้ำเขียว เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน 2 วัน 1 คืน ได้สบายๆ ชิวๆครับ

ขับรถไม่นานจาก กทม. ก็ถึงแล้ว แถมที่นี่ยังมีที่เที่ยวและถ่ายรูปสวยๆมากมาย

หากมีโอกาสลองแวะมาเที่ยวชมกันดูนะครับ

สุดท้ายนี้ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย

ธรรมชาติยังรอการสัมผัสจากทุกๆคนอยู่เสมอ อยากให้เพื่อนๆได้ออกไปสัมผัสและอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น

ให้รางวัลกับตัวเองและพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะชีวิตคนเรามันสั้นหนัก อย่าให้ข้ออ้างต่างๆ

มาทำให้เราหยุดที่จะออกเดินทางครับ

หากสนใจ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สามารถพูดคุยกันได้อีก 1 ช่องทางที่

http://www.facebook.com/9aooddy.travel

ขอบคุณและสวัสดี

ความคิดเห็น