...ย้อนหลังไป 4 ปีเมื่อครั้งเมืองกรุงตกอยู่ในสงครามกลางเมือง หลายอาชีพมีอันต้องปิดกิจการหรือล่มสลายลงไป ผมก็เป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนั้น ผมถูกบริษัทส่งตัวไปทำงานทางภาคใต้ใน จ.พังงา เป็นครั้งแรกที่ได้ไปทำงานต่างจังหวัดแบบนี้ ต้องจากบ้านไปนานนับแรมเดือนแต่ก็ยังดีกว่าตกงาน แต่วิกฤตในครั้งนั้นก็เปิดโอกาสให้ผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำ คือการท่องเที่ยวไปตามใจชอบ ตลอดช่วงเวลา 2 เดือนที่ผมได้ไปอยู่ในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย มีเหรอที่ผมจะนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้องพักเมื่อถึงวันหยุด วันหยุดจากการทำงานผมตระเวณไปทั่วเท่าที่ใจอยากไป หลังจากตะเวณเที่ยวหมู่เกาะน้อยใหญ่ทางแถบอันดามันแล้ว ได้ยินว่าแถว อ.ท้ายเหมือง ซึ่งอยู่ใกล้ๆแหล่งที่ผมทำงานอยู่ทางฝั่งเขาหลัก มีเขาอยู่ลูกนึงมีทะเลหมอกให้ชมยามเช้า ซึ่งตอนนั้นสถานที่นี่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากมาย ถามคนในพื้นที่ก็ไม่มีใครรู้จัก ผมรู้แค่ว่าอยู่ตรง รร.บ้านฝ่ายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมืองเท่านั้น ก็เลยเป็นที่มาของทริป "เรื่องเล่าจากเขาไข่นุ้ย"

ผมอาศัยให้เพื่อนช่วยขับรถมาส่งแถวหน้า รร.บ้านฝ่ายท่า สอบถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกขับรถเลยไปอีกซอยก็เลี้ยวเข้าไปเลย สภาพเส้นทางเป็นถ.คอนกรีต 2 เลนแคบๆขับขึ้นเขาไปสักประมาณ 3 กิโลเห็นป้าย"บ้าสวนชายนุ้ย"เลยกะว่าจะเข้าไปติดต่อสอบถามก็ไม่เจอใคร เลยบอกให้เพื่อนกลับไปก่อน ผมก็เดินสำรวจรอบๆบริเวณนี้ดูลักษณะเป็นเหมือนโฮมสเตย์ที่สร้างขึ้นในป่าสวนยางวิวทิวทัศน์สวยงามดีทีเดียว มองไปเห็นท่าเทียบเรือทับละมุซึ่งเป็นจุดลงเรือข้ามไปยังเกาะต่างๆแถบนี้ บรรยากาศลมพัดเอื่อยๆพาลเอาเคลิ้มเลยเอาเปลมากางนอนเล่นจนหลับไปตื่นนึง จนแดดร่มลมตกประมาณ 4 โมงเย็นได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ขับขึ้นมา

ชายร่างเล็กสีผิวทองแดงก้าวลงมาจากรถมอเตอร์ไซด์ เดินเข้ามาสอบถามด้วยสำเนียงพื้นถื่นว่า"มาทำอะไรเหรอครับ"เลยแสดงตัวออกไปว่าเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากกรุงเทพอยากจะขึ้นไปเที่ยวบนเขาไข่นุ้ย เลยเข้ามากะว่าจะสอบถามข้างในโฮมสเตย์เห็นติดป้ายบอกว่ามีรถรับส่งขึ้นเขา แต่ไม่เจอใครเลยนอนเล่นรอ ชายคนนั้นบอกว่าจริงแล้วต้องติดต่อด้านล่างตรงบ้านตรงข้ามโรงเรียนบ้านฝ่ายท่าเป็นบ้านของบังนุ้ยเจ้าของโฮมสเตย์บ้านสวนชายนุ้ย และเขาก็แนะนำตัวเองว่าชื่อบังเหลกเป็นลูกชายของบังนุ้ย เดี๋ยวเขาจะพาขึ้นเขาไข่นุ้ยด้วยรถมอเตอร์ไซด์นี้เอง สภาพเส้นทางขึ้นเขาไปอีกไม่ไกลจากบ้านสวนชายนุ้ย แต่เห็นทางแล้วค่อนข้างชั้นและลื่น ยิ่งหน้าฝนแล้วคงจะลำบาก รถขับสองธรรมดานี่หมดสิทธิ์ต้อง 4wd เท่านั้น

สภาพพื้นที่ด้านบนเป็นลานกว้างๆกำลังปรับพื้นที่ บนนี้จะมองวิวได้ทั้งสองฝั่ง ฝั่งทิศตะวันตกจะติดกับทางฝั่งทะเล ฝั่งทิศตะวันออกมองลงไปเป็นป่ายางสลับกับเนินเขาเล็กๆ ซึ่งจุดนี้ในช่วงเช้าจะปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก ลานกว้างนี้เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่กางเต้นท์แต่ผมไมได้เอาเต้นท์มามีแค่เปลสนามมาผืนเดียวโชคดีมีต้นไม้ให้ผูกอยู่สองต้น จัดแจงผูกเปล บังเหลกบอกว่าเดี๋ยวคืนนี้จะมานอนเป็นเพื่อนจะกลับลงไปเอาเต้นท์ก่อนแล้วสอบถามจะเอาอะไรมั๊ย เลยถามกลับไปว่ากินเหล้าได้ไหมบังเหลกบอกกินได้เลยฝากซื้อเหล้าโซดาพร้อมกับแกล้มมาชุดนึง ระหว่างรอก็เดินดูรอบๆบริเวณ ลมเย็นๆพัดเอื่อยๆ ท้องฟ้าเหมือนจะมีฝน ได้แต่ภาวนาว่าอย่าตกเลย แต่ถ้าตกบนนี้ก็มีเพิงพักสามารถเข้าไปอาศัยหลับนอนได้ บังเหลกกลับขึ้นมาพร้อมพาน้องชายมาด้วยคนนึงเพื่อช่วยถืออุปกรณ์ตั้ง camp และเสบียงกับแกล้มของคืนนั้น

แล้วกองไฟก็ถูกจุดขึ้นเพื่อขับไล่ความมืดมิดของรัตติกาล คืนนั้นอากาศเป็นใจไม่ร้อนค่อนข้างเย็นสบาย ท้องฟ้ามีแสงดาวลอดผ่านหมู่เมฆมาให้เห็นเป็นระยะๆ เราคุยกันอย่างออกรส สรรหาเรื่องคุยกันตั้งแต่ประวัติเขาไข่นุ้ยที่มีสวนยางบังไข่กับบังนุ้ยเป้นเจ้าของในบริเวณนี้ ต่อมามีนักศึกษามาเที่ยวแล้วตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่าเขาไข่นุ้ย คุยกันจนดึกดื่นค่อนคืนแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน การนอนเปลโดยไม่มีฟลายชีทคลุมมันก็ให้ความรู้สึกดีไม่น้อย มองดูแสงดาวและก้อนเมฆที่ไหลเอื่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ ไอ้ความคิดคนเรานี่ก็แปลกจากชื่นชมความงามของธรรมชาติอยู่ดีๆ กลับกลายเกิดจินตนาการแปลกๆเข้ามา จากประสาทสัมผัสเดี๋ยวเห็นภาพ เดี๋ยวได้ยินเสียงแปลกๆ คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลและเรื่องเล่าก่อนนอน แล้วก็เผลอหลับไปไม่รู้ตัวจนใกล้รุ่ง ได้ยินเสียงบังเหลกมาปลุกบอกว่าหมอกเริ่มมาแล้ว

กระโดดลุกมาจากเปลแทบจะตกเปลเมื่อได้ยินเสียงปลุก หันไปมองต้องตะลึงไปครู่นึง จัดแจงคว้ากล้องกางขาตั้งหามุมส่องแล้วกดชัตเตอร์ ไม่เคยเห็นท้องฟ้าสีสันแบบนี้มาก่อนจากสีน้ำเงินเข้มค่อยๆลดระดับความเข้มของสีท้องฟ้าลงมาเป็นสีม่วง ชมพู ส้ม เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้น พร้อมกับไอหมอกที่เริ่มไหลมารวมตัวกันในแอ่งเบื้องหน้าและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาเจอกับกระแสลมทำให้ฟุ้งไปทั่วบริเวณก่อเกิดเป็นละอองน้ำระเหยปกคลุมไปทั่ว กองไฟที่ยังไม่มอดสนิทถูกเติมเชื้อเข้าไปเพื่อต้มน้ำชงกาแฟขับไล่ความหนาว

ผมลองเดินหามุมถ่ายอื่นๆดูบ้าง เห็นมีเพิงพักเลยลองเดินไปหามุม ดวงอาทิตย์เริ่มลอยสูงขึ้น หมอกที่ฟุ้งเริ่มจางลงเผยให้เห็นทะเลหมอกด้านล่างได้ชัดเจนขึ้น มุมนี้ใช้เพิงพักเป็นฉากหน้าช่วยประกอบเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

แนวเทือกเขาสลับสูงต่ำเบื้องหน้าเป็นแนวเดียวกับเทือกเขาลำปีอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ไกลออกไปมองเห็นเขาลูกใหญ่ลิบๆนั่นจะเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกชื่อดังของพังงาคือภูตาจอที่อยู่อ.กะปง ส่วนตัวแล้วมองว่าวิวช่วงเช้ามืดที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นแสงสีทองฉาบไปทั่วจะคล้ายๆกับทางทุ่งแสลงหลวง พอดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงหน่อยจะเหมือนกับทะเลหมอกทางฝั่งพะเนินทุ่ง

ขอขอบคุณในมิตรภาพของบังเหลกสำหรับทริปนี้ ปัจจุบันเขาไข่นุ้ยเปลี่ยนไปมากแล้ว เป็นธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชน มีที่พักของชาวบ้านเกิดขึ้นมากมาย

รายชื่อที่พักบนเขาไข่นุ้ย

โฮมสเตย์บ้านสวนชายนุ้ย,บ้านในหมอก ของบังเหลกและบังนุ้ย ติดต่อ 089-5931432

โฮมเสตย์บังไข่ ติดต่อ093-2278671, 088-8261083

กระโจมโก้ก้าง 081-1876199

บ้านระเบียงหมอกบังหยา 080-8928737

ที่พักทุกเจ้ามีอาหารเย็นเตรียมไว้ให้ หรือจะปิ้งย่างแต่ต้องติดต่อล่วงหน้า

การเดินทาง

เขาไข่นุ้ย อ.ท้ายเหมือง จะอยู่ใกล้กับทางภูเก็ต ขอเริ่มการเดินทางจากภูเก็ต เมื่อเข้าสู่จังหวัดพังงา
ให้วิ่งบนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปทางเขาหลัก เมื่อถึงตำบลทุ่งมะพร้าว จะมีป้ายขนาดใหญ่บอกทาง ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน 4240 จากนั้นให้ชิดซ้าย ขับผ่าน " โรงเรียนบ้านฝ่ายทำ " ประมาณ 1 กิโลเมตร
จะมีซอยเล็กๆ มีป้ายติดไว้ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย

บังเหลกและน้องชาย

บังนุ้ย พ่อบังเหลก ผู้บุกเบิกเขาไข่นุ้ย


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด



สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.41 น.

ความคิดเห็น