แบกเป้ลุยอินเดีย ประเทศสุดฮิป กับผู้คนสุดสุดฮา

"ทว่าอินเดียไม่ได้แปลก แต่เป็นเราต่างหากที่แปลก"

มาดูความไม่แปลกของประเทศนี้กันบ้าง

  • ส่ายหน้าก็แปลว่าตกลง
  • เสียงแตรเป็นเรื่องธรรมดาใครๆเค้าก็กดกันทั้งนั้นเหละ ''ไม่กดมีเฮ''
  • ถนนมีสองเลนให้ขับจู่ๆก็เปลี่ยนบรรยากาศมามาขับอีกเลนแทนก็มี ประเทศเค้าเสรี
  • ถุยน้ำลายเป็นเรื่องธรรมดา จนมีครั้งหนึ่งที่เราไปเจอป้ายในสถานีรถไฟเค้าเขียนไว้ว่า ''ห้ามถุยน้ำลายใส่กระเป๋านักท่องเที่ยว'' อื่มรอดแล้วตรู
  • เรื่องขี้ๆ ใครไม่เหยีบก็เหมือนมาไม่ถึงอินเดีย

แต่นี่มันคือสีสันของประเทศนี้พี่แขกตัวโตๆ ตาดำๆ ขนๆ หน้าขรึมๆ แต่ข้างในเค้าใจดีมาก และเค้าพร้อมจะช่วยเหลือเราตลอดยิ่งเป็นคนต่างถิ่น ถ้าเราเข้าไปถามทางพี่แขกเค้าซักคนเหนึ่ง เดี๋ยวอีกสิบคนก็จะลุมเข้ามาพร้อมให้ความช่วยเหลือ อีกอย่างเปิดใจเข้าไว้แล้วเราจะมีความสุขตลอดทริปการเดินทาง จนบางทีเราจะมองเห็นว่าอินเดียไม่ได้แปลก แต่เป็นเราต่างหากที่แปลก

"ข้าวโพดไหมจะนายจ๋า"

การเดินทางในอินเดียครั้งนี้เราเริ่มต้นที่เมืองคยา เพราะต้องการไปสักการะสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก่อนเป็นเมืองแรก และอีกอย่างมันเป็นสถานที่ในฝันของเรามานมนาน

และครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยสายการบินภูฏานแอร์ไลน์ (Bhutan Airlines) ค่าตั๋วไปกลับ 15,000 ค่าวีซ่าอินเดีย 1,300 บาท และช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว High Season ของอินเดียค่าตั๋วเครื่องบินจึงแพงหน่อย ที่เราเลือกภูฏานแอร์ไลน์ก็เพราะว่าสายการบินนี้สามารถบินตรงถึงเมืองคยาได้เลย และเราก็โชคดีมากด้วยแหละที่ครั้งนี้เค้าแวะรับผู้โดยสารที่ประเทศภูฏาน เราเลยได้มีโอกาสสบตากับหิมาลัยเป็นครั้งแรกเข้าอย่างจัง เธอเหมือนหญิงสาวที่สวยงามตั้งตระหง่านโผล่พ้นขอบฟ้ามารอเซอร์ไฟร์เราในวันนี้

เครื่องลงจอดที่ภูฏานสนามบินกลางหุบเขา

สภาพอากาศการที่หนาวเย็นของต้นเดือนกุมภาพันธ์ทว่านั่นมันฝุ่นหรือหมอก สำเนียงเสียงพูดของผู้คนเริ่มไม่เข้าใจ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงคนแต่มัน กลับกลายเป็นเสียงแตร Horn Please!!!

การสัญจรในเมืองคยาส่วนใหญ่จะเป็นรถตุ๊กๆ หรือที่คนที่นี่เค้าเรียกว่า (Rickshaw) ขับแซงแข่งกันเป็นว่าเล่น ถนนบางเส้นเค้าให้รถผ่านได้แค่คันเดียว พี่แกก็เล่นขับสวนกันจนถึงขั้นไต่ขอบถนนลงคันนากันซะงั้น

ที่นี่วัวนับว่าเป็นสัตว์ที่โชคดีที่สุดเปรียบดั่งเทพเจ้า มีอิสระในการใช้ชีวิต บางวันจราจรติดขัดเป็นเพราะวัวนี่แหละที่ทำตัวสโลว์ไลฟ์อยู่กลางสี่แยกไฟแดง ขับรถอย่างไงก็ได้แต่อย่าขับไปชนวัวหล่ะมิฉะนั้นคนจะแห่กันมาที่เรา ในกฏหมายอินเดียเขียนไว้ว่าการฆ่าวัวถือเป็นอาชญากรรม

คนอินเดียแถบเมืองคยาส่วนใหญ่จะกินแป้งหรือ(จาปาตี)เป็นหลักกินแทนข้าวเลยแหละ และพี่แกยังบอกอีกว่าจาปาตีกินกับอะไรก็อร่อย

ถึงว่าทำไมตามร้านอาหารเค้าไม่มีน้ำปลาให้

คนอินเดียส่วนใหญ่เค้าเป็นคนฉลาด เพราะเค้าเป็นคนใช้หัว แฮร่!

เช้าวันแรกกับการออกค้นหา Bodh Gaya สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จุดศูนย์กลางชาวพุทธ หรือที่พี่อินเดียแถวนี้เค้าจะเรียกว่า Main temple

การเดินทางมาอินเดียครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะโชคดีไปถึงไหนตั้งแต่ สบตาหิมาลัย จนได้เข้ามาไกล้ องค์ดาไลลามะ ที่ท่านเสด็จมาที่พุทธคยาพอดิบพอดี เอิบอิ่มกลับบ้านตอนนี้ยังคุ้มเลย

พระทิเบตรินนมสดแจกให้กับผู้มาเยือนในยามเช้า ช่างเป็นเช้าที่อบอุ่นจริงๆ

สามเณรธิเบตจุดกำยานเดินรอบพุทธคยาเพื่อให้ทุกคนได้สูดดมในยามเช้า เค้าบอกว่ากำยานนี้ก็เหมือนกับมนต์อันศักสิทธิ์ ที่ส่งต่อให้ผู้อื่นไปในอากาศ

คนแถวนี้เค้าบอกว่าพระเณรและชาวทิเบตส่วนใหญ่จะอพยพลงมาที่พุทธคยาทุกปีในช่วงฤดูหนาว เป็นเพราะว่าที่ประเทศเค้ามีอากาศที่หนาวมาก

ต้นศรีมหาโพธิ์ต้นที่พระพุทธเจ้านั่งตรั้สรู้และชาวพุทธชอบมานั่งสมาธิรอบๆบริวณนี้

ผู้ทำงานตกแต่งพุทธคยาในทุกเช้าด้วยดอกดาวเรืองกองใหญ่

Japanese Temple วัดที่คนญี่ปุ่นเป็นคนสร้างเอาไว้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพุทธคยามากเท่าไหร่จุดเด่นของวัดนี้จะอยู่ที่พระพุทธรูปองค์ใหญ่ศิลปะสไตน์ญี่ปุ่น และแถบใกล้เคียงพุทธคยาจะมีวัดตัวแทนของละประเทศอยู่รอบๆเช่น วัดไทย วัดญี่ปุ่น วัดทิเบต วัดพม่า และวัดศรีลังกาเป็นต้น

แม่น้ำเนรัญชราซึ่งในอตีดพระพุทธเจ้าได้มาลอยถาดทองคำเอาไว้ แต่ตอนนี้เหือดแห้งกลายมาเป็นสถานที่เล่นคริกเก็ต และทำกิจกรรมต่างๆในยามเย็นของคนละเเวกนี้

ร้านตัดผมกับบริการนวดหน้าไปในตัว

เฉ่าเมี่ยน (Chao Mian) ในบางครั้งที่เราทนอาหารอินเดียไม่ไหวจริงๆ ก็เป็นเมนูนี้แหละที่กินได้กินดี อีกอย่างมันมีขายเกือบทุกร้านทุกรัฐในประเทศอินเดียด้วยแหละ

พี่แขกเค้าไม่ได้ขายถั่วแค่ในเมืองไทยนะ ที่นี่พี่แกขายเป็นล่ำเป็นสัน

ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบน้า ไว้เจอกันเร็วๆนี้ต่อที่เมือง วารานาสี Varanasi

ฝากติดตามผลงานเราที่

Facebook หาที่หลง

ของสองรูปี

หาที่หลง

 วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 05.38 น.

ความคิดเห็น