สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พวกเราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนี่คือรีวิวแรกของเรา เนื่องจากในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความเครียดเพราะงานต่างๆมันช่างล้นมือ พวกเราเลยหาโอกาสเล็กๆในวันหยุดเพื่อไปพักผ่อน ปัญหาก็คือเราจะไปที่ไหน “ลองไปคีรีวงกันมั้ย?” นั่นคือเสียงที่เพื่อนเสนอมา พวกเราเลยตัดสินใจเลือกที่นี่และเริ่มวางแผนการเดินทาง โดยเป็นการเดินทางไปกลับ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักคีรีวงก่อนจะไปที่นั่นกันนิดนึงนะคะ

"หมู่บ้านคีรีวง" ตั้งอยู่ที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นชุมชนเก่าแก่ที่อพยพไปอาศัยอยู่เชิงเขาหลวง ตำบลกำโลน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่สงบสังคมแบบเครือญาติ อาชีพหลัก คือการทำสวนผลไม้ผสม เรียกว่า “สวนสมรม” เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน สะตอ ชุมชนคีรีวง ได้เป็นชุมชนต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปี 2541 ประเภทเมืองและชุมชน จุดเด่นของที่นี่ ก็คือทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้และสายน้ำ กิจกรรมที่นี่มีความน่าสนใจ โดยจะทำให้เพลินตาและเพลินอารมณ์ไปกับทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ จะเป็นอย่างไรนั้น ออกเดินทางกันเลยยย... Let’s go!!

เช้าของวันที่ 6 เมษายน 2561

พวกเราออกเดินทางเวลา 06:30 น. จากตลาดเกษตรสอง โดยขึ้นรถตู้สาย สุราษฏร์ธานี - นครศรีฯ ราคาตั๋วคนละ 120 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง เมื่อถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชเราลงที่วัดวังตะวันตก และเดินไปขึ้นรถที่คิวรถสองแถวสายนครศรีฯ - คีรีวง โดยคิวรถสองแถวจะอยู่ติดกับถนนคนเดิน ซึ่งจะมีรถสองแถวหลากหลายสาย ถ้าหาไม่เจอไม่ต้องกังวล เพราะนายหัวรถแถวนั้นจะถามตลอดทางว่าไปไหน 5555


เมื่อขึ้นรถแล้วจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการเดินทางเพื่อไปถึงคีรีวง ค่ารถโดยสาร ราคาคนละ 25 บาท

เวลาประมาณ 09:15 น. พวกเรามาถึงคีรีวง และเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนเริ่มหิว พวกเราเลยเลือกที่จะตามหาของกินเพื่อเติมพลังกันก่อน และแล้วก็ได้สิ่งนี้มาคนละห่อ

ข้าวเหนียวอัญชันหมูทอด หมูสามชั้นกรอบนอกนุ่มใน และที่ขาดไม่ได้เลยคือหอมเจียว ฟินไปอีก ราคาห่อละ 20 บาท อีกทั้งยังมีไก่ทอด ตับทอด และหมูฝอยอีกด้วย ซึ่งทุกอย่างจะห่อด้วยใบตอง ร้านนี้เลยจ้า

เติมพลังกันเสร็จแล้วก็ไปต่อกันเลย สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยถ้ามาที่นี่คือปั่นจักรยานชมบรรยากาศ พวกเราเช่าจักรยานคันละ 50 บาท ซึ่งราคาจะเท่ากันทุกร้าน แต่หากใครขี้เกียจก็มีรถจักรยานยนต์ให้เช่า ราคาคันละ 200 บาท ไปชมบรรยากาศกันเลย

มุมนี้คือ "สะพานข้ามคลองปง" อีกฝั่งของหมู่บ้านคีรีวง


ปั่นมาเรื่อยๆจะมีมุมที่เห็นสะพานไกลๆ ตอนนี้คนเริ่มทยอยมาเที่ยวกันเยอะเรื่อยๆ รีบไปต่อกันเถอะ

เอ๊ะ! สะพานอะไร ทำไมหน้าตาแปลกๆ แล้วสะพานเก่าไปไหน คำตอบก็คือโดนน้ำป่าซัดจนสะพานเก่าพัง ชาวบ้านจึงสร้างสะพานนี้ขึ้นมาชั่วคราว เรียกว่า "สะพานไม้หมาก" ซึ่งทำมาจากต้นหมาก เหตุผลที่เลือกใช้ต้นหมากเพราะลำต้นมีความเหนียวไม่หักง่ายนั่นเอง

บรรยากาศดีมาก

แดดเริ่มออก อากาศเริ่มร้อน พวกเราเลยไปหาอะไรเย็นๆเพื่อดับร้อน โดยร้านที่จะไปเป็นร้านกาแฟแนววินเทจ พลาดมากถ้าไม่มาร้านนี้ "ร้านนายทั่ง ณ คีรีวง" โดยร้านตั้งอยู่ที่ซอยทางขวามือหากมาจากทางแยกหน้าป้ายหมู่บ้าน

บรรยากาศที่ร้านเป็นแนววินเทจ ตกแต่งด้วยของเก่าๆมากมายทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น

ชาเย็นอร่อยมาก รสชาติไม่หวานเกินไป ราคาแก้วละ 40 บาท


ไอติม ราคา 59 บาท

กินเสร็จแล้วก็มาต่อกันที่นี่ "กลุ่มลายเทียน ผ้าบาติกสีธรรมชาติบ้านคีรีวง" อยู่ซอยเดียวกันกับร้านนายทั่ง แต่ต้องเข้าไปด้านในอีก วันนี้ไม่มีการทำผ้า แต่ข้างๆมี "ศูนย์กลางจำหน่ายผลิตภัณฑ์บ้านคีรีวง" ให้ได้เลือกชมผลิตภัณฑ์



มีผลิตภัณฑแปรรูปมากมาย เช่น ทุเรียนกวน ลูกหยี กล้วยเบรกแตก และที่แปลกไม่เคยเห็นคือ มังคุดกวน

ปั่นไปเรื่อยๆจนมาถึงที่นี่ "น้ำตกวังไม้ปัก"


ที่นี่ไม่มีอะไรมาก นอกจากปลา มีเยอะมากกกกกกก


มากจนแทบไม่กล้าลงไปกันเลยทีเดียว มีอาหารปลาขายด้วยนะ ถุงละ 10 บาท


แต่ทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่นี่ จะเป็นที่ไหนนั้น ไปดูต่อกันเลย

พวกเราปั่นกลับมายังหน้าหมู่บ้านและไปซอยทางซ้ายเพื่อมุ่งหน้าสู่หนานหินท่าหา ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 กม.

เวลาประมาณ 12:30 น. พวกเราเริ่มหิวกันแล้ว เลยหาของกินระหว่างทางขณะปั่นไปเรื่อยๆ จนมาเจอสิ่งนี้


"ร้านขนมจีนลูกลำเจียก" ที่นี่มีขนมจีนน้ำยาปู แกงเขียวหวานไก่ และอาหารตามสั่ง พวกเราสั่งขนมจีนกินกัน ราคาจานละ 30 บาท รสชาติให้ 5/10

กินเสร็จแล้วก็ไปต่อ จนมาเจอบรรยากาศตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแวะลงไป

รีบไปต่อกันเถอะ

ระหว่างทางมีร้านขายของฝากมากมาย และที่มากสุดก็คงเป็นผ้ามัดย้อมนี่แหละ


และแล้วเราก็มาถึงที่นี่ "หนานหินท่าหา"มาถึงก็เจอขาแว๊นของที่นี่ที่คุ้นตา

และนี่คือ "สะพานแขวน" ไม่มาเดินข้ามถือว่ามาไม่ถึงที่นี่ มันก็จะโยกหน่อยๆ แต่หากคนเยอะแบบในภาพมันก็จะโยกเยอะหน่อย 55555 ขาสั่นกันเลยทีเดียว

บรรยากาศจากมุมบนสะพานแขวน


ระหว่างทางที่มาก็เจอกับสิ่งนี้เยอะมากตลอดทาง เลยลองสักหน่อย นั่นก็คือ "ลูกชกลอยแก้ว"



รสชาติจะคล้ายกับลูกชิดแต่มันกว่าและลูกเล็กกว่า ราคาแก้วละ 25 บาท มีโปรโมชั่นด้วยซื้อ 4 แถม 1 ร้านอยู่หน้าสะพานแขวน

เมื่อเข้าไปด้านในอีกจะเจอมุมที่น่าเล่นน้ำและเงียบสงบมากกว่าที่บริเวณสะพานแขวน จะเป็นทางตัน และมีทางลงให้เล่นน้ำ



บรรยากาศเงียบสงบ แถมมีเปลให้นอนรับลมด้วย แต่ถ้าเผลอหลับแล้วตกลงไปนี่ชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว


นั่งรับลมชมบรรยากาศกันซักพักก็ตัดสินใจกลับกัน

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านพวกเรารู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นว่าวันนี้มีตลาด ชาวบ้านบอกว่าวันนี้ตลาดเปิดวันแรก โชคดีจริงๆ ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดย้อนยุค โดยใช้สิ่งที่ย่อยสลายได้ใส่อาหารและน้ำ เปิดเวลา 14:00 - 22:00 น. ขายทุกวันศุกร์และวันเสาร์




ผัดเส้นเหลือง 10 บาท


ขนมโค 10 บาท

ตอนนี้เวลาประมาณ 15:30 น. ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับแล้ว

แต่ก่อนกลับแวะซื้อของฝากซะหน่อย


ทุเรียนกวนย่างห่อกาบหมาก ราคาถุงละ 30 บาท

ระหว่างเดินไปขึ้นรถก็หันไปเจอทุเรียน มันช่างยั่วยวนเหลือเกิน แต่ถ้าหากแบกกลับสุราษฏร์ก็คงไม่ไหว 5555

พวกเราเดินมาขึ้นรถสองแถวที่คิว ซึ่งอยู่ที่หัวสะพานข้ามคลองท่าดี

กลับแล้ว บ๊ายบายยย...คีรีวง

แล้วเจอกันใหม่ จะเป็นที่ไหนนั้น คอยติดตามกันนะคะ ^^




Maprang Siriphorn

 วันพฤหัสที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.13 น.

ความคิดเห็น