บางแสนเปลี่ยนไป…ภาพความทรงจำที่น้ำทะเลขุ่นดำ มาเฟียเก้าอี้ผ้าใบ แม่ค้าพร้อมจะฟันหัวแบะกับราคาอาหารทะเลที่สูงเกินจริง บรรยากาศที่ไม่เป็นธรรมชาติไร้ระเบียบ ภาพเหล่านี้กลับไม่หลงเหลือให้เห็นอีกในปัจจุบัน !!!
บางแสนในวันนี้เท่าที่ได้สัมผัส ผ่านไปผ่านมาค่อนข้างบ่อย เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เป็นบางแสนที่น่าเที่ยว ร่มรื่น สวยงาม และเป็นระเบียบ
บันทึกการเดินทางฉบับนี้ จะว่าด้วยเรื่องของบรรยากาศ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ บางแสน ที่กิน ที่พัก ตลาดหนองมน เขาสามมุข พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา ถนนคนเดินแหลมแท่น ศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ รวมไปถึงอ่างเก็บน้ำบางพระที่ดอกเสลากำลังเบ่งบานอยู่ในขณะนี้
________________________________
สำหรับรีวิวนี้ ขอแนะนำที่พักน่ารักๆ ซึ่งตั้งอยู่หาดวอน บางแสน ชื่อว่า “Sea Sand Trees” เอาไว้เป็นตัวเลือกสำหรับวันหยุด ลองเปลี่ยนความคิด มารำลึกความทรงจำเมื่อครั้งวันวานที่บางแสนกันครับ
เช้าวันนี้ผมใช้เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ เพื่อเดินทางมายังอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ช่วงนี้ดอกเสลากำลังเบ่งบานสวยงามทีเดียว
สำหรับอ่างเก็บน้ำบางพระ ควรมาเที่ยวในช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ จะได้ไม่ร้อนจนเกินไปนัก โดยรอบเหมาะกับการมาออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือจะมาเป็นคู่ก็โรแมนติกดีเหมือนกัน
จากอ่างเก็บน้ำบางพระใช้เส้นทางสายสุขุมวิทเพื่อเดินทางมายังตลาดหนองมน ระยะทางราว 13 กิโลเมตร
ตลาดหนองมน ยังคงเป็นตลาดที่น่าแวะหาซื้อของฝากอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลตากแห้ง ขนมต่างๆ และที่สำคัญที่สุดก็คงต้องเป็นข้าวหลามหนองมน
เอกลักษณ์เฉพาะของข้าวหลามหนองมนคือ รสชาติที่หวานมันกำลังดี ในภาพราคาจะอยู่ที่ 4 กระบอก 100 บาท
เดินข้ามถนนจากตลาดหนองมนมาอีกฝั่ง จะเป็นที่ตั้งของร้าน “โตเกาเหลาหนองมน” ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ขึ้นชื่อมานานหลายสิบปี
มาร้านโตเกาเหลาก็ต้องสั่งเกาเหลาเนื้อ ชามนี้เป็นเนื้อรวมพิเศษ ชามละ 80 บาท รสชาติดี วัตถุดิบมีคุณภาพและให้เยอะสมราคา นอกจากเนื้อวัวแล้ว ที่นี่ยังมีหมูตุ๋น มีขนมต่างๆ ลูกชิ้น หมูสะเต๊ะอีกด้วย
จากตลาดหนองมน เดินทางเข้ามาที่บางแสน ก่อนถึงบางแสนก็ต้องผ่าน ม.บูรพา ซึ่งลุงม่วงเป็นศิษย์เก่า เลยถือโอกาสแวะเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน ม.บูรพาซักหน่อย
จบจากที่นี่ไปร่วมยี่สิบกว่าปี กลับมาคราวนี้ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก ตึกเรียน อาคารสถานที่มีเพิ่มมากขึ้นจนดูผิดหูผิดตา ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา จะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชมหลายปี เรามาดูข้างในกันว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน
ก้าวย่างแรกที่เปลี่ยนไปแน่ๆ คือราคาบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่แปดสิบบาทละนะ ครั้งล่าสุดเคยเข้าชมตอนราคาสามสิบบาท แต่ก็นานมากหลายปีมาแล้ว
ด้านในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ม.บูรพา ในวันนี้ดูเป็นระเบียบกว่าสมัยก่อน ตกแต่งได้สวยงามทีเดียว มีสัตว์น้ำจำนวนมากและหลากหลายแปลกตา ที่สำคัญคือมีการแสดงให้อาหารปลาใต้น้ำด้วยนะ
ออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ม.บูรพา ก็มุ่งหน้าไปที่บางแสนเลย ที่พักของผมในวันนี้ ชื่อว่า Sea Sand Trees ตั้งอยู่ที่หาดวอน บางแสน
Sea Sand Trees เป็นที่พักที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่มีความพิเศษที่ทำให้ผมเลือกมาพักแรมที่นี่ มุมบางมุมที่สะท้อนส่งผ่านความเป็นบางแสน และโดดเด่นขึ้นมาในโลกออนไลน์
มุมภาพใบนี้อาจจะไม่ได้สวยเทียบเท่ากับภาพใบนั้นบนโลกออนไลน์ เพราะแตกต่างกันที่ช่วงเวลาของแสงสุดท้าย แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงที่สุด
ภาพในฝันที่กลายเป็นความจริงอยู่ตรงหน้า ภาพของห้องนี้และมุมมองจากระเบียงแห่งนี้ ที่จูงใจให้ผมมาบางแสนและมาที่นี่
นอกจากห้องพักในแบบซีวิวรวมไปถึงระเบียงที่มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่นแล้ว ในชั้นนี้ยังมีอ่างจากุชชี่ให้ได้นอนแช่ผ่อนคลายเพิ่มความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก
ลองมาดูห้องต่างๆ ของ Sea Sand Trees กันบ้าง อย่างที่บอกว่าเป็นโรงแรมที่ไม่ใหญ่มากนัก ห้องทั้งหมดของโรงแรมจะมีเพียงแค่ 9 ห้องเท่านั้น แต่ก็เป็น 9 ห้องที่สวยน่าพักทีเดียว
ความน่ารักของแต่ละห้องจะออกแบบและตกแต่งให้ดูหวาน เหมาะกับคู่รักที่จะมาท่องเที่ยวพักผ่อน
ในทุกๆ ห้องจะมีระเบียงที่เอาไว้นั่งเล่นพักผ่อน รับลมจากธรรมชาติ
นี่ก็อีกห้องหนึ่งของ Sea Sand Trees
ช่วงบ่ายวันนี้พวกเราเดินออกมาจากโรงแรม Sea Sand Trees มาแวะดูแผงอาหารทะเลที่ตั้งวางขายอยู่ด้านหน้าตรงข้ามฝั่งถนนของโรงแรม มีอาหารทะเลสดๆ ที่ขึ้นมาจากทะเลวางขายหลากหลาย ราคาไม่แพงมากนัก สามารถให้แม่ค้านำไปทำเป็นอาหารกันได้เลย
พาไปดูบรรยากาศของบางแสนในยามบ่ายๆ กันดูบ้าง เปลี่ยนแปลงไปมากเลยทีเดียว ร่มรื่นสวยงาม เป็นระเบียบ
สถานที่สวย คนมาเที่ยวก็มีความสุข เต็มใจที่จะจับจ่ายซื้อขาย มีความสุขทั้งสองฝ่าย
มานั่งเตียงผ้าใบในตำนานกันดูบ้าง ราคาเตียงละ 30 บาทขาดตัว นั่งยาวไป
พอนั่งสักพักก็มีแม่ค้าเดินเอาเมนูอาหารมาให้ มีราคาอาหารกำกับชัดเจนในเมนู ปูม้าจานนี้ 280 บาท กุ้งชุบแป้งทอดกับปูน้อยจานละ 30 ซื้อสองจานลดเหลือ 50 บาท และขนมจากมัดนี้ 25 บาท
ห่วงยางในตำนานยังคงมีให้เห็น
และที่ขาดไม่ได้เลยตามความคิดของลุงม่วงก็ต้องเป็นอันนี้ “ไก่เหลือง” ในตำนาน ไม่รู้สิ มากี่ปีรสชาติก็ไม่เคยเปลี่ยน จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะไปละ
เปลือกหอยเอามาร้อยเป็นโมบายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หาได้ที่นี่ พวงน้อยๆ แค่ 20 บาทเท่านั้น
จากชายหาดบางแสน เราเดินทางมาที่ “ศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่จะไปอ่างศิลา จุดเด่นของวัดจีนแห่งนี้คือความสวยงามอลังการและยิ่งใหญ่ทีเดียว
ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหล มากราบไหว้ขอพรกันอย่างไม่ขาดสายทีเดียว
จากศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ เราย้อนกลับมาเที่ยวกันต่อที่เขาสามมุข ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก มาเขาสามมุขก็ต้องมากราบไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแม่สามมุข
โดยรอบบริเวณของเขาสามมุขที่โอบล้อมไปด้วยน้ำทะเล บนเนินเขาเตี้ยๆ จะเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงจำนวนมาก
ช่วงเย็นเรากลับเข้ามาที่แหลมแท่น วันนี้เป็นวันเสาร์ ที่นี่จะมีถนนคนเดินแหลมแท่น ซึ่งเริ่มขายของในช่วงเย็นไปจนถึงดึกกันเลย
เป็นภาพบรรยากาศของถนนคนเดินที่นี่ บรรยากาศท่ามกลางลมทะเลเย็นสบาย ข้าวของเครื่องใช้ที่นำมาขายก็จะเป็นจำพวกเสื้อผ้า ของจุกจิก รวมไปถึงอาหารหลากหลายชนิด
มีมุมเก๋ๆ ไว้ให้ได้ถ่ายภาพ
โซนนี้เป็นโซนอาหาร มีอาหารหลากหลายจำหน่าย มีโต๊ะให้นั่งทานริมทะเลด้วยนะ
มาทะเลขาดไม่ได้เลยก็ต้องทานอาหารทะเลสดๆ
จากถนนคนเดินแหลมแท่น เราย้อนกลับเข้ามาบางแสนอีกครั้ง เพื่อมานั่งชมพระอาทิตย์ตกทะเล
บรรยากาศช่างงดงามประทับใจ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกล
ที่นี่ “บางแสน” ที่เปลี่ยนไป
สุดท้ายมานั่งปูเสื่อรับลมทะเลกันที่หาดวอน บริเวณด้านหน้าของโรงแรม Sea Sand Trees ซึ่งในค่ำคืนของทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวมานั่งเล่นกันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเย็นสบาย
ผมยังจำวันวานที่ตรงหาดวอนแถบนี้ได้ดี ในสมัยก่อนราวยี่สิบกว่าปี บริเวณนี้ยังไม่มีแสงสีเหมือนทุกวันนี้ ไม่มีร้านค้า ค่อนข้างเปลี่ยวมืดสนิท พอฤดูหนาวจะมีปูตัวเล็กๆ ขึ้นจากทะเลมาให้จับ นักศึกษาในสมัยก่อนจะแห่กันมาจับเอาไปทอดกิน จนเป็นเสมือนประเพณี ภาพของวันวานกับวันนี้ในปัจจุบัน แม้จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ผมยังเชื่อว่า “มนต์เสน่ห์แห่งบางแสน” จะไม่เคยจางหายจากพวกเราไป
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
ม่วงมหากาฬ
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.39 น.