ลองสักครั้งเที่ยวให้ครบที่ "หลวงพระบาง" เมืองมรดกโลก

หลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองมรดกโลกที่ใครๆ ก็อยากจะมาสัมผัส ถ้าเป็นกลุ่มของคนท่องเที่ยว เมืองนี้ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อ #ให้รู้ว่ามาแล้ว ผมจึงอยากแชร์ทริป เผื่อจะเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะเยือนเมืองหลวงพระบางแห่งนี้ดูสักครั้ง ทริปนี้เป็นทริป 4 วัน 3 คืน จึงมีเวลาที่มากพอที่จะเก็บให้ครบทั้งหลวงพระบาง

📌ฝากกดติดตามกันด้วยครับ

IG: IWasHereB4 > http://bit.ly/2x2PDmv
FB: ให้รู้ว่ามาแล้ว > http://bit.ly/2xaK2dP
Youtube: ให้รู้ว่ามาแล้ว > http://bit.ly/2zKCz5z
Twitter: @borilove > http://bit.ly/2x9faJX

การเดินทางสู่หลวงพระบาง ผมใช้บริการโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย บินตรง ซึ่งก็จองกันข้ามปี ราคาไป-กลับก็ประมาณ 2000 นิดๆ ไปเครื่องบินก็จะได้เห็นวิวสวยๆ จากด้านบนที่จะดูเขียวหน่อยๆ

เรามาถึงสนามบินนานาชาติหลวงพระบางประมาณเกือบสี่โมงเย็น แต่แดดยังแรง ฟ้ายังใสอยู่

การเดินทางเที่ยวหลวงพระบาง ผมใช้การเหมารถเป็นหลัก ซึ่งผมได้รับการแนะนำคนขับที่เป็นคนหลวงพระบาง มาจากรุ่นพี่ แล้วก็ติดต่อกันผ่านทางไลน์ โดยทำการนัดแนะให้มารับที่สนามบิน คนขับชื่อพี่วง ซึ่งบริการดีมาก ไม่โก่งราคา แนะนำให้ทุกอย่างตั้งแต่ที่แลกเงิน ที่ท่องเที่ยว ที่พัก และอื่นๆ อีกมาก เรียกได้ว่า One Stop Service เลยครับ ตั้งแต่มารับที่สนามบิน จนส่งกลับที่สนามบิน สะดวกสบายเลยทริปนี้

เราเดินทางเข้าสู่หลวงพระบางแล้วครับ

ที่พัก ผมได้รับการแนะนำมาจากพี่คนขับรถอีกทีครับ จริงๆ ผมจองผ่านเว็บไซต์มาอีกที่หนึ่งแล้วครับ พอดีพี่คนขับแนะนำก็เลยลองไปดู ชื่อที่พัก soukthida guesthouse ก็ถือว่าโอเคเลยครับ เป็นที่พักเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในซอยข้างๆ ร้านโจมา เดินไปตลาดไนท์ได้สบายๆ ห้องสะอาด ราคาไม่แพง เจ้าของใจดี ผมไปกัน 4 คน ขอเจ้าของนอนห้องเดียวกัน 3 คืน ราคาประมาณ 1000 บาทเองครับ

หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อย แล้วพักผ่อนแปปนึง ก็เริ่มทริปหลวงพระบางกันเลย เริ่มจากร้านโจมา เห็นเขาว่ากันว่ามาหลวงพระบางต้องมาลองกาแฟโจมา เดินไปครับ ใกล้ๆ ที่พักเลย

หลังจากที่แวะพักกินกาแฟ ก็ได้เวลาเดินไปพระธาตุพูสีที่อยู่บนยอดเขา ซึ่งก็เดินไปเรื่อยๆ ครับ

ผ่านตลาดไนท์ที่เริ่มมีร้านขายของมาตั้งแผงกันแล้ว

ทางขึ้นสู่ยอดพระธาตุ

ถึงแล้วพระธาตุพูสีอยู่บนยอดเขาใจกลางเมืองหลวงพระบาง

วิวด้านบนนั้นสวยมาก มองเห็นเมืองหลวงพระบางได้ทั้งเมืองจริงๆ

ลงมาได้เวลาช็อปปิ้งที่ตลาดไนท์พอดี ของเยอะแยะมากมาย

เดินมาสักระยะก็เริ่มหิว ต้องไปทางซอยแรก ทางเข้าตลาดไนท์เลยครับ ของกินเยอะมาก อร่อยด้วย

ส้มตำร้านนี้อร่อยครับ

เริ่มโปรแกรมวันที่สอง ที่ร้านกาแฟประชานิยม

หลังจากนั้นพี่วงก็มารับไปเที่ยวน้ำตกกัน

ก่อนถึงน้ำตกก็ต้องผ่านหมีดำ

และก็มาถึงน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง ตาดกวางสี น้ำใส สีเขียว อารมณ์เหมือนน้ำตกเอราวัณแต่ที่นี่ดูสวยมากกๆๆๆ

หลังเล่นน้ำจนหน่ำใจแล้ว ก็ได้กลับเข้าเมืองหลวงพระบาง

ก็ได้แวะวัดต่างๆ ภายในเมือง ที่แรกเป็นวัดป่าโพนเพา (สันติเจดีย์)

วัดวิชุลนราช (พระธาตุหมากโม)

วัดเชียงทอง “สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง”

อีกจุดเด่นสำคัญอีกที่หนึ่งคือ “โรงเมี้ยนโกศ”หรือเป็นโรงเก็บพระโกศ ราชรถของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์” เจ้ามหาชีวิตลาว ที่ถูกออกนำมาใช้ในการออกพระเมรุครั้งสุดท้ายของลาว

โปรแกรมวันที่สาม

ตักบาตรยามเช้า ซึ่งจะพลาดไม่ได้สำหรับการมาเยือนที่นี่

หลังจากตักบาตรเสร็จก็ไปเดินตลาดเช้าของที่นี่

อาหารเช้าสำหรับวันนี้

พอสายๆ ก็เตรียมนั่งไปรถไปเที่ยวถ้ำติ่งกัน ซึ่งประหยัดเวลากว่าการนั่งเรือไปนะครับ

ระหว่างทางไปถ้ำติ่ง

เจอช้างด้วย

นั่งรถไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีท่าเรือเล็กๆ ที่จะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปถ้ำติ่งกัน

ทางลงไปท่าเรือ ที่เห็นเขาลูกนั้นคือถ้ำติ่งครับ

น้องควายคงร้อนนะครับ

ได้เวลาข้ามฟาก

นั่งแปปเดียวก็ถึง

ได้เวลากลับแล้ว

ขากลับ แวะหมู่บ้านที่ขายผ้า ก็มีหลายแบบ หลายราคา

ร้านขายน้ำที่มีงูออกมา ก็เยอะนะครับ

มีเวลาเหลือก็เดินเล่นรอบๆ เมือง เก็บบรรยากาศ

โปรแกรมวันที่สี่

วันนี้ Free Day นอนตื่นสายๆ หน่อย หลังจากนั้นก็เดินไปต่อเที่ยวพระราชวังหลวงพระบาง เดี่ยวจะมาไม่ถึง

หอพระบาง เป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง เคยรู้หรือไม่ว่าพระบาง เคยไปประดิษฐานที่กรุงเทพถึง 2 ครั้งแล้วนะครับ

ครั้งแรกในสมัยกรุงธนบุรี พร้อมกับพระแก้วมรกต และสมัยรัชกาลที่ 3 ก่อนส่งคืนหลวงพระบาง เนื่องด้วยเหตุความเชื่อที่ว่าพระแก้วกับพระบางมีผีที่รักษาองค์พระไม่ชอบกัน ถ้าอยู่ด้วยกันที่เมืองใดก็มีความไม่สบายที่เมืองนั้น