สวัสดีครับ เริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยทริปเชียงใหม่ เช่นเคยครับ รูปทุกรูปถ่ายจากโทรศัพท์ (ขออนุญาตใช้ กู มึง นะครับ) เรื่องมีอยู่ว่า บ่ายวันจันทร์ ได้รับแจ้งจากอาจารย์ที่สอนในวันพฤหัส กับวันศุกร์ว่าของดคลาส ส่วนตัวผมก็เริ่มคิดเเล้วว่าหยุด 4 วันนี้ไปไหนดี ค่ำวันอังคาร เลยลองชวนเพื่อนเล่นๆดู ว่าเที่ยวเชียงใหม่กับกูไหม มันตอบโดยไม่ขอเวลาคิดเลยว่า เอาดิ กูไม่มีรูปจะอัพเเล้ว ฮ่าๆๆ โอเคตามนั้น เดินทาง 8 โมงวันพฤหัสนะ เดี๋ยวกูให้เพื่อนกูหาที่พักให้ พอดีมีเพื่อนเรียนอยู่เชียงใหม่ แล้วก็มีเพื่อนเรียนอยู่ขอนแก่นมันจะไปม่อนจองกัน ที่จริงมันก็ชวนผมแต่ก่อนปีใหม่แล้ว แต่ผมบอกว่าติดเรียนเลยตอบว่าไปไม่ได้

สรุปได้ที่พักแถวๆหลัง มช. ในราคา 390 บาท

ใช้เวลาเดินทางจากจังหวัดเลย ไปเชียงใหม่ 9 ชั่วโมงเต็ม ๆ

ถึงที่พัก อาบน้ำเสร็จ ก็มีเพื่อนพวกนั้นแหละพาไปกินข้าว ต้องขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย กินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับที่พัก ต่างคนต่างมีภารกิจในวันพรุ่งนี้ เพื่อนพวกนั้นจะขึ้นม่อนจอง ส่วนผมกับเพื่อนอีกคนที่คิดไว้คือ ตอนเช้า จะไปขุ่นช่างเคี่ยน ลงมาบ่ายๆ จะไปนอนดอยอินทนนท์ เช้าวันถัดไป ขึ้นไปยอดดอย ลงมาเเวะกิ่วแม่ปาน ไปต่อที่ขุนวาง เเล้วกลับเข้ามานอนในตัวเมืองอีกคืน นี่คือเเพลนที่วางไว้

-------------

สวัสดีตอนเช้า กับบรรยากาศที่ไม่น่าเที่ยว มันน่านอนห่มผ้าอยู่ในห้องมากกว่า ฮ่าๆๆ เริ่มที่เเรกเลยแล้วกันครับ ขุนช่างเคี่ยน ขับรถขึ้นมาทางดอยสุเทพ ผ่านดอยสุเทพ ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ผมก็ไม่รู้เส้นทางหรอก ถามเขาเอา เพราะใน GPS มันขึ้นว่าไม่พบเส้นทาง

หลังจากผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์มาได้สักพัก ก็จะเจอสามเเยก ทางซ้ายไปดอยปุย ให้เลี้ยวทางขวาครับ ขับมาเรื่อยๆจนถึงลานกางเต็นท์ ขับเลยลานกางเต็นท์มา คราวนี้ทางเริ่มไม่ใช่ลาดยางแล้วครับ บวกกับสภาพอากาศที่ฝนตกก่อนที่พวกผมจะมา ถนนนี่อย่างลื่น หมอกเเทบมองไม่เห็นทาง แต่จะกลับก็มาไกลแล้ว เหลืออีกแค่ 2 กิโลเอง เลยค่อยๆขับมาจนถึง ระหว่างทางก็จะมีต้นพญาเสือโคร่งอยู่เยอะพอควรครับ ต้นใหญ่มากด้วย หากมาในวันที่ฟ้าเปืดคงสวยมาก

  • ขุนช่างเคี่ยน

เคยเห็นแต่ตอนที่ฟ้าใสๆ วันนี้เปลี่ยนมาดูวันที่หมอกหนาๆหน่อยจะเป็นไรไป ฮ่าๆๆ

บางดอกยังไม่บาน



ดอกกำลังบานครับ แต่ยังไม่ 100 % ใครจะไป 1-2 สัปดาห์นี้ยังทันครับ



นี่ก็คือเพื่อนร่วมทริปของผมในครั้งนี้

เวลาจะถ่ายรูปให้กัน ต้องมีการจัดมุมกล้องก่อน เอาแบบนี้นะ ๆ ฮ่าๆๆ

เดินถ่ายรูปเล่นจนถึงบ่ายโมง เลยชวนกันลง ไปหาไรกิน กินข้าวเสร็จก็เกือบๆบ่าย 3 เดินทางไปดอยอินทนนท์ต่อ ระหว่างทางโชคไม่ดีซิทีนี้ ฝนตกปรอย ๆ มาตลอดทาง เปียกซิครับ เพื่อนนะครับไม่ใช่ผม เพราะเพื่อนมันอาสาขับฮ่าๆๆ ขับมาจนถึงที่ทำการอุทยาน คุยกันจะเอาไงต่อ นอนเต็นท์หรือบ้านพักดี บ้านพักดีกว่ามั้งสภาพอากาศแบบนี้ เลยลองไปถามเขาดู บ้านพักเต็มครับ ซวยละ นอนเต็นท์ก็ได้ แต่จะนอนของเราเองหรือของอุทยาน ลองถามของอุทยานดู ราคาเต็นท์เปล่า 225 หรือ 250 นี่แหละไม่แน่ใจครับ แต่มันกันน้ำได้ ด้วยความที่ต้องการประหยัดเงิน เลยนอนเต็นท์ตัวเอง

นี่คือเต็นท์ของอุทยาน


ส่วนนี่คือที่ที่พวกผมนอน

ตื่นเช้ามาคำแรกที่ได้ยินจากเพื่อน หลังกูเปียกว่ะ เออหลังกูก็เปียกเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ฝนยังไม่หยุดครับ เลยนอนเล่นอยู่เต็นท์จนเกือบ 11 โมงถึงพากันออกมาหาข้าวกิน ของกินก็มีเยอะครับ ตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ยันหมูกระทะ

พวกผมเลือกกินอาหารตามสั่ง พิกัดร้านตรงข้าม ป้ายโรงเรียนขุนกลางเลยครับ หน้าตา หน้าทาน รสชาติถือว่าอร่อยครับ ราคา 40 บาทเอง


ฝากท้องไว้กับร้านนี้ 3 มื้อ

หลังจากกินข้าวก็พากันเดินถ่ายรูป บริเวณหน้าโรงเรียนนั่นแหละครับ มีต้นพญาเสือโคร่งหลายต้นที่เดียว เเต่ก็ยังบานไม่เต็มที่เช่นเดียวกันกับขุนช่างเคี่ยนครับ


  • หน้าโรงเรียนบ้านขุนกลาง




เดินไป แล้วก็เดินกลับ



สภาพอากาศ เหมือนเมื่อวานเป๊ะ นี่เกือบเที่ยงแล้วนะครับ

จากนั้นก็พากันขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์ อุณหภูมิเมื่อเช้าวัดได้ที่ 6 องศา แต่ตอนที่พวกผมขึ้นมาอยู่ที่ 9 องศาครับ


  • ยอดดอยอินทนนท์




ดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยนะครับ สภาพป่าข้างบนค่อนข้างชื้นมาก พืชจำพวกเฟิร์น มอส เกาะตามพื้น ตามต้นไม้เยอะมากครับ

จากนั้นก็ลงมาเเวะที่กิ่วแม่ปานครับ

  • กิ่วแม่ปาน


เดินมาไม่ไกลก็จะเจอน้ำตกเล็ก ๆ




สภาพป่าก็เหมือน ๆ กันกับบนยอดดอยอินทนนท์ครับ

เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงยอด บนจุดชมวิวสภาพอากาศไม่เป็นใจ หมอกหนามาก มองไม่เห็นอะไรเลย คุยกันกับเพื่อนพลาดอีกแล้วเรา



นั่งเล่นสักพัก อ้าวเห้ย ฟ้าเปิดแล้ว ถ่ายรูปๆ ไม่ถึงสองนาทีกลับไปปิดเหมือนเดิม





เอาว่ะมันต้องเปิดอีกแหละ เลยนั่งรอ เปิดจริงๆครับ มันก็เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิดอยู่แบบนั้นละ



นั่งอยู่นานพอควรเลยชวนกันลงมา เพราะจะไปดูดอกพญาเสือโคร่งที่ขุนวางต่อ



ทางเดินขึ้นกับเดินลงใช้คนละเส้นทางกัน จะเดินในลักษณะเดินวนครับ






การเดินลงก็จะเดินเลาะสันเขาไปเรื่อย ๆ แล้วก็กลับเข้าป่าไปอีกรอบ




ระหว่างทางเดินลงก็จะมีจุดชมวิวเป็นจุดๆ





นี่เป็นดอกกุหลาบพันปีสีแดง



รูปนี้ถ่ายบริเวณที่จอดรถครับ

"ขุนวาง" จะอยู่ห่างจากลานกางเต้นของอุทยานประมาณ 20 กิโล พอขับมาเรื่อยๆ ที่พักอยู่ข้างบนนี้เยอะเลยครับ ขับมาได้ประมาณ 3 กิโล กูว่าเรากลับเถอะ ไปต่อคงได้เปียกอีกรอบแน่ มันเป็นหมอกที่เหมือนฝนตกปรอยๆเลยครับ เม็ดอย่างใหญ่ เลยพากันกลับ ผิดหวังนิดๆครับ เพราะที่นี่คือที่ที่ผมอยากไปมากที่สุดสำหรับทริปนี้


ระหว่างทางกลับจากดอยอินทนนท์ ก็แวะน้ำตก ที่เเรกน้ำตกสิริธาร สูงประมาณ 40 เมตร



น้ำตกที่สอง น้ำตกวชิรธาร สูงประมาณ 80 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยมากเท่าที่ผมเคยเห็นมา

กว่าจะกลับถึงตัวเมืองก็เกือบสองทุ่มแล้วครับ ที่พักก็ยังไม่ได้ ขับรถหาที่พักอีก เกือบชั่วโมง สุดท้ายได้ในราคา 500 บาท อาบน้ำ ชวนเพื่อนที่ไปม่อนจองมาหาไรกินกัน แต่พอคุยกันก็ได้รู้ว่าม่อนจองฝนตก เขาไม่ให้ขึ้นเลยได้ไปที่อื่นแทนว่างั้นครับ กินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันนอน

-------------------

เช้าวันนี้ต้องเดินทางกลับแล้วครับ

ออกเดินทางจากเชียงใหม่ ประมาณ 8 โมงครึ่ง ระหว่างทาง เพื่อนเห็นป้าย "เขื่อนสิริกิต์" มันชวน ไปไหม จะดีหรอกูไม่เคย ใช้เส้นทางนี้นะ ลองดูก็ได้งั้น ขับมาเรื่อยๆ ไม่ได้กลัวหลงนะครับ กลัวน้ำมันไม่ถึงปั๊ม ถึงแล้วครับเขื่อน

  • เขื่อนสิริกิต์





จากเขื่อน เห็นป้ายบอกว่าอำเภอน้ำปาด อีก 20 กิโล มันคงมีปั๊มละว่ะ ต้องไปให้ถึง สุดท้ายถึงปั๊มด้วยเกจน้ำมันกระพริบ เกือบได้เข็นแล้วไหมละ ฮ่าๆๆ แต่ทางไปปั๊มไม่ใช่ทางที่จะกลับ ต้องขับย้อนกลับมาอีก 10 กิโลครับ เสียเวลาไปอีก สรุปสุดท้าย กลับถึงบ้าน 3 ทุ่ม ตั้งแต่เที่ยวมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด

ต้องขอบคุณเพื่อนที่ผ่านทั้งร้อน ฝน หนาวมาด้วยกัน

กับระยะทางรวมกว่า 1,350 กิโล

ถ้ามันเป็นแฟนผมนี่รู้สึกผิดแย่ ที่ต้องพามาลำบากแบบนี้ฮ่าๆๆ

ปกติผมก็ไม่ค่อยอยากให้ใครซ้อนมอไซค์หรอก

ถ้าไม่จำเป็น

ไม่อยากให้เขาต้องมาเสี่ยงกับเรา


_________________________

หากมัวแต่ทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ

ก็ไม่มีทางที่จะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

_________________________


สำหรับทริปนี้ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้

พบกันใหม่เร็วๆนี้

-------------------

HairBatt









HairBatt

 วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.57 น.

ความคิดเห็น