เจอกันอีกครั้งนะครับกับการขับขี่รถท่องเที่ยวไปด้วยตัวเอง …ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเวียดนามกลางซึ่งเป็นประเทศเอเชีย ที่ใกล้บ้านเรามาก… การเดินทางก็ใช้เวลาไม่นานเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาไม่มาก

ไปกันเลยครับการเดินทางครั้งนี้ไปด้วยบางกอกแอร์เวย์ จากสุวรรณภูมิใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงช่วงปลายปีอากาศกำลังดีแต่สิ่งที่ไม่ชอบ…คือการที่เจอฝนประปราย

เมื่อถึงสนามบินดานังรถที่ผมติดต่อไว้กับทางที่พักก็มารอรับเราเป็นที่เรียบร้อย … คืนแรกเราจะขึ้นไปที่ Ba na hill จุดหมายจริงๆเพื่อที่จะไปดูสะพานโกลเด้นเกตอันโด่งดัง

ราคาค่ารถ720,000ด่อง คิดเป็นเงินไทยเข้าคร่าวๆ ตัดเลขศูนย์ออก4ตัว แล้วคูณด้วย 15

นั่งรถจากสนามบินประมาณ 20 นาทีก็ถึง สถานีเคเบิลคาร์ขึ้นสู่โรงแรม Mercury Dana Gould French village Ba Na hill ราคาสำหรับค่าเคเบิลคาร์ลูกค้าโรงแรมจะได้ราคาพิเศษที่ 400,000ด่อง จากราคาทั่วไป6000,000ด่อง

สำหรับเคเบิลคาร์นี้จะเป็นเคเบิลคาร์สายเดียวที่ยาวที่สุดและสูงที่สุดสายหนึ่งของโลก

ระหว่างทาง20นาทีก็จะได้ชมวิวทิวทัศน์ของน้ำตก Toc Tien

ตามเวลาของสายการบินทำให้เรามาถึงที่ Ba na hill เวลาเกือบเย็น พอจะมีเวลาให้เดินถ่ายรูปบริเวณทั่วๆไป ซึ่งเสียดายวันนี้มีฝนปรอยและมีหมอกมาก…แถมคนก็เยอะ

ผมก็เดินเก็บภาพบริเวณรอบรอบไปจนค่ำ บรรยากาศเป็นการจำลองบรรยากาศของฝรั่งเศสมา เพราะที่นี่คนที่สามคือข้าหลวงฝรั่งเศสในสมัยก่อนสงคราม

จากนั้นก็ทานอาหารค่ำบุฟเฟห์ที่ร้านอาหารในโรงแรม ตกหัวละ500บาทไทยโดยประมาณ

อาหารก็พอทานได้ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย

…ก่อนที่จะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

เช้าวันรุ่งขึ้นก็ตื่นมาเพื่อเดินเก็บภาพต่อและจะนั่งเคเบิลคาร์ไปGolden bridgeหรือที่เราเรียกกันว่าสะพานมือยักษ์ ที่หลายคนเคยเห็นในคลิปกันมามากแล้ว

นอกจากนั้น…เวลาที่เหลือ คุณสามารถเดินเที่ยวทั่วบริเวณได้…มีทั้งสวนดอกไม้…โบสถ์หรือtheme park

ได้เวลาตอนเที่ยงผมก็เช็คเอาท์ ทานอาหารเที่ยงบุฟเฟห์หัวละ400บาทไทย จากนั้นให้ทางโรงแรมก็มาส่งที่เคเบิลคาร์ลงมายังข้างล่าง พร้อมกับให้ทางโรงแรมติดต่อรถเพื่อจะไปฮอยอัน ต่อไป

จากประสบการณ์การมาเที่ยวที่นี่…ผมว่าถ้าจะหารถแท็กซี่ควรให้ทางโรงแรมติดต่อให้นะครับราคาจะได้ไม่โดนโกง

…เจอกันตอนต่อไปที่ฮอยอันครับ เราจะไปเช่าจักรยานยนต์ขี่เที่ยวกัน…เพราะที่นี่เค้าไม่ให้เช่ารถยนต์ขับเอง