“เชียงแสน” อำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย สุดเขตแดนประเทศไทย มีแม่น้ำโขงกั้นเขตพรมแดนและเป็นเมืองที่เงียบสงบอีกเมืองหนึ่ง สำหรับทริปนี้ลุงม่วงจะพาไปชมความงดงามของสถานที่ต่างๆ ในอำเภอเชียงแสน ไม่ว่าจะเป็น ดอยสะโง้ พระธาตุจอมกิตติ สามเหลี่ยมทองคำ วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ทะเลสาบเชียงแสน เป็นต้น
สำหรับทริปเชียงแสนในครั้งนี้เราพักกันที่ Sabai at Chiang Saen
เบอร์โทรที่พัก 053 650 650
เพจที่พัก >> https://www.facebook.com/sabaihotel/
อำเภอเชียงแสน ห่างจากอำเภอเมือง จ.เชียงราย ราวแปดสิบกว่ากิโลเมตร สัมผัสแรกของการมาเยือนคือรับรู้ได้ถึงความเงียบสงบ
มาเชียงแสนก็ต้องมานมัสการองค์พระธาตุจอมกิตติ ที่ตั้งอยู่ตำบลเวียง อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อ.เชียงแสนมาช้านาน บริเวณทางขึ้นจะมีบันไดนาค 339 ขั้น แต่ก็สามารถนำรถขับขึ้นมาด้านบนได้
นอกจากองค์พระธาตุจอมกิตติและพระอุโบสถ ถัดออกมาอีกนิดจะเป็นลานกว้างเอาไว้ชมวิวทิวทัศน์ มองออกไปเห็นแม่น้ำโขงและทิวเขาเป็นฉากหลังที่งดงาม
เรามาถึงเชียงแสนก็เกือบค่ำแล้ว เลยเข้าพักที่รีสอร์ท Sabai at Chiang Saen ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเชียงแสนมากนัก อยู่ติดริมแม่น้ำโขงเลย
บรรยากาศยามค่ำคืนของ Sabai at Chiang Saen ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ล้านนาบูติค
บรรยากาศยามค่ำคืนของ Sabai at Chiang Saen
เช้านี้เราตื่นกันราวหกโมงเช้า เพื่อออกเดินทางไปยังดอยสะโง้ จาก Sabai at Chiang Saen เราใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที ระยะทางราว 14 กิโลเมตร ก็มาถึงดอยสะโง้
การจะขึ้นไปยังดอยสะโง้นั้น ช่วงระยะทางราวห้าร้อยเมตรสุดท้ายจะต้องใช้รถโฟรวิลเท่านั้น เพราะทางค่อนข้างโหดสุดๆ เราสามารถจอดรถไว้ลานจอดรถในหมู่บ้าน แล้วนั่งรถโฟรวิลของชาวบ้านขึ้นไป รวมไปถึงรถอีแต๋นก็มีไว้ให้บริการ ในราคา เพียง 100 บาทต่อคันเท่านั้น
สายวันนี้เราแวะมาเที่ยวกันที่ สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งอยู่ห่างจาก Sabai at Chiang Saen เพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น บริเวณสามเหลี่ยมทองคำแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพระเชียงแสนขนาดใหญ่ที่งดงามตั้งตระหง่านริมแม่น้ำโขง
ลองมาดูที่พักของเรากันบ้าง ที่ Sabai at Chiang Saen
นี้เป็นห้องที่เราพัก มีระเบียงที่สามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้ด้วย
ห้องนี้จะเป็นเตียงคู่ วิวที่ระเบียงเกือบจะทุกห้องเราสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงได้
ส่วนนี้เป็นล็อบบี้ของ Sabai at Chiang Saen
มีมุมเอาไว้นั่งจิบกาแฟ พักผ่อน อ่านหนังสือ
หรือจะนั่งด้านนอกรับอากาศบริสุทธิ์ก็เพลินดี
หลังจากเช็คอินออกมาจากที่พัก พวกเราก็วิ่งเรียบริมแม่น้ำโขงมาทางที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกล
จอดรถลงมาเดินเล่นริมแม่น้ำโขงก็เพลินดี มีทางเดินเล่นเล็กๆ หรือจะวิ่งออกกำลังกาย รับลมเย็นๆ ริมแม่น้ำ ก็ทำให้มีความสุขได้ทีเดียว
ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของวัดเจดีย์หลวงเชียงแสน อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงแสนมาช้านาน
ตามตำนานว่ากันว่าองค์พระธาตุเจดีย์หลวงแห่งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี คือสร้างในปี พ.ศ.1834 องค์พระธาตุเจดีย์หลวงมีความสูงถึง 88 เมตร มีฐานกว้าง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเชียงแสน
ขากลับออกจากเชียงแสน มาสะดุดตากับวงเวียนแห่งนี้ ที่มีรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ไม่ไกลจากวงเวียน เข้าซอยไปอีกราว 3 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของทะเลสาบเชียงแสน เป็นแอ่งน้ำที่มีขนาดใหญ่และเงียบสงบ
บ่ายวันนี้ผมกลับเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองเชียงรายกันต่อ โดยคืนนี้เราจะเข้าพักที่ Sabai at Chaing Rai ซึ่งเป็นรีสอร์ทในเครือเดียวกันกับที่เชียงแสน เป็นโรงแรมสไตล์อินดัสเตรียล ลอฟท์ แถมราคาก็ค่อนข้างถูกอีกต่างหากในราคาที่พักหลักร้อย และอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับแหล่งท่องเที่ยววัดวาอารามต่างๆ อีกด้วย
เบอร์โทร ที่พัก 053 719 292
เพจ >> https://www.facebook.com/sabaipage/
บรรยากาศภายในห้องพักของ Sabai at Chaing Rai
ชอบห้องน้ำที่นี่ น่ารักจัง
บรรยากาศภายในห้องพัก Sabai at Chaing Rai
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่าน แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไป สวัสดีครับ
ม่วงมหากาฬ
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.46 น.