โรคภูมิแพ้กำเริบจนทนไม่ได้ หมอก็ขอให้หนีจากกรุงเทพไป พี่เลือกมาจังหวัดนี้ เพราะเห็นว่าอากาศดีกว่าที่ใด >>>>>> " หมู่บ้านคีรีวง "
ทำไมต้องเป็นคีรีวง เพราะ เมื่อปี 2552 กรมควบคุมมลพิษ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศที่นี่ และพบว่า บริเวณดังกล่าวมี ค่า AQI (ดัชนีคุณภาพอากาศ) ระหว่าง 17- 49 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เมื่อเปรียบเทียบเชิงตัวเลขกับพื้นที่อื่นในประเทศไทย
โดยตามเกณฑ์มาตรฐาน อากาศ ที่ดีต้องมีสิ่งแปลกปลอมไม่เกิน 300 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร แต่คุณภาพอากาศที่ลานสกาสร้างความฮือฮาอย่างมาก เมื่อพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเพียง 3 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร หรือ มีอากาศที่บริสุทธิ์กว่ามาตรฐานถึง 100 เท่า
ปัจจุบัน ทาง ททท. ได้สร้างป้าย “อากาศดีที่สุดในประเทศไทย” (THE BEST OZONE IN THAILAND)
สถานที่นี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ณ บัดนาว
การเดินทางมา หมู่บ้านคีรีวง ไม่ยากเพราะสามารถเดินทางด้วย รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน สำหรับเรามนุษย์เงินเดือน หยุดงานได้น้อย แน่หล่ะ จึงเลือกเดินทางที่เร็วที่สุดและต้องถูกที่สุดด้วย 555
สายการบินเจ้าเดิมเจ้าประจำ ราคาไม่แพง จองนานข้ามปี รอนานแค่ไหนก็รอได้ แฮะ ๆ
ถึงสนามบินนครศรีธรรมราช 8.00 น.
การเดินทางจากสนามบินไปคีรีวง (ราคา ณ 24/6/61)
1.เหมารถลีมูซีน/แท็กซี่ไปส่งที่คีรีวง 600 บาท /คัน
2.เหมารถลีมูซีนเข้าเมือง 200 บาท/คัน และไปต่อสองแถว ไปคีรีวง 40 บาท/คน
สำหรับเรา เวลามาถึงแค่ 8.00 น.เอง เช้าไป จึงขอเลือกวิธีที่ 2 ดีกว่า เพราะจะแวะทานอาหาร และไหว้พระก่อนไปด้วย
เมื่อถึงสนามบินนครศรีฯ เดินออกมาทางออกซ้ายมือ จะมีเคาน์เตอร์รถลีมูซีนไว้บริการ เข้าเมืองคันละ 200 บาท ถ้ามาหลายคนหารกันถือว่าไม่แพงเท่าไหร่ แต่ถ้ามาคนเดียว ก็จะแพงโขอยู่ เมื่อแลกกับระยะทางแค่ 10 กว่ากิโล เท่านั้นเอง
เช้าแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จึงให้รถมาส่งที่ร้านโกปี๊
เช้า ๆ คนจะเยอะมาก ๆ นั่งกันเต็มร้าน แต่โชคดีที่ยังมีที่ว่างสำหรับพวกเรา
งัวเงีย แบบนี้ ต้องหาอะไรถ่างตาสักหน่อย
ตามด้วย บักกุ๊ดเต๋ มีแบบทานคนเดียว 2 คน 3 คน 4 คน เลือกได้ตามใจชอบ เอาซะหน่อยเดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง
ระหว่างรออาหาร ก็จะมีคนแบกมังคุดคัด ใส่ถาด มาขาย จัดเลยไม่ต้องคิด เพราะมันไม่ได้หากินง่าย ๆ การปอกมังคุดดิบ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว รสชาติอร่อยดี กรอบ ๆ หวาน ๆ มีฝาดนิด ๆ แปลกดีทีเดียว
ท้องอิ่ม ก็จะไปไหว้พระ วัดพระธาตุกันต่อ ระยะทางเดินไปก็ประมาณ 1 กิโล คนขับรถลีมูซีนบอกเดินไปได้ เรื่อย ๆ แต่เพลานี้ แดดจัดมาก ๆ พวกเราเลยโบกรถสองแถว ไปลงหน้าวัดเลยดีกว่า อิๆ ราคาแค่คนละ 10 บาทเองลงหน้าวัดเลย
อึดใจเดียว มาถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ ที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ อยากมานานแล้ว วันนี้ได้มากราบสักการะสมดั่งตั้งใจ
ค่ารถสองแถวที่นี่ ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวแถวภาคใต้ด้วยกัน เช่น กระบี่ ภูเก็ต กระโดดขึ้นที เงินในกระเป๋าสะดุ้งเลย 55
รายละเอียดเกี่ยวกับวัดพระธาตุ สามารถเข้าไปอ่านได้จากที่นี่ค่ะ
https://www.paiduaykan.com/76_province/south/nakhonsithammarat/watpratad.html
ดอกไม้ไหว้พระ แปลกอีกแล้ว ไม่เคยเห็น
น่าเสียดาย วันที่เราไป องค์พระธาตุ กำลังบูรณะ แต่ความสง่างาม ยังคงอยู่ ขนาดเมฆบนฟ้า ยังโอบกอดเป็นรูปหัวใจเลย ♥
ไปด้านในกันบ้างค่ะ
เมื่อไหว้พระบรมธาตุเสร็จ ก็เดินออกมาด้านนอก ... เขาเล่าว่า ถ้าใครอยากมีบุตร หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ให้มาไหว้ "พระแอด-พระพวย" ขอลูกได้ หายเจ็บป่วย"
ถ้าย้อนเวลาไป 10 ปีคงจะขอลูก แต่ ณ ตอนนี้ สาวน้อยลงทุกที ขอให้หายปวดหลัง ปวดเอว ปวดข้อ จากท่านดีกว่า อิ ๆ
ไม้จะวางไว้ด้านหลังพระแอด
อธิษฐานขอให้หายจากความเจ็บป่วย ปวดเมื่อย แล้วนำไม้มาลูบตรงที่เจ็บป่วย ตามเนื้อตามตัว จัดเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเอาไปวางค้ำที่หลังพระแอด เป็นอันเสร็จพิธี
เมื่อไหว้พระเสร็จ ก็เดินออกมาหน้าวัด โบกสองแถว ไปลงหน้าอาชีวะ ราคา 10 บาทเหมือนเดิม
ใช้เวลาแค่ 10 นาที ลงป้ายหน้าอาชีวะ แล้วเดินไปที่ท่ารถ
จุดจอดรถนครศรีฯ - คีรีวง จะอยู่ด้านขวามือ หลบอยู่ข้าง ๆ ตึก หาไม่ยากค่ะ ถามพี่ ๆ คนขับแถวนั้นได้ เพราะคนนครฯ ใจดีทุกคน
ถ้ามาน้อยคน ก็ต้องรอนานหน่อย (หรือบางคันอาจให้เหมาจะได้ไม่ต้องรอนาน) แต่เรามา 5 คน และมีผู้โดยสารคนอื่นอีก 1 คน รถจึงออกได้เลย ถ้าไปส่งท่ารถคีรีวงจะ 35 บาท แต่ถ้าส่งที่พักเลย จะเก็บ 40 บาท ก็ถือว่าราคาไม่แพงนะ รับได้เลย
รถจะขับแบบเรื่อย ๆ ระหว่างทางก็นั่งคุย นั่งมองวิว ไปพลาง ๆ สัก 30-40 นาทีก็ถึง ที่พักที่คีรีวง มีให้เลือกมากมาย แบบเกสท์เฮ้าส์ หรือแบบรีสอร์ท แบบติดลำธารก็จะแพงหน่อย หรือแบบติดภูเขาก็มีให้เลือกสรร ราคาก็มีตั้งแต่ หลักร้อย-หลักพัน ตามแต่ที่เราจะพอใจค่ะ แต่คืนนี้เราจะพักกันที่ ภูทรีเฮาส์ คีรีวง
เรามาถึง 11.20 น. ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก้าวแรกที่เข้ามาก็ถูกต้อนรับ ด้วยความเป็นกันเอง มีน้ำ กาแฟ โอวัลติน ขนม บริการตัวเองได้เลย ถ้าเป็นหน้าผลไม้ จะมีผลไม้สด ๆ จากต้นไว้คอยต้อนรับ
เสียดายเรามา เงาะ มังคุด ทุเรียน ยังไม่สุก แต่มีทุเรียนมีหลงมา 1 ลูก จึงจัดสิ รอช้าอยู่ใย
ถึงเวลาเข้าห้อง เราได้ห้องพักที่เป็นกระจก ติดกัน 2 ห้อง วิวสวยดี อุปกรณ์ ห้องน้ำ ครบครัน free wifi
“ใจเย็นๆ และก้าวต่อไป”
ส่วนมาก ที่ทราบ ๆ กันมาว่า ใครมาพักคีรีวง ก็จะต้องเช่ารถจักรยานปั่น แต่จากอ่านรีวิวเยอะ ๆ แต่ละคนจะเหนื่อยกันมาก ๆ เพราะเส้นทางชัน 55 เนื่องจากหมู่บ้านคีรีวง ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขา แน่หล่ะ หนทางมีความโค้ง บางช่วงมีความชันเป็นเรื่องปกติ แต่จะไม่ปกติแน่ถ้าพวกเราต้องปั่นมัน เนื่องจากข้อเข่า แต่ละคนไม่ไหวแล้ว เราจึงติดต่อรถมอเตอร์ไซด์เช่า จากที่พักได้เลย ไม่ต้องเดินหา สะดวก สบาย เพราะที่พักจะโทร.ไปจอง และพาคุณไปรับรถ เยี่ยมมาก สำหรับบริการดี ๆ
แต่รถที่จะเช่า 3 คัน เหลือแต่เกียร์ธรรมดา เกียร์ออโต้หมด เพื่อน 1 คนขับไม่ได้ ทางที่พัก ใจดีสุด ๆ ให้เรายืมรถของที่พักไว้ใช้งาน ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ♥
รถพร้อม คนพร้อม แต่ท้องหิว หน้าทางเข้ามีร้านขนมจีน จัดเลย อร่อยดี เพราะมีน้ำยา หลายชนิดให้เราเลือกสรร (อร่อยไม่อร่อยเราฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ 2 เที่ยงเลย 55)
เมื่อกองทัพอิ่ม ก็ขับรถเที่ยว ไปดูกันว่าเค้าทำอะไรกันที่ คีรีวง
จากที่พักเลี้ยวขวา ประมาณ 700 เมตรก็จะถึง หนานหินท่าหา ช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันมากที่สุด เนื่องจากมีสะพานแขวนเป็นจุดขาย และมีร้านอาหารริมลำธารไว้คอยบริการ
คนเยอะ เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ส่วนมากจะเป็นเด็ก ๆ ที่ลงเล่นน้ำ
จอดรถแล้วเดินเล่นกัน มาหยุดตรง ลูกชกลอยแก้ว
ลูกชก สรรพคุณมากมาย และกรรมวิธีการทำ ยากตั้งแต่การปีนไปเก็บบนต้นแล้ว ลักษณะต้นชกจะคล้ายต้นปาล์ม สูง 20-25 เมตร ต้องอาศัยผู้ชำนาญปีนขึ้นไปเก็บ เมื่อได้ผลชกมา ก็นำผลมาเผาไฟ หรือปัจจุบันนำมาต้มแทน (เพราะการต้มผลจะสีขาวน่ารับประทานกว่าเผา) ใช้เวลาต้มนานหลายชั่วโมง เพราะผลชกจะมียาง สัมผัสโดนเนื้อแล้วจะคัน
เมื่อต้มได้เวลาก็ต้องนำมาผ่าหัวออก และแคะลูกชกออกมาประกอบอาหาร ผลชก 1 ลูกจะมี 3 เมล็ด นำมาทำลูกชกลอยแก้ว แสนอร่อยให้เราได้ทานกัน รสชาติจะคล้าย ๆ ลูกชิด บ้านเรา แต่เล็ก และนิ่มกว่า ไม่ได้หนึบ เหมือนลูกชิด แต่โดยรวมแล้วก็อร่อยชื่นใจ ถ้ามีโอกาสอย่าพลาดชิม เพราะ 1 ปี จะมีผลแค่ปีละครั้ง
มาเที่ยวน้ำตก ก็ต้องหาส้มตำ แฮะ ๆ เดินหาร้านเหมาะ ๆ นั่งทานอาหารริมธาร แล้วเล่นน้ำสักหน่อยดีกว่า
อากาศเย็นสบาย นั่งมองเด็ก ๆ เล่นน้ำ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ ไปไหนกันดี จึงขับรถไปหาจุด ซิกเนเจอร์ ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
ฝนตก โปรย ๆ เป็นช่วง ๆ ทำให้อากาศเย็น ชื่นใจสุด ๆ
และหาอะไรกิน (อีกแล้ว) แถว ๆ นี้
ที่พักจะมีทางลงไปเล่นน้ำแบบส่วนตัว
สระว่ายน้ำส่วนตัว มา ๆ มาอาบน้ำกัน
เช้าวันใหม่ ออกไปสูดอากาศที่ดีที่สุดในประเทศไทยดีกว่า
เช้าวันจันทร์ เด็ก ๆ ไปโรงเรียน นักท่องเที่ยวมีน้อย เงียบเหงาไปบ้าง แต่ก็สวย และสดชื่นดีเลยทีเดียว
ร้านค้ายังไม่เปิด ถ้าเปิดห่วงยางก็คงเริงร่าอยู่ในน้ำ
และทานอาหารเช้ากัน
สาย ๆ ที่พักจะพาเราไปเที่ยววังมัจฉา ขับขึ้นไปทางหนานหินท่าหา เหมือนเดิม ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ก็ต้องขับกลับ เพราะมันเป็นทางตัน
แต่พวกเราไม่ธรรมดาไง หุ หุ เพราะมีคนพาไป และทางไปก็ลำบาก แคบ มีเพียงแค่รถมอเตอร์ไซด์เท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ที่สำคัญคนนอกห้ามเข้า เพราะเป็นทางส่วนบุคคล ต้องผ่านสวนผลไม้ จึงต้องโทร.ขออนุญาติก่อนเข้าไปค่ะ
บางช่วงต้องเดินไป ผ่านต้นทุเรียน ดกมาก ๆ ลมแรง ตกมาที่พื้นหลายลูกเลย
ว๊าว ปลาเยอะมาก ๆ ทำสปาปลาสักหน่อย
สามารถเดินลงไปให้อาหารปลาได้อย่างใกล้ ๆ มันก็จะเสียว ๆ หน่อย 55
ยัง ๆ ไม่จบไปกันต่อ ระหว่างทางเดินจะมีผลไม้ ตลอดทาง
อันนี้ดอกสตอ
ทางไปน้ำตก ส่วนตัวสุด ๆ
มีทางเสียว ๆ ให้เดินข้ามไป
เสียดาย อยากเล่นน้ำที่นี่จัง แต่เวลาเราไม่มี ถ้าอยากพัก หนำวังค้างคาว เค้ามีที่พักให้นะคะ ลองติดต่อกันดูค่ะ
กลับที่พักด้วยความสุข ขับไปคืนรถเช่า และหาขนมจีนทานอีกรอบ ก่อนเช็คเอ้าท์
จากที่พัก เราสามารถเหมารถสองแถวไปส่งสนามบิน 400 บาท แต่เวลาเราเหลือเยอะ เพราะกว่าจะขึ้นเครื่อง 16.30 น. เลยเหมาไปร้านกาแฟก่อนแล้วค่อยไปสนามบิน ราคาต่อรองได้ 550 บาท
ถ้ามาเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมาก ต้องลงชื่อจองคิว แล้วนั่งรอนอกร้านเชียวนะ หึ หึ
กาแฟหลักร้อย แต่วิวหลักล้าน ราคาสมเหตุสมผล บริการดี ให้ผ่าน
และได้เวลาก็โทร.เรียกรถไปสนามบิน
ถึงสนามบิน ฝนตกแรง มีเสียวนิด ๆ ปิดทริปอย่างมีความสุข ได้พาปอดมาทำความสะอาด รู้สึกหายใจได้ชุ่มปอด อย่างที่ไม่เป็นมาก่อน.... ถ้ามีเวลา อย่าลืมพาปอดมาทำความสะอาดกันนะแล้วพบกันใหม่ .. บาย
ค่าใช้จ่าย
แตงโมเนื้อทราย
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.19 น.