สวัสดีทู๊กกกโคนนนนอีกครั้งงงงจ้าาาาาา!!


WELCOME TO BLOG ... ของเราอะเกนหลังจากหายไปนานร่วมครึ่งปี แฮร่

วันนี้เราไม่ได้พาทุกคนไปไหนไกลเลยละคะ เป็นทริปใกล้ๆง่ายๆที่ทุกคนสามารถกำเเบงค์สีแดงสองใบไปได้เล๊ยย แต่ในขณะเดียวกันเราอยากกระซิบทุกคนว่าก่อนไปลองเสริช์หาข้อมูลสักนิดจะได้ไม่พลาดแบบเราทริปแรกของเรา ส่วนใครอยากทราบว่าเป็นยังไงนั้นตามลิงค์นี้ไปเล๊ยยค๊าาาา เย้


https://th.readme.me/p/14966


เอาละคะไม่ล่ามเยอะแล้วเนอะ ไหนใครพร้อมลุ้นไปกับเราก็ตามมาเล๊ยยยย !!!!



.. ขั้นตอนการจิ้มตั๋วการเดินทางรถไฟสายน้ำตก ..

อ่อรถไฟสายนี้ชื่อว่ารถไฟสายน้ำตกนะคะ ลืมบอก
ก่อนอื่นเลยบอกก่อนว่าถ้าไม่สะดวกบุกป่าฝ่าดงรถยนต์ พายุโหมกระหน่ำ
1.แนะนำให้ตีกันกะผู้ร่วมทริปให้เสร็จก่อนเดินทาง 5 วัน ฟังไม่ผิดคะ 5 วัน จากนั้นตู๊ดๆไปหา จนท.จองตั๋วเลยโทร 1690 สายด่วนรถไฟ แล้วก็ทำตามขั้นตอนบลาๆ ส่วนเรื่องการจ่ายเงินอันนี้เราไม่รู้เพราะเราไปที่หัวลำโพงเองเลย 5555
2.อีกวิธีถ้าไม่ลงตัวมีแต่อ้อย อ้อย อ้อย แล้วก็อ้อย ก็ไปหัวลำโพงเองเลย พอถึงพุ่งตรงไปช่องจำหน่ายตั๋วทุกขบวนบอกเค้าว่าจะไปไหน ย้ำนะคะย้ำ "รถไฟนำเที่ยวสายน้ำตก" จนท.เค้าจะเก็บเงินคนละ 120 แล้วเราก็ควักมันนี่จ่ายเค้าไปง่ายๆอย่าอ้อยเดี๋ยวคนข้างหลังทุบหัวเอา
...รถไฟจะออกจากหัวลำโพงเวลา 06.30 ...
รถไฟออกตรงเวลามากนะ ตีระฆัง 3 ทีไม่มาออกเลย ถ้ามาไม่ตรงเวลาไม่ตกรถไฟแล้วละก็
"ท่านอาจจะได้เที่ยวนครปฐมท๊างงวันเลย " ส่วนใครอยากรู้ว่าทำไมนั้นไปเองไปเหอะ 120 คิดไรมาก อยากหรูก็ตู้แอร์ไป 240 บาทอย่าอ้อยรถเต็มไวม๊ากก 4G หรออย่าหวัง


- - เฉลี่ยค่าใช้จ่าย - -

  • ค่ารถไฟตลอดทริป คนละ 120 บาท
  • ค่าอาหาร เฉลี่ยคนละ 200-300 บาท

รวมแล้วคนละไม่ถึง 500 บาท


เอาเลยนะ! พร้อมเที่ยวเเล้วก็ไปกันเล๊ยยยยย กรู๊วววววว......


SKIPP >> อย่างรวดเร็วเลยฮ่ะ



ทริปนี้เราเตรียมตัวมาพร้อมม๊ากออกจากบ้านตั้งเเต่ 05.43 [แหม!เหมือนเช้ามากมั้ง] พอมาแล้วยังเหลือเวลาให้อ้อยอิ่งอีกเยอะเลยเพราะรถไฟออก 06.30 น. คริคริ



นี่ขบวนรถที่เราจะนั่งไปเที่ยวกันนะคะ เป็นขบวนพิเศษเยยไม่ต้องไปแบ่งแยกตัดสายใยรักใดใดกับใครทั้งสิ้นน ฮ่าาาา



และนี่ก็คื๊ออ ผู้ร่วมชะตากรรมตามล่าหาน้ำตกกับเราในทริปนี้ ' มิ้ของเราเอง ' หรือที่คนรู้จักกันในนาม ' ยายติ๋ว ' ก่อนจะเริ่มก็ต้องแชะภาพที่ระทึกกันก่อน ฮรี่ๆๆ




เเละนี่คือเบ้าหน้าของน้องตั๋วนั่นเอง [ บอกแน้วมาไวมันจะมีเวลาเหลือให้อ้อยอย่างเง้ ]




บับบายนะหัวลำโพง [ ที่เห็นนั่นนิ้วมือไม่ใช่เเง่งขิงแต่อย่างใดนะคะ ]



ผ่านไปสักพักรถไฟก็แวะรับคนที่สถานีรถไฟสามเสนเป็นสถานีสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะวิ่งย๊าวยาวแต่ไม่ยาวมากไปจอดที่เที่ยวที่แรกของทริปนี้ค่ะ


แกล้งเผลอหน่อยไม่รู้เลยว่ามีคนถ่ายรูปอยู่ บ้าชริงงงง...



บรรยากาศในขบวนรถไฟสายน้ำตกค่ะ คราวนี้เราลืมบอกเลยว่าเรามาจองตั๋วช้ามากๆเลยได้มาอยู่ม้ายขบวนชิดห้องน้ำเลยแต่ก็โอเคสะดวกดีค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ



เหล่าผู้ร่วมชะตากรรมที่นั่งรออย่างมีความหวังว่าจะได้เจอน้ำตก [ ที่มีน้ำ ]

เราขออนุญาตแนะนำผู้ร่วมทริปอีกสองคน ซ้าย >> พี่บอยแฟนพี่แอม และ กลาง >> พี่เเอมที่เป็นแฟนพี่บอย ค้า




เบื่อผู้ร่วมทริปแล้วก็หันออกมาด้านนอกกันดีฟ่า คิคิ



เมื่อนั่งมองกันหนำใจแล้วก็ยังคงต้องนั่งมองกันต่อไปละคะ เพราะอีกนิดนึงก็จะถึงแล้วล่ะ....



ปู๊นนน ปู๊นน !! 07.45 น. รถไฟก็คลานถึงสถานีนครปฐมพร้อมกับสายฝนที่ทางเราได้มาเป็นของแถม อ่อที่นี่ทุกคนจะมีเวลาแวะพักกัน 40 นาทีนะคะ เราเเนะว่าให้เมเมดเวลาให้ดีๆเพราะถ้าฝนไม่ตกทุกคนจะต้องหยุดสต็อปถ่ายรูปกันอย่างแน่นอน ถ่ายนานเกิ๊นนนก็อดกิงงน๊าาาา แฮร่



ฝนโปรยลงมา โปรยลงมา....




อ่อ!เมื่อเราถึงสถานีนครปฐมถ้าต้องการจะไปเดินหาของกินลงท้องต้องเดินย้อนออกมาถึงจะเจอตลาดค้า



ครั้งนี้ฝนตกเลยได้รูปมาแค่นี้เอง ฮือออ



เมื่อทุกคนเดินออกมาจากสถานีหมุนตัวหันหลังกลับมาจะเป็นป้ายชื่อสถานี หมุนกลับมาอีกทีด้านหน้าของทุกคนจะเป็นตลาดนครปฐมเดินข้ามถนนไปทุกคนก็จะเจอของกินอร๊อยอร่อยเยอะมากแบบเยอะม๊ากกมากก ส่วนอะไรอร่อยนั้นเราจะพาทุกคนไปลองชิมกันค๊าาาาา....



มองจากสถานีออกไปจะเจอกับตลลาดและองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนครปฐมนั่นเอง



เอาละคะ!หิวแล้วเนอะไม่รอช้าเดี๋ยวทุกคนจะจับเรายัดถุงขยะไปทิ้ง ไปหาของอร่อยกินกันเยยย เย้วววว



องค์พระปฐมเจดีย์ที่มองได้จากตลาดฮั้บ




และนี่คือร้านขนมที่อร่อยมากสำหรับ ' ง้วนไล้ ' ร้านนี้เอแคลร์ดีม๊ากกแบบม๊ากมากไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้เชื่อเราได้ เพราะขนาดเจ้าถิ่นเองยังคอนเฟริม์เลยว่า โค ตะ ระ เด็ด ทากทาก



เด็ดมากก็จัดมา 2 กล่อง [ น้องเป็นเอแคลร์นมสดเราเลยตุนไม่ได้เพราะเรามารถพัดลม ] เเต่ใครที่มารถส่วนตัวเราแนะนำว่าเเค่สองไม่พอกินแน่นอนค่ะ พูดจากใจไม่ได้ค่านายหน้าเด็ดมากไปลองง



องค์พระปฐมเจดีย์ใกล้ๆกันอีกสักใบก่อนจะหมดเวลา



ขุ่นพระ !!! มือทาบอกมังคุดโลละ 15 บาท คูมนายมิ้ก็ซื้อสิคะรอไรเล่าา ถถถถถถ



ส่วนคุณลูกแบบเราก็หันมาให้ความสนอกสนใจกับชาเขียวปั่น ที่นี่เราให้ผ่านมันดีย์มากในราคา 30 บาท



อย่าปล่อยผู้หญิงไว้กับของกินเราว่าวลีนี้ดีค่ะ เพราะถ้าปล่อยไว้ก็จะเพ่นบั่บเน้ แฮร่...



เมื่อท้องกำลังจะอิ่มก็ต้องรีบวิ่งคาร์ดิโอมาขึ้นรถไฟจะไปน้ำตกกันต่อ โก โก โก ....



ก่อนจะไปก็ขอลั่นรูปเช็คอินน์ที่คอนถมกันโหน๊ยยยยยยยย เย้วววววววว



รัก นะ นคร ปฐม



ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถไฟเตรียมไปสถานีต่อไปกันเถอะค่ะทู๊กกกโคนนน!!!



บั๊บบายนครปฐมม



ตอนเก้าโมงนิดนิดเราถึงสถานีหนองปลาดุกรถไฟเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ยังไงก็ขอให้ผู้สบเหตุหายไวๆนะคะ



เอาละคะ เรื่องไม่ดีผ่านไปก็เตรียมใจไปเที่ยวกันต่อเย๊ยยยยยย




เเละเล้วเราก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในทริปนี้ เราไม่แน่ใจว่ามาถึงสถานีกี่โฒง แต่ที่แน่ใจคือทุกคนจะมีเวลาเดินถ่ายรูป เดินซื้อของ 25 นาทีที่สถานีนี้ค่ะ



เเวะเช็คอินน์กันที่สถานีสะพานข้าวแม่น้ำแควกันหน่อย




ไปถ่ายยูปกันเย๊ยยยยยยย



เช็คอินน์ตาหยี คิคิ



ถ่ายแบบไม่เน้นโฟกัสหน้าแต่โฟกัสเกงแทนค้าาาาา ฮือทั้งทริปมีอยู่จิ๊ดนึงยังวืดอีก



จากจุดที่เรายืนถ่ายรูปเมื่อกี้มองออกไปก็จะเห็นวัดและรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมฝั่งตรงข้ามเยย



แอ๊ค แอ๊ค คลู คลู ให้เด็กมันดู ....



HOW TO : เช็คอินน์ยังให้คนกาญหันหน้าหนี คิคิ



เมื่อถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอก็เดินออกมาไปช็อปปิ้ง ' พลอยเมืองกาญ ' กันหน่อยวิธีเดินมาก็ง่ายมากเลย เมื่อทุกคนเดินเลยออกมาจนถึงตรงที่มีน้ำขายเยอะๆให้ทุกคนสังเกตขวามือค่ะจะมีอาคารสีขาวอยู่พอเห็นเเล้วก็พุ่งตัวไปได้เล๊ยยย



มาถึงแล้วที่นี่มีให้เลือกหลายร้านมากเยย ใครถูกใจแบบไหนร้านใครก็ลองไปเดินเลือกดูได้เลยค่ะ



ส่วนทางเราก็ถูกใจจนกำลังจะจ่ายเงินซื้อแต่สัญญาณเตือนว่ารถไฟใกล้จะออกดังก่อน เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งให้น้าเจ้าของร้านแล้ว 4X100 ไปขึ้นรถไฟ [ อีกแล้ว ] มานี่ทีไรไม่เคยจะได้เดินสวยๆขึ้นรถไฟสักที



มาถึงรถไฟก็อุ่นในเพราะเราไม่ได้มาช้าเเค่กลุ่มเดียว คิคิ



ขึ้นรถแล้วก็ได้เวลาบอกลาสะพานข้ามแม่น้ำแควไปต่อกันเเน้วววว



กำลังจะข้ามแม่น้ำเเควกันเเล้ววว....



ระหว่างรถไฟข้ามสะพานก็มีหนุ่มน้อยคอยส่งยิ้มให้ด้วยยยล่ะ



เห็นสีเขียวแล้วมันอดจะมินิฮารท์ให้ไม่ได้เลย



บรรยากาศบนรถไฟที่กำลังจะไปน้ำตก



นอกจากพี่ จากเพื่อน ก็มีครอบครัวนี่ละที่อยากไปไหนมาไหนด้วยกัน จริงไหม ?



วิวข้างทางสวยสวย กับ ประตูรถไฟ



หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เราก็มามองวิวผ่านหน้าต่างกันม๊างงงงงดีฟ่าาาา



วิวริมทางกับเพื่อนใหม่ของเราเอง [ ไว้จะเเนะนำในรูปที่เห็นหน้าชัดๆนะคะ ]

ปล.แอบกระซิบเลยว่ารอยยิ้มออแกนิคม๊วกกกกกกกกก



แถมให้อีกใบก็ได้ในฐานะถ่ายรูปมาเยอะ ฮ่าาาาา



เหมือนครั้งที่เเล้วเลยค่ะ คือนั่งต่อไปได้สักพักก็จะมีบริการขายตรงจากทางรถไฟนำเที่ยวมาส่งเมนูให้ได้เสียทรัพย์กันเล่นๆก่อนกลับ



ตามระเบียบค่าาาทู๊กโคนนน มีช่องให้เสียเงินทางเราก็ไม่เคยปฎิเสธ ซื้อกันเก่ง กินกันเก่งงงง



ณ.ตอนนี้ทุกท่านกำลังจะเดินทางเข้าสู่ทางรถไฟสายมรณะ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กันแล้วเตรียมหยิบกล้อง ยื่นมา ยื่นหน้าออกมารับลมกันเล๊ยยยยยย




เมื่อรถไฟเคลื่อนมาถึงช่วงต้นสะพานแล้วก็จะเติมน้ำมันตราเต่าติดยางมะตอย [ หมายถึงว่ารถไฟจะขับช้ามาก ] เพื่อให้ทุกคนได้เก็บภาพความประทับใจกันเเบบจุกๆไผเลยยย

อ่อ!!!เกือบลืมเลยว่าที่ทุกคนเห็นเป็นทางซ้ายมือของรถไฟนะคะ




ถัดจากแม่น้ำแควมาเราก็จะเจอกับป่าอเมซอน ที่ไม่ใช่คาเฟ่อะเมซอน กันละคะ




หน้าตึง ลมผึ่งหน้า กับมนุษย์มิ้ คิคิ



ด้านซ้ายกันไปเเล้วด้านนี้เป็นฝั่งขวาที่มีหน้าผาศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรทำนองนี้ให้เราได้จับกันด้วย ถือว่าเป็นจุดไคลเเมกซ์ของรถไฟสายนี้เลย มาถึงเเล้วก็ต้องได้สัมผัสกันนะคะ



เเละใช่ค่ะ!ใครเขาเชื่อ ใครเขามู บ้าหน่าา ก็แค่มาเเล้วหน้าต่างจิ๋วขนาดไหนก็ต้องได้แตะแหละ มานะมานีปิติชูใจม๊ากกยอมมมม



พอหอมปากหอมคอกันเเล้วก็ไปกันต่อเย๊ยยยย คัมมอล!!!



ตามสัญญาเนอะ ...

พี่สาวเพื่อนร่วมทางคนใหม่เราเอง ' ชื่อ พี่ไฮดร้า ' ค่ะ พี่เค้ามาจากใต้สุดของไทยเลยนะ



เดี๋ยวจะไม่เชื่อกันว่ายิ้มพี่เขาออแกนิคจริงๆ เลยแถมยิ้มหว๊านนนหวานให้อีกใบ ><



นั่งกันมาได้สักพักดูท่าพี่ฟ้าเขาครึ้มมาเลย ไม่สิเรียกว่าพี่เขามืดเลยดีกว่าอยากเอาไฟส่องหน้าแต่กลัวว่าพี่แกจะปรอยลงมานี่ละสิคะ แฮร่



ฝนปรอยลงมา ปรอยลงมา ปรอยลงมา [ ยังหรอ อ๋อเคเค ] รีบไปนี้สสสส



นี่!!คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงอะ [ ไม่มีใครพูดแต่หนุงจะซิ่งเเล้วน๊าาา ]



ฟิ้วววว วววว.....

บอกแล้วว่าจะซิ่ง ถึงน้ำตกไทรโยคกันแล้วคราวนี้มีใสไหลเย็นเห็นตัวปลาให้เราได้ชื่นใจ๊ หลังจากมารอบที่แล้วเป็นเจ้าของอุทยานนกที่เจอแค่วิญญานน้ำตก



แนวตั้ง....



แนวนอน...

เราขออนุญาตเเชร์ทริคการถ่ายรูป ให้น้ำตกดูฟุ้งๆชวนฝันแบบที่เราชอบทำในบล๊อคที่ผ่านมารวมถึงภาพนี้

ขั้นเเรกคือทุกคนต้องหากล้องที่เราเช็ตค่าต่างๆเองได้ [ ในกล้องมือถือ Vivo เป็นโหมดมืออาชีพ]

เมื่อทุกคนหาโหมดนั้นเจอแล้วจัดการเซ็ตคร่าวๆตามเราได้เลย

- หาสปีตชัตเตอร์เลยค่ะ [ .../... ] พยายามให้ค่าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะถือได้นะคะ เช่น 5/100 ยิ่งเลขด้านหน้าต่ำเท่าไหร่สายน้ำจะยิ่งนวล

-ต่อมาหาค่ารูรับเเสงเลยค่ะ [ F.ตามด้วยเลข ] ต้องใช้ค่า F สูงนิดนึงคือเลขเยอะๆเลยจะทำให้กล้องเรารับเเสงได้เเคบลงภาพเราจะได้ไม่สว่างจนเกิน

เท่านี้ก็จะได้ภาพสไตล์เราแล้วค่ะ



เเนวตั้งไปแล้ว แนวนอนก็มี ก็ต้องโคสอัพสิเนอะขาดไม่ได้เลย อิอิ



เช็คอินน์สไตล์เรา



แตะน้ำหน่อยนิดนึง ให้รู้ว่ามาแล้วจ้าาาาาเเม่จ๋าาาาาาาาาาา



หย่อนขานั่งกันอีกสักนิดดีฟ่าาา



บริเวณเด็กเล่นน้ำ .....



เเต๊..

ในความจริงน๊านนน ........


พบคนขี้แอ๊คอยากลงน้ำเเต่ไม่มีชุด 1 อัตรา ฮ่าาาาาาาาา



และบุคคลผู้ถ่ายรูปโฟกัสเท้ามากกว่าหน้า ....



เหม็นความรัก ชริ้!



ถ่ายรูปกันหน่ำใจก็ตบเท้า ไปหาที่ใช้เงินกันค๊าาาา



ระหว่างทางเดิน



ร้านนี้ของฝากน่ารักม๊วกกก เราเสียทรัพย์กันพอควร



ชาเขียวปั่นร้านที่ 2 จากทางเดินเข้ามาดีม๊ากก ในราคา 35 บาทไทย ชื่นใจ.....



หลังจากเสียทรัพย์บนน้ำตกพอหอมปากหอมคอ ก็เคลื่อนขบวนกันลงมาฝั่งตรงข้ามน้ำตกกันต่อ

ที่มิ้เรากำลังดื่มอยู่เป็นน้ำสมุนไพรค่ะ



สีน้ำประมาณนี้ กลิ่นเอาเรื่อง รสชาติค่อนทางทรมาณจิตใจเรา อุแง



ซิ่งกันอย่างรวดเร็วกลับมาขึ้นรถไฟข้ามสะพานเส้นทางประวัติศาสตร์กันอีกสักรอบ



นั่งเพลินเพลินรถไฟก็หันขบวนเตรียมกลับกรุงเทพแล้ว

...... เฮ้ออไวมาก ......



สวัสดีคุณท้องฟ้า วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลยน๊าาา



ขากลับนี่มืดกว่าขามาอีก แต่พี่ฟ้ายังใจดีไม่เทลงมาทำร้ายจิตใจเรา


นั่งกันมาเพลินๆเราก็มาถึงสถานีท่ากิเลน มาถึงตรงนี้รถไฟจะจอดให้เราเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูป ยืดเส้นยืดสายกันประมาณ 10 นาที



เดินถ่ายรูปกันสักพักก็ต้องหาน้ำดับกระหายโดนกันไปถ้วนหน้าค่ะ 20 บาทไทย



ครบตามเวลาก็ขึ้นรถไฟเตรียมไปสถานที่เที่ยวสุดท้ายของทริปนี้กันเล๊ยยยยย โกโกโก....



ถึงเเล้วค่าาาาาา....

เดินมาด้านหลังสถานีก็จะเจอกับป้ายนี้ แล้วเราก็เดินกันต่อไปค่ะ



ใครใคร่ขึ้นรถขึ้นเลย ถัดไปทางซ้ายมือจากป้ายสถานีในราคา 10 บาทเท่านั้น



ส่วนทางเราเลือกใช้วิธีเดินมาค่ะ

ไม่ไกลมากเดินพอได้คาร์ดิโอนิดๆ ก็มาถึงสุสานมหารกันเเล้วละคะ



ด้านหน้าทางเข้าสุสานทหาร




มุมเสยแบบช๊าดชัดกันอีกสักภาพ เนอะ



ด้านในทางเข้าบริเวณซุ้มหันไปทางซ้ายและขวาจะเจออันนี้เราไม่แน่ในว่าคืออะไร แต่เราว่าสวยดีเลยถ่ายเอามาให้ดูกัน [ ใครรู้เป็นอะไรกระซิบบอกกันได้นะคะ ]



บริเวณภายในสุสาน เงียบมากๆ สงบมากๆอีกเช่นกันค่ะ



เดินเข้ามาด้านในสุดก็จะเห็นไม้กางเขนนี้ ตรงอยู่ตรงกลางสุสานเลยละคะ



อีกสักใบเป็นการส่งท้ายก่อนจะต้องกลับไปทำงานกันต่อ....



เดินกลับมาถึงสถานีรถไฟเราก็จำเป็นที่จะต้อง ' โบกมือลา ' กาญจบุรีกันเเล้ว เฮ้อ...



เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเลยเราต้องขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพกันเเล้ว ไม่ดีเลยเนอะเวลาเเห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอเลย ใครที่ยังลังเลว่าจะออกมาเที่ยวดีไหม วันเดียวมันจะไปพออะไรเราเเนะนำให้ออกมาลองเที่ยวดูค่ะ ถ้าไม่คิดอะไรมาก็คิดว่ามาเปลี่ยนอากาศหายใจการอยู่กับอะไรเดิมๆนานๆมันทำให้เราความสุขเราน้อยลงจริงๆนะ

เอาเป็นว่า เราขอบคุณทุกคนนะที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมิ้ ขอบคุณผู้ร่วมทริปทุกคน เพื่อนใหม่ที่น่ารักของเรา เราก็ยังยืนยันคำเดิม ' ปลายทางมันไม่สำคัญเท่ากับระหว่างเราเจออะไร '


เราขออนุญาตปิดทริปอย่างเป็นทางการนะคะ



CAMERA SUPPORT :

MAIN BODY : CANON EOS 600 D + 18-55 MM

MAIN PHONE : Vivo V11 pro




บ๊ายบายและขอบคุณนะทุกคน

























































































ความคิดเห็น