Contact and Follow me at Facebook Fan Page or Govivigo Blog
หลายครั้งที่เราออกเดินทาง
เพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ แต่ครั้งนี้แพนออกเดินทางเพื่อเก็บเรื่องราวระหว่างทางให้ได้มากที่สุด แพนไปกับแก๊งเดิมๆที่เคยเที่ยวสบายๆด้วยกัน ลำบากๆด้วยกัน และปัญหาส่วนใหญ่ในการเที่ยวแต่ละทริปคือ ยิ่งคนมากก็ยิ่งหาเวลาตรงกันยากเหลือเกิน
ครั้งนี้เลยลงมัติกันที่ ผาหินกูบ จ.จันทบุรี
ด้วนเหตุผลที่ว่าเขาลูกนี้เปิดให้ขึ้นเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ไม่ต้องลางาน ไม่ตรงวันหยุดยาว ทุกคนไม่มีนัด เวลาได้ คนพร้อมก็โทรจองกับเจ้าหน้าที่เลยค่ะ
เบอร์โทรติดต่อจองทริป 082-2050079 , 086-3791597 ค่าใช้จ่ายค่าเจ้าหน้าที่นำทางคนละ 200 บาท ในการเดินขึ้นเขาแต่ละครั้งเราจะต้องเดินพร้อมกันกับกลุ่มอื่นค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย 2 คน คุมหัวและท้าย ปกติก็จะมีคนขึ้นเขาแต่ละครั้งประมาณ 40 -50 คน
การเดินทาง
(รถส่วนตัวใช้เปิด Google maps นะจ๊ะ)
รถโดยสาร : แพนใช้บริการรถทัวร์ค่ะ เพราะราคาถูกและมีรอบกลางคืน พอเลิกงานเย็นวันศุกร์แพนกับเพื่อนๆก็มุ่งหน้าไปเอกมัยกันเลย ด้วยความที่ไม่ได้จองล่วงหน้าตอนแรกกะว่าไปรอบ 5 ทุ่มครึ่ง แต่ดันเต็มซะงั้น แพนเลยขึ้นรถรอบ 4 ทุ่ม ราคา 180 บาท ถึงขนส่งจันทบุรีประมาณตี 2 แล้วขึ้นรถสองแถวที่ติดต่อเหมาไว้แล้วมาลงที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล ค่ารถไป - กลับ คนละ 200 บาท (เบอร์ติดต่อเหมารถ ลุงเชาร์ 095-9414991)
แพนมีวีดีโอ "ไปก่อนตาย I'm traveler @ผาหินกูบ,จันทบุรี"
ถ้าอยากเห็นบรรยากาศและอารมณ์แบบชัดเจนแจ่มแจ๋ว ก็คลิกดูด้านล่างนี้เลยจร้า
รู้จัก "หินกูบ" มั้ย????
กูบ ความหมายจากพจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน คือ น. ประทุนหลังช้าง ประทุนรถเช่นรถม้าที่มีรูปโค้ง ลักษณนามว่า หลัง.
ก็หลังช้างนั่นแหละค่ะ บวกกับเขาลูกนี้มีหินค่อนข้างเยอะแถมรูปร่างคล้ายหลังช้างอีก ก็เลยเป็นหินกูบนี่เอง ทีนี่มีความสูง 960 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางในการเดินขึ้นประมาณ 6 - 7 กิโลเมตร ถึงจะไม่สูงเว่อร์วังเหมือนเขาลูกอื่น แต่อย่าประมาทเชียวนะ แพนเตือนไว้ก่อนเพราะแพนโดนให้แล้ววววววววววว
เริ่มต้นเดินทาง
แพนเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯคืนวันศุกร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีเอกมัยรอบ 4 ทุ่มกว่า มาถึงขนส่งจันทบุรีเวลาตี 2 กว่าๆ ก็ปูกราวด์ชีทนอนรอเวลา 6 โมงเช้ารถลุงเชาร์ที่เราเหมาไว้เค้าก็จะมารับเพื่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพลเพื่อเริ่มต้นเดินขึ้นเขากันจร้า
ลุงเชาร์พามาแวะตลาดในตัวเมืองก่อนนะคะ เราสามารถหาซื้อของกิน เสบียงต่างๆได้ที่ตลาดนี้ค่ะ ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่แพนกับเพื่อนๆเราแยกย้ายไปซื้อของตามที่แม่ครัวประจำทริปสั่งการ แปปเดียวก็ได้ของสด ของแห้ง รวมถึงอาหารเที่ยงที่เราจะเอาไว้กินบนเขาระหว่างเดินทางด้วย
จากตลาดมาถึงหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ใช้เวลาประมาณเกือบๆชั่วโมงค่ะ พอมาถึงก็ โป๊ะ! โอ้ยคนเยอะจัง สงสัยที่นอนยอดฮิตบนเขาคงจะไม่ใช่ที่ของเราซะแล้ว ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวค่อยหาที่นอนตรงอื่นก็ได้ T^T
สำรวจป่า
แล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง 8.45 ฤกษ์งามยามดีเป็นที่สุด ใครบอกน่ะหรอ อ๋อ...แพนกล่าวไว้เอง ฮร่าาาาา แพนกับเพื่อนเราได้คุยกันไว้ก่อนแล้วว่าครั้งนี้เราต้องออกเดินทางก่อนกลุ่มอื่น ไม่ใช่ว่าเก่ง ว่าเก๋าอะไรหรอกนะคะ พวกเราสายชิลไงคือรู้ตัวเองว่าเดินขึ้นก่อนยังไงก็น่าจะถึงทีหลัง เพื่อไม่ให้เป็นการถึงที่พักจนดึกดื่นเกินไป เราต้องออกเดินทางก่อนชาวบ้านเค้าล่ะค่ะ จะบอกว่าก่อนเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ เหอะๆๆๆ
แก๊งพวกเราไม่จ้างลูกหาบนะคะ เพราะเราสายยาจก ฮร่าาาา แบกกันเอง 10 โลอัพ ลุย!!!!! การเดินเท้าเข้าป่าเพื่อไปให้ถึงยอดผาในช่วงแรกจะต้องฝ่าป่าดิบชื้นไปก่อนค่ะ แล้วก็จะมีต้นสละเรียงรายคอยยื่นกิ่งก้านหนามแหลมมากวนทางตลอด ยังไงเดินก็ระวังๆกันด้วยนะคะ
ถามว่าแล้วไม่รอเจ้าหน้าที่นำทางแบบนี้จะไม่หลงหรอ?
ตอบ........ภายในป่าจะมีทางเดินที่สามารถเห็นได้ชัดเจนค่ะ แพนก็เดินๆตามทางไปอาจมีแยกให้เราไขว้เขวใจบ้าง แต่เลือกเดินซักทางค่ะสุดท้ายมันก็มาบรรจบกันที่เส้นหลักอยุ่ดี แต่ว่าถ้าใครไม่มั่นใจก็รอเจ้าหน้าที่เนาะ
ออกจากเขตป่าดิบชื้นมาก็จะเจอป่าไผ่ค่ะ ในเลเวลนี้อาจต้องมีการไต่เชือกขึ้นไปเล็กน้อย เพราะทางจะเริ่มชันขึ้นแล้วล่ะ
อยากสนุกกับเขาลูกนี้แค่เดินเก่งไม่พอ กำลังแขนก็ต้องมี
ถ้าอ่านบทความจากหลายๆคนที่เขียนเรื่องผาหินกูบ ก็จะเห็นภาพเนินหินกับวิวทิวทัศน์บนยอดเขาที่โคตรสวย แต่บทความนี้จากแพนจะขอเน้นที่ความสนุกแบบ Adventure สุดๆ เพราะนอกจากเราจะได้มันส์กับการเดินขึ้นเขาที่ชันบ้าง ราบบ้าง เรายังต้องปีน!
ต่อให้เราเดินจนถึงยอดแล้ว การที่จะไปชมจุดไฮไลท์ต่างๆมันก็ต้องปีน! โหนเชือก จับเถาวัลย์ให้แน่นแล้วดึงตัวขึ้นไปค่ะ พอขึ้นแล้วก็ต้องหย่อนตัวเองลงมาอีก
งานนี้ทำเอามันส์ลากใส้เลย ก็สัมภาระบนหลังของแพนกับเพื่อนๆนี่สิ รังแต่จะหน่วงลงตามแรงโน้มถ่วงโลก แต่มันก็กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราได้เอามาคุยและพูดถึงกันยันตอนนี้ล่ะค่ะ
จุดแวะระหว่างทาง
แพนว่าผาหินกูบนี่ดีอย่างนะ มันมีจุดให้แวะเยอะดี อย่างช่วงแรกที่เดินมาไม่ไกลมากก็มาเจอกับหินก้อนนี้เข้า
เมืองลับแล
มีเรื่องเล่ามาว่าเมื่อก่อนเมืองลับแลกับเมืองมนุษย์เนี่ยเป็นพันธมิตรกัน เวลามีงานบุญต่างๆก็จะมีการยืมข้าวของเครื่องใช้จากฝั่งเมืองลับแลเสมอๆ แต่เหมือนว่าหลังๆมาทางฝั่งเมืองมนุษยนี่พอยืมเรื่อยๆแล้วก็ดันไม่คืนของเค้าซะงั้น ทางเมืองลับแลเลยโกรธแล้วก็ปิดทางเข้าเมืองซึ่งก็คือบริเวณหินก้อนนี้ล่ะค่ะ ถ้าเดินไปด้านข้างจะเห็นว่าหินมีลักษณะเป็นโดมสามเหลี่ยมยาวเลยล่ะค่ะ ดูๆไปก็คล้ายอุโมงเข้าเมืองอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
น้ำตกอ่างเบง
ความจริงไม่ใช่น้ำตกนะคะ แต่เป็นธารน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกค่ะ มีชั้นหินเป็นขั้นๆให้น้ำไหลลงเป็นสาย ถ้าไปช่วงหน้าฝนคงจะมีน้ำเยอะชุ่มฉ่ำแน่เลย น้ำเย็นมากกกกกกกก คือเดินเหนื่อยๆเหงื่อกำลังท่วมตัว มาเจอน้ำเย็นเจี๊ยบคือหายเหนื่อยเลย
สารภาพว่าตอนขาขึ้นแพนแทบจะไม่หยุดแวะน้ำตกเลย กลัวว่าถ้าได้พักแล้วมันจะพักยาวเกินไป ขากลับเลยได้แวะเล่นน้ำกันกับเพื่อน หรือความจริงมันอาจจะเป็นธรรมเนียมการเดินขึ้นเขาของพวกเแพนก็ไม่รู้ขากลับต้องแวะเล่นน้ำตีนเขาซะทุกทริปเลย อร่า
หินแปดเหลี่ยม
อีกจุดพักยอดนิยมค่ะ ส่วนใหญ่เวลาเค้าพักกินข้าวเที่ยงกันก็ตรงนี้ล่ะค่ะ เพราะเป็นลานกว้างๆ มีที่นั่งหลายจุด เพียงพอสำหรับหลายกลุ่ม แล้วก็มีความพิเศษตรงลักษณะของแผ่นหินด้านล่างนี้ที่มีความเป็นเหลี่ยม เค้าว่ากันว่าแปดเหลี่ยม แต่ไม่รู้ทำไมแพนนับได้เจ็ดนะ
แล้วอีกอย่างที่ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดแวะพักยอดนิยมเพราะมีแหล่งน้ำดื่มนี่ล่ะค่ะ ลักษณะจะเป็นท่อยาวซึ่งเป็นน้ำจากเขา เจ้าหน้าที่เค้าต่อน้ำมาให้เราจะได้ใช้ดื่มกันสะดวกขึ้น
ถ้ำ (ที่ไม่รู้จักชื่อ)
ถ้าเดินมาจนเจอปากถ้ำ ขอให้รู้ไว้ว่าเราใกล้ถึงยอดเขาแล้ว ใจมันจะชื้นขึ้นมาหน่อย แรงก็จะเริ่มมา ฮร่า ถ้ำนี้จะเป็นถ้ำที่ไม่ใหญ่มากนะคะ ถ้ำเล็กๆแต่ความสวยของถ้ำนี้มันอลังมากกกกก
เพราะเป็นถ้ำที่มีแสงลอดผ่านมาจากช่องว่างด้านบนถ้ำ ทำให้เกิดภาพสวยๆชวนถ่ายรูปแบบภาพด้านล่างนี่เลยค่ะ
บนยอดเขาเป็นยังไง
ใช้เวลาในการเดินขึ้นเขาครั้งนี้ประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า ถือว่าเป็นตัวเลขปกติมามาตรฐานเลยค่ะ เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าเดินเกืแบตายมาถึงบนนี้แล้วมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจบ้าง
จุดแรกเลยดีกว่า เป็นภาพที่เรามักจะเห็นบ่อยๆเมื่อเสิร์ชหาคำว่าผาหินกูบ มันแง่งผาที่วางซ้อนกันแบบเหลื่อมล้ำทำให้เห็นช่องว่างสามเหลี่ยมขนาดใหญ่คนเค้าก็มักจะไปถ่ายรูปกันกับช่องว่างสามเหลี่ยมตรงนี้ค่ะ
อีกสิ่งนึงที่แพนเห็นเยอะมากบนเขานี้คือเจ้ามอสทั้งหลายที่ปกคลุมทั่วโขดหินนี่ล่ะค่ะ คิดว่าถ้ามาช่วงหน้าฝนอาจจะได้เห็นผืนพรมสีเขียวสดแผ่คลุมทั่วเขาแน่เลย
ผาหมี
มาถึงจุดไฮไลท์หลักของยอดเขานี้ หนึ่งในนั้นก็ต้องผากหมีค่ะ แพนยืนถ่ายจากผาฝั่งตรงข้ามสังเกตุมั้ยคะว่าผาหมีจะมีรูปทรงคล้ายหมีดูจากภาพด้านล่างนะคะ แง่งที่ยื่นมาทางขวามือจะเหมือนจมูกหมีค่ะ และอีกอย่างที่ทำให้ผาหมีได้ชื่อว่าผาหมีเพราะด้านล่างผาจะเป็นถ้ำค่ะซึ่งมีหมีอยู่จริงๆ
ยืนถ่ายรูปอยู่ผาตรงข้ามตั้งนาน ได้เวลาข้ามฝั่งไปยลโฉมหมีใกล้ๆแล้ว เราต้องเดินฝ่าป่ามาไม่ไกลมากค่ะ มีต้องปีนเล็กน้อยเพื่อขึ้รมายังผาหมี แต่รับรอบมาถึงแล้วคุ้มค่าแน่นอน
พอมายืนบนยอดผาหมีถ้ามองกลับไปก็จะเห็นผาตรงข้ามที่แพนยืนถ่ายรูปตอนแรกค่ะ
ผาหินกูบ
อย่างที่เกริ่นตอนต้นว่า หินกูบแปลว่าหินหลังช้าง เรามาดูกันค่ะว่าเหมือนหลังช้างจริงๆมั้ย
จากจุดที่แพนยืนถ่ายรูปจะเห็นเขาด้านหลังนั่นเองที่เรียกว่า หินกูบ เราต้องข้ามต้นไม้นี้ไปนะคะแล้วก็ไปไต่เชือกอีกทีก็จะสามารถไปนั่งบนหลังช้างได้แล้ว
ถ้าขึ้นไปจนถึงหลังช้างเราก็จะสามารถมองเห็นเขาฝั่งที่เราข้ามมาแล้วก็วิวด้านล่างแบบนี้เลยค่ะ
ถ้าใจยังกล้าพอ ไม่กลัวความสูงและลมแรงๆ แพนแนะนำให้เดินไต่สันหลังช้างมาค่ะจะมาโผล่เขาอีกลูกนึง
จะว่าไปพอข้ามมาเขาอีกลูกนึงแล้วมองกลับไปที่หลังช้าง ทางนี้ดูเหมือนเต่าเลยเนาะ
ถามว่าเขาอีกลูกนี่จะเห็นวิวต่างจากตรงหลังช้างหรอ ก็ไม่หรอกค่ะ แต่มันได้ความสะใจคือเราอุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงด้านบนแล้วก็น่าจะฉีกความกลัวตัวเองใต่สันหลังช้างมาซะหน่อย ฮร่า
ที่นอน ที่กิน
มาเข้าเรื่องการนอนบ้างดีกว่า แพนว่าคงไม่มีใครถึกขนาดที่ว่าจะไม่นอนไม่พักเลยทั้งคืนล่ะมั้ง แพนจะให้ดูจุดยอดฮิตก่อนนะคะ ภาพด้านล่างเลย คือพวกแพนมาไม่ทันจองที่ตรงนี้ค่ะ มีคนเค้าเร็วกว่า ตอนนั้นคือเฟลแต่พอผ่านกลางคืนอันหนาวเหน็บไปแพนว่าดีแล้วล่ะที่แพนไม่ได้ไปนอนตรงนั้น คือลมแรงมากกกก หนาวมากกกกกกกก ถ้านอนริมผานี่มีหวังหนาวตาย
เพราะฉะนั้นมาหาที่นอนหลบลมค่ะ ซึ่งหาได้ตามซอกหินที่มีอยู่รอบเขาเลย จะนอนปลาทูกัน หรือจะกางเต้นท์ ผูกเปลก็เอาตามสะดวกเลยค่ะ
ส่วนพวกแพน เราได้ที่โคตะระดีเริ่ด คิดว่าอาจเป็นความโชคดีของแพนส่วนนึงที่ไม่ได้แคมป์ตรงผา เจ้าหน้าที่เลยได้พามาจุดนี้ซึ่งอยู่หลังหินก้อนยักษ์ เป็นมุมส่วนตัวมาก เราแบ่งเป็นพื้นที่นอนกับพื้นที่ทำกับข้าวได้พอดีเลย
ทริปนี้พวกแพนนอนปลาทูกันค่ะเอากราวด์ชีทมาปู ขึงฟรายชีททำหลังคาเตี้ยๆกันลมหน่อยอยู่กันสบายเลย
เรื่องกินเรื่องใหญ่นะจะบอกให้สำหรับกลุ่มแพน เราเตรียมกับข้าวทำอาหารกันมีทั้งเตาแก๊สแล้วก็เตาถ่าน แพนแนะนำนะคะว่าถ้าใครจะเตรียมของมาทำกับข้าวกินเนี่ยต้องติดเตาแก็สสนามมาด้วยจะดีมากเพราะด้านบนลมค่อนข้างแรงหามุมจุดเตาถ่านยากนิดนึง
ขับถ่าย
ปวดหนักปวดเบา บนเขานี้ไม่มีห้องน้ำนะคะ ต้องเข้าป่าเท่านั้น ไอ้เรื่องฉี่นี่แพนไม่ค่อยห่วงหรอกค่ะ แต่ปวดอึขึ้นมาจะขุมหลุมถ่ายก็ไม่ได้ เพราะพื้นดินบนเขาจะมีลักษณะเป็นเนื้อหินและมีรากไม้อยู่ค่อนข้างเยอะคือขุดหลุมยากมาก จะทำไงได้ล่ะคะก็ต้องปล่อยมันดื้อในป่านั่นแหละค่ะ ดีอย่างที่ผาหินกูบจะเปิดให้ขึ้นเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ผ่านไป 1 สัปดาห์ กากย่อยของเราก็คงสลายไปแล้ว แต่ที่หยิบเอาเรื่องนี้มาพูดไม่ใช่แค่นี้หรอกค่ะ พอดีแพนเดินเข้าป่าจะไปฉี่เนี่ยแล้วเจอเศษซากทิชชู่เปียกเต็มไปหมด คือประมาณว่าปล่อยตรงนี้ เช็ดตรงนี้ แล้วก็โยนๆทิ้งแถวนี้ คือถ้ามันเป็นกระดาษทิชชู่ที่ย่อยสบายง่ายๆยังพออนุโลมให้ แต่นี่คือเข้าใจใช่มั้ยคะมันคือผ้าเปียก ที่ห้อยติดตามรากไม้ มันอุจาดเกิ้นนนน เอางี้นะคะใครใช้ทิชชู่เปียกเสร้จแล้วรบกวนเก็บของตัวเองไปทิ้งด้วย หรือไม่ก็ฝังกลบซะ มันจะดีมาก
แถมๆ "เรื่องประจำเดือน"
คุยเรื่องถ่ายจบก็มาว่ากันเรื่องเมนส์ซะหน่อย หัวข้อนี้ผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใจ ก่อนอื่นนะถ้านับวันแล้วรู้ว่าเมนส์จะมาช่วงที่ต้องขึ้นเขาพอดีให้ไปซื้อยาเลื่อนเมนส์มากินซะนะ เพราะบางคนเป็นเมนส์แล้วปวดท้องจะเป็นจะตายก็มีแบบนี้ขึ้นเขาจะลำบาก แต่ถ้ามันกินยาไม่ทันเมนส์มาซะแล้วก็อย่าไปนอยนะคะ เราเตรียมผ้าอนามัยไปให้พร้อม และเตรียมผ้าถุงไปด้วยเวลาจะเปลี่ยนผ้าอนามัยก็ใส่ผ้าถุงคลุม ถึงเข้าไปในป่าแต่มันก็เขินเนาะ ส่วนซากผ้าอนามัยที่ใช้แล้วอย่าได้ทิ้งเรี่ยราดนะคะถ้าไม่ขุดหลุมฝังก็ห่อใส่ถุงพลาสติกแล้วค่อยเอาลงมาทิ้งด้านล่างจะดีต่อป่าและคนอื่นๆที่ใช้ป่าร่วมกัน
เดินเล่นเมืองจันทบูร
เดินลงจากเขา มาแวะเล่นน้ำอยู่นานสองนานกว่าจะมาถึงหน่วยก็บ่าย 2 โมงครึ่ง กว่าจะรอเพื่อนไปอาบน้ำอีกก็เป็นชั่วโมง แต่เรื่องเวลาไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ ก็แพนจองตั๋วรถทัวร์ไว้รอบทุ่มครึ่ง ทีนี้เราเลยมีเวลาเดินเล่นในที่ชุมชนตลาดเก่าริมน้ำจันทบูร
และก็เป็นโชคดีอีกอย่างของแพน ก็วันที่แพนไปเค้ามีจัดงาน วิถีจันท์วันวาน วันแรกด้วย มันก็เลยค่อนข้างจะครึกครึ้นหน่อย แพนเดินดูงานหาของกินจนเกือบเลยเวลาแหนะ ต้องรีบเดินจ้ำอ้าวไปขนส่ง
พอมาคิดๆดูก็ขำดีนะ เดินลงจากเขามาอย่างเหนื่อยเค้ามีแต่จะอยากนอน อยากพักร่างนั่งอยู่เฉยๆกันนี่อะไรมาเดินเล่นกันซะงั้น ฮร่า อย่างว่าล่ะค่ะไหนๆก็มาแล้วต้องเที่ยวให้คุ้ม
สรุปค่าใช้จ่าย 7 คน เก็บกองกลางคนละ 1000 บาท (7000 บาท)
- ค่ารถทัวร์ไป-กลับ 360 x7 2520 บาท
- ค่าข้าวเหนียวหมู(ของกินระหว่างเดินขึ้นเขา) 245 บาท
- ค่าอาหารสด/แห้ง(สำหรับทำกินบนยอดเขา) 900 บาท
- ค่าเหมารถไป-กลับ จากขนส่ง - หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล 1400 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1400 บาท
รวม 6465 บาท (เหลือเงินอีกนิดหน่อยเป็นค่าขนมแล้วก็สมทบทุนทริปหน้า ฮร่า)
ไอ้เรื่องเที่ยวราคาถูกนี่แพนถนัดนักเชียว ถ้าสนใจจะชวนเพื่อนไปรีบแคปส่วนนี้ไปอ้อนเพื่อนๆเลย
รู้จักเพื่อนใหม่
จะว่าไปก็น่าจะพูดถึงเพื่อนใหม่ที่แพนได้รู้จักจากทริปนี้ ทุกคนทำให้ทริปเล็กๆของแพนกับเพื่อนๆดูมีสีสันขึ้น และทำให้เกิดเรื่องเล่าเยอะแยะไม่ว่าจะเป็นน้องๆ 4 คนจากแดนปลาเค็ม(มหาชัย) ที่แพนได้รู้จักบนรถที่เหมามาหน่วยพิทักษ์ป่าด้วยกัน หรือจะเป็นนายยุทธที่มาขอน้ำต้มมาม่า และยังอุตส่าห์แบ่งปันรูปถ่ายบางส่วนมาให้แพนประกอบรีวิว แล้วก็เจ้าหน้าที่นำทางที่ให้ความรู้ตลอดทาง รวมถึงลุงเชาร์คนขับรถเหมาที่มาส่งถึงตีนเขาไม่พอ ขากลับยังใจดีพาแพนกับเพื่อนๆแวะตรงจุดเที่ยวเมืองจันทบุรีอีก
อ้อ!!!!! อีกคนนึงภาพด้านล่างนี้ค่ะ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนี้ที่นำแพนกับเพื่อนๆตอนขาลงเขา และต้องเดินแบบไม่ห่างเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะช่วงที่แพนลงเขากันมีชาวบ้านแจ้งข่าวว่าช้างป่ากำลังลงไปแถวหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัยเลยต้องเดินตัวติดกันกับเจ้าหน้าที่แหละค่ะ และนั่นก็ทำให้แพนได้มีโอกาสรู้จักเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่แพนเห็นเจ้าหน้าที่นำทางเป็นผู้หญิงเนี่ย ฮร่าาาา เท่ชะมัด!
สรุปทริปผาหินกูบ
- ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น (สโลแกนเค้า)
- เดิน 7 กิโล กับเวลา 5 ชม.กว่าๆ
- ไม่มีห้องน้ำ ห้องส้วม ปวดหนักปวดเบาก็เข้าป่านะจ๊ะ
- มีแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ แต่ต้องเดินลงเขา เหนื่อยชะมัด ทางที่ดีตอนไปกรอกน้ำนี่เตรียมไปกรอกทีเดียวนะ
- ถ้าอยากอาบน้ำก็ไปอาบตรงจุดเดียวกันกับที่รองน้ำกินแหละ แต่เป็นการอาบแบบ Outdoor นะเธอ
- มีจุดแวะที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้หลายจุดเลย
- ถ้าอยากหลับแบบสบายใจแพนแนะนำให้หาที่ตั้งแคมป์หลังผา ลมไม่แรงมาก
- ขากลับต้องแวะเล่นน้ำที่ธารน้ำตกอ่างเบงด้วยนะ
- มีสปาปลา ต้องลอง!
- ถ้าลงมาจากเขาแล้วแรงยังเหลืออย่าลืมเดินเล่นตลาดริมน้ำจันทบูร
- อย่ายึดเอายอดผาเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่ให้ใส่ใจกับเรื่องราวระหว่างทางที่สำคัญยิ่งกว่า
สรุปข้อมูลติดต่อ
จองทริปขึ้นผาหินกูบ 082-2050079 , 086-3791597 ค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาท หรือ https://www.facebook.com/soidaoksd/
เหมารถลุงเชาร์มาสด้าจันทบุรี ไป-กลับ คนละ 200 บาท 095-9414991
...ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ แล้วบทความหน้าแพนจะมาเมาท์ให้ฟังใหม่นะจ๊ะ....
ขอบคุณภาพถ่ายประกอบรีวิวบางส่วนที่มาจากกล้องของของชาวแก๊ง เอ๋ พี่เต๋า ปรี จิ พี่แอม และขวด (ชื่อเรียงตามภาพด้านบน) รวมถึงภาพจากกล้องของยุทธ(เพื่อนใหม่จากผาหินกูบ) และขอบคุณพี่กุ๊กที่ให้ยืมแบตสำรองกล้องโกโปร สุดท้ายขอบคุณยายหนูมาลีที่ให้ยืมผ้าถุงมาใส่เพราะแพนดันลืมเอามาจากบ้าน ฮร่าาาาาาาาาาาาาา ^0^
MEEpanda
วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 01.19 น.