อัมพวา ได้ยินชื่อที่นี่มาก็นาน เห็นว่าใกล้กรุงเทพ มาง่าย จะไปเช้าเย็นกลับ หรือจะนอนค้างคืนก็ดี แต่ที่ไม่ดีคือก็ยังไม่ได้มีโอกาสเหมาะๆ ไปได้ซักที แต่เอาเถอะ เราจะไม่เฝ้าแต่รอเวลาอีกแล้ว ออกเดินทางไปอัมพวากันซักทีเถอะ!

อัมพวาชุมชนริมน้ำที่ยังคงมีเสน่ห์อยู่ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำแม่กลอง และเพราะว่าเป็นริมแม่น้ำนี่แหล่ะ เมื่อสมัยก่อนนู้นถึงได้เป็นเมื่องท่าค้าขายที่คึกคักมาก(เรือมากมายก็พากันมาเทียบท่าค้าขายกันที่นี่) และที่อัมพวานี่ก็เป็นสถานที่พระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ด้วยนะ

การเดินทาง

- เดินทางไปขึ้นรถตู้ที่หมอชิต 2

- เดินไปขึ้นรถตู้ที่ชานชลา "สอง" (ชานชลาที่ไม่มีตัวเลขบอก =_= ท้ายสุดด)

- ลงรถตู้ที่สุดสาย (ท่ารถตู้แม่กลอง)

- นั่งรถเมล์เล็กต่อไปตลาดน้ำอัมพวาได้เลย

หลังจากมาถึงหมอชิต มันอาจจะงงๆ ไปบ้าง แต่เดินมาเรื่อยๆ เลยค่ะ ไปที่ชานชลาที่สอง (ชานชลาที่ไม่มีป้ายเลขบอก) ถามคนแถวนั้นได้เลยค่ะ ว่าจะไปอัมพวาต้องขึ้นรถคันไหน เขาจะพาเราไปขึ้นรถเลย

หลังจากขึ้นรถตู้มาแล้ว ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงแล้วค่าาท่ารถตู้แม่กลองง เขาจะมาปล่อยเราลงตรงหลังคาแดงๆ นั่ง แล้วเราก็ยืนรอที่นี่ได้เลยจะมีรถเมล์เล็กพาเราไปตลาดน้ำอัมพวาค่าา


มองไปทางซ้ายสุดเราจะเห็นที่จอดรถเมลล์เล็กของตลาดอัมพวา

หลังจากที่เราขึ้นรถแล้ว แนะนำให้เราเปิดแมพตลาดน้ำอัมพวาไปด้วยค่ะ เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้คร่าวๆ ว่าจะถึงหรือยัง จะได้เตรียมตัวลงได้ถูก

หลังจากที่เราใช้เวลาประมาณ 15 นาที รถก็จะพาเรามาถึง ตลาดน้ำอัมพวาแล้วค่าา

ตลาดน้ำอัมพวา เราว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้มานาน แล้วด้วยความเป็นตลาดน้ำ ก็คงไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรแถมอยู่ไม่ไกลกรุงเทพด้วย เราก็เหมือนกัน สิ่งที่เราคิดเลยไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่กับการมาตลาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่าตลาดน้ำอัมพวา พอมาแล้ว มันจะเปลี่ยนความคิดทันที

ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดน้ำที่มีเสน่ห์มากๆ ไม่เหมือนตลาดน้ำอื่นๆ เลย มันมีความคึกคัก มันมีความเป็นวิถีชีวิตที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับช่วงเวลา มันเป็นการผสมผสานที่เราเดินแล้วไม่เบื่อเลย

โอเคว่ามันมีความเป็นธุรกิจเข้ามาผสมแต่มันยังมีอะไร ที่ซ่อนอยู่ในนั้นเยอะมาก มันมีศูนย์การเรียนรู้ มันเรื่องราวอีกมากที่รอให้เราไปศึกษา ไปเข้าใจที่อัมพวามากขึ้น

ถ้าเรามองดีๆ ยังมีการใช้ชีวิตจริงๆ ริมแม่น้ำ แม่น้ำที่ยังสะอาดและได้เห็นว่า คนพึ่งพาน้ำ มองกลับไปได้เห็นว่า นี่แหล่ะ ชีวิตของคนสมัยก่อนเขาก็มีความสุขกับการอยู่ร่วมกับน้ำแบบนี้แหล่ะ

และที่ขาดไม่ได้เลยคือการนั่งเรือไปดูหิ่งห้อย เวลาที่แนะนำนะคะ ให้ไปดูรอบ 6.00 หรือ 6.30 เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกระหว่างนั่งเรือ ได้เห็นหิ่งห้อยในช่วงเวลาที่ดีที่สุดด้วย

และที่สวยงามอีกอย่าง เสน่ห์อีกอย่างของอัมพวาคือ ความคึกคักยามค่ำคืนนี่ล่ะ

ทุกครั้งที่จะเดินออกไปจากคอมฟอร์ทโซน เช่นการออกเดินทางไกลคนเดียวนี่ สิ่งหนึ่งที่สะบัดจากจิตใจไม่หลุดซักทีก็คือ ความกังวล แต่ลองเถอะ เมื่อไปหลายๆ ครั้งเข้าวันนี้เธอจะรู้สึกมีความเชื่อมากกว่าเดิมที่จะเดินออกไป และที่อัมพวา เธอจะได้พักหัวใจของเธอ เมื่อเธอได้ไปล่องเรือ มันให้อะไรเรามากกว่าหิ่งห้อย มันเป็นเวลาพักนึงที่เราได้นั่งเรือนิ่งๆ ลมพัดมาเย็นๆ ที่พัดมาทำให้เราโครตรู้สึกสบายใจเลย มันดีจนอยากจะเก็บไว้นานๆ แล้วก็ไม่อยากให้หายไป มันคุ้มค่าจริงๆ นะ คุ้มค่ากับความสวยของพระอาทิตย์ตกระหว่างล่องเรือ อากาศที่เย็นฮีลหัวใจของเราได้ มากกว่าหิ่งห้อยก็คือดาว ดาวที่แสงสว่างในกรุงเทพทำให้เรามองมันไม่ชัดซักเท่าไหร่
เอาล่ะ ได้เวลาของเธอแล้วนะ ที่จะออกไปรักษาใจอันเหน็ดเหนื่อยของตัวเองซักที :)

------------

ฝากเพจด้วยนะคะ


ด้วยรัก

ฉัน ไป ไหน มา

https://www.facebook.com/Chanpainaimaa/

Been There Alone

 วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.10 น.

ความคิดเห็น