Day 1

เราเดินทางโดยสายการบิน Airasia ถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ สี่ทุ่มครึ่ง จากนั้นนั่งรถแดงเข้าที่พักเพื่อทำการ Check in และเนื่องจากว่าดึกมากแล้วยังไม่ได้กินอะไร เราจึงรีบเก็บของแล้วออกไปหาอะไรกินที่ "ร้านไก่ทอดเที่ยงคืน" ร้านนี้อร่อยมากๆ ให้ 5 ดาวเลย อร่อยจนไม่ได้ถ่ายรูป เพราะหิวมากด้วย ยังไงใครมาเชียงใหม่อย่าลืมมากินได้นะคะ จากนั้นพวกเราก็กลับโฮสเทล เข้านอน เพื่อลุยต่อพรุ่งนี้


Day 2

เช้าวันแรกที่เชียงใหม่ .. เมื่อคืนเรานอนกันที่ "Oxotel (อ็อกโซเทล)" โฮสเทลสุดฮิป ที่ราคาไม่แพง หารกัน 8 คน คนละ 603 บาท เท่านั้น อีกทั้งยังมีคาเฟ่ ARTISAN เชื่อมต่อกับโฮสเทลอีกด้วย เรียกได้ ราคาไม่แพง แถมได้รูปสวยๆ เพียบ

แพลนวันนี้ เราตั้งใจว่าจะไป " วัดพระสิงห์ " เสร็จแล้วไปกินข้าว และกลับมา Check out เพื่อเดินทางต่อไป "หมู่บ้านแม่กำปอง" พวกเราทั้ง 8 คน โบกรถแดง เพื่อไปวัด โชคดีที่เรามากลุ่มใหญ่ เวลาโบกรถแดงก็จะต่อราคาได้บ้าง แต่ส่วนมากก็จะคนละ 30 บาท ไม่ว่าใกล้หรือไกล ถือว่าแพงเหมือนกัน

ถึงแล้ว "วัดพระสิงห์วรวิหาร" จากที่อ่านข้อมูลมาคือ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่

เสร็จจากไหว้พระแล้ว ไปหาข้าวเช้ากินกันค่ะ ใช้บริการรถแดงหน้าวัด มุ่งตรงไปยังร้าน "เฮือนเพ็ญ" ร้านเฮือนเพ็ญ เป็นร้านอาหารเหนือร้านดัง ใครมาเชียงใหม่ก็ต้องมากิน อาหารอร่อยทุกอย่าง รับรอง

กินเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับไปที่โฮสเทลเพื่อไปเอากระเป๋า รอรถตู้ที่เราจองไว้มารับไป "หมู่บ้านแม่กำปอง" แต่ก่อนไปแม่กำปอง พี่คนขับรถตู้พาแวะที่หมู่บ้านทำร่ม "ร่มบ่อสร้าง" เพราะเป็นทางผ่านพอดี ที่นี่มีการสาธิตมีวิธีการทำร่ม ให้เราได้ลองทำร่มได้ มีร่มหลากหลายแบบ และสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่จะเป็นชาวต่างชาติ

ใช้เวลาไม่นาน ก็ถึงแล้ว "หมู่บ้านแม่กำปอง" หมู่บ้านแม่กำปอง ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ออน เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ใหญ่ อยู่บนเนินเขา ภายในหมู่บ้านมีลำธาร นํ้าตก และต้นไม้ที่ร่มรื่นมาก มาถึงอากาศก็เย็นๆสบาย คืนนี้เราได้จองที่พักที่ชื่อว่า "เฮือนอ้ายอู๊ด" ใครมาอย่าลืมแวะมาพักนะคะ เจ้าของน่ารักมากบริการดี ที่พักสวย ที่สำคัญราคาคนละ 700 บาทรวมอาหารเย็นและอาหารเช้า และขอบอกว่าอาหารอร่อยมากกกก กอไก่ล้านตัวเลย คุ้มมาก !

เอาของเข้าที่พักแล้ว ก็ไปสำรวจหมู่บ้านกันต่อ หมู่บ้านที่นี่ถึงจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ธรรมชาติดูสมบูรณ์ ทั้งป่าเขา นํ้าตก

ระหว่างทางของหมู่บ้าน จะมีของขายอยู่ตามทาง เรากินนู้นกินนี้ ถ่ายรูปเล่นกันไปเพลินๆชิวไปชิวมา พระอาทิตย์ก็ตกดินซะแล้ว ที่นี่พอพระอาทิตย์ตกดินก็เงียบแล้วนะคะ เราก็เข้าไปกินข้าวและก็นั่งคุยกันในที่พัก วันไปอากาศดีมากๆ ฟินเลยทีเดียว


Day 3

แพลนตอนแรกเช้าวันนี้เราจะไปดูหมอก แต่พวกเราตื่นกันไม่ไหว 55555555 เลยข้ามแพลนไปกินกาแฟชิวๆ ที่ "ร้านกาแฟชมนกชมไม้" ร้านกาแฟดังในแม่กำปอง ทุกคนมักจะมาชมวิวของแม่กำปองที่ร้านนี้

กินกาแฟเสร็จ แล้วก็กลับไปกินข้าวเช้าที่บ้านพัก จากนั้นรอรถตู้มารับกลับ ก่อนเข้าเมือง เราจะแวะสองที่คือ

ที่แรก "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" เป็นสถานที่ อนุรักษ์และ รวบรวมพรรณไม้ ที่นี่เป็นอีกที่ ที่ไม่อยากให้ทุกคนที่มาเชียงใหม่พลาด แน่นอนว่ามีที่ให้ถ่ายรูปเพียบ

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกที่ ที่เราจะไปคือ "ม่อนแจ่ม" เราต้องรีบไปเพราะกลัวจะมืดก่อน ม่อนแจ่มเป็นอีกสถานที่ ที่อยากให้มา เพราะมันแจ่มสมชื่อจริงๆ ตอนมาพี่คนขับรถตู้บอกไม่ต้องมาหรอกไม่มีอะไร แต่พวกเราก็ยืนยันว่าจะมา แล้วสิ่งที่เห็นคือ นี้แหละ คือสิ่งที่เราต้องการ ธรรมชาติ ที่หาไม่ได้จากกรุงเทพ ไม่รู้ว่าพี่คนขับรถตู้เค้าอาจจะเบื่อ เลยบอกว่าไม่มีอะไร มีแต่ต้นไม้ดอกไม้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละ ที่มันมีคุณค่า ที่ทำให้เราต้องมาถึงเชียงใหม่


ม่อนแจ่มก็เป็นอีกที่ ที่เราใช้เวลาอยู่นาน พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว เราจึงรีบกลับกัน เพราะทางก็ค่อนข้างอันตรายอยู่ วันนี้ทั้งวันเราใช้พลังงานเยอะมาก โรงแรมที่เราจะนอนกันคืนนี้ จะสะดวกสบายหน่อย เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ ม.เชียงใหม่ โรงแรมชื่อว่า "THE CORE" ราคาตกคนละ 875 บาท เป็น ห้องแฝดติดกัน 2 ห้อง นอนได้ห้องละ 2 คน ถือว่าคุ้มมาก



Check in แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกันที่ "ตลาดประตูท่าแพ" เป็นตลาดที่ยาวมาก กว่าจะเดินครบ เรียกได้ว่า ขาลากเลยทีเดียว คืนนี้เลยนอนหลับกันโดยไม่มีการเมาท์มอย แต่อย่างใด


Day 4

วันสุดท้ายของคืนนี้ พวกเราก็ตื่นเช้ายิ่งกว่าไปทำงานอีก 5555555555 อาหารเช้าของโรงแรมอร่อยมาก โดยเฉพาะขาหมู นี้เรียกได้ว่า ทริปนี้เจอแต่อาหารอร่อย

กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เราก็ไปอาบนํ้าแต่งตัว เพื่อเตรียมไปเที่ยวต่อ เพราะว่าไฟท์กลับเราเที่ยวบินสุดท้าย เรียกได้ว่าเที่ยวคุ้มค่าตั๋วจริงๆ 555555

วันนี้เราเหมารถแดงกัน เพราะไปหลายที่ ที่แรก "วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)" เป็นอีกหนึ่งวัดดังในเมืองเชียงใหม่


จากนั้นเราไปกันต่อที่ "วัดพระธาตุดอยคำ" วัดนี้จะไกลออกมาหน่อย วัดนี้หลายๆคนบอกให้มาไหว้ หลวงพ่อทันใจ เพราะว่าศักดิ์สิทธิ์มาก โดยการขอพรได้คนละ 1 ข้อ เมื่อสิ่งที่ขอประสบผลสำเร็จ ก็ให้นำพวงมาลัยมาถวาย ดูปริมาณจำนวนคนและพวงมาลัยแล้วเยอะมาก


เสร็จจากวัดแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการไปกินแบบรัว ๆ เราเริ่มต้นด้วยร้านกาแฟชื่อดัง "ร้าน No.39" ไม่เพียงบรรยากาศ แต่เครื่องดื่มที่นี่ก็อร่อย โดยเฉพาะ ชาพีชที่นี่อร่อยมาก


ไปกันต่อค่ะ มาถึงเชียงใหม่ทั้งที ใครไม่มากิน "คั่วไก่นิมมาน" เรียกได้ว่ามาไม่ถึงแน่ๆ เลย มันอร่อยมาก อร่อยจนบรรยายไม่ถูก คืออยากห่อกลับไปกินกรุงเทพเลย55555555


เดินถัดมาอีกหน่อย จะเป็นร้าน "ibeery" ก็เดินเข้าไปค่ะ เดียวเค้าจะว่ามาไม่ถึง อีกหนึ่งสถานที่ ที่มาเชียงใหม่ต้องมาถ่าย


นั่งสักพัก ก็ไปกันต่อค่ะ แค่นี้ไม่ถึงครึ่งกระเพาะ 5555555 พวกเราก็เดินเปิด map นะคะ ร้านดังๆ ส่วนมากก็อยู่ใกล้ๆกัน เดินไม่ไกลมาก แต่ถ้าใครขี้เกรียจ ก็โบกรถแดงไปได้ การเดินทางที่เชียงใหม่จะค่อนข้างสะดวก ร้านต่อไปที่จะพาไปกิน คือ "ร้านก๋วยเตี๋ยวอัญชัญ" รสชาติก็ถือว่าอร่อยดี ตอนแรกว่าจะชิมเบาๆ แต่พอไปถึงก็กินหนักทุกที 55555555

มาถึงตอนนี้ทุกคนเริ่มอิ่ม เริ่มง่วงแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาไปสนามบิน พวกเราจึงแยกย้ายกัน บางคนไปคาเฟ่แมว บางคนไปนวด แต่เรามาถึงเชียงใหม่ทั้งที ยังไม่ได้เข้าไปดู อ่างแก้วที่มช เลย เราก็เลยจะไปกัน เหลือผู้รอดชีวิตที่จะไปแค่ 2 คน แต่ไม่เป็นรัย สู้ตาย 555555

การไป ในมหาลัยเค้ามีรถนะคะ สะดวกสบาย ดูสายรถให้ดีๆ ถามนักศึกษาเอาก็ได้ "อ่างแก้ว มช" เป็นอ่างเก็บน้ำของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สร้างขึ้นกักเก็บน้ำเพื่อใช้ภายในมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นที่พักผ่อนของเด็กๆ นักศึกษา ด้วย เนื่องจากวิวสวยมาก อากาศดีมาก

จากนั้นเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม เพื่อไปสนามบิน การไปสนามบินก็โบกรถแดงอีกเช่นเคย สำหรับทริปนี้ พวกเราเที่ยวแบบไม่ค่อยได้พักเลย จัดเต็มมาก เหนื่อยมาก แต่พวกเราก็มีความสุขมากเช่นกัน การมาเที่ยวของเราในวันหยุดยาวถือว่าจบอย่างสมบูรณ์แบบมีแรงไปทำงานต่อแล้ว ยังไงใครมาเชียงใหม่ ก็ไปตามรอยพวกเรากันได้นะคะ : )

https://www.facebook.com/puifaikamonblog

Puifaikamon

 วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.55 น.

ความคิดเห็น