13th January 2018
การได้รับเชิญให้พักที่นี่ถือเป็นของขวัญวันเด็กกับเด็กโก๋ของบ้านเรา
จากการย่ำที่นี่ปลายปี ช่วงตุลาปีที่แล้ว...
เราประทับใจนักหนากับบรรยากาศญี่ปุ่นมินิ กับเสียงไผ่ลู่ลม
กับทางเดินวิถีเซนที่ทอดยาว กับพื้นที่สีเขียว กับธรรมชาติกอด ๆ
และกับอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่ทำเอาลืมไม่ลง
จนอยากจะกลับมาอีกสักครั้งในฐานะ.. นักเดินทางค้างคืน
Bamboo Grove, chiangmai
หรือ Siam Pavilion Chiangmai
รีสอร์ทสวย เงียบสงบแบบธรรมชาติกอด ๆ
ที่พักแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องของคู่รัก เกาะหัวใจสัญลักษณ์แห่งความรัก
และคู่รักหลายคู่มักเลือกที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายพรีเว็ดดิ้งด้วยโลเคชั่นที่สวยลงตัว
และอุโมงค์ป่าไผ่ที่ทอดยาว ร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวเต็มสิบ ที่ ๆ
สายน้ำรินไหลเอื่อย ๆ ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ และนาขั้นบันไดเตี๊ย ๆ
มีให้เห็นพอชื่นใจ ตั้งอยู่บนทางผ่านเส้นแม่มาลัย ไปปาย
เส้นทางขับง่ายเพราะยังไม่ขึ้นเขา
มีป้ายเบ่อเริ่มบอกตำแหน่งชัดเจนอยู่ทางซ้ายมือ
หรือหากนับจากแยกตลาดแม่มาลัย ที่แม่แตงไปจะอยู่ที่ กม.ที่ 11 เป๊ะ
76 Moo 4 Soppeng
Amphoe Mae Taeng, Chiang Mai, Thailand 50150
สบเปิงหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สยามพาวิลเลี่ยนรีสอร์ท ที่ ๆ ป่าไผ่เชียงใหม่ตั้งอยู่ ซึ่งแรงบันดาลใจที่ทุ่มทุนสร้างที่แห่งนี้ให้เป็นป่าไผ่ คือ "อยากให้ชุมชนของเรา มีคนมาเที่ยว มาถ่ายรูป มาซื้อของ ของชุมชน อยากให้เป็นสวนสาธารณะ ให้คนมาเดินเล่น พักผ่อน" ข้อมูลจากแอดมินเพจ ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลที่ดีมาก ๆ เลยนาจา ^^
.
.
.
บ่ายวันเสาร์ในวันเด็กที่วุ่นวาย รถติดหนักเข้าขั้นอัมพาตทั่วเมืองเชียงใหม่ จขบ.หอบผ้า หอบผ่อนหนีร้อน ซึ่งจริง ๆ ไม่ร้อนเพราะเป็นวันเด็กที่อากาศจากที่อบอุ่นได้สักอาทิตย์กลับดรอปลงหนาวได้ใจอีกครั้งนั้น ขับรถจากตัวเมืองที่วุ่น ๆ บ่ายหน้าไปบนทางหลวง 1096 เลี้ยวซ้ายที่ทางตัดใหม่ไปปาย มันก็จะฟินอยู่หน่อย ๆ เพราะปลายทางที่รอเราอยู่นั้น "เราประทับใจ"
...............
กว่าเราจะจอดรถและยุรยาตรถึงที่หมายก็บ่ายคล้อย สี่โมงกว่า ๆ
ในวันที่อากาศ 17 องศาเย็นย่ำเกือบค่ำ ๆ
อย่างนั้นการเยือนที่นี่มันหนาวขึ้นอีกเท่าตัวเพราะเป็นการเยือนวันฟ้าหลัวไม่มีแดด
หนาวเพราะใกล้ค่ำ หนาวเพราะต้นไม้เยอะ และหนาวเพราะอากาศนอกเมืองมันฟิ๊น
ฟิน
เราเช็คอินแล้วจ่ายค่าประกันกุญแจ 300 บาท พนง.พาเข้าพักที่ พาวินเลี่ยน 2 ว่าแล้วก็ตามเขาไปค่ะ
ฟ้าหลัว ๆ ภาพก็จะมัว ๆ ขุ่น ๆ อยู่หน่อย ๆ นะ
ที่พักมี 4 แบบ ทั้งหมด 4 หลัง 12 ห้องค่ะ และมีหลายเรทให้เลือกค่ะ
แบบ Pavilion มี 4 หลัง ราคาหลังละ 1,000 บาท
แบบ ห้องนับดาว มี 6 ห้อง ราคาห้องละ 800 บาท
แบบ บ้านไม้งาม มี 4 ห้อง ราคาห้องละ 800 บาท
แบบ บ้านไม้ทรงยุ้งข้าว มี 2 ห้อง ราคาห้องละ 500 บาท
หรือติดต่อขอทราบราคาห้องพักเพิ่มเติมได้ที่เพจ Bamboo Grove Chiangmai
ห้องพักเป็นแบบพาวินเลี่ยนตามชื่อค่ะ โดดเด่นด้วยความเรียบ ขรึมของการใช้สีแบบคุมโทน แต่เก๋ที่เพดานทรงสูงโปร่ง ทำให้ดูโล่งสบาย ๆ ฉีกกฏความเรียบด้วยสีสันของกระจกที่ใช้ตกแต่งเพดาน
มีระเบียงไปด้านหลัง และระเบียบน้อย ๆ ที่ยื่นออกไปนี้เห็นวิวอุโมงค์ป่าไผ่ สระน้ำ และเกาะหัวใจสัญลักษณ์แห่งคู่รักที่นี่ค่ะ
ผู้ชายคนนี้เขาเหม่อไรอยู่นะ หรือเพราะวิวหน้าห้องนอนของเราเป็นอย่างนี้ถึงได้สะกดใจให้นิ่งได้นิ่งดีอยู่นานสองนาน เงียบ เรียบ สงบ
...............
มาดูห้องน้ำกันค่ะ กว้างมาก
ชอบหน้าต่างบานเล็ก บานน้อยของเค้า
เก็บรูปสักพักใหญ่ ๆ รู้สึกได้ว่าเด็กโก๋ของเราต้องการออกสำรวจแล้วหล่ะ ใช่สินะ...
กระดานสีเขียวกวักมือเรียกให้ออกตามหา เราต่างก็ตามหาบางสิ่งในมุมมองที่ "ต่าง" กันไป
หน้าที่พักของเรานั้น สายตา จขบ.เลื่อนลอยออกไปที่นานั้น นาที่เคยเป็นนาข้าวปลายเดือนตุลาที่เคยเห็น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนาถั่วไปแล้วหล่ะ หมุนเวียน แปรเปลี่ยน เวียนวน อยู่อย่างนั้นก็เพื่อเหตุผลบางประการสินะ
ซึ่งถ้าไม่คูน้ำกั้นไว้ คงได้ไปเดินเล่นตามทุ่งนานแล้ว
ละสายตาจากทุ่งนา (ถั่ว)
จขบ.เผชิญหน้ากับวิวนี้ วิวที่เห็นถึงความตั้งใจของเจ้าของ ที่จะสร้างที่นี่ให้เป็นอุโมงค์ป่าไผ่ที่ยาวที่สุดของเชียงใหม่ รออีกนิดนะ อีกนิดที่จะสวยมากเช่นกัน
เจอนกใช่ไหม
การเยือนป่าไผ่คราวนี้ เราไม่ได้ตั้งต้นที่อุโมงค์อย่างคราวก่อน เพราะเราเดินย้อนมาจากทางด้านหลังวิวของเราเลยแปลกไป แปลกใหม่ เป็นมุมที่มองเห็นถึงความตั้งใจของผู้สร้าง ผู้ดูแล และมุมของผู้เฝ้าดูคนที่มาเยือน ดูแล้วก็มีความสุขค่ะ (แอบยิ้ม)
ต้นไผ่ใช้เวลานานเนิ่นกว่าจะเติบใหญ่
ที่ด้านหลังของรีสอร์ท พนง.บอกเจ้าของขยายที่ปลูกไผ่ญี่ปุ่นไปอีก 5 ไร่ค่ะ น่ารักจัง
ไผ่ญี่ปุ่นรอวันเติบใหญ่ ขนานกันไปกับลำน้ำห้วยที่ไม่เคยเหือดแห้ง
ก็จะเป็นแหล่งน้ำให้ต้นไผ่ยามหน้าแล้งได้ดีเช่นเดียวกัน
หากเธอเหนื่อยล้า ให้เดินเข้าป่า (ไผ่)
มันก็จะเป็นเพลงป่าไผ่อยู่หน่อย ๆ
จากการสำรวจต้นไผ่ญีปุ่นรอวันเติบโตด้านหลังรีสอร์ทแล้ว
เรากลับมาทางของเรากันค่ะ มันหนาว มันใกล้ค่ำ มันมีความโรมานซ์อยู่ไม่นิดนะ
ใกล้ค่ำเข้ามาทุกที่ แสงเริ่มไม่ได้แล้ว เรารีบเดินจากป่าไผ่กัน
เดินย้อนมาเดินถึงทางเข้าด้านหน้า เสาโทริอิสีแดงสดนั้นยังตั้งเด่นอย่างสง่า เหมือนคราวก่อนที่มาไม่เพี้ยนไป
มืดค่ำ ได้เวลาหาข้าวเย็นกินค่ะ เราขับไปแถวนั้นมีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้าน เมื่อข้าวเย็นเสร็จแล้ว เราเลือกที่จะแวะเซเว่นใกล้ที่พักเตรียมของไว้กันหิวยามค่ำคืน และรุ่งเช้าค่ะ เพราะวันที่เยือนนั้น ห้องครัวของที่พักกำลังรีโนเวทไม่ได้เปิดให้บริการค่ะ ซึ่งกลับมาเราก็เซอร์ไพรส์นิด ๆ กับแสงไฟยามค่ำที่ป่าไผ่แห่งนี้กันค่ะ
สวย
. . .
เช้านั้น..
ความหนาวทำหน้าที่ปลุกได้ดีกว่านาฬิกาเสียอีก ถึงจะหนาวอย่างนั้นก็เหอะนอนต่อไม่ได้อีกแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ...
เพราะเสียงนกร้อง เพราะเสียงน้ำรินไหลบริเวณหน้าห้องพัก เพราะอยากนั่งเรือ เพราะอะไรอีกหลาย ๆ เหตุผล และเพราะอยากจิบกาแฟร้อน ๆ ตอนหนาว ๆ อย่างนี้แหล่ะ
................................
กาแฟร้อน ๆ และขนมปังสักก้อนสำหรับมื้อเช้าเสร็จแล้วนั้น จริง ๆ วันนั้นเรากะจะทำกิจกรรมอะไร ๆ สักแป๊บแล้วออกเที่ยวที่อื่นต่อเลย แต่.. มันไม่ใช่อย่างนั้นนะสิ
เพราะหนึ่งสิ่งที่ต้องทำนั้น มันต้องต่อด้วยหลายสิ่งที่ต้องทำต่อ ๆ กันไป แหล่ะสิ่งแรก
พิชิตเกาะหัวใจ
ไม่มีไม้พาย สาวไปให้ถึงใจเธอ
ตัวเล็กก็จะไว้ใจพ่อมากไม่กลัวเลยสักนิด
วินาทีที่ ถึงละฮาบ
ก็จะเป็นวินาทีที่ จขบ.ต้องงัดวิชาลูกเสือออกมาใช้แล้วเช่นกัน กี่ขั้นกันเนี่ย
เพื่อสิ่งนี้ และ ตรูจะลงยังไง ??
ชุดมันก็จะเดรสหน่อย ๆ ก็ทำไปได้เนาะ
ดีนะชาวบ้านยังไม่ตื่น ไม่ต้องห่วงท่าลง สาว ๆ คนไหนจะมาขึ้นก็เตรียมกางเกงมานะคะ ลมมันเย็น !!
กลับมากันแลัว
........
นั่งเรือแล้วอยากนั่งอย่างอื่นอีกค่าบ มีอะไรอีกม่างฮาบ
กับสิ่งนี้...ไหวไหมถามใจเธอดูว์
พักที่นี่ กับอากาศตอนเช้า ๆ หน้าหนาวอย่างนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่มากันค่ะ ทำให้เราสามารถปั่นจักรยานรอบ ๆ ที่พักได้ เข้าใจว่าตัวเล็กกำลังสนุกจากการนั่งเรือเลยขอปั่นอีกสักนิด พี่ที่เค้าท์เตอร์ก็ให้นะ เต็มที่เลยคับ ซึ่งปั่นอย่างนี้ ฟินหาที่ไหนไม่ได้ละ จัดเลย
ปล. สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมา การเดินชมสถานที่แห่งนี้ คงเหมาะสมกว่านะคะ เพราะเส้นทางในอุโมงค์สวนไผ่ไม่เหมาะสมจะปั่นเนาะ แต่ภาพในบล๊อกนี้เราได้ขออนุญาติจากทางที่พักแล้วค่ะ เขาให้กรณีเด็กน้อยน่ะคะ และจักรยานก็เป็นของที่พัก เราไม่ได้เตรียมมาเองค่ะ ^^ เลิฟยูว์มากมาย
เดี่ยวขอเช็คอินก่อน เดี่ยวเขาว่า
มาไม่ถึง....
กับแสงเช้า
นี่ ๆ สองคน
ที่นำไปข้างหน้าน่ะ
"รักนะ"
ตะโกนในใจดัง ๆ มุมความสุขเล็ก ๆ ของวิถีบล๊อกเกอร์สายกล้องท่องเที่ยว
สนใจทุกรายละเอียด เก็บมันทุกเม็ดไม่ให้กระเด็นตกไปที่ไหน ๆ ปานประหนึ่งว่า... ฉันหลงรักที่นี่เต็ม ๆ
อากาศมันได้ บรรยกาศมันใช่ 1ุ6 องศาเช้านั้นคินุกาว่าก็ไม่ปาน ยิ่งมีป่าไผ่ให้ท้ายอย่างนี้ Japan Mini ชัด ๆ เลย
อะราชิยามะ ของอิชั้น ตะโกนลั่นป่า(ไผ่) ดัง ๆ (ในใจ)
คุณแม่หมดเวลาเพ้อ ตามจับวัตถุเคลื่อนที่ก่อนนะคร๊าบ . .
ถัดจากป่าไผ่ และเกาะรูปหัวใจกันแล้ว เราเดินลัดเลาะเสาะหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปกันด้วยรู้ว่า
อีกสักพักจะลาที่แห่งนี้กันแล้ว
แวะมาหาลานกางเต้นท์หน้าห้องนับดาว แวะมาหานาขั้นบันไดเตี้ย ๆ มุมด้านหลังที่พัก แวะมาหาสิ่งนี้
เลาะเลี้ยว จนต้องพบต้องเจอกับเถาวัลย์ที่คดเคี้ยว
น่าล่องแก่งมินิชะมัด เดี่ยวแนะนำเจ้าของทำแพไม้ไผ่ให้แขกเข้าพักซะดีไหม
5555 จะได้แอดเวนเจอร์หน้าร้อนกันอีกนิด
เกือบลืมตัว โหน แล้วส่งเสียง
. . .
ดื่มด่ำรอบที่พักจนหนำใจแล้ว เราเข้าห้อง เก็บของแล้วเตรียมออกเดินทางไปที่ใหม่กัน
คืนกุญแจห้องที่เค้าท์เตอร์ร้านกาแฟ ซึ่งคราวก่อนที่มานั้นกำลังอยู่ในช่วงรีโนเวท คราวนี้ น่านั่ง น่าเช็คอิน ฟิน ๆ กันไป พร้อมกันนั้น รถตู้นักท่องเที่ยว สาม สี่ คันเริ่มมาจอด เรารอเขาเช็คความเรียบร้อยห้องและรอรับค่าประกันกุญแจ (แม้จะอยากจิบกาแฟมากก็เหอะแต่ใกล้มื้อเที่ยงแล้วไม่เหมาะ)
ที่นี่ ฤดูร้อนที่จะถึงนี้...
จะมีมุมกาแฟในน้ำเพิ่มขึ้น ห้องอาหารกำลังรีโนเวท และขยับขยายรอการแวะเวียนมาของนักท่องเที่ยว
เขาให้ป้ายไม้ไผ่เรามาเพื่อเขียนข้อความรัก อ้าว... รักกัน ๆ
ลูกค้าที่แวะจิบกาแฟ แวะชมอุโมงค์สวนไผ่ สามารถขอป้ายไม้ไผ่เขียนข้อความรักแล้วนำไปผูก ไปคล้องยืนยันรักด้วยกันได้นะคะ
สำหรับครอบครัวเราแล้ว ป้ายไม้ไผ่ได้ถูกแขวนไว้ให้เป็นส่วนหนึ่่งของที่นี่ อันแล้วอันเล่า
เพราะ "เรามีเรา"
และจะเป็นอย่างนั้น "ตลอดไป"
แด่วาเลนไทน์ที่จะมาถึง
You Guys are my Valentines ""
..........
Mariabamboo
วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.53 น.