จังหวัดนครราชสีมา เรียกสั้นๆว่า “โคราช” มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เขาใหญ่ วังน้ำเขียว หรือเขายายเที่ยง ซึ่งล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ กทม. ทำให้นักท่องเที่ยวจากเมืองหลวงแวะมาเยี่ยมเยียนเสมอ ถึงแม้จะมีวันหยุดไม่มากก็ตาม แต่วันนี้หนุ่มโคราชอย่างผมจะพาเที่ยวเมืองย่าโม ซึ่งไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 3 ที่กล่าวมา ในครั้งนี้จุดมุ่งหมายปลายทางอยู่อำเภอ ที่มีนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง คุณก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ หรือ จักรพรรณ์ อาบครบุรี นั้นก็คือ “อำเภอครบุรี” (ตั้งแต่เริ่มเขียนรีวิวท่องเที่ยวมา ยังไม่เคยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดที่ตัวเองโตขึ้นมาเลยนะเนี้ย)


ฝากติดตามเพจและเว็บไซต์ด้วยนะครับ

http://www.poppu.online

https://www.facebook.com/popputrip

(การเดินทางคือ "การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด")

นักเดินทางสำรอง


“ครบุรี” มาจากคำเดิมคือ “สาครบุรี” แปลว่า “เมืองต้นน้ำหรือเมืองสายน้ำ” เพราะเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำมูล ทางตอนใต้ของเมืองติดกับเขตอุทยานแห่งชาติ “ทับลาน” ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) และป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี

การเดินทางคร่าวๆ 2 วัน 1 คืน มีดังนี้

  • ปรางค์ครบุรี
  • วัดเขาจอมทอง
  • สะพานไม้ 100 ปี
  • พักครัวแพน้องกานต์
  • เขื่อนลำแชะ
  • หาดจอมทองเขื่อนลำมูลบน

เริ่มต้นกันที่ตัวเมือง แต่ก่อนออกเดินทางผมขอเติมคาเฟอีนสักแก้วที่ร้านกาแฟดังแห่งเมืองย่าโม่ “กาแฟฮูย่า” เจ้าถิ่นอย่างผมขอแนะนำเลยว่าต้องมา ช่วงนี้ร้านกำลังปรับปรุง พื้นที่จะแคบกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ลูกค้าไม่ได้น้อยลงเลยดูได้จากรถที่จอดรอกันเต็มหน้าร้าน ภายในร้านตกแต่งแบบจีน พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสุภาพกันทุกคน ถ้าใครอยากรอในรถแค่บอกเลขทะเบียนรถ พนักงานก็จะนำไปส่งให้ ผมกลับมาบ้านทีไรก็ประทับใจในรสชาติและการบริการทุกครั้ง (พิกัด https://www.facebook.com/hooyacafe)

จุดหมายแรก “ปรางค์ครบุรี” ตำบลครบุรี โดยใช้เส้นทาง 304 แล้วเข้า 3002 ประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ถึงจุดหมายปลายทางที่ โรงเรียนบ้านครบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ปรางค์ครบุรี

https://goo.gl/5UVokB

ป.ล.มาเที่ยวโบราณสถานก็เที่ยวกันอย่างสร้างสรรค์ อย่าได้ปีนป่าย ขุด แคะ ขีด เขียน เลยนะครับ ช่วยกันดูแลรักษาสมบัติของชาติกันดีกว่าเนอะ


จุดหมายที่สอง “วัดเขาจอมทอง” ตำบลครบุรี ออกจากปรางค์ครบุรี มุ่งหน้าเข้าถนน 3115 ทางไปเขื่อนลำมูลบน (ใช้ google map นำทางได้ตลอดการเดินทางในครบุรี) ขับเข้ามาอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จากป้ายทางเข้าเขื่อนลำมูลบนก็ถึงจุดหมาย บอกเลยว่าที่นี่นับเป็น “สถานที่ต้องห้ามพลาด” ของครบุรีเลยทีเดียว

วัดเขาจอมทอง (วัดสาขาที่ 123 วัดป่ากุง) หลวงปู่ศรี มหาวีโร

ที่มาของวัดเขาจอมทอง https://www.facebook.com/groups/watkoajomthong/permalink/1513152638726226/

ไฮไลท์ของที่นี่ก็จะมี

  • บ่อน้ำทิพย์
  • จุดชมวิวเขื่อนมูลบน (ตะวันสาดแสง)
  • รอยพระพุทธบาท
  • จุดชมวิวต้นน้ำมูล (ตะวันชิงพลบ)
  • ที่วางศิลาฤกษ์เจดีย์ศรีจอมทอง
  • พระพุทธชินราชจำลอง

เดินไปตามทางบันไดเลย จับราวไว้หน่อยก็ดีนะ

บ่อน้ำทิพย์ น้ำจะค่อยๆหยดลงมาจากหินด้านใน

จุดชมวิวแรก เป็นไงล่ะ?

อากาศบนนี้มันเย็นมากบอกเลย

ไม่กล้ายืน เสียว!!

การเดินขึ้นเขาก็ไม่ยาก เพราะมีการทำบันไดทางขึ้นไว้ให้อย่างสะดวก เดินไปตามบันไดทางขึ้นภูจอมทอง จุดแรกที่จะพบคือบ่อน้ำทิพย์ ซึ่งตอนนี้บ่อน้ำแห้งเกือบหมดแล้ว แต่ลองแวะไปอ่านประวัติของหลวงปู่ศรี มหาวีโร สักนิด จะทำให้เราเข้าใจความยากลำบากของคนในยุคก่อนเราได้ดี เทียบกับยุคสมัยของเราที่แสนจะสะดวกสบายไม่ได้เลย หลังจากนั้นก็เดินขึ้นเขาต่อไปอีกนิดก็จะพบกับวิวหลักล้านเกินบรรยาย ภาพมุมสูงเหนือเขื่อนลำมูลบนที่ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องสะท้อนผิวน้ำ แค่นี้ก็คุ้มค่าการเดินทางแล้วครับ เราเดินตามทางไปเรื่อยจนไปจบที่จุดสุดท้ายคือ ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ณ จุดนี้ จะพบร่องรอยอารยะธรรม ฮินดู-พราหม์ โบราณ อีกด้วย


ณ จุดนี้ ทำผมหงุดหงิดกับเศษกระดาษทิชชู่ก้อนใหญ่ที่ทิ้งไว้ต่อหน้าองค์พระพุทธชินราช ทั้งๆที่ถังขยะเหล็กใบใหญ่ 2 ถังก็อยู่ไม่ไกล เดินไม่ถึง 20 ก้าวก็ถึงแล้ว อยากให้นักท่องเที่ยวเลิกนิสัยมักง่าย ทิ้งไม่เลือกที่สักที (ไม่ดราม่านะครับ ผมเก็บไปทิ้งถังขยะให้แล้ว)

จริงๆแล้ว วัดเขาจอมทองกับหาดจอมทองอยู่ใกล้กันมาก แต่เนื่องผมลงจากเขาก็ 3 :30 โมงเย็นแล้ว กลัวเข้าที่พักมืดเลยมุ่งตรงไปสะพาน 100ปี ก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยกลับมานั่งชิล


จุดหมายที่สาม สะพานไม้ 100 ปีตำบลโคกกระชาย จากวัดเขาจอมทอง ขับเส้น 3115 แล้วเลี้ยวเข้า 4040 ก่อนถึงเขื่อนลำแชะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด แวบแรกที่เห็นสะพานไม้ทอดยาวผ่านท้องทุ่งนาสีเขียวอ่อน ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ช่างสวยบาดตาหนุ่มอำเภอเมืองอย่างผมนัก ความยาวของสะพานประมาณได้สัก 1 กิโลเมตร ผาดผ่านจากฝั่งนี้ของทุ่งนา ไปสุดอีกฝั่งหนึ่ง ถ้ามาตอนที่ข้าวเต็มทุ่งนะ บอกเลยครับฟินสุดๆ

ไปตามเส้นสีฟ้าเลย ไม่นานก็ถึง


จุดหมายที่สี่ ครัวแพน้องกานต์ตำบลโคกกระชาย ที่พักผ่อนริมเขื่อนลำแชะของผมคืนนี้ ตัวบ้านพักเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ 2 ชั้น ที่พักอยู่ชั้นบนมีทั้งหมด 3 ห้องนอน เป็นห้องพัดลม มีโถงกว้างอยู่ตรงกลางไว้นั่งเล่นรับลม ชมวิว ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมอยู่ชั้นล่างติดตัวบ้าน ใต้ถุนบ้านเป็นทั้งครัว และมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่ไว้สำหรับนักท่องเที่ยทานอาหาร ภายนอกตัวบ้านมีซุ้มนั่งเล่น และที่นั่งทานอาหารชมวิวเขื่อน หรือใครไม่อยากทานบนบก ก็สามารถไปนั่งทานในน้ำได้ จะมีแพจอดอยู่ริมเขื่อนไว้บริการ

ผมใช้บริการอาหารเย็นและอาหารเช้าที่นี่ (อาหารเช้ารวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว) หลังอาหารเช้าผมมีโอกาสได้คุยกับคุณนกเจ้าของบ้านพัก เธอจึงได้เล่าเรื่องราวบ้านโคกกระชายให้ฟัง เธอบอกอีกว่าเธอมีกระชังเลี้ยงปลาทับทิมอยู่ 3 กระชัง จากเมื่อก่อน มีหลายสิบกระชัง เพราะทางกรมชมประทานที่ดูแลเขื่อนขอให้ชาวบ้านลดการเลี้ยงปลาลงเพราะต้องผันน้ำส่งเข้าไปในตัวเมือง ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่าชาวบ้านที่นี่ต้องเสียสละเพื่อคนในอำเภอเมืองอย่างผมได้มีน้ำใช้สะดวกสบาย นอกจากนี้ทางอุทยานทับลานอยากให้มีการสนับสนุนให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อที่ชาวบ้านจะได้ลดการบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ ทำไร่มันอีกด้วย

ราคาห้องพักรวมอาหารเช้า: 600 บาท/คืน อยากไปโทรเลย 085-491-19005


จุดหมายที่ห้า เขื่อนลำแชะ ตำบลโคกกระชาย ออกจากบ้านพักผมแวะไปชมความงามบนสันเขื่อนลำแชะ การมาเที่ยวเขื่อนลำแชะ มีกิจกรรมที่สามารถทำได้คือ ตกปลา ล่องแพ และมีน้ำตกขึ้นชื่อคือ “น้ำตกวังเต่า” (ผมว่าน่าจะเรียกแก่งมากกว่า คนที่นี่เรียกน้ำตก) ให้ได้ล่องแก่งอีกด้วย แต่ผมไม่ได้เข้าไป เนื่องจากต้องเหมาเรือชาวบ้าน ซึ่งราคาบอกเลยราคาสูง ต้องมาเป็นกลุ่มหารกันถึงจะคุ้มหน่อย ผมเลยแค่ไปแชะภาพสันเขีื่อนแล้วเดินทางต่อ


จุดหมายสุดท้าย หาดจอมทอง เขื่อนลำมูลบนตำบลจรเข้หิน ก่อนกลับเข้าตัวเมือง ผมขอแวะทะเลน้ำจืดที่หาดจอมทองเป็นจุดสุดท้าย พอเลี้ยวรถเข้ามาในหาด ก็เห็นเต็นท์ผ้าใบกางเรียงรายบนริมหาดเหมือนทะเลบางแสน พัทยา ทีเดียว ริมถนนมีร้านอาหารให้เลือกใช้บริการมากมาย ริมหาดมีผู้คนลงเล่นน้ำกันสนุกสนาน โดยเฉพาะเหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย เกาะห่วงยางเล่นน้ำกันเสียงดัง ผมไม่ค่อยถูกกับน้ำเท่าไรจึงขอปักหลักอยู่ที่เก้าอี้ชายหาด นั่งรับลมเย็น และสั่งอาหารมาทานเป็นมื้อกลางวันพอ



ครบุรี อำเภอใหญ่แห่งเมืองย่าโม ที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ทุ่งนา ภูเขา ป่าไม้ สายน้ำ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และวัดมากมายให้แวะชม นอกจากนี้ อำเภอครบุรียังเป็นที่ตั้งของโรงงานน้ำตาลขนาดใหญ่ “น้ำตาลครบุรี” ซึ่ง จะเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่บรรทุกอ้อยเต็มคันเพื่อไปส่งยังโรงน้ำตาลแห่งนี้ นครราชสีมาไม่ได้มีดีแค่เขาใหญ่และวังน้ำเขียวนะครับ อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น ครบุรี ติดกับอุทยานแห่งชาติทับลาน แน่นอนว่าอากาศเย็นพอๆกับเขาใหญ่ การเดินทางจาก กทม. สามารถมาทางเส้นวังน้ำเขียวก็ได้ จะมานอนกางเต้นท์ นอนแพ ตกปลา รับรองเลยว่าชิลไม่แพ้ที่อื่นแน่ๆ ผมอยากฝากเมืองครบุรีแห่งนี้ไว้ให้พิจารณายามที่คิดจะมาเยือนโคราชในครั้งต่อไปด้วยนร้าาา


***ใกล้กับสะพาน 100 ปี มี “ผาสามเกลอ” ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก จะรู้เพียงแค่ชาวบ้านแถวนั้น และบางคนที่เคยขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็น Unseen อีกแห่งของครบุรี ผมไปถึงแถวนั้นแต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้น น่าเสียดายมาก ถ้าใครผ่านไปลองสอบถามข้อมูลจาก link นี้ได้เลย https://www.facebook.com/jeab.song ***


POPPU

 วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 22.53 น.

ความคิดเห็น