บันทึก... หัวใจแห่งการฟื้นฟูที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
ความอุดมสมบูรณ์แห่งแผ่นดินสระบุรี
อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จ.สระบุรี ซึ่งเดิมชื่ออุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายค่ะ มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 อำเภอด้วยกันได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอแก่งคอย อำเภอหนองแค และอำเภอวิหารแดง
และอุทยานฯ แห่งนี้ก็ประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่และมีที่ราบในหุบเขา ซึ่งยอดที่สูงที่สุดนี่ก็คือ เขาครก นั่นเอง ที่มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 329 เมตร แถมยังสามารถมองเห็นตัวเมืองสระบุรี และอำเภอใกล้เคียงได้อย่างชัดเจนด้วยค่ะ สัตว์ป่าที่พบก็มีอยู่หลายชนิดเช่น ไก่ฟ้า ไก่ป่า เก้ง ลิง หมูป่า และนกชนิดต่างๆ มากมายเลยค่ะเช่น เขียวคราม กระรางหัวหงอก โพระดก บั้งรอกใหญ่ รวมทั้งผีเสื้อนานาชนิดด้วยนะคะ
ความชุ่มชื้นที่หลอมรวมกับผืนป่า
ภายในบริเวณอุทยานฯ นี้นะคะ ก็มีน้ำตกหลายแห่ง ซึ่งก็คือ น้ำตกสามหลั่น ที่เป็นลานหินกว้างเรียงซ้อนกันเป็นสามชั้นมองดูคล้ายๆ กับบันได ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของชื่อน้ำตก ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ แค่ประมาณ 300 เมตรเท่านั้นเอง
ต่อมาก็คือน้ำตกโพธิ์หินดาษ อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 300 เมตรเช่นกันเป็นน้ำตกชั้นเดียวเตี้ยๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นลานหินกว้าง มีต้นโพธิ์แผ่กิ่งก้านสาขา และต้นน้ำที่ไหลมายังน้ำตกโพธิ์หินดาดยังไหลไปสู่น้ำตกถัดไป ก็คือน้ำตกโตนรากไทร ซึ่งห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 400 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่ตกลงมาจากหน้าผาหินสูง 7 เมตร ลงมาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง
และที่รอบๆแอ่งน้ำก็มีโขดหินน้อยใหญ่ สามารถใช้เป็นที่นั่งชมน้ำตกได้ด้วยนะคะซึ่งทางอุทยานฯ ก็ได้ทำเส้นทางเดินเท้าเชื่อมระหว่างน้ำตกเหล่านี้ด้วยนะโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
โดยที่เราไม่ต้องย้อนกลับเส้นทางเดิมเลยค่ะ โดยที่น้ำตกที่นี่จะมีความสวยงามมากที่สุดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนตุลาคมนะคะ
หัวใจแห่งการฟื้นฟู
เดินเข้าไปในป่า ที่ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ลำธาร
สิ่งมีชิวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมด แมงมุมหรือผีเสื้อที่เห็นได้มากที่นี่ค่ะ
อย่างนึงคือมันทำให้เราได้เห็นว่า “จริงๆ แล้ว โลกนี้มันผูกพันกันไว้ด้วยการพึ่งพากันและกัน”
จนอดสงสัยไม่ได้ว่า
อะไร…
ที่มันทำให้เราลืมว่าตัวเราเองก็เป็นหนึ่งในชีวิตของโลกใบนี้เป็นหนึ่งในความสมบูรณ์ของต้นไม้ใบหญ้าเป็นหนึ่งในการดูแลและถนุถนอมสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
เพราะจริงๆ เราก็ต่างอยู่เพื่อกันและกัน…
เดินไปเรื่อยๆ จากที่เคยกลัวแมงมุมมากๆก็เริ่มเข้าใกล้พวกเค้าได้จะด้วยความชินหรืออะไรก็แล้วแต่
ก็อยากจะขอบคุณมันเหลือเกินที่ปลดล็อคความกลัวอีกอย่างนึงออกไปจากใจจนจริงๆ เราก็แอบกลับมาคิดนะว่า...
อะไรกันแน่ที่มันน่ากลัวกว่ากัน
ระหว่างสัตว์ที่อยู่ข้างหน้าที่เราเห็น ที่มันอยู่ของมัน
ที่มันแค่ปกป้องตัวเองตามกลไกธรรมชาติ
กับความกลัว ที่เราสร้างมันขึ้นมาเองเสมอ
คิดไปก่อนต่างๆ นาๆ
นั่นสินะ..
อะไรกันแน่ ที่มันน่ากลัวกว่ากัน...
...ในอดีตป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ ทำหลุมหลบภัยบ้าง มีการตัดไม้ ทำฟืนบ้าง ทำถ่านหุงหาอาหาร และทำถนนบ้าง
มันเลยทำให้ป่าธรรมชาติบางส่วนถูกทำลายลง สภาพป่าของที่นี่ก็ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และทุ่งหญ้าค่ะ แต่พอได้ประกาศให้ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติ มีการดูแลรักษาและฟื้นฟู
ก็ทำให้ป่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
จนทำให้เราอดเสียดายไม่ได้เลยเนอะ..
การทำลายมันง่ายแค่หายใจไม่กี่เฮือก แต่การที่อะไรมันจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้นี่
มันต้องใช้อะไรหลายๆ อย่าง ที่สำคัญก็คือเวลา
และความตั้งใจที่สูงมากจริงๆ เนอะ
จริงๆ ธรรมชาติ มันไม่เคยทำให้เราหยุดหลงใหลมันได้เลยนะ
เพราะในป่ามีเสียงเสมอแหล่ะ เสียงน้ำ เสียงใบไม้ เสียงสัตว์
เสียงที่พอเราได้หยุดและฟังเค้านิ่งๆ เราจะเย็นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยเนอะ
อ้อ ที่สำคัญ ในนั้นมันมีเสียงของเราอยู่ อย่างน้อยๆ ที่นั่น เราก็ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
ดังกว่าที่อื่นล่ะนะ
ฝากเพจด้วยนะคะ
ด้วยรัก
https://www.facebook.com/beentherealone/
Been There Alone
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 23.53 น.