สำหรับทริปนี้เราวางแผนล่วงหน้า 2 สัปดาห์ หลังจากที่คุยกับน้องๆตกลงสถานที่กันได้ก็หาข้อมูลที่พักและโทรไปจองพร้อมโอนค่ามัดจำที่พัก หลังจากนั้นไปดูรอบรถไฟในเว็บไซต์ http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp
เริ่มออกเดินทางในวันที่ 06 เม.ย. 2018 ไปถึงหัวลำโพงบ่าย 4โมงเพื่อไปจองตั๋วรถไฟขบวน173 รอบ 17.35น.(จากที่ดูเลขขบวน และเวลารถออกผ่านเว็บไซต์มาแล้ว) พอมาถึงเวลาจริงตั๋วเต็ม เหลือเพียงชั้น3 ไม่กี่ที่ พวกเราปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไรดี สรุปว่าเอาก็เอา ไปมันชั้น3นี่แหละ ที่นั่งทั้ง4ที่อยู่ห่างกันแต่ไม่มากไปขอแลกที่นั่งกับคนอื่นทีหลัง
ระหว่างรอเวลา เข้าไปทานข้าวที่ร้านอาหารของสถานีที่นี่อาหารรสชาติดีราคาไม่แพง แต่แม่ค้าหน้าตาจะไม่ค่อยรับแขกไหร่ มีร้านไม่มาก 4-5 ร้าน ทั้งข้าว และก๋วยเตี๋ยว 5โมงกว่า ใกล้เวลารถไฟออกก็เข้าชานชาลาไปเดินหาขบวนที่จองตั๋วไว้
17.35น. ตามเวลาในตั๋วพอดี รถไฟเคลื่อนตัว ในที่สุดก็ได้เริ่มออกเดินทางจริงๆสักที เห้อ... นึกว่าจะไม่ได้ไปซะแล้ว
รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงที่นั่งบางที่ยังว่าง และแวะรับผู้โดยสารจากสถานีอื่นๆเพิ่มจนเต็ม ตามสถานีรายทางมีแม่ค้านำอาหารขึ้นมาขายราคาไม่แพง ตั้งแต่ 5บาท ไปจนถึง 30บาท เรียกได้ว่าถูกจนซื้อมาลองชิมได้แบบไม่ต้องคิดมาก อาหารทุกอย่างปรุงมาสดใหม่ร้อนๆ ช่วงสถานีนครปฐมกำลังนั่งชมวิวเพลินๆ ได้ยินเสียงพ่อค้าเร่ขาย 'เตี๋ยวปลา' เป็นยังไงเกิดความสงสัยโบกมือเรียกพ่อค้า ซื้อมาลอง 1 กล่อง 10บาทเปิดกล่องมาหน้าตาดูธรรมดาๆ แต่พอได้ชิมมันก็ไม่ได้แย่ ลูกชิ้นปลาอร่อย เส้นเล็กที่ปรุงมาแล้วกลมกล่อมดี และที่สำคัญคือยังอุ่นๆอยู่เลย สัก3ทุ่มกว่ามีข้าวต้มไก่มาขายตอนพ่อค้าถือถาดเดินผ่าน
กลิ่นหอมมาก พอมารอบ2อดใจไม่ไหว สั่งมา 1ถ้วย ก็อร่อยอีกนั่นแหละ เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน หลับๆตื่นๆ มารู้ตัวอีกทีช่วงสถานีสุราษฯตอนเช้ามืดเพราะได้ยินแม่ค้าร้องขาย 'เหนียวไก่' ด้วยสำเนียงทองแดง หิวๆอย่างนี้โบกมือหยอยๆเรียกแม่ค้า ไก่ทอดกรอบๆ กับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยมาก ฟันก็ยังไม่ได้แปรงด้วย 555+
ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงสถานีนครศรีธรรมราช ลงรถไฟได้ก็หิว(อีกแล้ว) แต่ไม่รู้จะไปยังไงต่อ จึงเดินไปถามนายสถานีถึงวิธีการเดินทางไปร้าน'ขนมจีนเมืองคอน' และวิธีเดินทางไปคีรีวง นายสถานีก็พูดเร็วมากจับใจความได้แค่ว่า 'รถแท๊กซี่' และ 'ท่ารถสองแถว' จึงเดินต่อไปที่หน้าสถานีรถไฟ ไปถามมอเตอร์ไซด์วิน ทำให้ได้เบอร์เรียกแท็กซี่มา
เบอร์เรียกแท็กซี่ที่นครฯ : 075-357-888 แท็กซี่ที่นี่กดมิเตอร์นะ สตาร์ท 40.- มีค่าเรียกผ่านโทรศัพท์ 20.-
หลังจากได้เบอร์แท็กซี่และโทรไปเรียก ผ่านไปประมาณ 15นาที แท็กซี่ก็มา ราคาแท็กซี่จากสถานีรถไฟ ไปถึงร้านขนมจีนเมืองคอน 58.- + ค่าเรียก 20.-
'ร้านขนมจีนเมืองคอน' นี้เราหาข้อมูลมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ว่าร้านนี้เป็นร้านขนมจีนที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ถ้าได้มีโอกาสมาก็ต้องมาลอง ที่ร้านมีทั้งขนมจีน และข้าวแกง ขนมจีนจะจัดขายเป็นชุดละ 180.- น้ำยามี 4 แบบ น้ำยา, น้ำเคย, แกงไตปลา, น้ำพริก ถามถึงความอร่อย ก็อร่อย แต่สำหรับเราว่าขาดรสชาติความเป็นน้ำยาใต้คือความเผ็ดร้อนหายไป ซึ่งเราคิดว่าทางร้านเขาน่าจะปรับรสชาติให้ถูกปากนักท่องเที่ยวมากกว่า
หลังจากสั่งขนมจีน 1 ชุดแล้ว เดินไปดูหน้าตู้ที่เป็นอาหารพวกแกงใต้ เห็นเข้าเขียนป้ายไว้ว่า 'ทอดมัน' ดูแปลกตาไม่เหมือนทอดมันบ้านเราจึงสั่งมาลอง 1ที่ ทอดมันของที่นี่คือกุ้งทอดที่น่าจะใส่พริกแกงและแป้งทอดกรอบด้านล่างรองด้วยผักอะไรสักอย่างที่เราก็ไม่รู้จักทอดไปพร้อมกัน
เสร็จจากร้านขนมจีนโทรเรียกแท็กซี่อีกที มารับจากร้านขนมจีนไปส่งที่ท่ารถสองแถว ค่ารถสองแถวคนละ 25.- แต่เราขี้เกียจรอจึงขอเหมาไปคิด 300.- อยากบอกว่าลุงขับได้ซิ่งมาก แซงขวาตรงโค้ง บีบแตรไล่ทุกคัน ลุงอาจจะเป็นสแตนอิน ดอม โทเร็ตโต้ ก็เป็นได้ ซิ่งสุดดดด
จากท่ารถเดินทางประมาณ 20นาที ก็มาถึงที่พัก 'หนำชายคลอง' ลงรถจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ลุงคนขับก็ถามเราว่ากลับวันไหน กลับยังไง เพื่อความสะดวกเรานัดกับลุงว่าตอนกลับให้ลุงมารับไปส่งในเมืองอีกรอบ แลกเบอร์กันเรียบร้อยก็เข้าที่พัก
ที่พักของที่นี่มีทั้งที่เป็นบ้านปูนห้องแอร์ และแบบกระต๊อบพัดลม ตั้งอยู่ริมน้ำแบบนี้ ไม่มีแอร์อย่าคิดว่าร้อนนะ กลางวันไม่ร้อน ลมพัดเย็นสบายมีฝนตกบ้างประปราย ตอนกลางคืนดึกๆยังหนาวอีกด้วย ที่พัก รวมถึงห้องน้ำสะอาดดี ผ้าเช็ดตัวของที่นี่เป็นผ้าขาวม้า ได้อารมณ์บ้านทุ่งจริงๆ
เข้าที่พักเก็บของเรียบร้อยแล้ว นั่งรถไฟตากฝุ่นมาทั้งคืน ร้อนๆตัวเหนียว เลยชวนน้องๆไปเล่นน้ำที่ลำธารหลังบ้าน เวลากลางวันช่วงบ่ายโมงแต่น้ำก็เย็นมาก ทำให้สดชื่นหายเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งคืน
ขึ้นจากน้ำมา ก็แยกย้ายกันไปนอนพักเอาแรง ตอนเย็นเราไปติดต่อเช่าจักรยานของที่พัก 50.- ปั่นเที่ยวในหมู่บ้าน และไป 'ตลาดเย็น'
มาที่คีรีวง ห้ามพลาดเมนู 'ผัดหมี่' เป็นเส้นเล็กปรุงด้วยซอสออกหวานๆใส่กุ้ง ทานคู่กับผักสด และตัดรสด้วยมะม่วงเปรี้ยวที่สับเป็นเส้น เดินต่อไปอีกเจอร้าน 'ข้าวยำ' อยู่ 2-3ร้านมีคนพื้นที่นิยมซื้อ แต่เราไม่ได้ซื้อชิม เพราะเคยทานที่กรุงเทพฯแล้วแต่ไม่ชอบ ที่นี่มี 'ขนมโค' ขายด้วย ซึ่งเป็นขนมที่หาทานได้ยากในกรุงเทพฯ คล้ายขนมต้ม แต่ต่างกันตรงที่ใส้ด้านในเป็นน้ำตาลตโนดก้อนๆ ไม่ได้เป็นไส้กระฉีกเหมือนขนมต้ม เดินต่อไปอีกเจอร้านขาย 'น้ำพริกไตปลาแห้ง' ดูน่าสนใจเพราะเป็นคนทานเผ็ด ซื้อมา 1กระปุก รสชาติเผ็ดร้อน ทานกับข้าวสวยร้อนๆไข่เจียวเด็ดมาก เสียดายที่ซื้อมาแค่กระปุกเดียว
ถัดมาเป็นร้าน 'ขนมจานบิน' มีวางไว้ให้ลองชิม รสชาติเหมือนกับข้าวตังบ้านเรา แต่ของที่นี่ทำเป็นแผ่นวงกลมใหญ่ๆรสชาติหวานมันที่เขาได้ผสมน้ำตาลลงไปแล้ว และไม่ได้ราดสายน้ำตาลตโนดด้านบนอย่างข้าวตังของกรุงเทพฯ
มีร้านผักของชาวบ้านที่เก็บมาขายกำใหญ่ๆ ราคาไม่แพง เป็นผักสดๆที่ดูน่าซื้อ แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพราะกว่าจะได้กลับถึงกรุงเทพฯผักคงเหี่ยวเฉาหมดแล้ว
'ยำรวม, ยำมาม่า, ยำไก่ยอ, ยำผักกูด ฯลฯ' เครื่องยำมีกุ้ง ปลาหมึก ไก่ยอ ไส้กรอกฯลฯ ยำทุกอย่างราคา 30.- ราคานี้หาซื้อไม่ได้ที่กรุงเทพฯแน่นอน
กลับจากตลาดเย็น ปั่นจักรยานเข้าที่พัก สั่งอาหารเย็นมาทานกันที่แคร่ไม้หลังบ้าน สั่งไป 4 อย่าง
- 'ผักกูดราดกะทิ' รสชาติหอมมันกะทิสดเข้ากันดีกับกุ้งสดหั่นหยาบ และหอมแดง
- 'แกงส้มผักรวมปลา' บอน, มะละกอดิบ, เม็ดเหรียง, สับปะรด ในน้ำแกงส้มรสชาติเข้มข้น มีรสเปรี้ยวจางๆจากส้มแขก เนื้อปลาไม่แน่ใจว่าเป็นปลาอะไร แต่เนื้อปลาสดหวานดี
- 'น้ำพริก ชะอมทอด' ชะอมทอดนี่ก็ทั่วๆไป แต่เด็ดที่น้ำพริกกะปิ ที่ใช้กะปิดี หอม เปรี้ยว เค็ม ตัดด้วยหวานนิดๆ
- 'ไข่เจียว'
สรุปโดยรวม อาหารที่นี่ผ่าน รสชาติดี ราคาไม่แพง ให้เยอะ ทานกัน 4 คนยังไม่หมด
6โมงเช้า ได้ยินเสียงไก่ขัน ฝนกำลังตกปรอยๆพอดี ผ่านไปสัก 5นาทีฝนก็หยุด ล้างหน้าแปรงฟันแล้วปั่นจักรยานไปถ่ายรูปตรงสะพานปูน และเข้า 'ตลาดเช้า'
เจอร้านผัดหมี่คุณป้า ราคาห่อละ 10.- ซื้อมารองท้องก่อนไปทานมื้อเช้าของที่พัก อร่อยกว่าร้านที่ตลาดเย็นเมื่อวาน ของคุณป้านี่เส้นเหนียวนุ่มกว่า และรสชาติเข้มข้นกว่า
ปั่นจักรยานมาข้างวัดเจอร้านปาท่องโก๋ เห็นคนพื้นที่รอซื้อ2-3คน จึงเข้าไปซื้อบ้าง ทอดร้อนๆกรอบนอกนุ่มใน ของที่นี่เขาทานคู่กับสังขยาสีน้ำตาลรสชาติออกหวานที่แถมให้ฟรี ป้าขายปาท่องโก๋ยังแนะนำให้เราไปลองทานขนมจีนร้านลูกลำเจียกตรงทางไปหนานหินท่าหาด้วย
กลับจากตลาดเช้าตอน 7โมงกว่า มาทานอาหารเช้าของที่พัก มีข้าวต้มไก่ ปาท่องโก๋ ขนมปังปิ้ง ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ซาลาเปา และน้ำส้ม ข้าวต้มอร่อยเรานี่ทานไป 2ชาม ส่วนอย่างอื่นก็เฉยๆ อ้อ.. น้ำส้ม เป็นน้ำส้มซันควิกนะคะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จตกลงกันว่าจะปั่นจักรยานไปที่ 'หนานหินท่าหา' แต่ฝนดันตกลงมาซะก่อน จึงกลับไปนอนเล่นที่บ้านพัก บ้านพักของที่นี่จะมีเปลไว้ให้นอนเล่นที่หลังบ้าน ฟังเสียงน้ำตก อากาศดีๆ ชิลมากเลย
สายๆฝนหยุดไปเคาะห้องเรียกน้อง ปั่นจักรยานไป 'หนานหินท่าหา' ระยะทางจากที่พักประมาณ 3กม. เป็นทางขึ้นเขาที่ไม่ชันมากถ้าปั่นคนเดียวได้พอเหนื่อย แต่เราไปคันละ 2คน มีคนซ้อนด้วยมันเหนื่อยมาก ถ้าจะไปแนะนำให้ปั่นไปคนละคันดีกว่า ปั่นบ้างลงเดินบ้าง แดดก็เริ่มร้อน ในที่สุดก็มาถึง
บรรยากาศดี ลมพัดเย็นสบาย มีคนเล่นน้ำพอสมควร ที่นี่มีเป็ดลมให้เช่าเล่นด้วยตัวละ 100.- อยากลงเล่นน้ำที่นี่เหมือนกันแต่ว่าเสื้อผ้าหมด เตรียมมาพอดี เสียดายไม่ได้ลงเล่น อยู่ชมวิว ชมบรรยากาศกันสักพักแล้วก็กลับลงมา
ก่อนกลับลงมาอย่าลืมแวะซื้อ 'ทุเรียนกวนห่อกาบหมากย่าง' ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ที่ต่างจากทุเรียนกวนของที่อื่นตรงที่ทุเรียนกวนจะถูกห่อด้วยกาบหมาก และนำไปย่าง ทำให้เนื้อทุเรียนมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าไปคีรีวงไม่ควรพลาดที่จะซื้อกลับมาลองชิม
ทางลงจากหนานหินท่าหา ทางซ้ายจะมีร้านขนมจีน 'ลูกจำเจียก' ที่ป้าขายปาท่องโก๋ที่ตลาดเช้าแนะนำมา ถ้าเป็นแบบจาน ขายจานละ 20.- เราสั่งแบบเป็นชุดมา ชุดครึ่งโล 80.- น้ำยาของร้านนี้ทั้งหมด 5อย่าง น้ำเคย น้ำยาปู ไตปลา น้ำพริก เขียวหวานฟัก แต่เราตักมาแค่ 4อย่าง ไม่เอาเขียวหวาน รสชาติน้ำยาปรับให้เผ็ดน้อยถูกปากนักท่องเที่ยว แต่สำหรับเราอาหารใต้ถ้าไม่เผ็ดก็เหมือนรสชาติไม่ถึง แต่ไตปลารสชาติดีกว่าที่ร้านขนมจีนเมืองคอน ส่วนน้ำยาอื่นๆก็เฉยๆ
กลับเข้าบ้านพักอาบน้ำแต่งตัว เก็บของ เตรียมตัวกลับ 11โมงโทรไปคอนเฟิร์มกับลุงรถ2แถวให้แกมารับที่ที่พักตอนเที่ยง 11.50น.แกมาจอดรถรอแล้ว แถมยังเก็บชมพู่จากบ้านเอามาฝากหลายลูก ชมพู่ลูกใหญ่หวานธรรมชาติกรอบอร่อย ระหว่างรอให้ที่พักไปเช็คความเรียบร้อยที่ห้อง ก็ได้คุยกับลุง บ้านของลุงอยู่เลยจากที่พักเราขึ้นไปอีกนิด แกบอกว่าถ้ามาที่นี่ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. จะเป็นช่วงที่ผลไม้ต่างๆออกลูก ก็จะได้ไปเที่ยวชิมผลไม้ด้วย
เราให้ลุงไปส่งที่ร้านอาหาร 'ชาวเรือ' ที่อยู่ในตัวเมือง เพราะได้ดูรีวิวร้านนี้มาจาก Wongnai เขาว่าร้านนี้เด็ด ไหนๆมาถึงนี่กันแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะต้องไปชิม เมนูที่สั่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน
- ปลาเนื้ออ่อนทอดขมิ้น ทอดมาได้กรอบทั้งตัวหัวก็ทานได้ หอมกระเทียวเจียว ทานคู่กับน้ำปลาพริก
- หัวปลาต้มเผือก เสริ์ฟมาเป็นแบบหม้อไฟ หัวปลานำไปทอดก่อน แล้วมาต้มกับเผือกที่ทุบบุบ
- ยำถั่วพลู ถั่วพลูที่ลวกพอผ่านน้ำร้อน น้ำยำใส่พริกเผา หมูบด กุ้งสดลวก รสจัดกำลังพอดี
- น้ำพริกกุ้งสด เป็นน้ำพริกกะปิ แต่ใส่กุ้งสดลวกสับหยาบมาด้วย โรยมาด้วยพริกขี้หนูลูกโดดเผ็ดร้อนควันออกหู
- เนื้อแดดเดียว เนื้อวัวแดดเดียวหั่นบางกำลังพอดีทอดร้อนๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วข้นๆ
อาหารที่ร้าน 'ชาวเรือ' รสชาติไม่ผิดหวัง ราคาก็ตามมาตรฐานร้านอาหารทั่วไป รสชาติดี ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวในตัวเมืองนครฯ แนะนำว่าต้องมาลองร้านนี้ให้ได้
หลังจากอิ่มท้องที่ร้านชาวเรือแล้ว โทรเรียกแท็กซี่มารับไปส่งที่สถานีรถไฟ เรามาถึงสถานีรถไฟราวๆบ่าย 3โมง (รถไฟออก 15.35น.) มีเวลาเลือกซื้อของฝากที่ร้านตรงชานชาลาอยู่สักพักก็รีบไปขึ้นรถไฟ ตอนกลับนี่สบายหน่อย ได้ตั๋วแบบนอนแอร์ ไม่แออัดเหมือนตอนขามา สัก 1ทุ่ม พนักงานมาปูที่นอนให้ แต่ตอนขากลับไม่มีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายบนขบวนนะ ไม่รู้ว่าเขาไม่เปิดประตูหรือยังไงอันนี้ก็ไม่แน่ใจ 2ทุ่มกว่าหิว ก็เลยสั่งอาหารของรถไฟมาทานกัน เป็นอาหารชุด ชุดละ 150.- มีกับข้าว 2อย่าง ข้าว และน้ำส้มขวดเล็กๆ ซึ่งเป็นน้ำส้มแบบน้ำส้มขวดละ5.-อะไรทำนองนั้น ไม่ใช่น้ำส้มคั้น พออาหารมาเสริ์ฟ เราทั้ง 4คน ค่อนข้างช็อค อาหารกับราคาไม่สมกันเลย
หน้าตาอาหารของรถไฟ ชุดละ 150.-
ถ้ามีโอกาสต้องใช้บริการรถไฟแบบนอนแอร์ แนะนำว่าควรเผื่ออาหารติดมาทานกันด้วย เพราะอาจจะเจอแบบเรา ที่ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายอาหาร และจำใจต้องสั่งของรถไฟซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็น
'คีรีวง' เป็นหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย คำกล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ทั้งภูเขา ป่า แม่น้ำลำธาร รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ หากต้องการไปพักผ่อนสงบๆ ใช้ชีวิตเรียบง่าย กินลมชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ คีรีวงก็เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆเลยทีเดียว
ค่าใช้จ่าย
- ราคาตั๋วรถไฟชั้น 3 : 243.- /คน
- ค่าแท็กซี่จากสถานีรถไฟ-ร้านขนมจีนมืองคอน : 78.-
- ค่าแท็กซี่จากร้านขนมจีนมืองคอน-วินรถ2แถว : 64.-
- เหมารถ2แถวไปคีรีวง : 300.-
- ค่าที่พัก : 800.- /หลัง (2คน)
- ค่าอาหารที่พัก : 5xx.-
- ร้านขนมจีนลูกลำเจียก : 110.-
- เหมารถ2แถวลงจากคีรีวง : 300.-
- ร้านอาหารชาวเรือ : 8xx.-
- ค่าแท็กซี่จากร้านอาหารชาวเรือ-สถานีรถไฟ : 75.-
- ราคาตั๋วรถไฟชั้น 1 นอนแอร์ : 828.-/คน
OPW's Story
วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.11 น.