หยุดเสาร์ อาทิตย์นี้ ใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน ผมขอแนะนำทริปขี่ม้าท้าลมหนาวที่ปากช่อง ทริปที่สามารถไปเช้าเย็นกลับ หรือจะพักค้างคืนสักคืนนอนสูดโอโซนให้เต็มปอด สำหรับฟาร์มที่ผมจะแนะนำคือ "ฟาร์มหมอปอ" ซึ่งภายในฟาร์มมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกหลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ให้อาหารสัตว์ เก็บไข่ไก่ และหากใครอยากจะพักค้างคืนสักคืน ในบรรยากาศคอกม้าแบบสเปน ผมขอแนะนำที่ Mira Sierra ครับ

ผมออกเดินทางตั้งแต่เวลา 09.30 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงฟาร์มหมอปอ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมูสี ปากช่อง จ.นครราชสีมาครับ

เดิมฟาร์มหมอปอเป็นฟาร์มปิด เป็นที่พักส่วนตัว จากนั้นเพื่อนๆ ของหมอปอก็มาเที่ยว พาลูกพาหลานมาขี่ม้าที่นี่ แต่ด้วยความเกรงใจของเพื่อนๆ ก็ให้เงินเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารของม้า จากนั้นเพื่อนๆ ก็แนะนำให้หมอปอทำเป็นฟาร์มเปิดเต็มตัว หมอปอเห็นว่า เมื่อเด็กๆ มาเที่ยวที่นี่ เด็กๆ ก็จะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน หมอปอเลยอยากให้ใครก็ตามที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่ จะต้องได้รับความรู้และความสุขกลับบ้านไปเช่นกัน

รศ.นพ.นพดล สโรบล หรือ หมอปอ เล่าว่า ตระกูลหมอเป็นตระกูลที่รักม้าและขี่ม้ากันทุกคน หมอปอเองก็ชื่นชอบการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก หมอปอใฝ่ฝันว่าเมื่อหมอมีศักยภาพเมื่อไรก็อยากจะเลี้ยงม้าไว้สักตัวสองตัว จากสองตัวแรกที่เป็นม้าสายพันธุ์ไทย ก็เริ่มสั่งม้าสายพันธุ์จากเมืองนอกเข้ามา เริ่มค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ก็เห็นม้าสวยๆ เลยสั่งม้าเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยมีม้าอยู่สายพันธุ์เดียว เดี๋ยวนี้มีถึง 11 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 80 ตัวเลยครับ

หมอปอให้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของม้าว่า ม้าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ม้าเลือดเย็น, ม้าเลือดร้อน และม้าเลือดอุ่นครับ

ม้าเลือดเย็นสังเกตง่ายๆ จะมีแผงคอยาว ขนตัวยาว มีภู่ที่ขา ตัวใหญ่ ต้วมเตี้ยม เชื่อง ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้ไถนา ส่วนม้าเลือดอุ่น เป็นการผสมพันธุ์ระหว่าม้าเลือดเย็นและม้าเลือดร้อน เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ม้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน เอาไว้ใช้เล่นกีฬา อย่างม้าแข่งครับ

ขอบอกว่า ม้าแต่ละตัวในฟาร์มหมอปอไม่ธรรมดาเหมือนสายพันธุ์ที่เห็นอยู่ทั่วไปนะครับ แต่ม้าที่นี่เป็นม้าพันธุ์เกรดพรีเมี่ยมระดับโลกกันเลยทีเดียว 5 ใน 10 สายพันธุ์ที่มีอยู่ในฟาร์มหมอปอ คือสายพันธุ์ Andalusia จากสเปน, Friesian จากฮอลแลนด์ , Arabien และ Rocky Mountain จากสหรัฐอเมริกา และสายพันธุ์ Gypsy Vanner จากประเทศอังกฤษ เป็นม้าสายพันธุ์ที่ติดอันดับม้าสวยที่สุดในโลก ซึ่งหาดูได้ยากในประเทศไทยด้วย

Andalusia เป็น 1 ใน 5 สายพันธุ์ม้าที่สวยที่สุดในโลกที่อยู่ในฟาร์มหมอปอครับ สายพันธุ์นี้ได้รับการขนานนามว่า Horse of King พันธุ์นี้เคยใช้ถ่ายหนังเรื่อง The Lord of the Rings และ Robin Hood ครับ

ม้าทุกตัวจะมีชื่อหมด โดยปกติม้าที่นำเข้าจากเมืองนอกก็จะมีชื่อของเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าหากม้าที่เกิดที่เมืองไทย หมอก็จะตั้งชื่อใหม่ให้ อย่างตัวนี้ชื่อ Pope เป็นม้าเลือดร้อน สายพันธุ์ Arabien ซึ่งเป็นอีก 1 สายพันธุ์ที่สวยที่สุดในโลก ม้าพันธุ์นี้จะวิ่งเร็ว ดุดัน เกรี้ยวกราด แต่เท่าที่ผมได้ไปสัมผัสกับเจ้า Pope ผมว่ามันเป็นมิตรมากๆ ขนาดตอนที่มันยืนกินหญ้าอยู่กลางคอก ผมไปยืนถ่ายรูปเจ้า Pope อยู่ติดคอกของมัน มันก็เดินมาหาอย่างน่ารักน่าเอ็นดูเลยครับ

นอกจากจะมีสายพันธุ์ม้าที่สวยที่สุดในโลกแล้ว ที่ฟาร์มหมอปอยังมีสายพันธุ์ม้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกถึง 3 สายพันธุ์ นั่นก็คือ สายพันธุ์ Shire, Clydesdale และ Belgians ครับ

ตัวสีดำหน้าขาวที่อยู่ด้านหลังเป็นสายพันธุ์ Shire จากประเทศอังกฤษ ส่วนตัวสีน้ำตาลหน้าขาวเป็นสายพันธุ์ Clydesdale ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกครับ

ตัวนี้เป็นสายพันธุ์ Belgians สายพันธุ์ใหญ่ที่สุดในโลกอีกเช่นกัน เป็นม้าเบลเยี่ยม ความสูงอาจจะสูงไม่เท่าสองสายพันธุ์แรก แต่พันธุ์นี้จะบึกกว่า สมัยก่อนใช้ม้าพันธุ์นี้เพื่อไถนาครับ

ยังไม่หมดแค่นั้นครับ ที่นี่ยังมีม้าสายพันธุ์ Miniature horse ซึ่งเป็นม้าสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกอีกด้วย

ม้าที่นี่เชื่องมากๆ ครับ ผมว่าหมอปอและคนดูแลคงให้ความรักกับม้าทุกตัว ม้าที่นี่จึงดูเป็นมิตรกับทุกคน เวลาผมไปยืนถ่ายรูปข้างคอกม้า ม้าจะเดินเข้ามาหา ให้ลูบหัวอย่างไม่หวงตัวเลยครับ

นอกจากม้าแล้ว ในฟาร์มหมอปอยังมีสัตว์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไก่ไข่ หมูแคระ แพะ แกะ ลูกวัว เป็ด ห่าน เรียกได้ว่าครบสูตรความเป็นฟาร์มเลยครับได้รู้จักม้ากันไปเยอะแล้ว เราไปดูกิจกรรมที่สามารถทำได้ในฟาร์มหมอปอกันบ้างดีกว่าครับ

เริ่มกันที่ไปเก็บไข่ไก่กันในเล้าเลยครับ

ไก่ไข่ที่นี่มีกว่า 400 ตัวที่เลี้ยงแบบ Free-Range ปล่อยทุ่งอิสระ ให้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพทางด้านโภชนาการสูง ผมเดินเข้าไปตอนแรก ยังคิดว่าไก่คงจะวิ่งแตกตื่นแน่ๆ แต่ผิดคลาดครับ เมื่อผมเดินเข้าไป เจ้าไก่กลับเดินเข้ามาหาซะงั้น

จะเรียกว่าคอนโดไก่ก็คงไม่น่าผิดนะครับ ไก่นอนกกไข่แบบไม่ตื่นคนเลยครับ

กิจกรรมต่อไปคือการให้นมหมูแคระ (Teacup Pig) ผมเห็นแม่หมูแล้วอดขำไม่ได้ ก็ลองดูทรวงทรงของแม่หมูดูซิครับ ราวนมคงผ่านสมรภูมิมาเยอะ จึงทำให้กลางลำตัวแอ่นลงมาติดพื้นเลย ถ้าใครห้ามใจกับความน่ารักของลูกหมูไม่ไหว สามารถอุ้มลูกหมูมาถ่ายรูปคู่ได้นะครับ

อีกกิจกรรมหนึ่งที่สนุกแฝงความวุ่นวาย คือการให้นมลูกแพะครับ ที่บอกว่าวุ่นวายเพราะว่าช่วงที่กำลังให้นมลูกแพะอยู่อีกตัว ตัวที่ไม่ได้ดูดนมก็จะมาแย่งตัวที่กำลังดูดอยู่ ส่งเสียงดังสนั่นคอกเลยครับ

มีลูกวัวด้วยครับ

มีการให้อาหารม้า

หรือใครอยากจะอาบน้ำม้า ก็สามารถครับ

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งรถแทรคเตอร์ชมไร่พืชผักสวนครัวครับ

ลานนี้จะเป็นลานที่ให้ม้าได้มาออกกำลังกายครับ วันที่ผมไป มีม้ามาวิ่งอวดโฉมหลากหลายสายพันธุ์เลยครับ

และที่ไม่อยากให้พลาดเลย คือกิจกรรมขี่ม้าออกเทรลในทุ่งหญ้านอกฟาร์มครับ ที่ไม่อยากให้พลาดเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะมีโอกาสได้ขี่ม้าในราคาค่าตัวม้ากว่าครึ่งล้านบาทครับ ปกติม้าราคา 6-7 แสนบาท เจ้าของม้าจะไม่ยอมให้ใครขี่กันง่ายๆ แต่ที่ฟาร์มหมอปอ สามารถครับ

สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปฟินอินเดอะฟาร์ม สามารถเดินทางไปที่ฟาร์มหมอปอได้เลยนะครับ ฟาร์มหมอปอเสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท สำหรับกิจกรรมต่างๆ สามารถสอบถามราคาการทำกิจกรรมได้ที่ฟาร์มเลยครับ

สนุกสนานกันมาทั้งวันแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องเข้าที่พักกันแล้วครับ คืนนี้ผมเข้าพักที่ Mirasierra Khao Yai ครับ

อาณาเขตกว่า 70 ไร่ ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าทำให้ผมตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ

Mirasierra Khao Yai ได้จำลองแคว้น Andalusia ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศสเปนให้มาอยู่ที่เขาใหญ่ สถาปัตยกรรมจะเป็นแบบ Hacienda ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมทางตอนใต้ของสเปน ดูงดงามและมีกลิ่นอายความเป็นโมรอคโคผสมอยู่ด้วยนิดๆ สถาปัตยกรรมแนวนี้ไม่ค่อยได้เห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือตามรีสอร์ทต่างๆ ในเมืองไทยสักเท่าไรครับ

เปิดประตูเข้ามา ก็จะพบ Lobby แบบง่ายๆ ครับ

หลังจาก Check in เรียบร้อยแล้ว ก็รับกุญแจเพื่อเข้าห้องพักครับ

พวงกุญแจที่นี่ดูเก๋ไก๋ไม่เบา ถึงแม้มันจะใหญ่และหนักไปสักนิด แต่เพิ่มอารมณ์ฟาร์มม้าให้กับผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดีครับ

Mirasierra เป็นภาษาสเปน แปลว่า มองภูเขา เดิมที่นี่เป็นคอกม้าและ Club house มีห้องพักนิดหน่อยสำหรับเวลาที่มานอนพักตอนขี่ม้า แต่ไปๆ มาๆ ห้องพักไม่พอ เลยเปลี่ยนคอกม้าที่แต่เดิมมี 12 คอก ก็ลดเหลือเพียง 6 คอก และ 6 คอกที่เหลือได้ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องพัก 9 ห้อง โดยจำลองให้เป็นโรงเลี้ยงม้าของสเปน บรรยากาศทุกอย่างจึงดูเป็นสเปนทั้งหมดครับ

จาก Lobby เมื่อจะเดินไปยังห้องพัก ก็จะผ่านคอกม้าทั้ง 6 คอกครับ

ตามผนังห้องพักก็จะมีอุปกรณ์เกี่ยวกับคอกม้าตกแต่งอยู่ทั่วไป ห้องพักของที่นี่จะตั้งชื่อตามชื่อเมืองของสเปน คืนนี้ผมเข้าพักที่ห้อง MALAGA เป็นห้องพักแบบ Deluxe ห้องพักแบบ Deluxe มีทั้งหมด 7 ห้องครับ

รูปแบบการตกแต่งห้องพักแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน การตกแต่งภายในดูเรียบง่าย เก๋ไก๋ทีเดียว สำหรับผ้าม่านของห้องที่ผมพัก ผมว่ามันบางมาก จนคนข้างนอกสามารถมองเข้ามาด้านในได้อย่างสบาย ขาดความเป็นส่วนตัวไปนิดนึงครับ

ห้องน้ำสีสันฉูดฉาดเลยทีเดียว ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน โถสุขภัณฑ์มีสายฉีดชำระให้พร้อม ห้องอาบน้ำเป็นแบบ Rain Shower และมีฝักบัวเล็กๆ แถมมาให้ด้วยครับ

มาดูห้องพักอีกประเภทกันบ้างครับ เป็นห้องพักแบบ Suite ซึ่งมีอยู่เพียงห้องเดียว

พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางเลยทีเดียว มีโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงได้อยู่ที่ปลายเตียงครับ

ห้องน้ำจะเหมือนกับห้องแบบ Deluxe คือแยกส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน

ห้องพักอีกประเภทจะเป็นห้องพักแบบ Grand Suite ซึ่งมีอยู่เพียงห้องเดียว ห้องนี้สามารถเข้าพักได้แบบครอบครัว ห้องนี้ผมไม่ได้ถ่ายมาให้ชมครับเนื่องจากมีแขกเข้าพักครับ

หลังจากสำรวจห้องพักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจะพาไปสำรวจรอบๆ Mirasierra กันต่อครับ

บริเวณทางเข้า Mirasierra

เริ่มกันที่ด่านแรกเมื่อเราก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณ Mirasierra ก็จะพบกับ Lobby ด้านข้าง Lobby เป็นพื้นที่สำหรับให้แขกได้มานั่งพักผ่อนครับ

เดินสำรวจได้ไม่เท่าไร แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาทักทาย สายฟ้าฟาดลงมาใกล้ๆ กับ Mirasierra จนผมถึงกับสะดุ้งโหยง ฝนก็ตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา จริงๆ ช่วงก่อนค่ำจะมีการแสดงของม้าแบบสเปนไว้ด้วย ม้าเองก็เตรียมพร้อมจะแสดงแล้ว แต่พอฝนตกมา ทุกอย่างเป็นอันต้องงดครับ เสียดายจริงๆ

ค่ำนี้ผมรับประทานอาหารแบบ Steak Dinner กันครับ เมนูนี้เป็นเนื้อแกะครับ

แซลมอนก็มี

ปิดท้ายด้วยขนมปังอะไรสักอย่าง แต่อร่อยดีครับ ชิ้นใหญ่ๆ ที่เห็นนี้เขาแบ่งเป็น 3 ชิ้นย่อย ผมจัดการหมด 3 ชิ้นเลยครับ

เดินเก็บบรรยากาศอีกสักนิดก่อนเข้านอนครับ

เช้าวันใหม่ มีสายหมอกมาทักทายครับ

ผมออกไปปั่นจักรยานเพื่อหามุมถ่ายภาพรอบๆ Mirasierra รู้สึกได้เลยว่าอากาศที่นี่สดชื่นมากๆ ครับ

หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปยังหอคอย มองลงมาเห็นสายหมอกมาคลอเคลียอยู่โดยรอบ Mirasierra ครับ

มองออกไปอีกด้าน แสงอ่อนๆ กำลังมาทักทาย

ด้านข้างของ Mirasierra จะติดกับพื้นที่ของฟาร์มโชคชัย ซึ่งยามนี้สายหมอกลงมาคลอเคลียกับต้นหญ้าดูสดชื่นและสวยงามมากครับ

บริเวณห้องอาหารยามเช้า มีแสงอ่อนๆ มาทักทาย

ด้านในห้องอาหารครับ ใครที่ไม่อยากโดนแดดช่วงเช้าๆ สามารถเข้ามาทานอาหารด้านในได้

แต่ถ้าใครอยากได้รับวิตามินดีแบบผม ก็มาที่มุมนี้เลยครับ

เมนูอาหารเช้าจะเป็นแบบ a la carte โดยเมนูหลักๆ ที่ทาง Mirasierra แนะนำมี 3 เมนู นั่นคือ Baked Eggs With Chorizo, Tortilla ซึ่งจะเป็นอาหารสไตล์สเปนครับ แต่ถ้าใครไม่อยากชิมอาหารสเปน ก็มี ABF ครับ

มาดูหน้าตาอาหารเช้ากันครับ

เมนูนี้คือ Baked Eggs with Chorizo จะเป็นไส้กรอกสเปน กับซอสมะเขือเทศ คล้ายๆ ไข่กระทะสเปน เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักครับ

ABF หน้าตาน่าทานเชียวครับ

สำหรับผมเลือกเมนูนี้ Tortilla คล้ายไข่เจียวบ้านเรา แต่ที่แตกต่างคือจะใส่มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นๆ เพิ่มชีส รสชาติมันๆ นุ่มๆ ทานคู่กับสลัดเช่นกันครับ

ตบท้ายด้วยโกโก้ร้อนทานคู่กับขนมปังชิ้นโต

อาหารเช้าอาจจะน้อยไปสักนิดสำหรับคนที่หนักมื้อเช้าแบบผมครับ แต่รสชาติโดยรวมของอาหารถือว่าโอเคครับ แปลกลิ้นผมดีเหมือนกัน ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การทานอาหารสเปนครั้งแรกของผมครับหลังมื้อเช้า ผมยังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ที่พอจะเดินหามุมถ่ายภาพรอบๆ Mirasierra ครับ

บริเวณด้านนอกของส่วนต้อนรับ

กลับมาที่บริเวณ Lobby อีกครั้ง ด้านข้าง Lobby มองเห็นบันได ที่สามารถเดินขึ้นไปบนหอคอยได้ครับ

สถาปัตยกรรมมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมโมรอคโคร่วมผสมผสานด้วยครับ

วิวมุมกว้างบริเวณคอกม้าและโซนที่พักครับ

บริเวณห้องอาหารครับ

ชะโงกหน้าออกมาจากระเบียงที่ชั้น 2 ก็มาเจอกับมุมนี้ครับ มองเห็นพื้นที่ให้แขกนั่งเล่น 2 มุม

มุมแรก สำหรับให้นั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือครับ

ถัดขึ้นมาอีกนิดหน่อย ก็จะมีพื้นที่ให้แขกนั่งเล่นดูทีวีได้เช่นกัน ใกล้ๆ มีเตาผิงด้วยครับ

ลวดลายกระเบื้องรวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ ภายในห้องน้ำบริเวณบันไดขึ้นหอคอย สวยจนไม่อยากเข้าไปใช้เลยครับ

ของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ให้อารมณ์คอกม้าอยู่โดยรอบครับ

ใครที่ชอบการขี่ม้า มาที่นี่รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนครับ

ช่วงเช้ามีอาบน้ำม้าด้วยครับ

หรือใครอยากจะขี่ม้าก็สามารถครับกิจกรรมที่น่าสนใจ ถ้ามาที่ Mirasierra นั่นก็คือ การนั่งรถม้าชมบรรยากาศรอบๆ ที่พักครับ

ได้ฟิวคนละแบบกับการนั่งรถม้าลำปางเลยครับ

หลังจากนั่งรถม้าแล้ว ก็มาพักเหนื่อย ฟังเพลงเพราะๆ จากผู้จัดการ Mirasierra ครับ ขอบอกว่าเสียงดีมากๆ ฟังเพลินกันเลยทีเดียว

และกิจกรรมสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับ ได้มีโอกาสร่วมทำ Churros หรือปาท่องโก๋สเปน Churros เป็นขนมประจำชาติของสเปน รสชาติกรอบนอกนุ่มใน จะทานแบบธรรมดาก็ได้ หรือจะนำมาคลุกกับผงชินนามอน แล้วมาทานคู่กับไอศกรีมก็ได้ ทอดเสร็จใหม่ๆ อร่อยมากๆ ครับ

สำหรับใครที่รักการขี่ม้า ชอบบรรยากาศแบบฟาร์ม หรือจะมาหามุมเก๋ๆ ถ่ายภาพอัพอวดเพื่อนๆ มาที่นี่บรองต้องประทับใจอย่างแน่นอนครับ

ปล. ติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt

ลุงเสื้อเขียว

 วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.51 น.

ความคิดเห็น