จากความเดิมตอนที่แล้ว...เราไปพักเมือง Taichung ซึ่งปกติจะเป็นแค่เมืองทางผ่าน กลับพบว่าน่าประทับใจสุดๆ คราวนี้มาต่อกันที่เมืองหนันโถว (Nantou) โดยเป้าหมายของเราคือฟาร์มแกะจิ่งจิ้ง และบริเวณโดยรอบ ซึ่งเค้าว่ากันว่ามันคือสวิสเซอร์แลนด์ของไต้หวันเลยทีเดียว เพราะมันอยู่บนหุบเขาสูงและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ความวุ่นวายบังเกิดตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเพราะเราไม่ดูตารางเดินรถให้ถ้วนถี่ คิดว่าอะไรๆจะง่ายและสบายไปหมด เมื่อไปถึงจุดจำหน่ายตั๋วที่สถานี THSR ไถ่จง พบว่ารถสายตรงที่จะไปถึงจิ่งจิ้งนั้นหมดแล้ว รถหมดตั้งแต่บ่ายโมง แต่เรามาซื้อตั๋วตอนบ่าย 3 ต้องรอรถเที่ยวสุดท้ายบ่าย 3.45 ด้วยใจระทึกเพื่อนั่งรถไปลง Puli แล้วต่อรถขึ้นไปจิ่งจิ้งอีกครั้งหนึ่ง หลายคนถ้าเคยอ่านตอนแรกจะงงว่าทำไมไปสถานีรถไฟความเร็วสูงทั้งที่พักบริเวณไถ่จงเมนสเตชั่นเลย นั่นเป็นเพราะเราตั้งใจจะเอากระเป๋าใบใหญ่ไปฝากกันคะ เพราะวันกลับเราจะนั่ง รถไฟความเร็วสูงเข้าไทเป เราไม่ได้รีบไปไหนนะคะ เราแค่อยากลองนั่งดู อิอิ แต่ราคาช่องฝากกระเป๋าแรงมาก และช่องก็เล็กกว่ากระเป๋าใบใหญ่ของเรา (28 นิ้ว) สุดท้ายเราเสียทั้งเวลาและค่าแท็กซี่เปล่าๆเลยคะ ต้องหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ไปเที่ยวอยู่ดี ส่วนน้องสาวผู้ร่วมทริปใช้กระเป๋าขนาดปกติ 20 นิ้ว สบายๆคะ
นี่คือ lobby ที่พักของเราคะ เป็นห้องพักแบบ duplex villa คือมี 2 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จองมาได้ในราคา 4,070 บาท
สถานี Puli เป็นสถานีเล็กๆ บริเวณโดยรอบมีของขายคะ ถ้าต้องรอนานมี KFC มีพวกฟาสต์ฟู้ด โลคัลฟู้ด และของกินหลากหลาย มีซุปเปอร์มาร์เก็ต มีร้านเสริมสวย คือเคยอ่านรีวิวว่ามันจะบ้านนอก แต่ถ้าใครปกติใช้ชีวิตต่างจังหวัดแบบเรามันก็เจริญพอสมควรคะ มีห้างเล็กๆด้วย เหมือนอำเภอเมืองในจังหวัดขนาดกลางของบ้านเรา เอาเป็นว่าบางจังหวัดยังดูเจริญน้อยกว่าอะ ฉะนั้นอย่ากลัว Puli ถ้าต้องต่อรถนานๆ เช่น ไม่ใช่ช่วงเทศกาล หรือ เป็นวันธรรมดากลางสัปดาห์ ปัญหาเดียวของ Puli คือ ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษกับช้าน... คือจะซื้อตั๋วเพิ่มให้ลูกเพราะของผู้ใหญ่ซื้อพาสมาแล้ว แต่เด็กฟรีทุกอย่าง หากอยากได้ที่นั่งต้องซื้อตั๋วเพิ่มปรากฎว่าสื่อสารกะเค้าไม่ได้ พอรถเต็มก็นั่งตักกันไปคะ เพราะช่วงที่ไปเป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่องเทศกาลตรุษจีนและวันชาติของไต้หวันคะ
วิวระหว่างทางที่นั่งรถขึ้นเขาเพื่อไปจิ่งจิ้งฟาร์มคะ
เรานั่งรถจากไถ่จงไป Puli 1 ชั่วโมง รอรถที่ Puli 45 นาที ต่อรถไปจิ่งจิ้ง 1 ชั่วโมง ถ้าอ่านแบบนี้รู้สึกว่า 2.45 ชั่วโมงมันนานนะ แต่ความจริงนั่งบัสเค้าดีมาก ชมวิวเพลินๆ มีต้นไม้หลายชนิดที่คล้ายๆบ้านเรา แปปๆ ก็ต้องเปลี่ยนรถละ แต่ถ้าใครเมารถแนะนำกินยาจาก Puli ไปเลยเพราะทางขึ้นเขาคดเคี้ยวและทางแคบบางคนเมารถคะ และหูจะอื้อด้วยนะคะ ใครมีปัญหาหูอื้อหาอุปกรณ์ไปป้องกันด้วยคะ เราไปถึงก็เริ่มมืดละ ลงบัสก็มืดแปดด้านที่พักไปทางไหน จริงๆมันประมาณ 6 โมงเย็นแต่มันมืดเร็วมาก และหนาวคะ ดีใจมากกกก ตรงที่เราลงรถมันจะเป็นจุดที่เรียกว่าจิ่งจิ้งเกสต์เฮ้าส์ เป็นที่พักที่สะดวก สบาย ราคากันเอง ใกล้แหล่งที่กิน ใกล้ป้ายรถเมล์ แต่มันไม่สวยเท่าไหร่คะ 55 ยิ่งไปไกล ไปยาก ขึ้นเขาสูง ยิ่งสวย ที่พักของเราเดินขึ้นเขาไปตามถนนเลียบกับจิ่งจิ้งเกสต์เฮ้าส์ ระยะทางประมาณ 300 เมตร แต่หอบแฮกเลยคะ เพราะชันและกระเป๋าก็หนัก รถเข็นลูกก็หนักขึ้นมาทันที แต่พอไปถึงที่พักกรี๊ดกร๊าดเลย สวยมาก หนาวมาก ปลื้มมาก ไปชมรูปกันรัวๆเลย
อันนี้ประตูชั้น 2 คะ
ภาพล่าง ห้องพักชั้น 2 มีระเบียงชมวิว และห้องน้ำในตัว
อันนี้ห้องพักชั้นล่างคะ
รูปด้านล่างเป็นย่านของกินคะ เดินไปจะมี light up สวยๆแบบในภาพ มีร้านอาหารท้องถิ่น มี Mos burger Starbucks มีอีกหลายร้านเลย มีร้านหม้อไฟด้วยคะ มีเซเว่น ส่วนใครสมัครใจกินอาหารท้องถิ่น มีที่นั่งจัดให้ด้วย
เข้าเซเว่นสาขานี้ ระวังเงินในกระเป๋าให้ดีนะคะ มีของที่ระลึกน่ารักๆ เกี่ยวกับนุ้งแกะ และ Muji ด้วยคะ เงินในกระเป๋าสั่นระรัว
วิวจากห้องอาหารคะ กลางคืนมีหม้อไฟ ราคาปานกลางคะ แต่ถ้าไม่ปลื้มเดินท้าลมหนาวมาทานด้านล่างได้คะ วิวสวยไม่แพ้กัน ที่นี่อาหารเช้าอร่อยมากคะ แบบเดียวกันเป๊ะแต่อร่อยกว่าที่ไทเปคะ อาหารเช้าเป็นอาหารจีนนะคะ มีไข่ดาว ไส้กรอก บ้าง แล้วก็สลัด น้ำเต้าหู้ และที่ recommend เลยคือ น้ำฟักเขียวคะ จะสีน้ำตาลๆแบบน้ำสมุนไพรมีบริการในห้องอาหารคะ ที่เห็นแกัวลายน้องแกะเยอะๆ เต็มโต๊ะคือน้ำฟักเขียวล้วนๆคะ
อิ่มแล้ว ถ่ายรูปรอบที่พักอีกพักใหญ่ ก็ออกไปรอรถเมล์เพื่อไปฟาร์มแกะคะ ไฮไลท์ของทริปเลย เราตื่นเต้นกันมาก ว่าจะสวยสมคำร่ำลือ สมกับที่เราถ่อกันมารึป่าว ไปชมรูปแล้วตัดดสินกันเองนะคะ สำหรับเรามันคุ้มค่าคะ เพราะวิวสวย อากาศดี และเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกชายคะ เค้าเรียนรู้หลายๆอย่างจากการเดินทางครั้งนี้เพราะมันไม่สะดวกสบายแบบทริปญี่ปุ่น แต่การเที่ยวไต้หวันมัน slow life คะ คนไม่เบียดเสียดกันถึงขั้นไม่มีพื้นที่ ลูกวิ่งเล่นในทุ่งกว้าง กว้างมาก แนะนำให้มีเวลาให้ที่นี่ทั้งวันนะคะ เดินให้ทั่ว มีมุมถ่ายรูปเยอะมากคะ เราไปได้แค่ 1 ใน 3 เพราะต้องรีบเข้าไทเปอีก เสียดาย เดี๋ยวไปใหม่ อิอิ ชมภาพกันเลยคะ อ้ออีกนิด ขึ้นรถเมลล์ป้ายเดิมที่ลงตอนเข้าที่พัก นั่งไปเรื่อยๆ เกือบ 20 นาที คนลงเยอะมากแนะนำอย่าเพิ่งลงป้ายแรกที่เห็นฟาร์มให้ลงป้ายที่ 2 แล้วเดินลงเขามาจะเหนื่อยน้อยหน่อย แล้วมาออกตรงทางออกด้านล่าง ตรงกันข้ามเป็นป้ายรถเมล์เพื่อกลับที่พัก หรือใครไม่มีกระเป๋าเกะกะก็นั่งยาวๆ ลงไถ่จงได้เลย แต่ยัง ถ้าใครยังไม่เหนื่อยแบบเรา เดินชมวิว sky walk สวยและเหนื่อยคะ เดินมาตามเส้นทาง trail เรื่อยๆ ถึงป้ายรถเมล์ที่เราจะกลับไถ่จงพอดีเลยคะ
ทางเดินในฟาร์มเป็นแบบนี้นะคะ รถเข็นเด็กใช้ไม่ได้ ปล่อยลูกวิ่งไปเลยคะ
บอกก่อนว่าภาพไม่ได้แต่งเลยนะคะ แสง สี สวยแบบนี้เลย กล้องไอโฟน 6 เอส ไอโฟน 6 แล้วก็ Nikon J 5 กล้องตัวเล็กไร้ลูกเล่นใดๆคะ
ที่มองเห็นปราสาทสวยๆไกลๆ ก็บริเวณฟาร์มนะคะ สวยมากเสียดายไปไม่ถึง
เริ่มเข้าสู่ Sky Walk มองเห็นลิบๆ คือย่านที่พักคะ สวยๆเยอะเลย ถ้ามีโอกาส จะพักที่อื่นดูบ้าง
ส่วนนี่ ก็ภูเขาที่เรานั่งรถบัสไต่มาคะ สลับและซับซ้อนสุดๆไปเลย สวยมีเสน่ห์ยืนมองไม่เบื่อเลย
บาย...จิ่งจิ้ง ไปไทเปละนะ สำหรับรีวิวไต้หวันขอจบเพียงแค่นี้นะคะ เพราะไทเปรีวิวเยอะแล้ว สนนราคาต่อคนที่เราหมดไปทั้งค่าเดินทางทั้งหมด ที่พัก ของกิน และของฝากหมดไปผู้ใหญ่คนละ 14,000 คะ +-ไม่เกิน 300 ส่วนเด็กชาย 4.5 ขวบ หมดประมาณ 9,000 พันคะ เป็นค่าตั๋วเครื่องบินกับลงกองกลางเวลากินกันคะ ส่วนค่าที่พัก ค่าเดินทาง เด็กฟรีทุกอย่างคะ
ส่วนใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมมีบันทึกการเดินทางอยู่นะคะ ทักทายกันได้นะคะ ในช่องทางนี้เลย readme.me
Amm Dethkongkaew
วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.47 น.