สวัสดีทู๊กกกโคนนนนอีกหนึ่งครั้งงงงเด้อออจ้าาาาาา!!

WELCOME TO BLOG ... ของลาววว อะเกน ใช่ค่ะของลาวววเอ้งง ฮรี่ๆๆๆๆ

[ ไม่ได้พาไปเที่ยวลาวแต่พาไปเที่ยวจังหวัดทางแถบที่ราบสูงของไทยใกล้ๆลาว ห้ามงงนะถ้างงจะตีเยย ]

เอางี้สารภาพตรงนี้เลยว่า ' ปกติเราไม่ค่อยบู๊เที่ยวกับที่บ้านเท่าไหร่ คนที่บ้านเลยจะไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นคนร่าเริงเกินเบอร์ [เอาง่ายๆคือเราบ๊องๆออกไปทางบ้า] คือที่บ้านจะเข้าใจมาตลอดว่าเราแค่พูดไม่รู้เรื่อง ' ทริปนี้ทุกอย่างเลยอาจจะงงๆเบลอๆเอ๋อๆก็ตามนั้นอะเนอะ

และอีกข้อคือทุกอย่างในนี้เราถือว่า ' เป็นโบนัส ' ก็เพราะว่าความจริงขอความจริงคือทริปนี้เค้าไม่ได้พาไปเที่ยวว้อยยยยแต่คือไปช่วยพี่ชายเราย้ายของต่างห๊ากก ส่วนเที่ยวคือ ' เป็นโบนัส ' จ๊บบ......


หลังจากเกริ่นมาพอเป็นพิธีเราจะไม่ลำไย ไม่แวะดื่มน้ำหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นไปเหอะ เที่ยววว !!!



ก่อนจะหอบกระเป๋าตามทางเรามานั้น อยากให้ทุกคนแวะอ่านกันอีกสักนิดนะคะ ................................................

เนื่องจากทริปนี้เป็นการช่วยพี่ชายย้ายของจากกรงเทพไปอุดรการเดินทางในทริปนี้จึงเดินทางด้วย ' รถยนต์ส่วนตลอดทริป ' ขอบคุณพี่ฟิวส์พลขับของเราในทริปนี้ละที่พักด้วยนะคะ

............ แต่เราก็แอบไปสืบมาให้สำหรับเพื่อนๆที่สงสัยเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ............


- - เฉลี่ยค่าใช้จ่าย - -

    • ค่ารถทัวร์กรุงเทพ-อุดร ราคาประมาณ 350-650 บาท [ราคาคร่าวๆ]
    • ค่าที่พัก ราคาประมาณ 250-800 บาท [ราคาคร่าวๆ]
    • ค่าเข้าชมศาลาแก้วกู่ ราคา 20 บาท
    • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ราคา 30 บาท
        • ค่าน้ำมันไป-กลับ ราคา 3900 บาท


    ปล.ส่วนค่ารถในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆเราไม่มั่นใจนะคะ เลยขอสรุปให้ตามด้านบนเลย


- - กรุงเทพ - อุดรธานี - หนองคาย - กรุงเทพ - -


----------------- วันที่ 1 -----------------


-ออกจากบ้านที่จังหวัดสมุทรปราการเวลา 20.00 น. ถึงอุดรเวลา 08.00 น.


----------------- วันที่ 2 -----------------


-ถึงอุดรธานีเวลา 08.00 น. และหลังจากนั้นเวลาทั้งหมดก็หมดไปกับ การกิน การนอน ตั้งตี้ตี ROV และตั่งต่างจนหมดวัน เพราะมันเหนื่อยม๊ากกกว้อยยยยยยยยแกรรรรรรรรรรรรรร


----------------- วันที่ 3 -----------------


-ออกจากบ้านที่อยู่อำเภอบ้านเชียงเพื่อไป 'คำชะโนด' เวลา 07.30 น. [ห่างกันประมาณ 50 KM.]

-หลังจากเสร็จภารกิจของเหล่าFCสลากกินแบ่ง ไหว้ขอพรกันเสร็จสรรพทางเราก็เคลื่อนทัพออกจากบ้านคำชะโนดเวลา 10.45 น. เพื่อไปยังจังหวัดหนองคายยย

-ใช้เวลาประมาณร่วมชั่วโมงจากคำชะโนดมาที่วัดแก้วกู่ [อันนี้แอบบอกว่าดีใจมากเพราะพี่ๆพาเราแวะเที่ยวเนื่องจากเขาเห็นว่าเราอยากเขียนรีวิวครั้งนี้มากเลยจัดให้ตามคำขอจะเป็นยังไงตามเรามาต่อน๊าา เย้ๆ] จากนั้นเราออกจากจากวัดแก้วกู่เวลาประมาณ 12.45 น. เพื่อไปหาอะไรบรรทุกลงกระเพาะกันต่อค๊าาาา

-เวลาประมาณ 13.15 น. เราก็มาถึงร้านเด็ดร้านดังร้านอร่อยร้านที่ลานจอดรถไม่พอและคนเยอะม๊าากกกนั่นคือ ' ร้านแดงแหนมเนือง ' เพื่อบรรทุกเเหนมเนืองชุดหย่ายยยยลงท้องทุกคนค๊าบบบบ

-ต่อมาเวลาลืมจดวกเะราก็ะเคลื่อนพลจากร้านแงแหนมเนืองมาเดิน 'ตลาดอินโดจีน' เพื่อคาร์ดิโอเอาแหนมเนืองออกจากร่าง แฮร่ [จากร้านแหนมเนืองเดินชิลล์ๆมาถึงตลาดได้เลยนะคะไม่ไกลเลย]

-หลังจากจับจ่ายใช้สอยสูญงบกันเป็นแถบก็เตรียมตัวกลับอุดร ถึงอุดรประมาณ 18.00 น. โดยประมาณหลังจากนี้ก็บรรเลงมื้อเย็นกันยาวๆยัน 02.00 น. เมื่อวงแตกก็แยกย้ายนอนดรั้ยยยยยยย


----------------- วันที่ 4 -----------------


-มอนิ่งสะดิ้งงแต่เช้าเเพ็คกระเป๋าเตรียมออกจากบ้านเชียงกลับไปเผชิญมอลพิษในกรุงกันต่อดีกว่าเนอะ พวกเราออกจากบ้านไปที่ 'พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง' เวลา 09.00 น. โดยประมาณ

-เวลา 11.00 น. เราแยกกับพี่ชายและพี่สะใภ้กันที่พิพิธภัณฑ์บ้านเชียงเพื่อกลับกรุง แต่มากับเราจะกลับเลยแบบไม่งงไม่หลงก็ไม่ใช่ทางช่ะม่ะ มาค่ะมาต่อมันยั้งงงงไม่จบ ฮ่าาาาาาาาาาา

-จะเที่ยวทั้งทีไม่มีของฝากก็ไม่ใช่ที่สิเนอะ ก็เลยตกลงกันในรถว่าเราจะเเวะซื้อแหนมเนืองในเมืองอุดรเป็นของฝากกันแต่คู๊ณณณณณขาาาารถติดแบบมหาศาลติดไม่พอหลงวนนั่งรถวนรอบเมืองกุัยไป 1 ซิงเกิ้ลแต่กว่าจะได้ฤกษ์ออกจากอุดรก็ปาไป 14.00 น. ถ้วนนนน และยิ่งกว่าคื๊อออกมาจากเมืองก็มีร้านแหนมเนืองค่ะ .....

-หลังจากหลง วนรถเล่น แวะซื้อหม่ำ ตะลุยรถติดเราก็พามาถึงบ้านที่สมุทรปราการตอน 23.00 น. แบบเป๊ะ แล้วมาหลงกับเราทริปหน้าน๊าาาาาทู๊กกกโคนนนนนนน



แวะอีกสักนิดมารู้จักพวกเรากันก่อนเนอะจะได้สนิทกันก่อนซิ่ง 8 ชีวิตใครเป็นใครกันบ้างน๊าาา




  • ไหนๆก็ไหนๆแล้วด้วยความเยอะขอทวนชื่อเสียงเรียงนามอีกทีแล้วกันนะคะ แฮร่........

จากซ้ายไปขวา : ผ.บ.สูงสุด [มนุษย์มิ้] / พ่อบ้านพี่แบงค์ [พี่ชาย] /พี่อุ้ม [พี่สะใภ้] / พี่แน๊ต / พี่ฟิวส์ [พลขับประจำทริปนี้] / พี่แอน / พี่เม่น

ปล 1 . มีเราอีกคนเเต่เป็นช่างภาพเองไงเลยไม่มีรูป ไว้จะแนะนำด้านล่างแทนน๊าาา

ปล 2 . รูปรวมอาจจะกร่อยหน่อยน๊าาเนื่องจากเราเกร็งแถมคนที่บ้านไม่ยอมบ้ากับเราจะได้ออกมาประมาณนี้


- เอาละถ้าพร้อมงง มึน อึน ตามเรามาเล๊ยยยย -


SKIPP >> อย่างรวดเร็วมาวันที่ 3 กันเล๊ยยยยยยยยย

ก่อนจะไปตะลุยดินแดนพญานาคกันก็เเวะเติมพลังลงท้องกันก่อน มื้อนี้ลงความเห็นกันว่าจะกินอาหารพื้น บ้านกัน เราเลยเก็บภาพมาฝากทุกคนกันด้วย

บน > เฝอลาว [ประหนึ่งว่าคือก๋วยจั๊บ V.ไม่ข้นเส้นเล็กกลมละคะ]

ล่าง > ก๋วยเตี๋ยวลาว [เราเข้าใจว่าคือเส้นเล็กน้ำใสใส่มะเขือเทศนะคะ]

อิ่มท้องเเล้ว ตาใกล้หย่นแล้วเราก็ไม่รอช้าไป 'คำชะโนด' กัน ใครจะไปด้วยโดดขึ้นกะบะมาค๊าาาาาาา



เมื่อเรามาถึงคำชะโนดก็จะพบกับรถนำเที่ยวสไตล์ไทบ้านแบบนี้ เค้ามีบริการพาชมรอบบริเวณเกาะคำชะโนดโดยเจ้ารถหน้าตาแบบในรูปนี่ละคะ แต่เราค่อนข้างประหยัดเลยจะข้าามขั้นตอนนี้ไป ฮ่าาาาาาาาา


เมื่อเราก้าวเท้าลงมาเหยียบพื้นของคำชะโนด ก็จะมีพี่ๆมาเเนะนำอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ก่อนที่จะเข้าไปที่วังนาคา ก็จะมีตามในภาพเลย [ถึงตรงนี้ก็แล้วแต่คนนะคะเพราะเราก็ยืมของมิ้มาใหทุกคนดูเหมือนกัน] ไม่รอช้าเราเดินกันต่อเลยดีกว่าเนอะ แฮร่


ระหว่างทางเดินเข้าไปด้านในละคะ เดินมาพร้อมกันเนอะเร็วๆเดี๋ยวหลงเด้ออจ้าาาาา



ระหว่างทางเดินเข้ามาก็ตกเป็นทาสสีเขียวก็อย่างที่บอกไอเลิ้บสีเขียวววได้ขวดน้อยมาหนึ่งอันเยย แง

ก่อนจะเข้าไปจะมี จนท.บรรยายข้อห้ามต่างๆตั้งใจฟังกันด้วยน๊าาาาาาา


NEXT STEP > หลังจากเดินผ่านด่านของมันต้องมีมาได้ พวกเราก็ต้องมาพบเจอกบของที่ขาดไม่ได้ในการเข้าไปสักการะ 'ท่านปู่ศรีสุทโธนาค' นั่นก็คือดอกไม้และพวงมาลัยแบบที่นายแบบและนางแบบกิติมาศักดิ์ของเราถือในมือราคาอยู่ที่ 20 บาทไทยถ้วนนั่นเองจ้าาาา ใครซื้อแล้วรีบเดินตามเข้ามานะคนเยอเดี๋ยวหลง อิอิ



บรรยากาศร่มรื่นม๊วกกก ช่วงต้นๆทางเข้าจะแอบเดินยากนิดนึงเนื่องจากวันที่เราไปคนเยอะมากๆเลยตามพ่อบ้านเราไปเล๊ยยยยจะได้ไม่หลงงง ไปคร่ะซิสสสส.......



มีซีนให้พ่อบ้านแต่ไม่มีซีนให้มนุษย์มิ้ก็เดี๋ยวจะนอยด์กันได้ เอาให้เค้าหน่อยสักนิดนึงเนอะ แฮร่



ก่อนจะถึงวังนาคาแวะชมสิ่งไม่น่าสนใจกันสักนิด นั่นคื๊อออ หนุง เอ๊งง[ทางเดินยาวหรอเปล๊าารูปเยอะเลยแวะเก่ง อย่าว่าน้องน๊าาาเอ็นดูน้องนะคะน๊านนนานทีจะมีซีน] แฮร่



ด้านหน้าของเราคือจุดหมายยแล้วละคะ ตามเราาเล๊ยยยยยไม่หลงแล้ววววว .......



นี่คือศาลาเก่าของท่านปู่และท่านย่านะคะ สังเกตได้ว่าคนจะเยอะมากจนล้นออกมาด้านอกเลยคนส่วนใหญ่จะนิยมไหว้ตรงนี้เนื่องจากเป็้นศาลาเก่าแก่ของวังนี้ ละคะ



ด้านนอกที่ว่าเยอะเจอด้านในกันหน่อยดีกว่าเรียกได้ว่าเเน่นขนัดม๊ากเลยยย ทางทัพเลยขอแตกออกเป็น 2 ทัพ และสักการะบริเวณศาลาใหม่ทางด้านซ้ายและขวาของศาลาเก่า ตามเรามาก็ได้คนจะได้ไม่เยอะ



ทัพเราเลือกศาลาด้านซ้ายมือนะคะ คนน้อยหน่อยยยย...........



พี่แอนสายเก็บโมเม้นต์ขอสักใบก่อนไปอีกที่หนึ่ง แชะ !!!



แอ๊ค 1 ! ก่อนไปบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ [ป้ายเค้าเขียนว่างั้นเราก็ไม่ขัด]



ไหนๆก็ไหนๆแล้วมาถึงก็เอากับเค้าสักหน่อยเนอะ อิอิ



ขวดน้อยเราบรรจุได้ 1 กระบวยถ้วนนนน โถ่ววววววววววว



คนนี้ดีฟ่าาพี่เม่นผู้เป็นสายซับพรอตให้ทางเราในทุกเรื่อง แม้แต่น้องบังคับถ่ายรูปพี่ท่านก็ยอม ฮ่าๆๆ



เดินออกมาจากบ่อน้ำได้สักพักก็มีการลูบคล้งให้มีเสียงนำโดยมนุษย์มิ้ แบบเน้เล๊ยยยยย


ตามด้วยน้องเองด้วยความที่เป็นคริสตเตียนก็จะไม่เคยลูบคล้องกำลังใจก็จะประมาณนี้เลย ถถถถถ



เมื่อน้องลูบเป็นก็จะมีมิชชั่นประมาณในรูปนี่ละคะ ลูบวนไปกันยกแกงค์เริ่มมีการท้าแบทกันไปอี้กกกกก

คือจะยอมกันมันไม่ได้งไม่ใช่วิถีลูบกันเป็นงานเป็นการ และผลคื๊อออออ



คื๊อ...........



คือ



...........



...........




อ๊ะ!!!เด็กโอ้นนนมรึงงจะเล่นอีกนานไหม เอาดีๆเค้าตามมรึงอยู่ววววว



เลาชนะ ใช่เราชนะค่ะ เพลงมา !! WE ARE THE CHAMPION เย่เย้เย้...........

ปล.ห้ามหน้าอันอุของเราไปแต่เราอยากลง เราดีใจพ่อบ้านถ่ายรูปเป็นแล้วไม่หลุดโฟกัสแล้วโว้ยยยยยยยย



เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัดนะฮ้ะ! แล้วเราก็เดินตามพี่เม่นมาถึง 'ต้นมะเดือยักษ์' อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่



ให้ดู๊วความใหญ่ของรากมะเดือ มันหย่ายยยม๊ากกกกกชริงชริง ........

ตรงนี้ละคะคือเเหล่งรวมตัวของชาว FCสลากกินแบ่ง หวยอะไรก็ว่ากันไปจะรวมกันโดยมิได้นัดหมาย



ถอยออกมาให้ดูความใหญ่ของต้นกันอีกสักหนึ่งใบเด้อจ้าาาาา...........



ก่อนจะกลับเราเอาภาพหลักฐานมายืนยันกับทุกคนอีกครั้งว่าคนเยอะมากจริงๆละคะ



ป้ะ!!ตามหนุงมาเร็ว เห็นหนุงไหมนี่ยืนแล้วนะนอกจากหนุงจะโอ้นแล้วยังเตี้ยด้วยสงสารตัวเอง เฮ้อออ



ระหว่างทางเดินออกก็เจอะกับ 'บายศรีพญานาค ๙ เศียร' เลยเอาภาพมาฝากกันจ้าาาา



เล่นพอยังอะ ยังอี๊ก ยังไงยังไม่ตามมาอี๊กกตามม๊าาจะไปหนองคายแล้ววววว



ก่อนจะไปหนองคาย FCสลากกินแบ่ง ในแกงค์เราก็จะปรึกษากันจริงจังเบอร์นี้เลยฮ่ะ


หลังจากประชุมจบ ก็กรอความเร็ว X 3 ..........



ถึงหนองคายจุดนี้เราก้าวลงรถมาแบบงงแบบงงมาก ไม่คิดว่าเค้าจะพาเราเที่ยวอีกที่ก่อนไปหาของกิง

หนุงดีใจม๊ากกก ซื้อบัตรละตามเข้ามากันเล๊ยยยยยย



ค่าเข้าชม 20 บาทไทยนะคะ

เราว่าน่าจะน้อยคนที่รู้จักที่นี่แต่หลังจาก 'นาคี' ออกไปก็อาจจะมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นเนื่องจากที่นี่มีรูปปั้นเจ้าเเม่นาคีที่ในละครกล่าวถึงด้วยนะซึ่งเราก็รู้ตอนนเดินเจอนี่ละคะ แต่ตรงนี้เราขอเอาข้อมูลมาแปะเพิ่มให้ทุกคนนะ

ศาลาแก้วกู่” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดแขก” คือ สวนประติมากรรมปูนปั้นขนาดใหญ่ มีพื้นที่หลายสิบไร่ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพุทธมามกะสมาคมจังหวัดหนองคาย สถานที่แห่งนี้สร้าง ขึ้นจากแรงบันดาลใจของ “พ่อปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” เมื่อราวปี พ.ศ. 2521

เปิดทุกวันตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00 – 17.00 น. เลยค๊าาาาา




พอเดินเข้ามาในศาลาแก้วกู่แล้วเราก็จะเห็น 'พระพุทธรูปปางห้ามญาติ' องค์มหึมาตั้งอยู่ละคะ

[ใหญ่ไม่ใหญ่ก็เทียบเอากับคนที่อยู่ในเฟรมมภาพเลยได้เยย]




แอ๊คแถมให้เทียบอีกสักใบก็ไม่ติดอะไรเนอะ ..........



เขยิบเขยิบเข้ามาสิ!!โคสให้ใกล้ๆเลยสำหรับเทวรูปทางด้านขวามือในรูปใบที่ผ่านมา เย้



โคสขวาไปแต่ดั๊นนนไม่โคสใบซ้ายยถือว่าทำงานไม่เป็นนะคะ จะโคสต้องซัดให้ครบ อิอิ



หลังจากโคสอัพกันไปพอหอมปากหอมคอแล้วน๊านนนนน

ก็ให้ซีนคุณเค้าอีกเฟรมแล้วกันเนอะ ล่าสุดอีช่างภาพภูมิใจมากพี่ชายเดินมาบอกว่า.....


BRO : หนู หนู! ตรงนีี้สวยาถ่ายตรงนี้ดิ้

ME : โอเคได้เลย [ในใจคิด ขุ่นพระ!พี่ตรูหามุมช่วยน้องเขียนบล๊อคโว้ยยย นางมีความรู้งาน ปริ่มม]


ปล.ขอพื้นที่อวดนางหน่อยน้องถ่ายรูปมาจะ 6 ปี มาปีที่ 6 นี่ละที่พี่ชายโฟกัสเค้า หามุมได้ ปริ่มมมอะเกนนน




บ้านนี้แรกๆก็ดีหลังๆก็นะ ทัมดาโลกไม่จำเวอร์ เป็นกันทั้งบ้านก็อย่าแปลกใจที่หลังจจากนี้เราจะหลุด ฮ่าาา




กลบสู่สภาวะปกติอีกครั้ง : และในภาพคือบรรยากาศภายในศาลาแก้วกู่น๊านนนเอ๊งงงงงง



ปาบรรยากาศไปอีกใบเด้ออหล้าาาาา



และไกล๊ไกลอีกสักหนึ่งใบแบบนอลสต๊อป



และแบบใกล้ๆอีกหนึ่งใบแบบ อย่า อย่าหยุดยั้งง แฮร่



และนี่คือไฮไลต์เลยก็ว่าได้นั่นคือรูปปั้นที่เรารู้กันดีในนาม 'เจ้าแม่นาคี' แต่จริงๆแล้วเทวรูปองค์นี้มีชื่อว่า

'จ้าวย่าศรีปทุมมา' นั่นเองจย้าาาาา [งานสาระก็มา เขิงงง]




เดินไล่ชมเทวรูปไปเรื่อยก็แอบแชะซิกเนเจอร์ของเรามาด้วยนั่นก็คือการถ่ายมือตัวเอง เอ๊ออออเอาเด้

แต่ทริปนี้จะไม่มีนากาสีแดงนะคะเนื่องจากน้องปลดประจำการแล้ว แถมเรายังหาเรือนใหม่ม่ายล่ายยย แง



เมื่อเดินชมเทวรูปกันครบรอบแล้วก็มาแวะสักการะ 'องค์พระพิฆเนศ' กันสักหน่อยเนอะ



สักการะแล้ว ขอพรแล้ว สเต็ปถัดมาก็คือเชคเซียมซี ไปค้าาาาาลุยยยยยยยย!!



ไหว้แล้ว ขอพรแล้ว เขย่าเซียมซีแล้ว ถัดมาคือมาอ่านใบเซียมซีกันจ้ารอไรอะได้เบอร์ไรก็อ่านกันเอาเองเด้อ


อ่านเซียมซีกันเสร็จก็ขอแวมายืนเตี้ย ถ่ายรูปสักใบก่อนลุยต่อเนอะ แฮร่



แต่ก็นะเหมือนลืมเเนะนำตัวเองเลยจนจะจบทริปแล้วม่ะนังเด๋ออ ฮ่าาาาาา

สวัสดีอย่างเป็นงานเป็นการ! หนุงเมร่ากลับมาแล้วจย้าาา แต่ใครจะเรียกน้องแพร ร่า หรือบลาๆก็ไม่ติดนะ

อะพออย่าลำไยขายอ้อย หิวว้อยยยยยหิวววจงพุ่งไปกินนนนนน NOW!


หลังจากเดินตากแดดตัวแห้งกันเเล้ว ก็กรอความเร็วไปที่ X 3 ..........




หลังแวะชมสิ่งที่น่าสนใจกันไปอย่างจุใจก็รีบบึ่งรถมากินแหนเนืองเจ้าอร่อยริมโขงที่ 'ร้านแดงแหนมเนือง' [เราจะไม่เน้นเพราะร้านไม่หนับหนุน แฮร่]

ในภาพคือแหนมเนืองชุดใหญ่ที่เราสั่งมา 1 ชุด ในราคา 260 บาทถ้วน [เยอะแบบอิ๊บอ๊ายย]



มีแหนมเนืองก็ต้องมีน้ำจิ้มถั่วรสเด็ดชะมะ อิอิ



และนี่คือโฉมหน้าสมาชิกแฟมเราพร้อมส่งสายตาที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาให้เรา เอื้อออ


หลังจากเติมพลังลงสู่กระเพาะกันแล้วก็เดินย่อยไปสถานที่ต่อไปกันเด้อออ ตามมาจ้าาา.......




มาริมโขงมาเมืองพญานาคทั้งทีก็ต้องต้อนรับเราด้วยยเครื่องประดับวิบๆวับๆกันโหน่ยยยยย



เอามายืนยันอีกสักภาพให้รู้ว่ามา 'เมืองริมแม่นน้ำโขง' แน่นอน 100% จ้าาา



เพชร พลอย ตั่งต่างผ่านไปก็มถึงเครื่องนุ่งห่มราคา่ารักน่าคบค้าสมาคมกันบ้างงละคะงานเน้



ในส่วนของร้านนี้ก็ปล่อยเงินเราไป 500 บาทไทยถ้วน แต่ถือว่าคบได้เลยผ้าราคาน่ารักคุณภาพโอ มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ไอเลิ้บบบผ้าไทยยยไอเลิ้บไทยซิลค์ม๊ากกกกกเด้อออ



เดินดูของชิลล์ๆ ระหว่างทางก็อาจะโดนปล้นกระเป๋าจากของกินหรือของฝากอะไรก็ว่ากันไปเนอะ เดินวนไปวนมาก็มาโผล่ริมแม่น้ำโขงมองเห็นฝั่งประเทศลาวลิบๆ



ห่างแค่เพียงเอื้อมมือแต่มันคือคนละฝากแม่น้ำโขงงงง ถถถถถถถถ

ทริปนี้เวลาน้อยไม่ได้ข้ามไปแต่ทริปหน้าจะมาตามเก็บให้ได้เลย ไว้ทุกคนตามเรามาเที่ยวเเบบงงๆอีกละกันนะ



แบล๊คดร๊อปหลักคนเยอะอาจจะไม่สะดวกในการ 'โพสต์สไตล์ธรรมดาโลกไม่จำ' ขอแฟมเราเลยต้องหนีมาเล่นคนเดียวแบบเหงาๆกับป้ยแบล๊คดร๊อปเล็กๆ [น่าสงสารน้องนะคะท่่าทางเพื่อนไม่ครบ แฮร่]



หลังโดนปล้นกระเป๋ากันพอหอมปากหอมคอก็ หมดเวลาสนุก เตรียมตัวกลับบานไปหาอะไรลงท้องงดีฟ่าา


SKIPP >> อย่างรวดเร็วมาวันที่ 4 กันเล๊ยยยยยยยยย



สะดิ้งได้ไม่กี่วันก็ต้องกลับบ้านกันแล้วง่ะ.......

แต่กก่อนจะกลับกรุงก็แวะมารับตั๋วจากไกด์ทัวร์ของเราไปชม 'พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง' กันก่อนเน้อ



และสิ่งที่อยู่ในมือเราคือบัตรเข้าชมและคู่มือนั่นเองงออเจ้า ...........

ถ้าพร้อมแล้วววว 5 4 3 2 1 GO GO !



ใบนี้ไม่มีอะไรแค่ถ่ายทางเข้ามาให้ดู แฮร่



เข้ามาห้องแรกเราก็จะเห็นหม้อหรือไหของบ้านเชียงในแบบตั่งต่างมั่กมายยยตามในภาพเลย



นอกจากหม้อไหต่างๆก็ยังมีบันทึกของชาวต่างชาติที่ได้เข้ามาศึกษาความเป็นอยู่ของชชาวบ้านเชียงในอดีต



มีหม้อ มีไห มีบันทึก แล้วก็ต้องมีประวัติการทำงานรวมถึงความเป็นมาของที่นี่ด้วยสิ จะพลาดได้ไงช่ะ!



ก่อนจะไปห้องถัดไปก็แวะอ่านพระราชดำรัสของ ร.๙ กันก่อนสักนิด [เราชอบภาพนี้ที่สุดในทริปนานๆทีจะมีจังหวะแบบนี้บรรยายไม่ถูกเลยยยคำพูดเยอะม๊ากกกจุดเน้]



ห้องถัดมาก็จะเป็นภาพจำลองของขั้นตอนการศึกษาโครงกระดูกและวัตถุโบราณต่างๆในบริเวณบ้านเชียง



บรรยากาศภายในห้องสาธิตการศึกษาวัตถุโบราณบ้านเชียง



แถมให้อีกสักใบเพราะเราใจดีม๊วกกกกก



ปาไปอีกสักหนึ่งใบแบบนอลสต๊อป



และอีกหนึ่งใบไปตามลำดับ อิอิ



อีกหนึ่งใบในห้องแห่งความลับ[หร๊าาาาา] แบร่



อีกสักใบกับโซนวิวัฒนาการชาวบ้านเชียงงง



อีกใบกับวิวัฒนาการของภาชนะดินเผาบ้านเชียงงงจย้าาาาา



กับพี่แอนสายส่องและห้องสุดท้ายของ 'พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง' ในส่วนจัดแสดงง




ขอหนุงบ้างเดี๋ยวไม่เชื่อว่าเคยมาแล้วชริงๆ อิอิ



หลังจากออกมาจากพิพิธภัณฑ์มองไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นร้านของฝากเรียงกันยาวเหยียดดเบยยย



ที่ไหนมีของขายที่นั่นเราก็จะโดนปล้นกระเป๋าเงินกันทุกที่ไป ฮรืออ


หลังจากโดนปล้นไปตามๆกัน ก็ได้คำแนะนำจากลุงตำรวจให้มาดูสถานที่ขุดศึกษาจริงๆในวัดโพธิ์ใน



ก่อนเข้าไปดูหลุมที่ขุดไว้เราก็เจอชาวแกงค์ปีนต้นไม้ อดไม่ได้ที่จะเเชะเด็กๆติดมาด้วยย.....



เอ้าา!!ยิ้มลูกยิ้มมมมม อิอิ



ตัดภาพกลับมาที่หลุมขุดศึกษาจริง ในส่วนนี้ก็จะมีหลุมขุดและภาพสามมิติเราเลยเก็บภาพมาให้ชมน้อยนะคะ


หลังจากท่องโลกประวัติศาสตร์กันเสร็จเราและพี่ชายก็แยกกันที่ตรงนี้ ........

แต่สำหรับฝั่งคนที่กลับกรุงเทพมันยังไม่จบ แต่จะเพิ่งเริ่มงงกันละฮ้ะงานเน้



แต่ก็นะหลงไปหลงมาก็หาร้านเจอจนได้

ใช่ค่ะ!เราเพิ่งเริ่มหลงด้วยการหาร้านแหนมเนืองกันในตัวเมืองอุดร นั่นเองงงจย้าาาาา


ทีมงานงงและทีมงานหลงในทริปนี้



ไหนก็ไหนแล้ว เราพาทุกคนมาถึงร้านของฝากแล้วเราจะขอจบทริปงงนี้แบบงงตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ ไม่ว่ากันเนอะไหนๆก็งงมันตั้งแต่เริ่มทริปจนจบทริปไปเลย งงเเล้วต้องงงให้สุด แฮร่



SPECIAL THANK FOR ........


เดินทางด้วยกันมาพร้อมกับความความงงเต็มกระเป๋า.....

เราอยากขอบคุณทุกคนในทริปนี้เลย ตั้งเเต่พี่ฟิวส์ พี่เม่น พี่แอน พี่แนต พี่สะใภ้ พี่ชายเรา มิ้เรา ขอบคุณที่ทำให้เราสนุกในแบบของเรา ขอบคุณที่จอยไปกับเราถึงแม้อาจจะเกร็งๆไปบ้าง

เราอยากจะขอบคุณสองคนสุดท้ายที่เราพูดไว้ด้านบนมากๆ ขอบคุณที่ปล่อยให้เราสนุกในแบบที่เราเป็น ปล่อยให้เราเที่ยว ปล่อยให้เราออกไปใช้ชีวิตในแบบของเราถ้าขาดต้นแบบการใช้ชีวิตแบบสุดโต่งทั้งสองคนนี้ไปเราอาจจะไม่ได้มาเขียนแชร์ความสนุกผสมความงงของเราให้ทุกคนฟังได้แบบนี้



สุดท้ายเราก็ยังยืนยันคำเดิมแบบที่เคยพูดมาตลอด 'จุดหมายปลายทาง' ไม่ได้สำคัญเมื่อเทียบกับเรื่องราวระหว่างเราได้เจออะไรมาบ้าง และระหว่างทางจะไม่สนุกเลยถ้า 'ระหว่างทางเราไม่เป็นตัวของตัวเอง'



ขอบคุณนะทุกคน

........ จนกว่าจะได้พบกันใหม่ ........

















Camera Rasza

 วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.47 น.

ความคิดเห็น